ในเวลานี้จือฝู่คนนั้นกำลังนั่งอยู่บนรถม้าขึ้นภูเขา พลางวิเคราะห์สถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้าตน
จับผู้ต้องสงสัยได้แล้ว
มีความเป็นไปได้สูงว่าคุณชายเฮยที่ติดต่อกับผู้ตายเป็นคนสุดท้ายจะเป็นฆาตกร
ส่วนศิษย์คนที่สองจะตายอย่างไรนั้น เขาไม่ได้สนใจเลยแม้แต่นิดเดียว
ตราบใดที่มีใครสักคนรับความผิดทั้งหมดนี้ไป เขาก็จะสามารถปิดคดีได้เสียที!
แม้คุณชายเฮยจะค่อนข้างรับมือยากเพราะสถานะของเขา แต่มันก็ไม่มีทางอื่น อย่างไรมันก็เป็นความผิดของคุณชายเฮยที่เดินผ่านทะเลสาบชิงหลงนั้นตั้งแต่แรก ต่อให้เขาจะเพียงแค่ทำตามคำสั่งของท่านอ๋อง แต่ใครก็ตามที่ไปที่ทะเลสาบชิงหลงจะต้องถูกประหารอย่างลับๆ ทันที…
เขาได้รับการสนับสนุนจากท่านอ๋อง หากเทียบกับตระกูลเฮยแล้ว เขากลัวว่าจะทำให้ท่านอ๋องไม่พอใจมากกว่า
ขณะที่จือฝู่กำลังตกอยู่ในภวังค์ความคิดของตนอยู่นั้น รถม้าของเขาก็หยุดอย่างกะทันหัน
“เกิดอะไรขึ้น!” จือฝู่ตะโกนถามอย่างไม่พอใจ พร้อมกับมองออกไปนอกรถม้า
ข้ารับใช้นำป้ายแผ่นหนึ่งมาให้เขาด้วยความเคารพ
ป้ายแผ่นนั้นไม่ใหญ่มากนัก มันมีขนาดเท่ากับฝ่ามือของเขาพอดี อีกทั้งบนนั้นก็ยังไม่ได้มีสิ่งที่ดึงดูดสายตาแต่อย่างใด แต่บนนั้นมีตัวอักษรเขียนเอาไว้เพียงแค่สี่ตัว เมื่อจือฝู่คนนั้นอ่านมันจบ เขาก็ตกใจจนแทบเป็นลมอยู่ในรถม้า ”อดีตฮ่องเต้… อดีตฮ่องเต้เสด็จอย่างเป็นทางการหรือ…”
สิ่งแรกที่จือฝู่คนนั้นคิดคืออดีตฮ่องเต้อาจจะรู้เรื่องที่เขารับคำสั่งมาจากท่านอ๋องเข้าเสียแล้ว และกำลังอยู่ระหว่างทางมาประหารเขาด้วยตัวเอง!
ข้ารับใช้ไม่เคยเห็นเขาตื่นตระหนกถึงเพียงนี้มาก่อน สีหน้าเหนือกว่าหายไปจากใบหน้าของเขา ก่อนจะถูกแทนที่ด้วยใบหน้าซีดเผือดจนไร้สีเลือด
จือฝู่คนนั้นเปิดจดหมายด้วยมืออันสั่นเทา ใบหน้าของเขาซีดเผือด
มันมาจากองค์ชายสาม!
หลังจากอ่านจดหมายจบแล้ว เขาก็ถึงกับตัวแข็งไปทั้งร่างราวกับความร้อนภายในตัวของเขาระเหยกลายเป็นไออันบางเบา ทำให้เขาแทบจะล้มลงไปกองกับพื้น!
ไม่ได้การ เขาลงมือต่อไปไม่ได้!
ท่านอ๋อง!
มีแต่ท่านอ๋องคนเดียวเท่านั้นที่จะช่วยเขาได้ในเวลานี้!
จือฝู่คนนั้นเปิดม่านขึ้นในทันใด แล้วรีบออกคำสั่งว่า ”กลับรถ กลับรถ! ห้ามไปที่สำนัก แล้วบอกให้ปล่อยตัวคุณชายเฮยเดี๋ยวนี้!”
“ไม่ไปที่สำนักหรือขอรับ แต่ท่านเพิ่งพบเบาะแสสำคัญในคดีนี้นะขอรับ…” อู่จั้วที่นั่งอยู่ข้างเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
จือฝู่กัดฟัน ”เหตุใดพวกเราต้องเห็นคดีสำคัญกว่าชีวิตด้วยหรือ ชีวิตของข้ากำลังตกอยู่ในอันตราย กลับรถแล้วมุ่งหน้าไปที่จวนอ๋องมู่หรง!”
เปาะแปะ หยดฝนร่วงลงกระทบกับใบกล้วย
ณ จวนอ๋องมู่หรง นอกจากมู่หรงอ๋องแล้วยังมีชายชุดขาวจากอวี้ชู่หลานจือด้วย
จือฝู่คนนั้นตัวเปียกชุ่มไปด้วยน้ำฝน เมื่อเขาเห็นชายคนนั้น เขาก็ผงะไปในตอนแรก แต่จากนั้นเขาก็แสดงป้ายในมือให้อีกฝ่ายดู ”คุณชาย ท่านจำสิ่งนี้ได้หรือไม่ขอรับ”
ชายคนนั้นมองป้ายที่ว่าอย่างเงียบๆ เขาทำเพียงแค่ยิ้มออกมาเล็กน้อย ดวงตาของเขาเป็นประกายอย่างมีเลศนัย
มู่หรงอ๋องทนไม่ไหวอีกต่อไป ความหวาดกลัวและชั่วร้ายที่อยู่บนใบหน้าของเขานั้นยากที่จะปิดบังได้ ”ป้ายแผ่นนี้เป็นขององค์ชายสาม!”
“ใช่ขอรับ ข้าเดินทางไปที่สำนักไท่ไป๋เพื่อจัดการคดี แต่ดูเหมือนว่าข้าจะทำให้เขาไม่พอใจขอรับ ข้าจับคนที่ไม่ควรจับเข้า ด้วยวิธีการขององค์ชาย ในไม่ช้าเขาจะต้องรู้แน่ขอรับว่าข้าไม่ได้รับอนุญาตจากฮ่องเต้ให้ทำเช่นนั้น เขาอาจค้นพบด้วยว่าท่านอ๋องออกคำสั่งกับบรรดาขุนนางและคนของศาลาว่าการเป็นการส่วนตัวอีกด้วย! ท่านอ๋อง ท่านต้องช่วยจือฝู่ผู้ต่ำต้อยเช่นข้านะขอรับ! ขอร้องล่ะขอรับ ท่านอ๋อง!”
หลังจากได้รับการยืนยันว่าเป็นขององค์ชายสาม จือฝู่ก็ยิ่งตื่นตระหนก
“เจ้าวางใจได้ ข้าต้องปกป้องเจ้าอยู่แล้ว” มู่หรงอ๋องยื่นมือออกไปตบบ่าของจือฝู่ ”อีกอย่างหนึ่ง องค์ชายห้าเองก็จะไม่ลืมการกระทำอันดีงามของเจ้าด้วย”
จือฝู่คนนั้นเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก และถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เขารู้ว่า ’ของขวัญ’ ที่เขามอบให้กับบรรดาเจ้าขุนมูลนายพวกนี้เพื่อเอาชนะใจตลอดหลายปีมานี้ย่อมไม่เสียเปล่า
องค์ชายห้านั้นแตกต่างไปจากองค์ชายสาม แม้ว่าเขาจะยังเด็ก แต่เขาก็รู้ว่าจะให้ความร่วมมือกับบรรดาขุนนางจือฝู่ทั้งหลายได้อย่างไร เขายึดมั่นในความเชื่อว่า ’ถ้าเจ้าเกาหลังให้ข้า ข้าก็จะเกาหลังให้เจ้า’
ถ้าทุกคนยโสโอหังและทำตัวหัวสูงอย่างองค์ชายสาม เขาจะเชื่อมความสัมพันธ์กับคนอื่นได้อย่างไร
ดังนั้นในตอนแรกที่มู่หรงอ๋องตั้งใจยั่วโมโหเขา เขาจึงตัดสินใจว่าจะยืนอยู่ข้างองค์ชายห้า
“จือฝู่ผู้ต่ำต้อยเช่นข้าขอขอบคุณท่านอ๋องยิ่งนักขอรับ” จือฝู่ค้อมศีรษะลงคำนับเขาจนหน้าผากแทบจะติดพื้น
มู่หรงอ๋องช่วยเขาให้ยืนขึ้น แล้วเอ่ยว่า ”เจ้ากลับไปรอฟังคำสั่งจากข้า อย่าตื่นตูมเกินไปนักเลย”
“ขอรับ” จือฝู่คนนั้นคำนับอย่างสุภาพ
มู่หรงอ๋องมองแผ่นหลังของจือฝู่ที่เดินหายไป ริมฝีปากของเขาโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้ม
ใครจะสนล่ะว่าองค์ชายสามจะมีความสามารถเพียงใด
หากองค์ชายสามไม่ได้รับการสนับสนุนจากบรรดาเชื้อพระวงศ์ ต่อให้เขาจะมีวรยุทธ์เป็นเลิศและมีความสามารถมากมาย แต่เขาก็ไม่อาจมีปากมีเสียงในเรื่องของทางการจือฝู่ได้!
กฎมนเทียรบาลที่ตกทอดกันมาจากบรรพบุรุษย่อมเป็นสิ่งที่จำต้องทำตาม องค์ชายสามและคนของเขาก็เพียงแค่ฝันกลางวันกันไปเอง พวกเขาไม่รู้ขีดจำกัดของตัวเองด้วยซ้ำ!
แต่เวลานี้การกระทำอันอวดดีของเขาชักจะมากขึ้นทุกวัน
เขาจำเป็นต้องบังคับให้คุณชายคิดแผนการให้เขาให้ได้
เป็นอย่างที่จือฝู่คนนั้นบอกเอาไว้เมื่อครู่ ถ้ามีใครรู้ว่าคนที่แอบใช้อำนาจทางการทหารในเมืองหลวงคือเขาละก็ เขาจะต้องถูกประหารด้วยการตัดหัวอย่างแน่นอน!
“คุณชาย ตอนนี้ท่านคิดว่าข้าควรจะทำอย่างไรดีขอรับ”
ชายคนนั้นหมุนถ้วยชาในมือของตนเบาๆ ก่อนจะยกขึ้นจิบ จากนั้นจึงเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจว่า ”ในเมื่อท่านอ๋องเตรียมทุกอย่างเอาไว้แล้ว ทำไมไม่ใช้โอกาสนี้ทำมันให้เสร็จสิ้นเสียล่ะ”
มู่หรงอ๋องชะงักไป เขามองไปที่ชายคนนั้น ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความสงสัย ”คุณ… คุณชาย ท่านหมายความว่า…”
“ข้าจะหมายความว่าอย่างไรก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญ สิ่งที่สำคัญก็คือต้องดูว่าท่านอ๋องคิดอย่างไร” ชายคนนั้นลดเสียงลง สายลมแห่งความชั่วร้ายพัดผ่านใบหูของพวกเขา ”ถ้าองค์ชายสามหายไป ท่านอ๋องกับซื่อจื่อก็จะได้โล่งใจ หรือท่านอ๋องเห็นว่าอย่างไร”
ทันทีที่ได้ยินดังนี้ มู่หรงอ๋องก็เข้าใจได้อย่างถ่องแท้ คุณชายอนุญาตให้เขากำจัดองค์ชายสามแล้ว นี่เป็นโอกาสทองของเขาเลยก็ว่าได้!
มู่หรงอ๋องตัวสั่นจนชาในมือแทบจะหกออกมา
ชายคนนั้นจับมือของเขาเอาไว้ แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า ”ท่านอ๋อง ทำไมท่านต้องตื่นเต้นด้วยหรือ มีคนตั้งมากมายที่รู้เรื่ององค์ชายสามที่สำนัก แต่ไม่มีใครรู้ว่าคนที่ส่งทหารเข้าไปที่นั่นคือท่าน ต่อให้พวกเขารู้ ท่านก็สามารถปกป้องตัวเองได้ด้วยการบอกว่าท่านทำเช่นนั้นเพื่อไขคดี ตราบใดที่ลงมือได้อย่างราบรื่น ไม่เพียงแค่ฮองเฮาเท่านั้นที่จะได้ออกมาจากตำหนักเย็น แต่คนที่จะได้สืบทอดบัลลังก์ก็คือองค์ชายห้าอีกด้วย…”
“คุณชายพูดถูกแล้วขอรับ!” มู่หรงอ๋องไม่รอให้ชายหนุ่มได้พูดจนจบ เขาเอ่ยปากพูดขึ้นว่า ”ไม่โหดเหี้ยมไม่นับเป็นชายชาตรี!”
หากไม่ใช่เพราะองค์ชายสาม น้องชายร่วมสายเลือดของเขาก็คงไม่ถูกจับ น้องสาวก็คงไม่ต้องถูกขับไล่ให้ไปอยู่ในตำหนักเย็น
ตราบใดที่องค์ชายสามยังมีชีวิตอยู่ หลานชายของเขาก็จะไม่มีวันได้ขึ้นครองบัลลังก์
ตอนนี้สิ่งเดียวที่เหลืออยู่ก็คือการโค่นเขาลงเท่านั้น!
ตราบใดที่เขาสามารถจัดการอีกฝ่ายได้อย่างหมดจด ก็จะไม่มีใครรู้เรื่องนี้!
แต่ไม่มีใครสามารถเอาชนะองค์ชายสามในด้านวรยุทธ์ได้ ดังนั้นเขาจะโค่นองค์ชายสามได้อย่างไรนั้น เขาก็ยังคิดไม่ออกเลยแม้แต่นิดเดียว
ชายคนนั้นยกถ้วยชาขึ้นดื่มพลางตั้งใจว่าจะช่วยเขา ”กองทัพจะจัดการฝึกฝนทหารขึ้นในทุกๆ ปี หากพวกเราจัดมันขึ้นที่เชิงเขา ก็คงไม่มีใครรู้สึกผิดสังเกตว่าทำไมท่านอ๋องถึงได้เลือกที่จะจัดการฝึกนี้ขึ้นที่ภูเขาชิงหลง เมื่อถึงเวลานั้นท่านก็เพียงแค่ต้องตัดช่องทางติดต่อของสำนักไท่ไป๋กับโลกภายนอก ร่วมมือกับจือฝู่ แล้วสั่งให้ทหารเข้าล้อม และทำการสังหารหมู่ที่สำนักไท่ไป๋เสีย แค่นี้ก็สามารถฆ่าองค์ชายสามได้ง่ายๆ แล้วมิใช่หรือ”
จริงด้วย! ไม่ว่าองค์ชายสามจะแข็งแกร่งเพียงใด แต่เขาจะสามารถเอาชนะทหารม้าสวมเกราะนับหมื่นๆ นายได้หรือ
ยิ่งกว่านั้นหากเขาสั่งให้จือฝู่วางยาพิษลงในบ่อน้ำละก็ แผนการนี้ก็จะสำเร็จได้อย่างง่ายดายเลยมิใช่หรือ
หลังจากที่มู่หรงอ๋องคิดได้เช่นนี้ ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจได้ ถ้าเขาต้องการทำตามแผนการนี้ เขาก็ต้องทำให้มั่นใจว่าองค์ชายสามจะไม่มีหนทางให้หนีไปได้