อาจารย์ฮุ้ยจื้อรู้ว่าที่แห่งใดมีเฉินตันจู ที่แห่งนั้นย่อมไม่สงบ จากมุมมองของเขา ฮ่องเต้สมควรกักขังเฉินตันจูไว้ในจวน ไม่ควรปล่อยนางเข้าวังไปด้วย
นับแต่รู้ว่าคุณหนูตันจูก็เข้าร่วมงานเลี้ยงครั้งยิ่งใหญ่นี้ เขาก็ปิดประตูสวดมนต์อยู่ตลอด แต่เรื่องที่ควรมาก็มาถึงอยู่ดี
อีกทั้งไม่ได้มาแค่คนเดียว
คนขององค์รัชทายาทมา อาจารย์ฮุ้ยจื้อไม่ประหลาดใจ ถึงแม้คนขององค์รัชทายาทไม่ได้พูดถึงเฉินตันจูแม้แต่น้อย เพียงแค่บอกว่าจะเอาพุทธธรรมที่ใส่ในถุงแห่งโชคเหมือนกันสองใบ อีกทั้งยังบอกว่าขอให้องค์ชายห้า
องค์รัชทายาทขอให้องค์ชายห้า ไม่ว่าจะหนึ่งใบหรือสองใบ หรือแม้แต่สามใบ พูดออกไปอย่างไรก็สมเหตุสมผล
หากอาจารย์ฮุ้ยจื้อปฏิเสธ ถึงแม้จะสมเหตุแต่ไม่สมผล อีกทั้งยังทำให้เขากับองค์รัชทายาทเป็นศัตรูกัน…ไม่มีความจำเป็น เขาไม่มีความแค้นกับองค์รัชทายาท
แต่หากองค์รัชทายาทถือพุทธธรรมไปใส่ร้ายเฉินตันจู เฉินตันจูคงมีความแค้นกับเขา เฉินตันจูไม่มีทางปล่อยเขา!
อาจารย์ฮุ้ยจื้อเชิญคนขององค์รัชทายาทออกไป…อย่างไรแล้ว การเขียนพุทธธรรมใส่ในถุงแห่งโชคต้องใช้ความศรัทธา
เมื่อปิดประตูตำหนักใหญ่ เขายืนอยู่หน้าโต๊ะ พยายามครุ่นคิดด้วยความศรัทธาว่าควรทำให้องค์รัชทายาทหรือเฉินตันจูขุ่นเคือง เวลานั้นธูปที่ติดไฟด้านหน้าพระพุทธรูปเหมือนในเวลานี้ แม้แต่ใบหน้าของตนเองก็เลือนราง จากนั้นด้านหลังพระพุทธรูปมีคนหนึ่งโผล่ออกมา
คนผู้นี้เป็นชายหนุ่มอายุน้อย สวมชุดสีน้ำเงิน ถือมีดแบกดาบอีกทั้งยังปิดหน้า เขากระโดดมาตรงหน้าของตนเอง แต่ว่าเขาไม่ได้ปิดบังตัวตน “ท่านมหาราชครู ข้าเป็นองครักษ์ขององค์ชายหก ข้าชื่อเฟิงหลิน” …ไม่รู้ว่าเขาปิดหน้าเพื่อสิ่งใด
องค์ชายหก ถึงแม้อาจารย์ฮุ้ยจื้อแทบจะไม่เคยได้ยินอีกทั้งไม่เคยพบ แต่เมื่อได้ยินชื่อนี้ เขากังวลมากยิ่งกว่าได้ยินชื่อขององค์รัชทายาทเสียอีก
จากปัญญาของเขา คนที่แทบจะไม่ปรากฏตัวต่อหน้าผู้คน แต่ไม่เคยถูกฮ่องเต้หลงลืม…ทุกคนต่างบอกว่าองค์ชายหกป่วยใกล้ตาย แต่หลายปีมานี้ก็ไม่เห็นตาย เห็นได้ชัดว่าไม่ธรรมดา
องค์ชายหกมาทำอันใด คงไม่…
“องค์ชายของพวกเราก็ต้องการขอถุงแห่งโชคใบหนึ่ง” ชายหนุ่มปิดหน้าที่แทนตนว่าเฟิงหลินพูดอย่างตรงไปตรงมา
คำว่า ‘ก็’ นี้ ไม่รู้ว่าหมายถึงฮ่องเต้ขอให้กับท่านอ๋องทั้งสามเท่านั้น หรือหมายถึงองค์รัชทายาทขอให้องค์ชายห้า อาจารย์ฮุ้ยจื้อไม่ถามถึงเรื่องนี้ หากแต่ถามอย่างใจดี “ต้องการขอพุทธธรรมหรือ หนึ่งใบหรือสองใบ”
เขาชี้ไปที่โต๊ะ พู่กัน หมึก กระดาษ หินฝนหมึกและกรรไกรล้วนเตรียมพร้อม ทำท่าเหมือนบอกว่าจะเขียนก็เขียน
“ไม่ต้อง ท่านมหาราชครูไม่ต้องเขียน” ชายหนุ่มที่ปิดหน้าหัวเราะ
เอ๊ะ? อาจารย์ฮุ้ยจื้อมองชายผู้นี้ รอคอยประโยคต่อไปของเขา เป็นไปตามคาด…
ชายหนุ่มที่ปิดหน้ายื่นสี่นิ้วออกมาต่อหน้าเขา บอกกล่าวคำพูดขององค์ชายหก “ท่านมหาราชครูเพียงแค่บอกเนื้อหาพุทธธรรมของบรรดาเสด็จพี่ทั้งสี่ของข้าก็พอ”
อาจารย์ฮุ้ยจื้อยากที่จะรักษาความเรียบเฉยบนใบหน้า บอกเนื้อหาพุทธธรรมของผู้อื่น จากนั้นองค์ชายหกเขียนเองหรือ จากนั้นล้วนใส่ลงไปในถุงแห่งโชคใบเดียว จากนั้น…องค์ชายหกย่อมไม่ได้ทำเพื่อรวบรวมโชคของพี่ชายทั้งสี่ไว้ที่ตัวเอง
“อาตมาขอถาม” อาจารย์ฮุ้ยจื้อจำเป็นต้องทำลายหลักการของตนเอง…หนทางแห่งการเอาตัวรอดที่ดีในการไปมาหาสู่กับเหล่าองค์ชายคือการฟังแต่ไม่ถาม แต่เขากลับถามขึ้น “องค์ชายหกต้องการมอบให้ผู้อื่นหรือ”
ชายหนุ่มปิดหน้ายิ้ม เอ่ยขึ้นอย่างตรงไปตรงมาอีกครั้ง “ใช่ มอบให้คุณหนูตันจู”
คราวนี้สีหน้าของอาจารย์ฮุ้ยจื้อไม่มีการเปลี่ยนแปลง หากแต่แสดงออกถึงความสงบ ใช่ คุณหนูตันจู นอกจากคุณหนูตันจูแล้ว จะมีผู้ใดทำให้องค์ชายมากมายต่างแย่งชิง…
“องค์ชายของพวกข้าทรงมีพระวรกายอ่อนแอ เมื่อทรงขอถุงแห่งโชคเพียงใบหนึ่ง” ชายหนุ่มปิดหน้าถือมีด ก่อนจะตบดาบยาวด้านหลังตัว “อาจารย์ควรเห็นใจ”
เห็นใจนัก อาจารย์ฮุ้ยจื้อมองควันที่ลอยขึ้น มีทั้งมีดมีทั้งดาบ
อีกทั้งคนขององค์ชายหกยังปรากฏตัวขึ้นทันทีหลังจากที่ขันทีขององค์รัชทายาทเอ่ยขอ เห็นได้ชัดว่าองค์ชายหกไม่ปิดบังว่าตนเองกำลังจับตาดูอยู่
เมื่อถึงเวลาเปิดโปงว่าท่านมหาราชครูคนนี้มีความเกี่ยวข้องกับองค์รัชทายาทที่ยังไม่ได้เป็นฮ่องเต้ ไม่ว่าจะด้วยความหวาดกลัวต่ออำนาจหรือละโมบในอำนาจ เขาก็ไม่น่าเชื่อถืออีกต่อไป อนาคตของมหาราชครูของเขาก็จะจบสิ้นลง
องค์ชายหกที่ทรงมีพระวรกายที่อ่อนแอนี้ เขาไม่กล้าเห็นใจเสียจริง
“ท่านมหาราชครู” ชายหนุ่มที่ปิดหน้าวางมีดดาบลง “องค์ชายของพวกข้าตรัสว่า นอกจากความเห็นใจแล้ว องค์ชายยังสามารถช่วยแก้ไขสถานการณ์อันยากลำบากของท่านมหาราชครูได้ เมื่อมีองค์ชาย ท่านมหาราชครูก็ไม่ต้องลำบากใจ”
หืม อาจารย์ฮุ้ยจื้อมองเขาด้วยความผงะเล็กน้อย “ความหมายขององค์ชายหกคือ…”
“เพียงแค่ท่านมหราชครูยอมรับปากคำขอขององค์ชาย เรื่องต่อจากนี้ก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับท่านมหาราชครูแล้ว” ชายหนุ่มที่ปิดหน้าเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา “องค์ชายของพวกข้าจะรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว อีกทั้งเมื่อเทียบกับองค์รัชทายาท องค์ชายของพวกเราเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดสำหรับอาจารย์”
อาจารย์ฮุ้ยจื้อมองไปทางควันธูป ไม่ว่าจะถูกองค์รัชทายาทขอ หรือถูกองค์ชายหกขอ ความหมายในการทำเรื่องนี้แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง คนหนึ่งคืออำนาจ ส่วนอีกคนคือความเมตตา…
แน่นอนว่าสิ่งสำคัญคือคำพูดขององค์ชายหกที่ตรัสว่า เรื่องต่อจากนี้ก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับท่านมหาราชครูแล้ว
เขามองไปยังชายหนุ่มผู้นี้ ราวกับต้องการจะเห็นองค์ชายหกที่อยู่เบื้องหลังเขา องค์ชายหกพบกับเฉินตันจูเพียงไม่กี่ครั้งมิใช่หรือ แต่กลับกล้าทำเช่นนี้เพื่อนาง! บ้าคลั่งเสียยิ่งกว่าองค์ชายสามอีก ตอนนั้นองค์ชายสามช่วยเหลือเฉินตันจูปะทะกับกั๋วจื่อเจี้ยน ถึงแม้จะเหลวไหล แต่สุดท้ายก็เป็นเรื่องที่ดี เขาได้รับความประทับใจจากเหล่าบัณฑิตสามัญชน กลบเกลื่อนชื่อเสียงเสื่อมเสีย
แต่องค์ชายหกผู้นี้มีจุดประสงค์ใดกัน
ดังนั้นเหมือนที่เขาเคยกล่าวเอาไว้ เฉินตันจูร้ายกาจที่สุด อาจารย์ฮุ้ยจื้อไม่มีความสงสัยอีกต่อไป เขาพนมมือ “รอสักครู่ ข้าจะเขียนบัดนี้”
อาจารย์ฮุ้ยจื้อเขียนพุทธธรรมเหมือนกันสองใบตามที่องค์รัชทายาทขอแล้ววางไว้ด้านข้าง จากนั้นจรดพู่กันเขียนพุทธธรรมอีกห้าใบ
“สามใบนี้เป็นของท่านอ๋องทั้งสาม” อาจารย์ฮุ้ยจื้อพูดเสียงเบา “สองใบนี้ อาตมามอบให้องค์ชายห้ากับองค์ชายหก”
องค์ชายทั้งสองไม่ใช่ท่านอ๋องมาขอพร ดังนั้นจึงมอบให้เหมือนกัน เพื่อแยกความแตกต่างจากเหล่าท่านอ๋อง
สมกับเป็นอาจารย์ฮุ้ยจื้อ ชายหนุ่มที่ปิดหน้าพยักหน้า ถกแขนเสื้อ “ข้าคัดลอก…”
แต่อาจารย์ฮุ้ยจื้อยกมือหยุดเอาไว้ “ไม่ต้องหรอก ใช้ใบที่อาตมาเขียนได้เลย”
ชายหนุ่มที่ปิดหน้าส่ายหน้า “ไม่เหมาะสม ไม่เหมาะสม องค์ชายตรัสไว้ว่าต้องเขียนเอง…”
“ข้าเข้าใจ องค์ชายต้องการให้ลายมือแตกต่างกัน” อาจารย์ฮุ้ยจื้อพูดขัดเขาด้วยรอยยิ้ม “ท่านลองดู ลายมือไม่เหมือนกันอยู่แล้ว”
ชายหนุ่มที่ปิดหน้าโน้มตัวดู ก่อนจะพบว่าพุทธธรรมทั้งห้าใบนี้มีลายมือแตกต่างจากพุทธธรรมที่วางอยู่อีกด้าน
“อาจารย์สามารถยิ่งนัก” เขาพูดด้วยรอยยิ้ม “ลายมือหลากหลาย”
พูดพลันเก็บพุทธธรรมห้าใบนี้ขึ้น ในขณะที่กำลังจะหยิบถุงแห่งโชคในกล่องบนโต๊ะ อาจารย์ฮุ้ยจื้อก็ห้ามเขาไว้อีกครั้ง
“องค์ชายหกไม่ควรหยิบไป” เขาพูด พลันหยิบถุงแห่งโชคใบหนึ่งออกมา ใส่พุทธธรรมทั้งห้าใบลงไป จากนั้นถือไว้ในมือ “ข้าจัดการเองจะดีกว่า”
ชายหนุ่มที่ปิดหน้ามองเขาด้วยความตะลึงอยู่สักพัก “อาจารย์ช่างเจรจาง่าย”
ถึงแม้องค์ชายหกจะตรัสเอาไว้ว่าอาจารย์จะรับปากอย่างแน่นอน แต่อีกฝ่ายให้ความร่วมมือเกินความคาดการณ์
“อาจารย์” เขายิ้มอย่างกระจ่าง “ที่แท้ในใจของท่าน องค์ชายของพวกเราน่ากลัวกว่าองค์รัชทายาทหรือ”
อาจารย์ฮุ้ยจื้อกลอกตาท่ามกลางควัน เขาไม่ได้รู้สึกว่าองค์ชายหกน่ากลัวกว่าองค์รัชทายาท องค์ชายหกน่ากลัวกว่าองค์รัชทายาทแล้วอย่างไร เขาก็ทำเพื่อเฉินตันจูมิใช่หรือ คนที่น่ากลัวที่สุดคือเฉินตันจูต่างหาก!
…
เสียงระฆังดังกึกก้อง ควันตรงหน้าของอาจารย์ฮุ้ยจื้อสลายไป ภายในอุโบสถมีเขาเพียงคนเดียว
เขามองแสงที่ทะลุผ่านหน้าต่างเข้ามา คำนวณเวลา เวลานี้ภายในราชวังคงจะคึกคักแล้ว
ก่อนหน้านี้ก็คึกคัก เพียงแต่เป็นความคึกคักของเหล่าท่านอ๋อง แต่เวลานี้คงจะเป็นความคึกคักของเฉินตันจูแล้ว
…
เสียงพูดคุยหัวเราะภายในตำนักถูกขัดจากเสียงฝีเท้าที่เร่งรีบ ขันทีสองคนเดินเข้ามาราวกับลม
ในสถานการณ์ที่สำคัญเช่นนี้ เหตุใดขันทีของฮ่องเต้จึงเสียมารยาทเพียงนี้
คนภายในตำหนักต่างมองหน้ากัน คำนวณจากเวลาคงจะมีการคัดเลือกพระชายาแล้ว แต่ก็ไม่จำเป็นต้องดีใจเพียงนี้หรือไม่ สำหรับฮ่องเต้และบรรดาพระสนม เรื่องนี้ล้วนมีบทสรุปอยู่ก่อนแล้ว
สายตาของทุกคนต่างจับจ้องไป เห็นขันทีสองคนคุกเข่าอยู่ต่อหน้าฮ่องเต้ คนหนึ่งซ้ายคนหนึ่งขวา กำลังพูดบางสิ่งด้วยความร้อนใจ
เริ่มแรกฮ่องเต้แสดงสีหน้าไม่สนใจ จากนั้นผงะ จากนั้นอึมครึม
“เฉินตันจู”
“ตันจู”
“คุณหนูตันจู”
สายตาของทุกคนต่างมองรูปปากของขันทีสองคนนั้น ข้างหูของพวกเขาราวกับเต็มไปด้วยชื่อนี้
จอกสุราถูกฮ่องเต้โยนทิ้งเสียงดัง
“เฉินตันจู…”
…
อาจี๋ที่ยืนอยู่นอกตำหนักตัวสั่น ในขณะที่เขากำลังจะเดินเข้าไปก็ตั้งสติขึ้นได้ ภายในตำหนักล้วนมีแต่บุรุษ ไม่มีสตรีแม้แต่นางเดียว
เกิดเรื่องใดขึ้น
คุณหนูตันจูก่อเรื่องอีกแล้วหรือ
มันถือเป็นการก่อเรื่องหรือไม่ ขันทีจิ้นจงยืนอยู่ในศาลา มองเฉินตันจูที่ถูกคนล้อมเอาไว้ด้วยสีหน้าซับซ้อน สำหรับคนส่วนใหญ่ เฉินตันจูมักจะสร้างปัญหา แต่สำหรับเขาที่อยู่ข้างกายฮ่องเต้นั้น เขาเห็นเพียงความโชคดีของคุณหนูตันจู
ทุกครั้งที่สร้างปัญหาล้วนทำให้ฝ่าบาททรงพึงพอใจ เจริญก้าวหน้าจากการสร้างปัญหา จากบุตรสาวของขุนนางที่มีโทษติดตัวจนถึงกำเริบเสิบสาน ก่อนจะกลายเป็นองค์หญิง คราวนี้นางจะได้เป็นพระชายาอีกหรือ
“เป็นไปได้อย่างไร”
พระสนมเสียนพระสนมสวีเดินออกจากศาลาอย่างนั่งไม่ติด ทำได้เพียงถามประโยคนี้ออกมา
เฉินตันจูมือหนึ่งถือถุงแห่งโชค อีกมือถือพุทธธรรมที่ดึงออกมาจากถุงแห่งโชค ส่ายไปมาเบาๆ “เหตุใดจึงเป็นไปไม่ได้ พระสนม พุทธธรรมนี้หม่อมฉันดึงออกมาต่อหน้าพวกท่าน จะเป็นของปลอมไปได้อย่างไร”
พุทธธรรมพลิ้วไหวตามการสะบัด แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่ามีห้าใบ
มันย่อมเป็นของปลอมไปไม่ได้ สำหรับพระสนมเสียนแล้วยิ่งเป็นอย่างนั้น องค์รัชทายาทให้คนส่งถุงแห่งโชคใบนั้นมากับมือ มัน มันเกิดเรื่องใดขึ้นกันแน่
มันเป็นแผนการขององค์รัชทายาทอย่างนั้นหรือ ให้เฉินตันจูได้พุทธธรรมห้าใบ อีกทั้งยัง…
ในขณะที่นางกำลังครุ่นคิด เฉินตันจูอ่านพุทธธรรมทั้งห้าทีละใบ ถึงแม้คนที่อยู่ในเหตุการณ์ไม่รู้ว่าพุทธธรรมของท่านอ๋องทั้งสามคืออะไร แต่คราวนี้เมื่อจ้องมองใบหน้าของพระสนมเสียน พระสนมสวีรวมทั้งท่านอ๋องทั้งสาม พวกนางสามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน พระสนมเสียนตกตะลึง พระสนมสวีกังวล ท่านอ๋องเยียนถลึงตา ท่านอ๋องฉียิ้ม ท่านอ๋องหลู…ท่านอ๋องหลูแทบจะมุดหัวลงไปในคอ ยังคงไม่มีผู้ใดเห็นสีหน้าของเขาได้
ท่านอ๋องทั้งสามเลือกพระชายา แต่เหตุใดพุทธธรรมจึงมีห้าใบ
“ก่อนหน้านี้ได้ยินว่าองค์รัชทายาททรงขอถุงแห่งโชคให้องค์ชายห้ากับองค์ชายหกด้วย ในนั้นก็มีพุทธธรรม”
ไม่นานนักก็มีคนบอกข่าวล่าสุด อีกทั้งยังมีคนแอบกระซิบถามพระชายาองค์รัชทายาท “เรื่องจริงหรือเพคะ”
พระชายาองค์รัชทายาทผลุดลุกขึ้นจากที่นั่ง พยายามฝืนยิ้มออกมา นี่คือแผนการขององค์รัชทายาทหรือ
ไม่ได้เหมือนกับขององค์ชายห้าผู้เดียวหรือ เหตุใดจึงยังเหมือนกับองค์ชายทั้งหมดอีก อย่างนั้นเฉินตันจูจะสมรสกับผู้ใด
นางไม่รู้ควรทำอย่างไร องค์รัชทายาทรับสั่งนางเพียงเรื่องเดียว นางต้องยิ้มต่อไปหรือซักถาม นางเองก็ไม่รู้
“อันที่จริงหม่อมฉันไม่ประหลาดใจแม้แต่น้อย” หญิงสาวที่ถูกคนล้อมรอบยิ้มอย่างสดใสราวกับดวงดาวเปล่งประกาย รูปกายของนางยืดยาวราวกับต้นหลิว มือหนึ่งถือถุงแห่งโชค อีกมือถือพุทธธรรมห้าใบสะบัดไปมา “หลายปีนี้หม่อมฉันสักการะพระพุทธเจ้า อย่างจริงใจ หม่อมฉันถวายปัจจัยกองสูงเท่าภูเขา สวรรค์มีตาเสียจริง…”
เหมือนว่าสวรรค์จะคนละตระกูลกับพระพุทธเจ้า คนรอบด้านต่างฟังด้วยความตกตะลึง
ฮ่องเต้ที่เสด็จมาเกือบกระอักเลือด เฉินตันจู! ดูท่าทางโอหังของเจ้า หากสวรรค์มีตา เจ้าคงถูกฟ้าผ่าไปแล้ว
แต่เวลานี้ คำว่าเฉินตันจูถูกฮ่องเต้กัดอยู่ในปากอย่างหนัก เวลานี้ตะโกนไม่ได้ คราวนี้ตะโกนไม่ได้ ยิ่งต่อว่านางต่อหน้าผู้อื่นยิ่งวุ่นวาย
โชคดีที่ขันทีจิ้นจงฉลาด เขาเฝ้าอยู่ตรงนี้ไม่ได้ไปทูลรายงานต่อฮ่องเต้ด้วยตนเอง ตาดูหกถนนหูฟังแปดทิศ ทันใดนั้นเขาก็เห็นฮ่องเต้เสด็จมา
“ฝ่าบาทเสด็จ!” เขาตะโกนเสียงดัง เสียงของเขาถูกส่งเข้าไปในหูของทุกคน กลบเกลื่อนการโอ้อวดของเฉินตันจู
ทุกคนต่างตั้งสติ หันกลับมาถวายบังคมน้อมรับเสด็จ