ภายในสวนดอกไม้มีเสียงหัวเราะดังขึ้น เสียงหัวเราะขยับขยายเป็นวงกว้าง
“ซนเสียจริง”
พระสนมเสียนพูดกับสตรีชั้นสูงผู้หนึ่งข้างกาย
หญิงสาวผู้นั้นก้มหน้าด้วยความเขินอาย
เหล่าสตรีรอบด้านต่างรักษารอยยิ้ม ส่วนเหล่าหญิงสาวอายุน้อยมีสีหน้าแตกต่างกันไป บ้างอิจฉา บ้างดูถูก บ้างเฉยเมย
“เอาเถิด พวกเรานั่งตรงนี้” พระสนมเสียนทักทายเหล่าฮูหยิน จากนั้นบอกเหล่าหญิงสาว “พวกเด็กๆ ไปเล่นกันเองเถิด ชื่นชมทิวทัศน์ตรงนี้ได้ ไม่ต้องเกร็ง ในสวนไม่มีผู้อื่น พวกเจ้าตามสบาย”
ถึงแม้ทุกคนไม่ได้มาเพื่อชื่นชมทิวทัศน์ แต่พระสนมเสียนลั่นวาจาแล้ว พวกนางทำได้เพียงจับคู่จับกลุ่มแยกย้ายกันไป
พระสนมเสียนเห็นพระชายาองค์รัชทายาทยังนั่งนิ่งไม่ขยับ จึงพูดด้วยรอยยิ้ม “เจ้าก็ไปด้วยเถิด”
พระชายาองค์รัชทายาทพูดด้วยรอยยิ้ม “หม่อมฉันไม่เด็กแล้วเพคะ”
“มีผู้ใหญ่อยู่ ก็ยังคงเป็นเด็ก” พระสนมสวีพูดด้วยรอยยิ้ม
หมายความว่าอย่างไร หมายความว่าองค์รัชทายาทกับนางอย่าได้ใจเมื่ออยู่ต่อหน้านางหรือ พระชายาองค์รัชทายาทไม่พอใจภายในใจ องค์ชายสามถูกสถาปนาเป็นท่านอ๋อง พระสนมสวีนับวันยิ่งได้ใจ นางยิ้มพลางตอบรับ “เช่นนั้นหม่อมฉันพาเด็กๆ ไปเล่นเพคะ”
พูดพลางขอทูลลาจากไป นางก็ไม่อยากนั่งอยู่ตรงนี้พอดี ต้องขอบคุณพระสนมสวีที่ไล่นางไป
พระชายาองค์รัชทายาทเดินจากไป นางในทั่งสี่ที่อยู่ด้านข้างรีบเดินตาม คนหนึ่งในนั้นก้มหน้าเดินมาข้างตัวพระชายา
“คนเตรียมไว้แล้วหรือไม่” พระชายาถามเสียงเบา
นางในคนนั้นพูดเสียงเบา “จัดเตรียมไว้แล้วเพคะ”
พระชายาพยักหน้าด้วยความพอใจ มองไปด้านหน้า มีหญิงสาวเจ็ดแปดคนรวมตัวอยู่ พวกนางล้อมรอบเล่นชิงช้าอยู่
“ไปเถิด” นางพูด “ข้าจะเข้าไปดูคุณหนูพวกนี้”
มองพระชายาเดินไปที่ข้างตัวของบรรดาคุณหนูนั้น จากนั้นก็มีคุณหนูสองคนเริ่มโล้ชิงช้า พระชายายืนปรบมืออยู่ด้านข้าง พระสนมเสียนที่นั่งอยู่ริมทะเลสาบพูดกับพระสนมสวีด้วยรอยยิ้ม “ถึงแม้จะเป็นเสด็จแม่ของเด็กสองคนแล้ว แต่อันที่จริงยังเป็นเด็ก ยังชอบเล่น”
พระสนมสวีเหลือบมอง ใช้พัดชี้ “พระชายาแค่เข้าไปรับรอง ให้เด็กๆ เล่นอย่างไม่ต้องเกร็ง ท่านดู นางไม่เล่นเอง เดินไปอีกด้านแล้ว”
ถึงแม้พระสนมเสียนให้เหล่าสตรีไปเที่ยวเล่น แต่อันที่จริงทุกคนไม่ได้ห่างไกลนัก พวกนางต่างกระจายตัวอยู่ริมทะเลสาบ เพราะการทำเช่นนี้สามารถทำให้พระสนมเสียนและพระสนมสวีมองเห็น เมื่อท่านอ๋องทั้งสามเสด็จมา พวกนางก็สามารถเห็นได้ทันเวลา
พระชายาเดินออกมาจากบรรดาคุณหนูที่อยู่ริมชิงช้า ก่อนจะเดินมาข้างกายของเหล่าคุณหนูที่ดูปลาอยู่ริมทะเลสาบ หลังจากสนทนากัน เหมือนนางจะพูดบางอย่าง ไม่นานนักเหล่านางในก็นำอุปกรณ์การตกปลามาให้ เหล่าหญิงสาวต่างตกปลาอย่างสนุกสนาน
เมื่อพวกนางเล่นสนุกกัน พระชายาก็เดินไปยังข้างกายของหญิงสาวผู้อื่น สมกับเป็นเจ้าภาพที่กระตือรือร้นและรอบคอบ…
แต่นอกจากความกระตือรือร้นและรอบคอบแล้ว บรรดาฮูหยินยังมีความรู้สึกอื่น ราวกับพระชายากำลังสังเกตการณ์หญิงสาวเหล่านี้ บรรดาฮูหยินที่นั่งอยู่ด้วยกันอดสบตากันไม่ได้…หรือว่าองค์รัชทายาทจะเลือกเหลียงตี้[1]?
ถึงแม้จะไม่ใช่ภรรยาหลวง แต่องค์รัชทายาทเป็นจักรพรรดิองค์ต่อไป อนาคตขึ้นครองราชย์เป็นฮ่องเต้ เหลียงตี้ก็กลายเป็นพระสนม…หากเป็นกุ้ยเฟย[2]ได้ ยศก็ต่ำว่าฮองเฮาเพียงขั้นเดียว บรรดาสนมของท่านอ๋องเห็นย่อมต้องก้มหัวคำนับ
ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ องค์รัชทายาทและพระชายาอภิเษกมานานหลายปี สมควรต้องรับคนใหม่แล้ว
สายตาของเหล่าฮูหยินที่อยู่ในเหตุการณ์ยิ่งร้อนระอุขึ้นมา
สวนดอกไม้ราวกับคึกคักขึ้นมา เสียงหัวเราะลอยมาแต่ไกล ทะลุผ่านช่องว่างระหว่างเถาวัลย์เข้ามา
เฉินตันจูที่กำลังยื่นมือดึงใบไม้จากบนเถาวัลย์ชะงักไป คนขยับไปทางด้านหน้า มองไปยังสุดทางเดินตรงหน้า…
“ราวกับกำลังเล่นชิงช้า” นางหันมาพูดเสียงเบา
ฉู่อวี๋หยงนั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้น ในมือถือใบไม้เรียวยาว ในอ้อมอกของเขากองไปด้วยใบไม้สั้นยาวแตกต่างกัน มีทั้งเป็นใบที่สมบูรณ์ แต่ก็มีใบที่ฉีกขาด เมื่อได้ยินคำพูดของเฉินตันจู เขาก็โน้มตัวไปด้านหน้าเพื่อดูตาม พยักหน้า “ตอนที่เดินมาข้าเห็นทางนั้นมีชิงช้า” ก่อนจะมองเฉินตันจู “ชิงช้า สนุกหรือ”
เฉินตันจูครุ่นคิด “ไม่เลว คราวหน้าองค์ชายลองดู” แต่ว่าบรรดาหมอหลวงอาจไม่อนุญาต สำหรับคนร่างกายอ่อนแอแล้ว การเดินมากไปไม่กี่ก้าวยังไม่อนุญาต นางครุ่นคิด “สามารถตั้งเก้าอี้แขวน องค์ชายลองดูก่อน”
ฉู่อวี๋หยงตอบรับ โบกใบไม้ในมือ เรียกเฉินตันจู “เจ้าเลือกแล้วหรือไม่”
ถึงแม้จะสนใจชิงช้า แต่เขายังคงจดจ่ออยู่กับการต่อสู้ด้วยใบไม้มากกว่าหรือ เฉินตันจูยิ้ม ดึงใบไม้ใบหนึ่งลงมา นั่งลงตรงข้ามของฉู่อวี๋หยง ถูใบไม้ในมือไปมา ก่อนจะนำมาเป่าลม
“ครานี้ต้องชนะ” นางพึมพำ “ครานี้ไม่แพ้อย่างแน่นอน”
ฉู่อวี๋หยงมองใบไม้ในมือของตนเองอย่างสุขุม “ข้ายังคงชนะ”
เฉินตันจูส่งเสียงหัวเราะ ขยับแขนเล็กน้อย สองมือยกใบไม้ยึ้นมา “มา เริ่มเถิด”
ฉู่อวี๋หยงใช้ใบไม้ในมือเกี่ยวใบไม้ของเฉินตันจู ใบไม้ของทั้งสองฝ่ายพัวพันกัน
สีหน้าของทั้งสองคนเคร่งเครียด พวกเขาต่างจ้องมองใบไม้
“หนึ่ง สอง สาม” เฉินตันจูพูด “เริ่ม”
เมื่อสิ้นคำสั่ง ใบไม้ที่พันเกี่ยวกันยื้อไปมา แขนของเฉินตันจูตึง ฉู่อวี๋หยงที่อยู่ตรงข้ามไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย เสียงหนึ่งดังขึ้นอย่างแผ่วเบา ใบไม้ในมือของเฉินตันจูขาดออกจากกัน นางบีบใบไม้ส่งเสียงร้องเบาๆ …
“ท่านโกงใช่หรือไม่” นางชี้ฉู่อวี๋หยง
“ข้าจะโกงได้อย่างไร” ฉู่อวี๋หยงนำใบไม้ในมือให้นางดู “ล้วนเด็ดลงมาจากเถาวัลย์เดียวกัน” เขายื่นมือดึงใบไม้ที่ขาดออกจากในมือของเฉินตันจู วางลงบนอกของตนเอง…
“เจ้าแพ้ไม่ได้หรือ”
เฉินตันจูมองมือทั้งสองข้างที่ว่างเปล่า มองเขาอย่างระแวง “หม่อมฉันจะแพ้ไม่ได้ได้อย่างไร! แต่หม่อมฉันได้ยินจินเหยาบอกว่า ท่านดูเหมือนจะซื่อ แต่อันที่จริงโกงเก่งมาก ตอนเด็กเล่นสนุก ท่านมักจะรังแกนาง…หรือว่าท่านมีแรงมาก?”
คนที่ร่างกายอ่อนแอไม่น่ามีแรงมาก ก่อนหน้านี้ลงจากภูเขาจำลองยังต้องให้นางพยุงเขา
ฉู่อวี๋หยงก้มหน้ามองใบไม้ที่ขาดบนอก โต้แย้งโดยไม่เงยหน้า “ข้ามีแรงมาก ไม่เท่ากับใบไม้มีแรงมาก เจ้าอย่าฟังจินเหยา นางหาข้ออ้างเพราะแพ้” เขานับเสร็จ เงยหน้ายิ้ม “ข้าชนะสิบห้าครั้ง เจ้าติดข้าสิบห้าก้วน”
ภายใต้ราวดอกไม้ แสงแดดระยิบระยับ ทำให้ใบหน้าของเขายิ่งงดงาม ยิ้มนั้นราวกับทำให้น้ำแข็งหิมะละลาย
เฉินตันจูมองด้วยความตกตะลึง พึมพำเมื่อตั้งสติได้ “สิบห้าก้วนก็ดีใจได้เพียงนี้”
ฉู่อวี๋หยงพูด “ชนะต่างหากที่เป็นเรื่องน่ายินดี แม้จะเป็นแค่เงินเหวินเดียวก็คุ้มค่า”
เฉินตันจูมองสีหน้าตั้งใจของชายหนุ่ม ชนะต่างหากที่เป็นเรื่องน่ายินดีแต่การพ่ายแพ้ไม่ได้ทำให้คนยินดี การพูดคุยเมื่อหลายครั้งก่อน อีกฝ่ายดูเหมือนเป็นคนมีมารยาทมาก แต่เหตุใดจึงเล่นจริงจังเพียงนี้ นางอดพูดไม่ได้ “แค่การประลองหญ้าเท่านั้น”
อีกทั้งนางยังเป็นหญิงสาว องค์ชายหกนี้ไม่ให้นางชนะแม้แต่คราวเดียว
เมื่อเห็นท่าทางไม่พอใจของหญิงสาว ฉู่อวี๋หยงไม่รู้สึกกังวลแม้แต่น้อย หากแต่พูดอย่างจริงจัง “เล่นก็ต้องใช้ใจ ไม่แบ่งแยกชายหญิง ใช้ใจถึงจะเล่นได้สนุก”
เอาเถิด เอาเถิด ดูท่าทางเขาจะสนุกแล้ว เฉินตันจูหัวเราะ ยอมแพ้ “หม่อมฉันจะให้เงินท่าน” พูดพลางเลิกคิ้วด้วยความได้ใจ “เวลานี้ หม่อมฉันมีเงินมากยิ่งขึ้นแล้ว”
มีเงินที่นางพูดถึงหมายความถึงสิ่งใด ฉู่อวี๋หยงรู้ ตอนเริ่มงานเลี้ยง เขาก็ออกมาเดินเล่นแล้ว องค์ชายหกไม่คุ้นเคยกับพระราชวัง แต่แม่ทัพหน้ากากเหล็กคุ้นเคยอย่างมาก พระราชวังแห่งนี้ เขาเข้ามาเร็วที่สุด ก่อนฮ่องเต้จะเข้าพำนัก เขาสำรวจทุกหนแห่งอย่างละเอียด…เขาเห็นความเบื่อหน่ายของเฉินตันจูในงานเลี้ยง เห็นเฉินตันจูถูกพระสนมสวีเดินตาม เห็นพระสนมสวีขับไล่นางใน กีดขวางเฉินตันจู เขาได้ยินบทสนทนาของพวกนางทั้งหมดเมื่ออยู่ด้านหลังหน้าต่าง…
สามแสนก้วนถึงสองแสนก้วน
“ดีเสียจริง” เขายิ้ม “ข้าดีใจที่คุณหนูตันจูมีเงิน นอกจากนี้ข้าขอให้คุณหนูตันจูมีเงินมากยิ่งขึ้น”
มีเงินมากยิ่งขึ้นหรือ คงไม่มีผู้ใดให้เงินนางแล้ว ครอบครัวของโจวเสวียนไม่ได้อยู่ในเมืองหลวง คุณหนูตันจูเอียงคอครุ่นคิด ไม่รู้ฝ่าบาทจะยอมออกเงินเพื่อโจวเสวียนหรือไม่…
นางละทิ้งความคิดเหล่านี้ ถูมือไปมา “มันไม่ใช่เรื่องเงิน มีเงินก็แพ้ไม่ได้ เอาใหม่ๆ หม่อมฉันไม่เชื่อ โชคหม่อมฉันจะไม่ดีเพียงนี้ ใบไม้ที่หามาจะชนะท่านไม่ได้แม้แต่ครั้งเดียว”
นางกำลังจะลุกขึ้นยืน ฉู่อวี๋หยงยกมือทำท่าบอกให้นางเงียบเสียง เขามองไปด้านนอก เฉินตันจูไม่ขยับทันที
“มีคน” ฉู่อวี๋หยงพูดกับนางอย่างไร้เสียง
เฉินตันจูเห็นแล้ว ทางด้านขวามีนางในสองคนเดินมา ทั้งสองยื้อยุดฉุดกระชากมองซ้ายมองขวา สุดท้ายอ้อมมาทางด้านหลังพุ่มไม้ หลีกเลี่ยงทางใหญ่ พิงลงบนราวดอกไม้…
“…จริงหรือเท็จ” นางในผู้หนึ่งถามเสียงเบา “เป็นไปไม่ได้”
“เรื่องจริง ข้าได้ยินบรรดานางในข้างกายพระชายาพูดเองกับหู” นางในอีกคนพูดเสียงเบา “องค์รัชทายาทจะเลือกพระชายาให้องค์ชายห้า…”
นางในคนก่อนหน้านี้ราวกับเชื่อแล้ว “มิน่า พระชายาเคลื่อนไหวอยู่ท่ามกลางเหล่าสตรีชนชั้นสูงอยู่ตลอด ที่แท้กำลังดูตัวหรือ”
“อันที่จริงดูไว้แล้ว” นางในอีกคนพูดเสียงต่ำ ราวกับแนบชิดอยู่ข้างหูของนางในคนก่อน…
เฉินตันจูก็แทบจะแนบหูลงบนเถาวัลย์ นางกลั้นหายใจ ได้ยินเพียงสามคำเบาๆ
“เฉินตันจู…”
[1] เหลียงตี้ หมายถึง ตำแหน่งพระสนมขององค์รัชทายาท
[2] กุ้ยเฟย หมายถึง ตำแหน่งพระสนมเอกของฮ่องเต้