รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 396 รนหาที่ตาย ความฉลาดเป็นเหตุให้เสียรู้!

บทที่ 396 รนหาที่ตาย ความฉลาดเป็นเหตุให้เสียรู้!

บทที่ 396 รนหาที่ตาย ความฉลาดเป็นเหตุให้เสียรู้!

ครืน!

มิติระเบิดถี่กระชั้น ผู้อาวุโสสิบเจ็ดบุกโจมตีด้วยมหาวิชาปัญจธาตุ ภาพเหตุการณ์น่าพรั่นพรึงไร้สิ่งใดเปรียบ สยดสยองเกินจินตนาการ!

นี่คืออินปัญจธาตุ หลอมรวมจากพลังของธาตุทอง ไม้ น้ำ ไฟ ดิน ค่อย ๆ ถล่มลงจากฟากฟ้า รุนแรงเหลือแสนไม่อาจป้องกัน ราวกับนภาทั้งผืนกระแทกลงมา

เซี่ยเหยียนมีสีหน้าเรียบเฉย ไม่หวาดหวั่นหรือกังวลแต่อย่างใด

นางค้อมตัวดึงสาย ทุกศรเจือไว้ซึ่งพลังอันน่าหวาดหวั่น แต่เทียบกับอินปัญจธาตุที่ผู้อาวุโสสิบเจ็ดปล่อยออกมานั้น ยังด้อยพลังกว่านิดหน่อย

ศรอาบแสงปะทะกับอินปัญจธาตุ เปล่งประกายเจิดจ้า แยงตายิ่งกว่าแสงสว่างจากพระอาทิตย์บนท้องฟ้าเสียอีก

ทว่าท้ายที่สุดศรอาบแสงก็ไม่อาจหยุดยั้งอินปัญจธาตุ ทำได้เถียงถ่วงเวลาอินปัญจธาตุชั่วครู่ ก่อนจะทลายลงราบคาบด้วยพลังของอินปัญจธาตุ

เมื่อได้เห็นภาพนี้ ผู้อาวุโสสิบเจ็ดโล่งอกขึ้นมานิดหน่อย เขากลัวแต่ว่าเซี่ยเหยียนสามารถรีดเร้นพลานุภาพที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าออกมา

ทว่าบัดนี้ดูแล้ว นี่คงเป็นขีดจำกัดของเซี่ยเหยียนแล้ว ขีดจำกัดของเซี่ยเหยียนไม่อาจยับยั้งเขาได้ ต่อจากนี้ เขาจักกำราบเซี่ยเหยียนอย่างสิ้นเชิง

ทว่าสีหน้าอึมครึมของเขาไม่ทันได้ผ่อนคลาย ก็อึมครึมลงมาอีกครั้ง

“สวรรค์ยังมีตาอยู่หรือไม่!?”

เขาสบถอย่างอดไม่ได้ รู้สึกจากใจจริงว่าสวรรค์ไม่มีตาเอาเสียเลย

ใช่แล้ว พลังนี้คือขีดจำกัดที่เซี่ยเหยียนใช้ได้ ทว่าศรอาบแสงที่เซี่ยเหยียนยิงออกมานั้นราวกับไม่คิดเงิน ยิงได้ไม่หยุดหย่อน ศรแล้วศรเล่า อินปัญจธาตุไม่อาจกำราบลงไปได้ไหว!

ขืนเป็นแบบนี้ต่อไป อินปัญจธาตุไม่ทันได้ถล่มลงหัวเซี่ยเหยียน ก็ถูกศรอาบแสงเหล่านี้ผลาญพลังจนหมดไปเสียก่อน!

“ข้าไม่เชื่อว่าเจ้าสามารถยิงต่อไปได้ไม่หยุดหย่อน!”

ผู้อาวุโสสิบเจ็ดคำรามกราดเกรี้ยว เพิ่มพูนพลังอินปัญจธาตุ ถล่มอย่างต่อเนื่อง

เขาไม่เชื่อว่าเซี่ยเหยียนจะยิงอยู่เรื่อย ๆ เช่นนี้ต่อไปไหว!

รีดเค้นพลังคันศรวิเศษระดับนี้ ไม่มีทางที่เซี่ยเหยียนจะไม่ต้องผลาญพลังเลย!

เขารู้สึกว่าอีกไม่นานเซี่ยเหยียนก็จะหมดแรง ไม่อาจยิงศรได้ไหวอีก

“!!!”

ระยะหนึ่งผ่านไป สีหน้าของผู้อาวุโสสิบเจ็ดประหลาดยิ่ง ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ เซี่ยเหยียนยิงได้เรื่อย ๆ ไม่หยุดยั้งจริง ๆ!

พลังที่ปะทุออกจากคันศรเล่มนั้นราวกับไร้ขีดจำกัด เหมือนว่านางไม่ต้องเปลืองพลังสักนิดในการใช้คันศรเล่มนั้น ประกายที่เปล่งอยู่รอบ ๆ อินปัญจธาตุหม่นหมองลง พลังลดฮวบ แต่เซี่ยเหยียนยังยิงศรอาบแสงออกมาได้เรื่อย ๆ!

หมดหนทาง เขาได้แต่หยุดการใช้อินปัญจธาตุ

การโจมตีด้วยอินปัญจธาตุอย่างต่อเนื่องผลาญพลังของเขาไปมหาศาล!

ทว่าเขาไม่ยอมไปทั้งอย่างนี้

เขาเรียกอาวุธจักรพรรดิออกมาชิ้นหนึ่ง รีดเค้นเต็มกำลัง หมายจะยืมพลังจากอาวุธจักรพรรดิในการกำราบเซี่ยเหยียน

แต่แล้วก็ไม่ไหว!

ศรแล้วศรเล่า ศรอาบแสงท่วมท้นนภา เมื่อศรอาบแสงเหล่านี้รวมเข้าด้วยกัน พลังนั้นยิ่งใหญ่น่าหวาดหวั่น!

ด้วยขอบเขตจ้าววิถีสูงสุดของผู้อาวุโสสิบเจ็ด อานุภาพอาวุธจักรพรรดิที่เขารีดเค้นออกมาได้จึงทรงพลังมาก ทว่าหลังจากศรอาบแสงทั้งนภาหลอมรวมเข้าด้วยกัน พลังจากอาวุธจักรพรรดิก็ไม่อาจกำราบได้อย่างสมบูรณ์ ถึงอย่างไรก็ได้รับแรงกีดขวางอยู่ดี!

แม้ว่าแรงกีดขวางนั้นไม่มาก แต่ประเด็นสำคัญคือด้านเซี่ยเหยียนยังยิงศรออกมาไม่หยุด ระลอกแล้วระลอกเล่า พลังของอาวุธจักรพรรดิริดรอนลงไปเรื่อย ๆ แรงกีดขวางที่เผชิญก็แข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อย ๆ!

“ไอ้บัดซบ!”

เขาโกรธจนกระทืบเท้า รู้ซึ้งถึงความเจ็บปวดที่มดมากัดช้างตายได้ในชั่วขณะนี้!

เป็นเช่นนี้ต่อไปไม่ดีแน่!

ขืนเป็นเช่นนี้ต่อ เขาคงต้านการผลาญพลังระดับนี้ไม่ไหว!

“ต้องหยุดยั้งมิให้นางยิงศรต่อ!”

ไม่นานนักผู้อาวุโสสิบเจ็ดก็มีแผนในใจ

เซี่ยเหยียนเก่งกาจตรงที่สามารถรีดเร้นพลังของคันศรวิเศษได้ นอกจากข้อนี้แล้ว พลังด้านอื่นของนางอ่อนแอจนแทบดูไม่ได้!

ถึงอย่างไรเซี่ยเหยียนก็เป็นเพียงราชันเทวา ความสามารถด้านอื่น ๆ สำหรับเขาแล้วนับว่าปวกเปียกเหลือคณา!

ตัวเขามากด้วยประสบการณ์การต่อสู้ ไม่นานนักก็คิดหาวิธีรับมือได้

เสียงดัง ฟึ่บ ลำแสงพุ่งออกจากหน้าผากของผู้อาวุโสสิบเจ็ด นี่คือลำแสงวิญญาณ พลังของดวงวิญญาณ ภายในนั้นห่อหุ้มร่างย่อวิญญาณของเขาไว้

ชายชราคิดจู่โจมเซี่ยเหยียนทางวิญญาณ บุกเข้าไปถึงวิญญาณของนางแล้วกำราบวิญญาณของนางเสีย!

หากกำราบวิญญาณของเซี่ยเหยียนได้ นางก็จะตกอยู่ในการควบคุมของเขาอย่างสิ้นเชิง!

“ข้าขอดูหน่อยว่าเจ้าจะป้องกันด้วยสิ่งใด!”

เขาแค่นเสียงเย็น ร่างย่อวิญญาณพุ่งไปทางเซี่ยเหยียนอย่างรวดเร็ว

เซี่ยเหยียนเป็นเพียงราชันเทวาเท่านั้น พลังวิญญาณจะแข็งแกร่งสักปานใด เมื่อเผชิญกับพลังวิญญาณขั้นวิถีสูงสุดของเขา พลังวิญญาณของนางย่อมอ่อนแอต้านไม่ได้แม้แต่การโจมตีเดียว และถูกเขากำราบง่ายดาย!

อนิจจา จินตนาการนั้นแสนงดงาม ทว่าความเป็นจริงแสนโหดร้าย!

ขณะที่ร่างย่อวิญญาณของเขาพุ่งไปถึงเซี่ยเหยียน หมายจะเข้าไปในส่วนวิญญาณของนาง ร่างกายเซี่ยเหยียนพลันเปล่งประกายเจิดจ้าออกมามหาศาล!

จากนั้น ทั่วทั้งตัวนางสว่างเจิดจรัสราวกับสวมชุดนักพรตม่านแสงเจิดจ้า กฎแห่งมหาเต๋ามากมายประสานเข้าด้วยกัน จังหวะแห่งเต๋าสูงส่งไหลเวียน เลิศล้ำเหลือคณา!

ร่างย่อวิญญาณของผู้อาวุโสสิบเจ็ดมิได้ระวังตัวแม้แต่น้อย โหม่งเข้ากับม่านแสงอันเปรียบเสมือนชุดนักพรต เพียงเสี้ยวลมหายใจเดียว ร่างย่อวิญญาณของเขาก็ถูกกระหน่ำโจมตี สลายด้วยกฎแห่งมหาวิถีบนม่านแสง ร่างย่อวิญญาณหม่นหมองลงในพริบตา!

“แม่เจ้า!”

เขาตื่นตระหนกอย่างยิ่ง ร่างย่อวิญญาณรีบเหินหนีกลับมา

แต่ต่อให้เป็นเช่นนั้น ร่างย่อวิญญาณของเขาก็หนีในบัดดล ทว่ายังคงได้รับบาดเจ็บสาหัส กลายเป็นเพียงเศษเสี้ยววิญญาณ!

วิญญาณนั้นเป็นส่วนสำคัญที่สุด เขาได้รับบาดเจ็บหนักถึงเพียงนี้ พลังจึงลดฮวบลงในทันใด เมื่ออาวุธจักรพรรดิไม่มีพลังจากเขาค้ำจุน จึงไม่เหลืออานุภาพ เกิดเสียงดังตึง อาวุธจักรพรรดิร่วงหล่นจากฟากฟ้า

“ยกนี้หรือ ยกนี้เรียกว่าความฉลาดเป็นเหตุให้เสียรู้ เจ้ารนหาที่ตายเองแท้ ๆ!”

เซี่ยเหยียนขำพรืด

บอกตามตรง ถ้าผู้อาวุโสสิบเจ็ดแน่วแน่ว่าจะหนี นางจนปัญญาจะทำอะไรผู้อาวุโสสิบเจ็ดจริง ๆ

ทว่าผู้อาวุโสสิบเจ็ดกลับเสียรู้เพราะความฉลาดของตน คิดใช้พลังวิญญาณจัดการนาง และเป็นดั่งที่นางว่าจริง ผู้อาวุโสสิบเจ็ดรนหาที่ตายโดยแท้!

นางมีหยกคุ้มกายที่ท่านเซียนประทานติดตัว ร่างย่อวิญญาณของผู้อาวุโสสิบเจ็ดไฉนเลยจะโจมตีเข้าส่วนลึกของวิญญาณนางได้

เป็นไปไม่ได้เลย!

หากปราศจากหยกคุ้มกายที่ท่านเซียนประทาน ยามร่างย่อวิญญาณของผู้อาวุโสสิบเจ็ดโจมตีนาง นางคงไม่ทันรู้ตัวด้วยซ้ำ

น่าเสียดาย นางมีหยกคุ้มกายที่ท่านเซียนมอบให้ ผู้อาวุโสสิบเจ็ดถูกกำหนดไว้แล้วว่าต้องพบจุดจบแสนเศร้า!

วิญญาณของผู้อาวุโสสิบเจ็ดบาดเจ็บสาหัส อย่าให้พูดเลยว่าพลังปราณของเขาอ่อนแอเพียงใด เขาในตอนนี้ อยากหนียังจะหนีไม่ได้ ไม่อาจรีดเค้นพลังได้เลย!

“อ๊าก อ๊าก อ๊าก!”

เขาตะโกนเสียงโศกา หากรู้อย่างนี้ มิสู้รีบหนีไปแต่เนิ่น ๆ

ตอนนี้สิดี เขากำราบเซี่ยเหยียนไม่ได้ไม่พอ กลับตกอยู่ในเงื้อมมือเซี่ยเหยียนเสียเอง!

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท