เวลานี้ท่านอ๋องหลูกำลังเดินวนอยู่ในสวนดอกไม้เพราะหวังพึ่งวาสนา
หากวาสนาดีมาก อาจบังเอิญพบเข้ากับพระชายาที่พระสนมเสียนเลือกให้เขา อีกทั้งพระชายาผู้นี้ยังงดงามดุจนางสวรรค์
หากวาสนาดีปานกลาง อาจบังเอญพบกับหญิงสาวที่ไม่ใช่พระชายาของเขา แต่หญิงสาวผู้นี้ก็งดงามดุจนางสวรรค์
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม การพบกับกับหญิงสาวที่งดงามดุจนางสวรรค์ก็คือวาสนาของเขา
แต่เวลานี้เขาบังเอิญพบเข้า แต่ไม่มีอาการหน้าแดงหัวใจเต้นแรง มีเพียงความรู้สึกอกสั่นขวัญแขวน
“วะ วาสนา?” เขาพูดตะกุกตะกัก “ไม่มี ไม่มี!”
“เหตุใดจึงไม่มีเพคะ” หญิงงามตรงหน้าใช้พัดตบลงบนหินภูเขา ยิ้มแย้มดุจดอกไม้ “หม่อมฉันนั่งอยู่ตรงนี้ ส่วนท่านอ๋องหลูก็บังเอิญผ่านมาทางนี้ หรือว่าจะไม่ใช่วาสนา”
ใช่หรือไม่ใช่ ท่านอ๋องหลูไม่กล้าพูด เขาเค้นยิ้มออกมา “ข้าไปได้แล้วหรือไม่”
เฉินตันจูยิ้มให้เขา “ย่อมได้”
ท่านอ๋องหลูโล่งใจ ขยับมาทางเฉินตันจูอย่างช้าๆ หากจะออกจากริมทะเลสาบไปถึงทางหลัก มีเพียงต้องเดินผ่านตรงนี้ หนึ่งก้าว สองก้าว สามก้าว ในที่สุดก็เข้าใกล้หญิงสาวที่นั่งอยู่ เพียงแค่ขยับอีกก้าวสองก้าวก็…
“ท่านอ๋องหลู” เฉินตันจูยื่นมือออกไป “ท่านพกสิ่งใดมาด้วย”
ท่านอ๋องหลูมีการป้องกันตัวไว้ก่อนหน้านี้ เขาจับหมับเข้าที่เอวพร้อมกระโดดถอยหลังไปอย่างว่องไว หลบหลีกมือของหญิงสาว “คุณหนูตันจู เจ้าจะทำอันใด”
เฉินตันจูพูดด้วยรอยยิ้ม “ไม่ทำอันใด” มือที่ยื่นออกไปไม่ได้เก็บกลับมา นางชี้ไปที่เอวของท่านอ๋องหลูต่อ ถุงแห่งโชคที่ทอด้วยผ้าไหมใบนั้น “ท่านอ๋องหลูนำถุงแห่งโชคให้หม่อมฉันดูหน่อยเพคะ”
ท่านอ๋องหลูกระจ่างในทันที เขาเอื้อมมือจับถุงแห่งโชคที่เอวไว้แน่น
เขาย่อมรู้ดีที่สุดว่าถุงแห่งโชคนี้หมายถึงสิ่งใด มันหมายถึงเรื่องใหญ่ในชีวิตของเขา
เฉินตันจูมาเพื่อปล้น แต่ไม่ได้ปล้นถุงแห่งโชค หากแต่เป็นตัวเขา!
“ไม่ ไม่ได้” เขาข่มขู่ด้วยความใจกล้า “ฝ่าบาทและท่านมหาราชครูพระราชทานให้ ไม่อาจให้ผู้อื่นดูได้”
เฉินตันจูไม่เกรงกลัวการข่มขู่ของเขา ลุกยืนขึ้นมา “หม่อมฉันไม่ใช่ผู้อื่น ให้หม่อมฉันดูพุทธธรรมด้านในหน่อยเพคะ”
แม้แต่พุทธธรรมยังรู้ เจตนาของนางยิ่งชัดเจน ภายในถุงแห่งโชคหกสิบหกใบที่เหล่าหญิงสาวจะได้รับ มีเพียงเนื้อหาของสามคนที่เหมือนกับท่านอ๋องทั้งสาม ซึ่งหมายความว่าเป็นลิขิตฟ้า
เฉินตันจูนางอยากจะดูพุทธธรรมของตนเองก่อน จากนั้นไปแย่งชิงใบที่เหมือนกับตนเองในมือของบรรดาสตรี
เฉินตันจูรูปลักษณ์งดงาม แต่หากนางเป็นพระชายาของตนเอง…ท่านอ๋องหลูไม่กล้าแม้แต่จะคิด เขาอยากจะถอยหลัง แต่สิ่งที่ทำให้เขาแปลกใจคือ เฉินตันจูไม่ได้เดินขึ้นหน้าอีก หากแต่นั่งลง ถอนหายใจด้วยสีหน้าเศร้าโศก
“ท่านอ๋องหลู” นางพูดอย่างหดหู่ “หม่อมฉันทำให้ท่านตกใจหรือ”
ตกใจก็ตกใจอยู่ เพราะอย่างไรก็ตามเฉินตันจูมีชื่อเสียงด้านความชั่วร้าย แต่เมื่อเห็นหญิงสาวตรงหน้ารูปร่างดุจต้นหลิวบาง ขนตายาว ใบหน้าเล็กมีสีซีดเผือด ไม่มีทีท่าโหดร้ายแต่อย่างใด ท่านอ๋องหลูอดไม่ได้ที่จะยืนนิ่ง
“หม่อมฉันรู้ ทุกคนต่างเกลียดหม่อมฉัน” เฉินตันจูพึมพำ “ผู้ใดล้วนไม่อยากเห็นหม่อมฉัน พูดกับหม่อมฉัน…”
ท่านอ๋องหลูเห็นน้ำตาเกาะอยู่บนขนตายาวของหญิงสาว ทันใดนั้นเขาทำตัวไม่ถูก…แต่ก่อนเขาเพียงแค่เคยแอบมองคุณหนูตันจู แต่เพิ่งพูดคุยอย่างใกล้ชิดเช่นนี้เป็นครั้งแรก นางงดงามกว่ามองจากระยะไกล
“ไม่ ไม่ คุณหนูตันจู เจ้าไม่ได้ทำให้ข้าตกใจ” เขาพูดอย่างตะกุกตะกัก “ข้าก็ไม่ได้เกลียดเจ้า…”
เฉินตันจูขมวดคิ้วมองเขาอย่างเศร้าโศก “เหตุใดท่านอ๋องหลูจึงวิ่งหนีเมื่อเห็นหม่อมฉัน”
ท่านอ๋องหลูรีบพูด “ไม่ได้หนี ข้าแค่ แค่ แค่มีเรื่องด่วน”
เฉินตันจูพยักหน้าอย่างใสซื่อ “ใช่ ท่านอ๋องหลูคิดแต่จะไปดูพระชายาของท่าน”
“ไม่ได้คิด” ท่านอ๋องหลูรีบพูด ถึงแม้เขาจะยังไม่อภิเษก แต่คุณธรรมพื้นฐานของชายหนุ่มอย่างการไม่เอ่ยถึงหญิงสาวอีกคนต่อหน้าหญิงสาวอีกคนเขายังคงมี “ข้ายังไม่รู้ว่าพระชายาคือผู้ใด”
เฉินตันจูเหลือบมองเขา “ย่อมต้องดีกว่าหม่อมฉัน”
สายตานี้ทำให้หัวใจของท่านอ๋องหลูหวั่นไหว ขาของเขาอ่อนแรงเล็กน้อย ไม่อาจไม่พูด คุณหนูตันจูช่างเป็นหญิงงามอย่างที่ไม่เคยพบมาก่อน แต่ก่อนได้ยินว่าองค์ชายสามถูกคุณหนูตันจูหลอกลวง เขายังแอบเสียดาย เหตุใดคุณหนูตันจูจึงไม่มาหลอกลวงเขา อย่างไรเขาก็ดีกว่าองค์ชายสามที่ป่วยกระเสาะกระแสะมิใช่หรือ
ดูจากเวลานี้ บางที ไม่แน่ ที่แท้ คุณหนูตันจูก็…
“จะมีผู้ใดดีกว่าคุณหนูตันจู” เขาพูดอย่างห้ามใจไม่ได้
เฉินตันจูก้มหน้า “ท่านอ๋องหลูไม่ต้องปลอบหม่อมฉัน ท่านแม้แต่ถุงแห่งโชคยังไม่ยอมให้หม่อมฉันดู”
ท่านอ๋องหลูลังเลเล็กน้อย ปลดถุงแห่งโชคจากเอวลงมา ยื่นมือไปด้านหน้า “ดู ให้เจ้าดูหนึ่งทีแล้วกัน”
หญิงสาวที่นั่งอยู่บนก้อนหินลุกขึ้นด้วยความดีใจ เอื้อมมือไปทางถุงแห่งโชค…
ท่านอ๋องหลูดึงถุงแห่งโชคกลับไปอีกครั้ง “ข้าถือไว้ให้เจ้าดู ท่านมหาราชครูบอกว่า หากผู้อื่นแตะต้องจะ จะไม่เป็นมงคล”
เฉินตันจูตอบรับ ไม่ได้ยื่นมือออกไปอีก หากแต่เดินเข้าใกล้อีกเล็กน้อย ยืนอยู่ตรงหน้าท่านอ๋องหลู มองสิ่งที่อยู่ในมือเขา “งดงามเสียจริง สมกับเป็นของขวัญเฉลิมฉลองจากท่านมหาราชครู คู่ควรกับศักดิ์ศรีของท่านอ๋องหลู”
ท่านอ๋องหลูยืดหลังตรงอย่างได้ใจ “ก็พอใช้ได้ ยัง…”
เขายังพูดไม่ทันจบ หางตาก็เหลือบเห็นหญิงสาวตรงหน้าเอื้อมมือออกมาตะปบอย่างรวดเร็วราวกับแมว…
ท่านอ๋องหลูส่งเสียงร้องด้วยความตกใจ พร้อมทั้งกำถุงแห่งโชคแน่นถอยไปทางด้านหลังอย่างคล่องแคล่ว หลีกเลี่ยงมือของเฉินตันจูได้อย่างฉิวเฉียด
“ท่านอ๋องหลู” หญิงสาวไม่มีท่าทีอ่อนแอใสซื่ออีกต่อไป ดวงตาของนางแหลมคมดุร้าย “นำถุงแห่งโชคให้หม่อมฉัน!”
ท่านอ๋องหลูกำถุงแห่งโชคแน่นราวกับกำชะตาชีวิต “ไม่ๆ”
“ก่อนหน้านี้ท่านยังบอกว่าหม่อมฉันดีที่สุด” เฉินตันจูพูด “เหตุใดจึงไม่ยอมนำถุงแห่งโชคของท่านให้หม่อมฉัน ให้หม่อมฉันเป็นพระชายาของท่าน ท่านหลอกหม่อมฉันใช่หรือไม่!”
อา เหมือนอย่างที่คิด เฉินตันจูอยากได้เขา! ท่านอ๋องหลูทั้งตกตะลึงทั้งกลัว “คุณหนูตันจู เจ้าดีมาก แต่เรื่องนี้ข้าไม่อาจตัดสินใจได้ เสด็จพ่อ…”
หญิงสาวเผยยิ้มก่อนจะพุ่งตัวเข้ามาอีกครั้ง “ไม่ต้องกลัวเพคะ ท่านนำมันให้หม่อมฉัน หม่อมฉันไปทูลกับฝ่าบาท”
ฮ่องเต้ต้องตีเขาให้ตายอย่างแน่นอน ไม่ อาจจะกักบริเวณเหมือนองค์ชายห้า หากเขาถูกกักบริเวณคงจะจบสิ้นแล้ว องค์รัชทายาทไม่ใช่พี่ชายร่วมมารดาของเขา พระสนมเสียนก็ไม่ได้เป็นมารดาผู้ให้กำเนิดเขา ไม่มีคนพูดแทนเขา…เฮ้อ เหตุใดคุณหนูตันจูจึงชื่นชอบเขา ต้องโทษที่ตัวเขามีรูปลักษณ์ที่งดงามที่สุดในบรรดาพี่น้องหากตัดพี่สามออกไป
“คุณหนูตันจู หากเจ้าเป็นเช่นนี้ ข้าจะตะโกนเรียกคน”
“ตะโกนเลยเพคะ หากท่านกล้าตะโกนเรียกคนมา หม่อมฉันก็กล้าบอกว่าท่านล่วงเกินหม่อมฉัน”
ท่านอ๋องหลูกลัวจนหน้าซีดเผือด เฉินตันจูช่างน่ากลัวเสียเหลือเกิน ทางด้านหน้าถูกกีดขวางเอาไว้ เขาทำได้เพียงถอยไปทางด้านหลัง ถอยไป ถอยไป ทันใดนั้นขาของเขาสะดุดเข้ากับเถาวัลย์ที่ไม่รู้โผล่มาจากที่ใด…
ท่านอ๋องหลูหงายหลังตกลงไปในทะเลสาบพร้อมเสียงร้อง โชคดีที่เถาวัลย์นั้นตกลงไปด้วย เขาใช้มือหนึ่งจับเอาไว้ทำให้ตัวไม่จมลงไป…ส่วนอีกมือยังคงกำถุงแห่งโชคไว้แน่น มันเป็นชีวิตของเขา
เฉินตันจูก็ตกใจกับการตกน้ำของท่านอ๋องหลู แต่เมื่อเห็นเถาวัลย์ที่ไหวไปมาราวกับเพิ่งแผ่ขยายออกมาจากบนต้นไม้ใหญ่หลังภูเขาจำลองแล้ว นางก็วางใจ
“ท่านอ๋องหลู” นางยืนอยู่ริมทะเลสาบ ยื่นมือออกมา “เหตุใดจึงไม่ระวัง เร็ว นำถุงแห่งโชคให้หม่อมฉัน หม่อมฉันจะดึงท่านขึ้นมา”
เวลานี้แล้วยังพูดเช่นนี้ เฉินตันจูน่ากลัวเสียจริง ท่านอ๋องหลูมองเถาวัลย์ที่จับอยู่ในมือ เถาวัลย์นี้แผ่ขยายมาจากใต้ต้นไม้ที่หนาแน่นจากอีกด้านของภูเขาจำลอง ทำให้สามารถว่ายตามทางของเถาวัลย์อ้อมไปอีกทางได้…
หลังจากหายตื่นตระหนก ทักษะการว่ายน้ำของท่านอ๋องหลูก็ฟื้นคืนกลับมา มือหนึ่งจับเถาวัลย์ อีกมือกวักน้ำ ว่ายหนีจากไปอย่างรวดเร็ว
เฉินตันจูยืนตะโกนอยู่ริมทะเลสาบ ก่อนจะมองไปทางภูเขาจำลองนั้นอีกครั้ง ไม่รู้เมื่อใดบนภูเขาจำลองนั้นมีคนยืนอยู่ คนผู้นั้นส่ายหัวให้นางเบาๆ เฉินตันจูไม่ได้ส่งเสียงอีก นางชะเง้อตัวมองเพื่อมั่นใจว่าท่านอ๋องหลูว่ายไปถึงอีกด้านอย่างปลอดภัย
ท่านอ๋องหลูไม่ได้ปีนขึ้นไปทันที เขายังคงระแวงว่าเฉินตันจูจะไล่ตามมา เพียงแค่เฉินตันจูกล้าไล่ตามมา เขาก็กล้าแช่อยู่ในทะเลสาบไม่ขึ้นไป
ท่านอ๋องหลูตะโกนเรียกชื่อของขันทีผู้หนึ่ง…เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เขายิ่งอยากร้องไห้ เพื่อสะดวกต่อการแอบดูบรรดาสตรีชนชั้นสูง เขาจงใจให้ขันทีติดตามหลบเอาไว้ อย่ามารบกวนเขา
ไม่นานนัก ขันทีตัวน้อยที่รอเขาอยู่ปากทางก็วิ่งเข้ามาอย่างตื่นตระหนก…
“ท่านอ๋อง…เหตุใดท่านจึงตกลงไปในน้ำพ่ะย่ะค่ะ!”
“หุบปาก…อย่าตะโกน รีบดึงข้าขึ้นไป”
หลังจากเสียงตวาด ท่านอ๋องหลูที่เปียกโชกถูกขันทีพยุงวิ่งหนีไป
เฉินตันจูหันไปพูดกับฉู่อวี๋หยงที่ยืนอยู่บนภูเขาจำลอง “เหตุใดท่านจึงขัดขาให้เขาตกน้ำ คนวิ่งหนีไป ของยังไม่ได้มาเลย”
เห็นได้ชัดว่าเถาวัลย์เส้นนั้นถูกคนโยนมา
ฉู่อวี๋หยงพูดด้วยรอยยิ้ม “ไม่จำเป็นต้องได้ถุงแห่งโชคมา ให้คนรู้ว่าเจ้าเคยเข้าใกล้เขาก็พอแล้ว”
เช่นนั้นก็ปล่อยท่านอ๋องหลูไปก็พอ ยังผลักคนตกน้ำอีก อนาถเหลือเกิน องค์ชายหกชอบกลั่นแกล้งคนเสียจริง ตอนเด็กองค์หญิงจินเหยาเพียงแค่ถูกหลอกให้นอน หรือวิ่งถือว่าโชคดีมากแล้ว
เฉินตันจูพูดด้วยรอยยิ้ม “แต่ก็ไม่มีคนเห็น”
ฉู่อวี๋หยงเดินลงมาจากบนภูเขา “ไม่อาจถูกคนเห็นได้จริง เมื่อถึงเวลาจัดฉากให้คนตะโกนว่าเห็น พี่สี่ก็ไม่อาจโต้แย้งได้”
เฉินตันจูจ้องมองเขา เลิกคิ้ว “ท่านดีกับพี่สี่ของท่านเพียงนี้ พี่สี่ของท่านรู้หรือไม่”
ฉู่อวี๋หยงยิ้มเล็กน้อย “ความดีของข้าล้วนอยู่ในใจ พี่สี่ไม่จำเป็นต้องรู้”
ในขณะที่พวกเขากำลังพูดคุย ท่ามกลางป่าไม้ก็มีเสียงนกร้องดังขึ้นอีก
“คนที่ตามหาเจ้ามาแล้ว” ฉู่อวี๋หยงพูดกับเฉินตันจูเสียงเบา
ตามมาด้วยเสียงฝีเท้าจากระยะไกล ปะปนไปด้วยเสียงตะโกน “คุณหนูตันจู”
“องค์หญิงตันจู”
เฉินตันจูมองฉู่อวี๋หยง
ฉู่อวี๋หยงยิ้มให้นาง “พี่สี่ลงไปแล้ว คนไปต่อควรเป็นข้าแล้ว”
เฉินตันจูแสร้งทำท่าจริงจัง ถาม “ต้องให้หม่อมฉันผลักท่านลงน้ำด้วยหรือไม่”
ฉู่อวี๋หยงหัวเราะร่า ดึงหมวกขึ้นมาคลุมไว้บนหัว “ไม่ต้อง ข้าเอง” พูดพลางยิ้มให้เฉินตันจู ดวงตาลุกวาว คนจากไปราวกับสายลม
เฉินตันจูยืนอึ้งอยู่ริมทะเลสาบ ภายในใจส่งเสียง ไม่อาจดูคนจากรูปลักษณ์ภายนอกได้เสียจริง นี่คือองค์ชายที่กำลังจะป่วยตายหรือ?
คนอื่นตายแล้ว องค์ชายหกท่านนี้ยังไม่ตาย
“คุณหนูตันจู!”
เสียงตะโกนดังขึ้นจากบริเวณที่ใกล้ขึ้น
เฉินตันจูนั่งลงบนก้อนหินอย่างไม่รีบไม่ร้อน ไม่นานนักนางในสี่คนก็ปรากฏตัวขึ้น
“คุณหนูตันจู…”
“จริงๆ เลย วิ่งไปที่ใดกัน…”
“อ้า…”
เหล่านางในยังคงตะโกนพลางบ่น ทันใดนั้นเห็นหญิงสาวที่นั่งอยู่ริมทะเลสาบ กำลังโบกพัดมองพวกนาง ทั้งสี่คนตกใจจนกรีดร้องออกมา
“คุณ คุณหนูตันจู” นางในผู้หนึ่งเค้นยิ้มออกมา “ท่านอยู่ตรงนี้หรือ พวกเรากำลังตามหาท่าน”
เฉินตันจูพูดด้วยรอยยิ้ม “ข้าได้ยินแล้ว”
ได้ยินแล้วเหตุใดจึงไม่ตอบรับ เหล่านางในยิ้มแห้ง
“ข้าคิดว่าพวกเจ้ามองไม่เห็นข้าจะไม่ตามหาแล้ว” เฉินตันจูพูดด้วยรอยยิ้ม
คุณหนูตันจูช่าง…น่ากลัว นางในตั้งสติ เค้นยิ้มโค้งคำนับ “คุณหนูตันจู รีบไปเถิด พระสนมเสียนให้ทุกคนเข้าไป รอเพียงคุณหนูตันจูแล้ว”
เฉินตันจูยิ้มหวาน “ได้” พลันลุกขึ้นยืน