เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค – ตอนที่ 404 ดูซิว่าผู้ใดเหี้ยมโหดกว่ากัน (4)

ตอนที่ 404 ดูซิว่าผู้ใดเหี้ยมโหดกว่ากัน (4)

มั่วเชียนเสวี่ย วันนี้ ข้าจะทำให้เจ้าตายอย่างทรมาน! ทำให้เจ้าเสื่อมเสียชื่อเสียง!

ความเกลียดชังนั้น มั่วเชียนเสวี่ยเห็นอย่างชัดเจน แผนการชั่วร้ายที่ฉายออกมาจากดวงตาขององค์หญิงอวี้เหอและรอยยิ้มมุมปากของนางเป็นเช่นเดียวกับวันที่อยู่ในงานเลี้ยงดอกท้อ มั่วเชียนเสวี่ยมองเห็นเต็มสองตา

ทว่า มั่วเชียนเสวี่ยกลับไม่รีบร้อน นางเพียงแค่ยิ้มบางๆ เท่านั้น

นางเตรียมคนเอาไว้ในจวนมากพอแล้ว แม้คนของนางจะไม่พอ แต่ก็ยังมีคนของหนิงเซ่าชิง!

หลังจากเกิดเรื่องที่ทะเลสาบพระจันทร์เสี้ยวเมื่อคราวก่อน หนิงเซ่าชิงหวาดกลัวอย่างมาก ทันทีที่กลับมาเขาก็ส่งองครักษ์ลับหนึ่งร้อยนายมาอารักขานาง คอยดูแลความปลอดภัยของนาง

ขอทานที่ทำร้ายพวกนางที่ทะเลสาบพระจันทร์เสี้ยวเมื่อคราวก่อน หลังจากถูกซูชีพากลับสำนักแม่ทัพเก้าประตู เวลาเพียงชั่วข้ามคืน พวกเขาตายไปกว่าครึ่ง

เหล่าขอทานอยู่ด้านนอกต้องอดมื้อกินมื้อ ป่วยตายกลางถนนมากมาย ท่านแม่ทัพบอกเพียงว่า ‘การที่ขอทานตายกะทันหันถือเป็นเรื่องปกติ สาเหตุที่รีบเก็บศพ ทำเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดโรคติดต่อขึ้นในสำนักแม่ทัพเก้าประตู’

ท่านแม่ทัพออกคำสั่ง ศพของขอทานถูกเก็บกวาดอย่างรวดเร็ว แม้แต่ซูชีก็จนปัญญา

แน่นอน ด้วยลักษณะนิสัยของซูชีแล้ว เขาไม่มีวันปล่อยพวกคนที่คิดอยากจะรังแกมั่วเชียนเสวี่ยไปง่ายๆ แต่ในตอนหลังเขาสืบไปสืบมา สืบด้วยความตั้งใจ ก็ไม่พบอะไรทั้งนั้น

พวกคนที่ไม่ตายล้วนเป็นขอทานที่แท้จริง ถามอะไรก็ไม่ได้คำตอบ เพียงบอกว่ามีคนบอกพวกเขาว่าทางด้านนี้มีอาหาร พวกเขาจึงมาก็เท่านั้น

ผู้ใดสามารถฆ่าปิดปากคนมากมายขนาดนี้ในสำนักแม่ทัพเก้าประตูได้ นอกจากฮ่องเต้แล้ว ไม่มีใครอื่น

ทว่า ฮ่องเต้ไม่มีวันรู้ล่วงหน้าว่าวันนั้นหนิงเซ่าชิงจะพานางไปทะเลสาบพระจันทร์เสี้ยว ยิ่งไม่มีวันลงมือด้วยตนเอง

วันที่ทราบเรื่อง หนิงเซ่าชิงวิเคราะห์ให้นางฟัง ต้องเป็นฝีมือของหนอนบ่อนไส้ในตระกูลของเขาแน่นอนที่เป็นคนแพร่งพราย เป็นฝีมือของคนที่อยู่เบื้องหลัง

ทั้งยังบอกอีกว่า คนที่อยู่เบื้องหลัง น่าจะเป็นคนที่ก่อให้เกิดสงครามระหว่างหนานหลิงกับเทียนฉี ทั้งยังบอกอีกว่า มีความเป็นไปได้ว่าคนคนนี้ คือคนร้ายตัวจริงที่อยู่เบื้องหลัง วางแผนสังหารบิดาของนาง

ยิ่งคิด ภายในใจของมั่วเชียนเสวี่ยยิ่งรู้สึกเหน็บหนาว แววตาของนางเคล้าไปด้วยความคับแค้น ทำให้ท่านหญิงซูซูที่เพิ่งเดินมาทักทายนางถึงกับหยุดชะงัก

“เชียนเสวี่ย เจ้าเป็นอะไร” ท่านหญิงซูซูพูดเตือนเสียงแผ่วเบา

มั่วเชียนเสวี่ยปรับอารมณ์ ตอบกลับ “อื้ม” สั้นๆ แล้วส่ายหน้า วันนี้ไม่ใช่เวลามาวิเคราะห์เรื่องนี้

พูดคุยกับท่านหญิงซูซูเล็กน้อย ท่านหญิงก็เดินจากไป

ตอนนี้ท่านหญิงซูซูหาเวลาว่างแล้วรีบออกมา ไม่อาจอยู่นาน นางต้องรีบไปรายงานตัวที่สำนักแม่ทัพเก้าประตู ไปติดตามซูชี

ท่านหญิงซูซูกลับไป มั่วเชียนเสวี่ยลุกขึ้นแล้วเดินไปส่งนางที่ประตูทางเข้าโถง ทางด้านชูอีเดินมารายงานเรื่องที่องครักษ์ลับส่งมา นางพูดคุยกับซูซูเล็กน้อย แล้วหมุนตัวหันหลัง

วันนี้มีคนมากมาย แม้จะสนิทสนมกันเพียงใด นางก็ไม่อาจใช้เวลานานในการส่งแขก

ตอนนี้ องครักษ์ลับนับร้อยนายกระจายตัวอยู่ทั่วทั้งจวนกั๋วกง คอยสังเกตทุกการเคลื่อนไหวของทุกคน!

การเคลื่อนไหวด้านต่างๆ ชูอีและสืออู่ทั้งสองคนแยกย้ายกันดูแล พวกนางคอยรายงานมั่วเชียนเสวี่ยทุกเรื่อง

ดังนั้น มั่วเชียนเสวี่ยจึงรู้ตั้งแต่ต้นว่าสองพี่น้องตระกูลมั่วไม่สงบเสงี่ยม ลอบไปยั่วยวนหนิงเซ่าชิง

มั่วเชียนเสวี่ยกลับไปยังที่นั่งหลัก ผายมืออย่างไม่ใส่ใจ นางมองสตรีชั้นสูงตรงหน้าที่แม้เปลือกนอกจะยิ้มแย้ม แต่ไม่รู้ว่าภายในใจกำลังคิดอะไร นางก็มีความคิดบางอย่างขึ้นมา

รออยู่ครู่หนึ่ง องค์หญิงอวี้เหอมองสตรีที่เมื่อครู่เดินจากไปกลับมาแล้ว ทั้งยังยิ้มให้นางอย่างอ่อนโยน

รอยยิ้มอ่อนโยนในสายตาของผู้อื่น แต่สำหรับมั่วเชียนเสวี่ยกลับเป็นรอยยิ้มที่เคล้าไปด้วยการโอ้อวดถึงชัยชนะ นางครุ่นคิดในใจ น่าจะทำเรื่องบางอย่างสำเร็จแล้วกระมัง รอให้นางติดกับก็เท่านั้น

ขณะทักทาย มุมปากของอวี้เหอยิ้มอย่างอำมหิต

มั่วเชียนเสวี่ย สิ่งดีๆ ที่เจ้าได้รับจบลงแล้ว! วันเวลาดีๆ ของเจ้าก็จบลงแล้วเช่นกัน!

มั่วปี้หรุ่ยและมั่วปี้หรงทั้งสองคน แม้จะไร้ยางอายเพียงใด แต่หลังจากถูกหนิงเซ่าชิงพูดจาดูแคลนเช่นนั้น พวกนางทั้งคู่ก็ไม่มีหน้าอยู่ต่อ สุดท้ายทำได้เพียงจากไป

แต่พวกนางทั้งสองคนกลับไม่ตำหนิหนิงเซ่าชิงแม้แต่น้อย ในทางตรงกันข้ามพวกนางเกลียดมั่วเชียนเสวี่ยยิ่งกว่าเดิม

พวกนางคิดว่าทุกอย่างที่หัวหน้าตระกูลหนิงพูด ไม่ใช่คำพูดจากใจจริงของหัวหน้าตระกูลหนิง! แต่ทั้งหมดเป็นเพราะถูกหญิงสารเลวอย่างมั่วเชียนเสวี่ยยั่วยุ! มั่วเชียนเสวี่ยริษยาในความงามของพวกนาง ดังนั้นจึงพูดให้ร้ายพวกนาง ทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้พวกนางเข้าตระกูลหนิง!

ทั้งสองกลับไปหารือในห้อง ตัดสินใจว่าไม่อาจปล่อยมั่วเชียนเสวี่ยไปเด็ดขาด ต้องได้เห็นดีกันกับมั่วเชียนเสวี่ย! พวกนางต้องก่อความวุ่นวาย ไม่อาจปล่อยให้พิธีปักปิ่นราบรื่นตามความต้องการของมั่วเชียนเสวี่ย

เมื่อตัดสินใจแล้ว พวกนางทั้งสองคนเข้าไปในห้องแล้วถอดเสื้อผ้าผืนบาง ออกจากนั้นแต่งตัวเรียบร้อยเดินเข้าไปในโถงหลัก!

โถงหลักในเวลานี้ บรรดาสาวใช้กำลังรินน้ำชาให้เหล่าสตรีชั้นสูง ครึกครื้นอย่างมาก!

ผลไม้และขนมต่างๆ ก็ถูกยกมาวาง ผลไม้ที่มีรูปทรงแปลกๆ ล้วนมาจากความคิดของมั่วเชียนเสวี่ย ทุกคนยิ้มแล้วพากันชื่นชม

มั่วเชียนเสวี่ยเพียงแค่ยิ้มบางๆ ตอบรับอย่างมีมารยาท หากพวกนางสนใจ สามารถตามแม่ครัวมาแล้วถามไถ่ได้

สำหรับความใจกว้างของมั่วเชียนเสวี่ย ล้วนได้รับคำชื่นชมจากทุกคน

เวลานี้องค์หญิงอวี้เหอไม่สบอารมณ์และไม่เคืองขุ่นแล้ว นางเพียงมองขนมตรงหน้ามั่วเชียนเสวี่ย แววตาของนางฉายรอยยิ้มที่ร้ายกาจ!

“กินเถอะ! กินเถอะ! กินเถอะมั่วเชียนเสวี่ย! ขอเพียงเจ้ากินขนมนั่น วันเวลาดีๆ ของเจ้าก็เดินมาถึงปลายทางแล้ว!”

มั่วเชียนเสวี่ยแกล้งทำเป็นมององค์หญิงอวี้เหอปราดหนึ่ง ตอนเห็นความร้ายกาจที่ฉายออกมาจากแววตา มั่วเชียนเสวี่ยยกมุมปากขึ้นยิ้มอย่างดูแคลน

“องค์หญิงอวี้เหอเป็นอะไรไปเพคะ เหตุใดจึงมองขนมตรงหน้าเชียนเสวี่ยแล้วเหม่อลอย หรือว่าองค์หญิงชื่นชอบเพคะ”

องค์หญิงอวี้เหอรีบดึงสติกลับมาทันที ขับไล่ความร้ายกาจในแววตา แล้วกลับมาเป็นองค์หญิงอวี้เหอที่สง่างามอีกครั้ง นางยิ้มบางๆ แล้วพูด “ข้าเพียงเห็นว่ารูปทรงของขนมช่างน่าทานยิ่งนัก จึงมองอยู่นานก็เท่านั้น คุณหนูมั่วไม่ต้องใส่ใจ”

มั่วเชียนเสวี่ยยกมุมปากขึ้น หยิบขนมที่อบเป็นรูปหมีขึ้นมา มองครู่หนึ่ง พยักหน้า “น่าทานจริงๆ เพคะ แต่ว่าขนมตรงหน้าองค์หญิงอวี้เหอก็น่าทานเช่นเดียวกัน นั่นเป็นรูปหมู ช่างน่ารักเหลือเกิน”

เวลานี้องค์หญิงอวี้เหอเพิ่งรู้ตัวว่าตรงหน้าตนก็มีขนมหนึ่งจาน เห็นชัดว่าเมื่อครู่สาวใช้เป็นคนนำมาวาง แต่นางมัวแต่จ้องขนมของมั่วเชียนเสวี่ย ดังนั้นจึงไม่เห็นของตนเอง

มองขนมที่รูปทรงเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว องค์หญิงอวี้เหอพยักหน้า ชื่นชมมั่วเชียนเสวี่ย “คุณหนูมั่วเชียนเสวี่ยช่างมีฝีมือยิ่งนัก ขนมนี้ น่าทานเหลือเกิน”

“ไม่ถึงขั้นมีฝีมือหรอกเพคะ แค่ว่าแม่ครัวของหม่อมฉันมีความสามารถเล็กน้อย ทำอาหารน่ารับประทาน หากองค์หญิงชื่นชอบ เช่นนั้นประเดี๋ยวตอนกลับวังหลวง นำกลับไปให้ฮองเฮาทานได้นะเพคะ เพราะถึงอย่างไร…”

พูดถึงตรงนี้ มั่วเชียนเสวี่ยก็ไม่ได้พูดอะไรอีก

คำพูดบางคำเมื่อพูดถึงส่วนสำคัญแล้วหยุดพูด คล้ายจะมีความหมายแอบแฝงแต่ก็คล้ายไม่มี จึงจะถือว่ามีชั้นเชิงที่เหนือกว่า

คำพูดประโยคหลังมักจะทำให้คนคิดไปต่างๆ นานาเสมอ!

แววตาของทุกคนมีเลศนัยขึ้นมาทันที ผ่านไปนานขนาดนี้แล้ว พวกนางเกือบจะลืมไปแล้วว่า ฮองเฮาทำความผิดบางอย่าง ถูกฮ่องเต้กักบริเวณนานถึงหนึ่งเดือนแล้ว!

เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค

เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค

Status: Ongoing

เพราะสำลักน้ำชาจนขาดอากาศ(?)ทำให้ มั่วเชียนเสวี่ย สาวมั่นหัวการค้าทะลุมิติมาอยู่ในโลกยุคโบราณและในร่างของคนอื่น

แต่นั่นยังไม่น่าตระหนกเท่าการที่ร่างนี้กำลังจะแต่งงานเพื่อแก้เคล็ดให้กับชายหนุ่มที่ป่วยร่อแร่เต็มที!

ในโลกที่หากขาดที่พึ่งผู้หญิงก็สามารถถูกขายเป็นทาสได้ตลอดเวลาสามีคนนี้ของนางนับว่าเป็นตัวเลือกที่ไม่เลวเลยทีเดียว

ทั้งมีความรู้ สุภาพและไม่ใช้กำลังแถมหน้าตายังหล่อเหลาอีกด้วย เสียตรงร่างกายอ่อนแอไปหน่อยเท่านั้น

ชีวิตครอบครัวชนบทแสนยากจนของนางจึงเริ่มขึ้นที่ตรงนั้น… แต่อย่างไรนางไม่ยอมงอมืองอเท้ารับชะตากรรมแบบนี้แน่

ในเมื่อนางมีความรู้ความสามารถยังต้องกลัวสร้างกิจการไม่ได้อีกหรือ?!

เส้นทางร่ำรวยสายนี้นางจะบุกเบิกมันขึ้นมาด้วยตนเอง! และหวังว่าทุกอย่างจะราบรื่นด้วยดี

เพราะเหมือน ‘ร่างนี้’ ของนางกับฐานะเดิมของสามีเหมือนจะไม่ค่อยธรรมดาเสียด้วยสิ…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท