แม่ปากร้ายยุค​ 80 [八零辣妈飒爆了] – ตอนที่425 แม่ฟู่เฉียงรับการผ่าตัด

ตอนที่425 แม่ฟู่เฉียงรับการผ่าตัด

ตอนที่425 แม่ฟู่เฉียงรับการผ่าตัด

หลังจากที่เหรินเป่าจูไปแล้ว หลินม่ายก็โทรศัพท์หาหนิวลี่ลี่ ถามหล่อนว่าจะตีพิมพ์เนื้อหาในการสัมภาษณ์กวนหย่งหัวเมื่อไร

หนิวลี่ลี่ประหลาดใจเล็กน้อย “คุณอยากให้เนื้อหาพวกนั้นถูกตีพิมพ์เหรอคะ ฉันยังไม่ได้เอาเนื้อหาพวกนั้นมาเขียนเป็นบทความเลย ทำไมคุณถึงอยากให้เนื้อหาพวกนั้นตีพิมพ์ล่ะคะ? คุณก็ได้เทปที่ฉันแอบบันทึกเสียงไปแล้วไม่ใช่เหรอ?”

หลินม่ายอธิบาย “ฉันกลัวว่าถ้าเอาเทปนั้นไปขึ้นศาลฟ้องร้องกวนหย่งหัวโดยตรง คนอื่นจะคาดเดาความสัมพันธ์ของคุณกับฉัน ซึ่งไม่เป็นการดีต่อทั้งคุณและฉันด้วย แต่ถ้าบทความที่คุณสัมภาษณ์กวนหย่งหัวเผยแพร่บนหนังสือพิมพ์แล้ว ฉันอ่านหนังสือพิมพ์และไปฟ้องร้องเขาที่ศาล นั่นย่อมเป็นเรื่องปกติอย่างยิ่ง ก็จะไม่มีใครเอาไปวิจารณ์มั่วๆ”

“ได้เลย ฉันเข้าใจแล้ว พรุ่งนี้ฉันจะให้บทความที่สัมภาษณ์กวนหย่งหัวตีพิมพ์ลงหนังสือพิมพ์ค่ะ”

หลินม่ายหยักยิ้มมุมปาก “พอบทความของคุณตีพิมพ์ลงหนังสือพิมพ์ พรุ่งนี้ตอนบ่ายฉันจะไปร้องเรียนที่สำนักหนังสือพิมพ์ของคุณ อีกทั้งยังให้คุณตามฉันไปที่ศาลเพื่อฟ้องร้องกวนหย่งหัวด้วยกัน วันมะรืนเรื่องที่ฉันร้องเรียนและฟ้องร้องกวนหย่งหัวได้ตีพิมพ์ลงหนังสือพิมพ์แล้ว คุณก็ติดตามรายงานข่าวต่อเลย คงจะสร้างกระแสที่ร้อนแรง และเพิ่มยอดขายหนังสือพิมพ์ให้พวกคุณได้ด้วย”

ตอนนี้มีการปฏิรูปเปิดประเทศแล้ว สำนักหนังสือพิมพ์เองก็เริ่มต้นแนวทางรับผิดชอบต่อผลกำไรและขาดทุนด้วยตัวเองแล้ว

เมื่อเป็นเช่นนี้ ทำให้ยอดขายนั้นมีความสำคัญอย่างยิ่ง

เพราะต้องมียอดขายสูงๆ เท่านั้น โฆษณาที่ดึงเข้ามาถึงจะมากขึ้น ผลประโยชน์กำไรของสำนักหนังสือพิมพ์จึงจะดีไปด้วย

หากอยากจะให้หนังสือพิมพ์มียอดขายดี ก็ต้องมีข่าวที่ประชาชนทั่วไปให้ความสนใจ

หลินม่ายรู้สึกว่าประชาชนทั่วไปจะต้องสนใจการต่อสู้ของบริษัทเอกชนในท้องถิ่นกับบริษัทลงทุนจากฮ่องกงอย่างแน่นอน

หนิวลี่ลี่พูดอย่างเห็นด้วย “ได้เลยค่ะ ถ้าคุณดำเนินการแบบนั้น มันก็ง่ายมากที่ฉันจะยื่นบทความการสัมภาษณ์กวนหย่งหัวให้ผ่านการตรวจสอบ”

หล่อนเป็นเพียงนักข่าว เนื้อหาของการสัมภาษณ์ บทความที่เขียน ล้วนต้องผ่านการตรวจสอบจากกองบรรณาธิการ

มีแต่ต้องผ่านการตรวจสอบแล้วเท่านั้น วันถัดไปถึงจะตีพิมพ์ได้

ถึงแม้จะผ่านการตรวจสอบแล้ว แต่จะได้อยู่หน้าไหนและอยู่ในตำแหน่งใดของหน้า ล้วนแต่มีความสำคัญทั้งนั้น

ข่าวที่เป็นจุดสนใจ จะได้ครอบครองพื้นที่ขนาดใหญ่และตำแหน่งที่ดีกว่าสักหน่อย

แม้หนิวลี่ลี่จะรับปากกับหลินม่ายว่าจะให้บทความสัมภาษณ์กวนหย่งหัวตีพิมพ์ในวันพรุ่งนี้ แต่ภายในใจก็ไม่ได้มีความมั่นใจเต็มร้อย

เตรียมการเสร็จหมดแล้ว ถ้าบทความไม่ผ่านการตรวจสอบ หล่อนก็จะหว่านล้อมบรรณาธิการให้ช่วยตรวจสอบให้ผ่าน

แต่หลินม่ายให้ติดตามรายงานข่าวเรื่องการฟ้องร้องกวนหย่งหัวของหล่อน ต่อให้ใช้หัวแม่เท้าคิด ก็ยังรู้ว่ามันจะกลายเป็นประเด็นร้อนแน่นอน

คนที่ให้ความสนใจยิ่งมาก ยอดขายก็จะยิ่งดี บรรณาธิการคงไม่ขัดขวางไม่ให้บทความของหล่อนได้ตีพิมพ์หรอก

หลังจากวางสายไปแล้ว หลินม่ายก็รีบไปที่โรงพยาบาลอย่างเร่งร้อน

แม้ฟู่เฉียงจะไม่อยากให้เธอไปรอเป็นเพื่อนเขาที่โรงพยาบาลจนแม่ของเขาผ่าตัดเสร็จสิ้น แต่ในเมื่อตนเองมีเวลา หลินม่ายจึงตัดสินใจไปอยู่เป็นเพื่อนเขา

ถึงยังไงมีฟางจั๋วหรานเป็นหมอผ่าตัดให้แม่ของเขา ทั้งกำลังกายและฝีมือล้วนไม่มีปัญหา

แต่ใครจะสามารถรับประกันได้เล่าว่าการผ่าตัดจะประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน?

ถึงอย่างไรฟางจั๋วหรานก็ไม่ใช่เทพเซียน

บางทีมันอาจจะล้มเหลวก็ได้นี่นา?

ตนอยู่ตรงนั้น อย่างไรก็สามารถปลอบขวัญเด็กหนุ่มได้ทันการล่ะนะ

ตอนที่หลินม่ายมาถึงโรงพยาบาลอย่างเร่งร้อน ก็เป็นเวลาสิบโมงกว่าแล้ว

แม่ฟู่เฉียงถูกเข็นเข้าห้องผ่าตัดไปตั้งแต่เก้าโมงเช้า จึงอยู่ในห้องผ่าตัดมาหนึ่งชั่วโมงกว่าแล้ว

ที่หลินม่ายเห็นนั้น ไม่ได้มีเพียงฟู่เฉียงที่เฝ้ารออยู่หน้าห้องผ่าตัดเท่านั้น พ่อของเขาเองก็เฝ้ารออยู่ด้วยเช่นกัน

สองพ่อลูกต่างก็จ้องมองไปที่ประตูห้องผ่าตัดอย่างกระวนกระวายใจ

คุณปู่คุณย่าฟางคนแก่ทั้งสองนั้นไม่สนอายุอานาม แล้ววิ่งมาอยู่เป็นเพื่อนเขาสองพ่อลูก

คนทั้งสี่ไม่มีใครพูดอะไรออกมา ทั้งหมดต่างมีสีหน้าเคร่งขรึม

กระทั่งหลินม่ายเดินไปยังเบื้องหน้าของพวกเขา คุณย่าฟางถึงได้สังเกตเห็นเธอ พลันพูดขึ้น “เธอมาแล้วเหรอ?”

หลินม่ายพยักหน้า แล้วนั่งลงข้างกายคุณย่าฟาง

พ่อฟู่เฉียงได้ยินเช่นนั้น ก็หันหน้ามาแล้วส่งยิ้มให้หลินม่ายอย่างเป็นมิตร

ฟู่เฉียงพูดอย่างรู้สึกผิด “อาหญิงยุ่งขนาดนั้น ไม่จำเป็นต้องมาก็ได้จริงๆ นะครับ”

หลินม่ายส่งยิ้มให้เขา “ฉันก็มาแล้ว เธอยังจะไล่ฉันกลับไปอีกเหรอ?”

ฟู่เฉียงฝืนแย้มรอยยิ้มจางๆ ออกมา

หลินม่ายถามทุกคน “อาการของแม่ฟู่เฉียงตอนนี้เป็นยังไงบ้างคะ?”

ฟู่เฉียงได้ยินคำพูดนั้น สีหน้าก็กลายเป็นท้อแท้หดหู่ เขาพูดพลางสะอื้นไห้ “เมื่อกี้นี้มีพยาบาลคนหนึ่งออกมา พวกเราถามหล่อนว่าอาการของแม่ผมเป็นยังไงบ้าง หล่อนบอกว่าย่ำแย่มากเลยครับ”

หลินม่ายให้กำลังใจเขา “อาการไม่ดี ก็ไม่ได้หมายความว่าผลลัพธ์จะไม่ดีเสียหน่อย พวกเราจะต้องมีความเชื่อมั่นสิ”

ฟู่เฉียงพยักหน้าอย่างหนักแน่น

จนถึงตอนเที่ยง ประตูของห้องผ่าตัดจึงเปิดออกในที่สุด

ฟู่เฉียงพ่อลูกทั้งสองพุ่งนำหน้าเข้าไปในทันที

ฟู่เฉียงถามอย่างทนรอไม่ไหว “ศาสตราจารย์ฟาง แม่ของผมตอนนี้อาการเป็นยังไงบ้างครับ?”

ในตอนนั้นหลินม่ายเองก็ตามเข้ามาด้วย เห็นแม่ของฟู่เฉียงยังไม่ได้ถูกคลุมผ้าขาว อย่างนั้นก็คงไม่เป็นอะไรแล้ว จึงถอนหายใจอย่างโล่งอก

ฟางจั๋วหรานถอดหน้ากากออก แล้วพูดกับฟู่เฉียงสองพ่อลูก “การผ่าตัดประสบความสำเร็จอย่างมาก ขอแค่ผ่านพ้นการติดเชื้อไปแล้ว ก็จะฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว”

ฟู่เฉียงพ่อลูกร้องไห้ด้วยความดีใจ ทั้งกระโดดโลดเต้นและขอบคุณฟางจั๋วหรานไม่หยุด

ฟางจั๋วหรานโบกมือ “ไม่ต้องขอบคุณหรอกครับ นี่เป็นหน้าที่ในงานของผมอยู่แล้ว”

หลังจากเสร็จสิ้นการฆ่าเชื้อหลังการผ่าตัดและถอดเสื้อกาวน์ออก ฟางจั๋วหรานก็กลับบ้านพร้อมกับหลินม่ายและคนอื่นๆ

หลินม่ายเรียกให้ฟู่เฉียงกลับไปกินอาหารเที่ยงด้วยกันกับพวกเขา

ฟู่เฉียงที่เกาะหน้าต่างห้อง ICU จ้องมองแม่ของเขาอยู่ด้วยกันกับพ่อ ทันใดนั้นจึงได้สติกลับมา เขาส่งพ่อกลับห้องผู้ป่วย แล้วกลับบ้านไปด้วยกันกับพวกเขา

ฟู่เฉียงไม่ได้เรียนแม้แต่ระดับชั้นประถมศึกษา ความเข้าใจในสิ่งต่างๆ จึงน้อยนิดโดยธรรมชาติ โดยเฉพาะในด้านวิชาการแพทย์

เขาถามอย่างเป็นกังวล “อาฟาง หมอประจำตัวของแม่ผมบอกว่า ช่วงสองสามวันนี้ไม่ต้องส่งอาหารให้แม่ของผม ถ้าแม่ผมหิวอยู่หลายวัน ร่างกายจะรับไหวเหรอครับ? จะทำให้อาการแย่ลงหรือเปล่า?”

หลินม่ายค่อนข้างประหลาดใจ ที่ทำคือการผ่าตัดสมอง ไม่ใช่การผ่าตัดภายในร่างกายเสียหน่อย

ไม่น่าจะกระทบต่อการกินอาหาร ทำไมถึงไม่สามารถกินข้าวได้ล่ะ

ฟางจั๋วหรานส่ายหน้า “แม่เธอจะไม่หิวมากหรอก อาการก็ไม่แย่ลงด้วย คุณหมอจะฉีดสารอาหารให้ทางกระแสเลือด ภายในสองสามวันหลังการผ่าตัดไม่ให้แม่ของเธอกินข้าว ก็เพื่อตัวของแม่เธอเอง ตอนนี้ร่างกายของหล่อนอ่อนแอเกินไป การกินข้าวจะเพิ่มภาระให้กับร่างกายของหล่อน ไม่ดีต่อการฟื้นตัวด้วย หมอเจ้าของไข้จัดการยังไง เธอแค่ให้ความร่วมมือก็พอแล้วล่ะ”

ฟู่เฉียงพยักหน้า

หลินม่ายพูดกับเขา “อาการป่วยของพ่อเธอดีขึ้นนิดหน่อยแล้วไม่ใช่เหรอ? อาเห็นวันนี้เขาก็สามารถเดินเองได้แล้ว”

ฟู่เฉียงพยักหน้า “ดีขึ้นมากแล้วครับ หมอประจำตัวของพ่อผมบอกว่า ถ้าเสร็จสิ้นระยะการรักษาบำบัดและกำจัดแบคทีเรียออกไปได้แล้ว ก็ออกจากโรงพยาบาลได้แล้วครับ”

คุณปู่คุณย่าฟางต่างก็ดีใจแทนเขา “อย่างนั้นก็เยี่ยมเลย รอให้พ่อของเธอกลับมาแข็งแรงแล้ว ภาระบนบ่าของเธอก็จะไม่หนักขนาดนั้นอีก”

น้าหวงได้ทำอาหารเที่ยงเอาไว้เรียบร้อยแล้ว และกำลังรออยู่ในห้องรับแขก กระทั่งหลินม่ายและคนอื่นๆ กลับมากันแล้ว หล่อนถึงจากไป

ฟู่เฉียงกินอาหารเที่ยงอย่างรวดเร็วและมูมมามเป็นพิเศษ

คุณย่าฟางเห็นแล้วก็ขมวดคิ้ว “เธอกินเร็วขนาดนี้ ไม่กลัวปวดท้องเอาเสียเลย เธอยังเด็กขนาดนี้ จะให้มีปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะอาหารไม่ได้เด็ดขาดนะ”

เมื่อนั้นฟู่เฉียงถึงชะลอความเร็วในการกินข้าวลงเล็กน้อย

เขาอธิบายอย่างเขินๆ “ผมอยากกินเสร็จไวๆ จะได้ไปเยี่ยมคุณแม่เร็วๆ น่ะครับ ตอนที่พวกเรากลับมาท่านยังไม่ตื่นเลย”

เมื่อกินมื้อเที่ยงเสร็จ ฟางจั๋วหรานกำลังจะเก็บกวาดตะเกียบจานชาม หลินม่ายกลับผลักเขาขึ้นไปชั้นบน “ทำการผ่าตัดมาทั้งช่วงเช้าแล้ว อย่าว่าแต่พลังสมองเลย พลังกายคุณก็ยังใช้ไปไม่น้อย ยืนอยู่ตั้งหลายชั่วโมงคงจะเหนื่อยแล้ว รีบขึ้นไปพักผ่อนเถอะค่ะ”

แต่ฟางจั๋วหรานกลับจะแย่งเธอล้างชามให้ได้ “เหนื่อยสักแค่ไหน แค่ล้างจานก็ไม่มีปัญหาหรอก”

หลินม่ายยื้อยุดพยายามผลักเขาขึ้นไปชั้นบน

คุณปู่คุณย่าฟางเห็นแล้วก็ชื่นใจ

ทั้งสองคนรักใคร่กันขนาดนี้ ต่อไปอยู่ด้วยกันต้องมีความสุขอย่างแน่นอน

หลินม่ายผลักฟางจั๋วหรานไปจนถึงห้องของเขา เมื่อเห็นเขานอนลงบนเตียงและหลับตาลงแล้ว เธอถึงจากไปอย่างพึงพอใจ

ฟางจั๋วหรานลืมตาขึ้น แอบมองเธอเดินออกไป มุมปากยกโค้งขึ้น และหลับตาลงอีกครั้งด้วยความหวานชื่นสุขใจ

หลินม่ายลงไปล้างชามที่ห้องครัว แต่กลับเห็นคุณปู่คุณย่าฟางกำลังล้างชามอยู่

เธอรีบผลักพวกเขาออกไปข้างนอกอย่างเบามือ “คุณปู่คุณย่าออกไปเลยค่ะ นี่มันงานที่ฉันแย่งมาอย่างยากลำบาก พวกท่านจะมาแย่งฉันไม่ได้นะคะ”

คุณปู่คุณย่าฟางต่างก็แย้มยิ้ม “พวกเราไม่ได้แย่งนะ เราแค่คิดว่าเธอทั้งยุ่งทั้งเหนื่อยอยู่ทุกวัน ย่ากับปู่ของเธอก็ไม่มีอะไรทำ ล้างชามสักหน่อย เช็ดโต๊ะสักนิด เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ทำได้อยู่แล้ว ได้ออกกำลังกายกล้ามเนื้อและกระดูกพอดีเลย เธอขวางเราไม่ได้หรอกนะ”

หลินม่ายพูด “ถ้าคุณปู่คุณย่าอยากจะกำลังกายกล้ามเนื้อและกระดูก ไปเดินเล่นในสวนก็ได้ค่ะ จานชามเดี๋ยวฉันล้างเอง”

………………………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

ยินดีด้วยที่การผ่าตัดประสบความสำเร็จ ต่อไปแม่คงจะจำอะไร ๆ ได้แล้วนะฟู่เฉียง

พี่หมอแอบขี้โกงเหรอคะ เห็นนะว่าแกล้งหลับ

ไหหม่า(海馬)

แม่ปากร้ายยุค​ 80 [八零辣妈飒爆了]

แม่ปากร้ายยุค​ 80 [八零辣妈飒爆了]

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท