บทที่ 403 ดื่มจนเมามาย หรือสมองมีปัญหากัน?
พวกหลิงอินพร้อมด้วยชิงหนิวทั้งสี่ตนกลับไปยังหุบเขาคงหลิงด้วยค่ายกลเคลื่อนย้าย
“หากในอนาคตมีเรื่องอะไรอีก แม่นางหลิงอินสามารถมาหาข้าได้เลย!”
จ้าวหุบเขากล่าวออกมาด้วยสีหน้ากระตือรือร้น
“ตกลง”
หลิงอินยิ้ม นางรู้ว่าจ้าวหุบเขากำลังคิดสิ่งใดอยู่ ทว่านางก็ไม่ได้มอบอะไรให้กับอีกฝ่าย
ความสัมพันธ์ของนางกับจ้าวหุบเขายังไม่ได้ดีถึงเพียงนั้น ที่นางให้ผักกาดขาวกับอสูรฟ้าชิงหนิวก็เพราะนางต้องการจะพาพวกมันไปให้ท่านเซียน
หลังจากนั้น หญิงสาวก็เอ่ยร่ำลาจ้าวหุบเขาแล้วกลับไปยังเมืองชิงซาน
…
ในอีกด้านหนึ่ง เซี่ยเหยียนกำลังพาตัวผู้อาวุโสสิบเจ็ดกลับไปยังที่ตั้งของตระกูลไป๋
สถานที่ตั้งของตระกูลไป๋งดงามเป็นอย่างยิ่ง มีสิ่งปลูกสร้างโบราณเรียงรายเป็นทิวแถว ทุกหนแห่งเต็มไปด้วยความพิเศษไม่ธรรมดา เปี่ยมด้วยไอปราณอุดมสมบูรณ์จนน่าตื่นตะลึง วัตถุดิบสำหรับการฝึกฝนระดับสูงที่หายสาบสูญไปจากโลกภายนอกเป็นระยะเวลานานกลับสามารถพบพานได้มากมาย ณ ที่แห่งนี้ เป็นสถานที่กล่าวได้อย่างเต็มปากว่าเป็นดินแดนแห่งขุมทรัพย์ ขอเพียงแค่มาเยือนไม่จำเป็นต้องฝึกฝน ก็สามารถได้รับผลประโยชน์มหาศาล
ถ้าหากได้ฝึกฝนที่นี่ ผลประโยชน์จะยิ่งเพิ่มทวี ใช้ความพยายามเพียงครึ่งเดียว อย่างน้อยก็ได้ผลลัพธ์แตกต่างจากภายนอกหลายเท่า
ตระกูลไป่ตั้งอยู่ในสถานที่ที่เป็นเหมือนโลกใบเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง หากไม่มีค่ายกลเคลื่อนย้ายตรงเข้ามา ก็เป็นเรื่องยากยิ่งสำหรับเซี่ยเหยียนที่จะเสาะหาสถานที่แห่งนี้จนพบ
“ช่วยข้าด้วย!”
ทันทีที่นางและผู้อาวุโสสิบเจ็ดปรากฏตัวขึ้น ผู้อาวุโสสิบเจ็ดก็ตะโกนออกมาเสียงดังหวังให้คนในตระกูลมาช่วยตน
“ทำตัวดี ๆ หน่อย!”
เซี่ยเหยียนกล่าวขึ้นมาอย่างไม่สบอารมณ์ ก่อนจะตบหัวผู้อาวุโสสิบเจ็ดจนหน้าทิ่มลงกับพื้น
ยอดนิกายควรค่าแก่การเคารพ แต่ผู้อาวุโสสิบเจ็ดไม่สมควรได้รับความเคารพ
ไม่แยกแยะผิดถูก หุนหันพลันแล่น ลำเอียงเข้าข้างญาติไม่สนคุณธรรม หากไม่ใช่เพราะนางแข็งแกร่งเพียงพอ เกรงว่าคงจะถูกผู้อาวุโสสิบเจ็ดสังหารไปแล้ว
“เจ้าเป็นใครกัน!”
เกิดเงาร่างวูบไหว ตามมาด้วยคนจำนวนมากปรากฏตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว
“ผู้อาวุโสสิบเจ็ด!”
“บังอาจ!”
เมื่อเห็นผู้อาวุโสสิบเจ็ด พวกเขาทั้งตกตะลึงและโกรธเกรี้ยว
ผู้อาวุโสสิบเจ็ดเป็นถึงขั้นวิถีสูงสุด กลับตกอยู่ในสภาพปางตายทำให้พวกเขาไม่อยากจะเชื่อ
ส่วนสิ่งที่ทำให้พวกเขาโกรธเกรี้ยวเป็นอย่างมาก ก็คือการที่ผู้อาวุโสตระกูลไป๋ของพวกเขาโดนคนที่อยู่เบื้องหน้าตบหัวจนหน้าทิ่มลงพื้นอย่างไร้ซึ่งเกรงกลัวภายในเขตแดนตระกูลไป๋!
การกระทำเช่นนี้นับเป็นการยั่วยุตระกูลไป๋โดยไม่ต้องสงสัย!
ประเดี๋ยวก่อน…
หรือว่าคนที่อยู่ด้านหน้าพวกเขาจะเป็นคนทำร้ายผู้อาวุโสจนตกอยู่ในสภาพเช่นนี้?
ความคิดดังกล่าวผุดขึ้นมาในใจของพวกเขา
แต่พวกเขาก็ปฏิเสธความคิดดังกล่าวอย่างรวดเร็ว
จะเป็นไปได้อย่างไร?
เซี่ยเหยียนดูแล้วอายุเพียงประมาณยี่สิบปี จะสามารถทำร้ายผู้อาวุโสสิบเจ็ดที่อยู่ในขั้นวิถีสูงสุดได้อย่างไร?
อีกด้านหนึ่ง ผู้อาวุโสสิบเจ็ดทรุดตัวอยู่บนพื้น หวาดกลัวเสียจนไม่กล้าจะหายใจ ไม่กล้าจะตะโกนอะไรออกมาอีก
เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสเกินไป หลงเหลือเพียงเศษเสี้ยววิญญาณ หากเซี่ยเหยียนต้องการก็สามารถสังหารเขาได้ทุกเมื่อ
“ผู้นำตระกูลพวกเจ้าเล่า?”
สีหน้าของเซี่ยเหยียนสงบนิ่ง นางต้องการจะพบและพูดคุยกับผู้นำตระกูลไป๋โดนตรง จะได้ไม่ต้องเผชิญกับความยุ่งยากไม่รู้จบ
“ท่านผู้นำออกไปทำธุระไม่ได้อยู่ที่นี่ เจ้าเป็นใครกัน!?”
คนจากตระกูลไป๋ที่ดูแข็งแกร่งผู้หนึ่งตะโกนออกมาเสียดัง
“ไม่อยู่อย่างนั้นหรือ?”
เซี่ยเหยียนกล่าวออกมาด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง “ถ้าเช่นนั้นข้าจะรออยู่ตรงนี้จนกว่าผู้นำตระกูลพวกเจ้าจะกลับมา”
ช่าง…ขวัญกล้ายิ่งนัก!
ท่าทางราวกับไม่ได้เห็นพวกเขาชาวตระกูลไป๋อยู่ในสายตาแม้แต่น้อย!
หนึ่งความคิดแล่นเข้ามาในใจคนตระกูลไป๋ทุกคน ณ ที่แห่งนี้ หรือว่าผู้อาวุโสสิบเจ็ดจะถูกเซี่ยเหยียนทำร้ายจริง ๆ?
“เหตุใดผู้อาวุโสสิบเจ็ดจึงอยู่ในสภาพบาดเจ็บเช่นนี้? เป็นเจ้าที่ลงมือกับผู้อาวุโสสิบเจ็ดใช่หรือไม่?”
มีผู้แข็งแกร่งผู้หนึ่งถามออกมาเสียงดัง
“ใช่”
หญิงสาวเอ่ยออกมาอย่างไม่ปิดบัง “เหตุที่ทำให้เขาตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ ก็ล้วนมาจากตนเองทั้งสิ้น ข้ามาที่นี่เพื่อพบกับผู้นำตระกูลพวกเจ้าเพื่อพูดคุยเรื่องราวที่เกิดขึ้น”
เป็นนางจริง ๆ หรือ!?
หลังจากได้ยินเซี่ยเหยียนตอบกลับมา คนตระกูลไป๋ทั้งหมดต่างอ้าปากค้าง ร่างกายสั่นสะท้านอย่างไม่อาจควบคุมได้
ทำได้อย่างไร!?
พวกเขาไม่อยากจะเชื่อว่าชนรุ่นเยาว์อย่างเซี่ยเหยียนจะสามารถจัดการผู้ที่อยู่ขั้นวิถีสูงสุดจนบาดเจ็บสาหัสได้!?
ทว่าเหตุผลกลับบอกพวกเขาว่านี้อาจจะเป็นเรื่องจริง หญิงสาวที่อยู่เบื้องหน้าพวกเขาอาจสามารถจัดการผู้อาวุโสสิบเจ็ดได้!
ไม่เช่นนั้นนางจะกล้ายอมรับได้อย่างไร? ซ้ำยังกล้าตบหัวผู้อาวุโสสิบเจ็ดในเขตแดนของพวกเขา!
หากไม่แข็งแกร่งเพียงพอ นี่นับว่าเป็นการรนหาที่ตายอย่างไม่ต้องสงสัย!
“ศัตรูบุก!”
พวกเขามีหน้าที่ลาดตระเวนปกป้องเขตแดนตระกูลไป๋จึงไม่กล้าจะประมาท รีบตีกลองรบขึ้นจนดังก้องไปทั่วเขตแดนตระกูลไป๋
จะสามารถจัดการเซี่ยเหยียนได้หรือไม่!?
ผู้อาวุโสสิบเจ็ดคิดขึ้นมาในใจอย่างหวาดหวั่น
ยอดนิกายสืบทอดกันมาตั้งแต่สมัยโบราณกาล ความแข็งแกร่งได้รับการเคารพจากโลกทั้งใบ ลึกล้ำเกินกว่าจะจินตนาการออก ทว่าในยามนี้เขากลับเกิดความไม่มั่นใจ
แม้ว่าพวกเขาจะมีข้อได้เปรียบในชัยภูมิเนื่องจากอยู่ในเขตแดนของตระกูลไป๋ก็ตาม!
เซี่ยเหยียนถึงกับกล้าที่จะมาเยือนยังเขตแดนของตระกูลไป๋ด้วยความคิดของตนเอง หากนางไม่มั่นใจ แล้วนางยังจะกล้าทำเช่นนี้ได้อย่างไร!?
คงไม่มีผู้ใดคิดรนหาความตาย เขารู้สึกว่าแม้จะเป็นตระกูลไป๋ ก็ยังยากที่จะเอาชนะหญิงสาว
หลังจากความคิดเช่นนี้ปรากฏขึ้นมาในใจ เขาก็เอ่ยตำหนิตัวเองทันที เหตุใดเขาที่โตขึ้นมาพร้อมกับความภาคภูมิใจ จึงสูญสิ้นศักดิ์ศรีของตนเอง?
ยอดนิกายที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนาน จะไม่สามารถจัดการกับสตรีตัวน้อยขั้นราชันเทวาได้อย่างไร?
ไม่มีทางเป็นไปได้!
เขาไม่เชื่อ!
ตึง! ตึง! ตึง!
เสียงกลองรบหนักแน่นดังก้องไปทั่วตระกูลไป๋
หลังจากนั้นก็ปรากฏเส้นแสงจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งทะยานออกมาจากทั่วทุกแห่งของตระกูลไป๋ ปราณที่แผ่ออกมาจากแสงแต่ละเส้นน่าสะพรึงกลัวปนน่าหวาดหวั่นชวนให้ใจสั่นสะท้านหวาดเกรง
หลังจากนั้นก็ปรากฏร่างของผู้แข็งแกร่งบนสถานที่แห่งนี้ทีละร่างทีละร่าง มีขอบเขตนักบุญหลายร้อย ขั้นสูงสุดอีกหลายสิบ มีกระทั่งขอบเขตจักรพรรดิและมหาจักรพรรดิจำนวนอีกไม่น้อย
นี่เป็นกลองรบขั้นสูงสุด หมายความว่ามีศัตรูอันแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่งบุกรุกตระกูลไป๋!
ดังนั้นเหล่าผู้แข็งแกร่งทุกคนที่ได้ยินเสียงกลองจึงไม่กล้าละเลยรีบมุ่งตรงมายังสถานที่แห่งนี้ทันที!
“แข็งแกร่งยิ่ง…”
เซี่ยเหยียนอดรำพึงออกมาไม่ได้
ระดับนักบุญที่พบพานได้ยากยิ่งบนโลกใบนี้ กลับมีอยู่มากมายภายในตระกูลไป๋ มีกระทั่งขอบเขตสูงสุดจนถึงมหาจักรพรรดิอยู่ไม่น้อย ช่างน่าตื่นตะลึงเสียจริง!
นางสัมผัสถึงความโรยราจากปราณของผู้แข็งแกร่งเหล่านี้ไม่ได้ หมายความว่าคนเหล่านี้รวมทั้งจักรพรรดิและมหาจักรพรรดิยังคงห่างไกลจากขีดจำกัด
นี่คือขุมกำลังของยอดนิกายอย่างนั้นหรือ?
ช่างน่าหวั่นเกรงจริง ๆ!
“สถานการณ์…เป็นเช่นไร!?”
“พวกเจ้าดื่มมากไปหรือเปล่า?”
เหล่าผู้แข็งแกร่งของตระกูลไป๋ที่ปรากฏตัวขึ้นมาต่างพากันแสดงสีหน้าแปลกประหลาดหลังจากเห็นเซี่ยเหยียน
ผู้ที่ลั่นกลองรบดื่มจนเมามายหรือเปล่า?
ตีกลองรบขึ้นมาเพราะหญิงสาวผู้หนึ่ง!?
พวกเขาต่างบื้อใบ้ เห็นได้ชัดว่าเซี่ยเหยียนเป็นเพียงราชันเทวาผู้นั้น ขอบเขตของพวกเขาล้วนสูงกว่านางเป็นอย่างมาก
เพียงแค่ราชันเทวาผู้หนึ่ง…
เพียงแค่ราชันเทวาผู้หนึ่งกลับตีกลองรบขั้นสูงสุดขึ้น ทำให้ขอบเขตนักบุญจนกระทั่งถึงขอบเขตมหาจักรพรรดิจำต้องรีบร้อนออกมา
ผู้ที่ตีกลองกำลังคิดสิ่งใดอยู่!?
หรือว่าสมองมีปัญหาแล้ว?