สืออีเหนียงไม่ได้ตื่นเต้นกับวันเกิดของตัวเองสักนิด
เมื่อก่อนบิดามารดาของนางจะให้ของขวัญราคาแพงแก่นาง แต่นอกจากของขวัญนั้นแล้วก็ดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรแตกต่างไปจากวันปกติ คนอื่นๆ ยังได้พูดกับมารดาของตัวเองว่า ‘วันเกิดของลูกเป็นวันที่แม่ทรมานมากที่สุด’ แต่นางไม่มีแม้แต่คนให้พูดด้วย จึงไม่ได้มีความคาดหวังอะไรเป็นพิเศษ
ต่อมาได้ใช้ชีวิตอยู่กับสวีลิ่งอี๋ ในปีแรกเป็นพิธีปักปิ่นของนาง เขามอบป้ายหยกซานหยางให้แก่นาง เป็นหยกคุณภาพชั้นดีและแกะสลักอย่างดี นางชอบมากจึงแขวนไว้ที่เข็มขัด ในปีถัดมาเขาถามนางว่า ‘มีอะไรอยากได้เป็นพิเศษหรือไม่’ ในความเข้าใจของนาง คนอื่นเป็นคนมอบของขวัญให้ หากตัวเองยื่นมือขอก็จะทำให้หมดความหมาย จึงยิ้มแล้วตอบว่า ‘เป็นเพียงแค่วันเกิดเล็กๆ ท่านโหวไม่จำเป็นต้องใช้เงินมากมาย’ สวีลิ่งอี๋ก็ไม่ได้ซักถามอะไรอีก ไม่กี่วันก็ได้มอบปิ่นปักผมทองคำทำมืออย่างพิถีพิถันให้แก่นางล่วงหน้า ก็ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ ปีนี้ก็ถามคำถามเดิม สิ่งที่เพิ่มเติมคือแฝงไว้ด้วยรสชาติของการที่ทำภารกิจสำเร็จ
สืออีเหนียงยิ้มแล้วพูดว่า “ก็ไม่ได้ขาดเหลืออะไร ท่านโหวไม่ต้องใส่ใจเรื่องนี้หรอกเจ้าค่ะ”
สวีลิ่งอี๋พยักหน้าแล้วไม่ได้พูดอะไรอีก ผ่านไปสองวันก็มอบปิ่นปักผมสีทองลายดอกกล้วยไม้หยกให้นาง
ปิ่นปักผมสองอันวางไว้ด้วยกัน ความสั้นยาว ฝีมือและสัดส่วนไม่แตกต่างกันมากนัก หากไม่ใช่เพราะสีต่างกันก็คงจะดูเหมือนเป็นปิ่นปักผมคู่ สืออีเหนียงสงสัยว่าสวีลิ่งอี๋ทำทีเดียวแปดเก้าอันหรือไม่ เพียงแต่ว่าลวดลายบนหัวปิ่นแตกต่างกัน ปีต่อๆ ไปก็นำมามอบให้ปีละอันก็พอแล้ว
ดังนั้นนางจึงได้ให้หู่พั่วกำชับให้คลังเรือนนอกช่วยนางทำกล่องยาวสีม่วงหนึ่งกล่อง ด้านในบุด้วยผ้ากำมะหยี่สีแดง นำปิ่นปักผมทั้งสองอันมาวางเรียงกันในกล่อง
“มาดูกันว่าข้าจะได้รับปิ่นปักผมทั้งหมดกี่อัน!” นางมองไปยังพื้นที่ว่างเปล่าในกล่องแล้วปิดกล่องด้วยรอยยิ้ม ส่งให้หู่พั่ว “เอาไปเก็บ”
หู่พั่วยิ้มรับคำแล้วออกไป
หลังจากนั้นโจวฮูหยินก็มาเยี่ยมเยียน
“เด็กคนนี้ซนจริงๆ!” เห็นว่าสืออีเหนียงไม่ได้ดูอวบอ้วนเหมือนหญิงตั้งครรภ์ แต่กลับผอมลงกว่าแต่ก่อนเล็กน้อย จึงรู้ได้ว่านางยังไม่ดีขึ้น ยิ้มแล้วพูดว่า “ชอบทานของเปรี้ยวหรือชอบทานของหวาน”
“เปรี้ยวๆ หวานๆ ข้าก็ชอบทั้งนั้น!”
ทั้งสองคนยิ้มพลางพูดคุยกัน โจวฮูหยินหยิบกล่องไม้สีแดงสลักทองออกมา “อีกสองวันก็จะเป็นวันเกิดเจ้าแล้ว ข้ากลัวว่าจะไม่มีเวลาว่าง ถือเสียว่าข้าฉลองให้เจ้าล่วงหน้าก็แล้วกัน!”
วันเกิดของสืออีเหนียงตรงกับเทศกาลไหว้บ๊ะจ่างพอดี
นางยิ้มพลางกล่าวขอบคุณ ให้หู่พั่วนำไปเก็บแล้วชวนโจวฮูหยินอยู่ทานข้าวต่อ
“ร่างกายเจ้าเป็นเช่นนี้ ควรพักผ่อนให้มากๆ!” โจวฮูหยินยืนกรานว่าจะกลับ “รอคลอดแล้วพวกเราค่อยมาฉลองด้วยกัน” จากนั้นก็ไปคารวะไท่ฮูหยินแล้วกลับจวนองค์หญิง
โจวฮูหยินพึ่งจะออกไป คุณนายใหญ่สกุลหลินก็มาพอดี
“หลายครอบครัวอยู่ด้วยกัน ทานอาหาร นึ่งหมั่นโถวก็ต้องนึ่งทั้งหมดห้าเข่ง แล้วยังต้องส่งเสื่อไม่ไผ่กับพัดไปให้ฮุ่ยเจี่ยเอ๋อร์อีก วันเกิดเจ้าข้าคงมาไม่ได้แล้ว ผ่านไปอีกสักพัก หากมีเวลาว่างพวกเราค่อยมานั่งคุยกัน”
พูดจบก็มอบปิ่นปักผมผ้ากำมะหยี่ลายห้าอสรพิษให้นาง
แมงมุมและแมงป่องทำได้เหมือนจริงมาก สวีซื่อเจี้ยเห็นแล้วยังส่งเสียงร้องตกใจพลางหลบอยู่ในอ้อมแขนของสืออีเหนียง ทุกคนเห็นดังนั้นก็พากันหัวเราะ
สืออีเหนียงเอาปิ่นปักผมมาให้เขาดู “มันเป็นของปลอม เจ้าลองจับดู ขนนุ่มๆ สนุกจะตายไป”
เขาค่อยๆ ยื่นนิ้วเล็กๆ ออกมาสัมผัสด้วยความหวาดกลัว เห็นว่าขาของแมงมุมสั่นเล็กน้อย ก็ตกใจมุดเข้าไปในอ้อมแขนของสืออีเหนียงอีกครั้ง อีกสักพักก็เงยหน้าขึ้นมา รวบรวมความกล้าลองสัมผัสอีกครั้ง พบว่าแมงมุมตัวนั้นเพียงแค่ขยับ ไม่ได้คลานไปไหน ความกล้าก็ค่อยๆ เพิ่มมากขึ้นจึงใช้นิ้วลูบที่หลังของแมงมุม เป็นอย่างที่สืออีเหนียงพูดไว้ ขนนุ่มๆ ลูบแล้วสนุกเป็นอย่างมาก ความกล้าก็ยิ่งมีมากขึ้นกว่าเดิม หยิบปิ่นปักผมไปสำรวจดูอย่างละเอียด ซื่อสี่ยกผลซิ่งสีเหลืองอร่ามเข้ามาพอดี สวีซื่อเจี้ยเหลือบไปเห็นจึงยื่นปิ่นปักผมไปให้ ทันใดนั้นซื่อสี่ก็เห็นแมงมุมสีดำยื่นเข้ามาใกล้ ไหนเลยจะมีเวลามาแยกของจริงของปลอม ตกใจจนหน้าซีดแล้วร้องเสียงดัง จานรองในมือตกลงพื้นแตกกระจายหลายแผ่น ผลซิ่งกลมๆ กลิ้งอยู่ที่พื้น
ลี่ว์อวิ๋นอุทานออกมา “ไอ๊หยา” รีบนั่งลงเก็บผลซิ่ง บรรดาสาวใช้น้อยเห็นดังนั้นก็นั่งลงช่วยนางเก็บ
สวีซื่อเจี้ยคิดไม่ถึงว่าจะเป็นเช่นนี้เลยตกใจยืนแน่นิ่งอยู่ตรงนั้น
สืออีเหนียงเห็นว่าไม่ควรตำหนิจึงดึงสวีซื่อเจี้ยมากอดไว้พลางยิ้มแล้วพูดกับซื่อสี่ที่ยืนตัวสั่น ท่าทางอยากจะร้องไห้แต่ก็ไม่กล้าร้องออกมา “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร แค่เอาผลซิ่งไปล้างก็พอแล้ว” จากนั้นก็ก้มหน้าพูดกับสวีซื่อเจี้ยว่า “เจ้าดูสิ ก่อเรื่องจนได้ ต่อไปอย่าทำให้ใครตกใจเช่นนี้อีก!”
สวีซื่อเจี้ยพึ่งจะได้สติกลับมา พยักหน้าพลางรีบเข้าไปจับมือซื่อสี่ ยื่นปิ่นปักผมให้นางดู “เจ้าดูสิ มันเป็นของปลอม!”
ซื่อสี่ตกใจเดินถอยไปหลายก้าว จากนั้นจึงกล้าที่จะมองสิ่งที่สวีซื่อเจี้ยถืออยู่ในมือ
เมื่อเห็นว่าเป็นเพียงปิ่นปักผมก็หยุดร้องไห้แล้วยิ้มออกมา “คุณชายน้อยห้า ท่านทำบ่าวตกใจนะเจ้าคะ!”
สวีซื่อเจี้ยก้มหน้าลงด้วยความรู้สึกผิด
มีสาวใช้น้อยเข้ามารายงานว่า “เหวินอี๋เหนียงมาเจ้าค่ะ!”
“ให้นางเข้ามา!”
เหวินอี๋เหนียงเปิดผ้าม่านเดินเข้ามา ด้านหลังยังมีชิวหงที่มวยผมขึ้นสองข้าง สวมเสื้อกั๊กยาวสีเขียวเสื้อด้านในสีแดง
“เกิดอะไรขึ้น” นางยิ้มพลางกวาดสายตามอง “ใครกันที่ไม่ระวังเช่นนี้”
สืออีเหนียงชี้ไปที่เก้าอี้ที่อยู่ด้านหน้าเตียงเตาให้เหวินอี๋เหนียงนั่งลง “เจี้ยเกอเอาปิ่นปักผมห้าอสรพิษที่คุณนายใหญ่หลินให้มา ทำให้คนตกใจ!”
นางอธิบายอย่างสั้นๆ ภายในหนึ่งประโยคแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “เหตุใดวันนี้จึงได้มีเวลามานั่งเล่นกับข้าที่นี่” แต่กลับมองไปที่ชิวหงอย่างรู้ทัน นางกำลังก้มเก็บผลซิ่งกับบรรดาสาวใช้น้อยคนอื่นๆ นางเก็บอย่างรวดเร็วและคล่องแคล่ว
“อีกไม่กี่วันก็จะเป็นวันเกิดของฮูหยินแล้ว” เหวินอี๋เหนียงมองตามสายตาของสืออีเหนียง ยิ้มแล้วพูดว่า “ไม่รู้ว่าจะมอบอะไรให้ดี พอดีว่าสองวันก่อนเห็นว่าหู่พั่วปักผ้าเช็ดหน้าให้ท่าน ท่านก็รู้ว่าฝีมือเย็บปักของข้าไม่ค่อยดี ข้าจึงให้ชิวหงช่วยปักผ้าเช็ดหน้าสองสามผืน ฝีมือไม่ละเอียดอ่อน ไม่เป็นรูปเป็นร่างเท่าไร แต่ก็เป็นความตั้งใจของพวกเรา” พูดพลางหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมา
สีขาวนวลจันทร์ สีฟ้าอ่อน สีเขียวทะเลสาบ…ล้วนเป็นสีเรียบๆ ที่สืออีเหนียงชอบใช้ ไหนจะลวดลายเป็ดน้อยสีเหลือง ไหนจะปักดอกบัวเล็กๆ ที่มุมผ้าเช็ดหน้าอย่างพิถีพิถัน
สืออีเหนียงประหลาดใจเล็กน้อย
เหวินอี๋เหนียงก็ไม่ได้ปิดบังอะไร “ข้าให้ปิ่นจวี๋ช่วยวาดลวดลายให้”
สืออีเหนียงยิ้มพลางรับมา
เหวินอี๋เหนียงเรียกชิวหง “ยังไม่รีบคำนับฮูหยินอีก ฝีมือเย็บปักของฮูหยินไม่เป็นสองรองใครในเยี่ยนจิง การที่ฮูหยินรับงานปักของเจ้าถือว่าเป็นวาสนาของเจ้า”
ชิวหงเขินอายเล็กน้อย เข้าไปคำนับสืออีเหนียง
สืออีเหนียงสำรวจดูนางอย่างละเอียด
แต่งกายสะอาดสะอ้าน หน้าตาดูดี ท่าทางดูเขินอาย
สืออีเหนียงเอ่ยชมนาง “ผ้าเช็ดหน้านี้ เจ้าปักได้ดีมาก!”
“เจ้าค่ะ!” ชิวหงพูดด้วยความประหม่า “บ่าวใช้เวลาปักอยู่หลายวันเจ้าค่ะ”
เป็นคำตอบที่ซื่อสัตย์มาก
สืออีเหนียงยิ้ม ให้หู่พั่วไปหยิบแหวนทองใบหลิ่วหนึ่งคู่ในลิ้นชักที่หน้ากระจกมามอบเป็นรางวัลให้ชิวหง
ชิวหงรีบย่อเข่าคำนับพลางกล่าวขอบคุณแล้วไปยืนข้างหลังเหวินอี๋เหนียง
เหวินอี๋เหนียงคุยกับสืออีเหนียงอยู่นาน พอฮูหยินสามสกุลหวงจวนหย่งชังโหวมานางก็ลุกขึ้นกล่าวลา
เมื่อออกมาจากเรือนหลัก ชิวหงก็เอามือกุมหน้าอกพลางถอนหายใจยาว “บ่าวตกใจแทบแย่เจ้าค่ะ!”
นางยังไม่ทันพูดจบ เหวินอี๋เหนียงก็บิดหูของนาง “ข้าบอกเจ้าไว้ว่าอย่างไร พอเจอฮูหยินเจ้ากลับไม่พูดจาประจบประแจงแม้แต่ประโยคเดียว เอาแต่บอกว่า ‘บ่าวใช้เวลาปักอยู่หลายวันเจ้าค่ะ’…”
ชิวหงหลบมือของเหวินอี๋เหนียงด้วยความไวราวกับแมวก็ไม่ปาน “บ่าว…นี่เป็นครั้งแรกที่บ่าวพูดคุยกับฮูหยินแบบตัวต่อตัวนี่เจ้าคะ…”
“เนื้อสุนัขไม่มีระดับพอที่จะนำมาต้อนรับในงานเลี้ยง” เหวินอี๋เหนียงได้ยินดังนั้นก็ระเบิดความโมโหที่สะสมมา เมื่อเห็นนางก้มหน้าแล้วทำไข่มุกดอกไม้ที่อยู่บนศีรษะตกโดยไม่รู้ตัวก็จ้องนางตาเขม็ง “รีบเก็บไข่มุกขึ้นมา ราคาตั้งหกสิบกว่าตำลึงเชียวนะ!”
ชิวหงอุทาน “เจ้าค่ะ” แล้วรีบก้มลงเก็บไข่มุก สำรวจดูว่าแตกหรือไม่แล้วเอาผ้าเช็ดหน้าออกมาปัดฝุ่น
เหวินอี๋เหนียงเห็นนางทำเช่นนั้นก็เดินกระฟัดกระเฟียดกลับไปที่เรือนตัวเอง
ชิวหงได้ยินเสียงคนหัวเราะ
นางเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นชุ่ยเอ๋อร์บ่าวรับใช้ข้างกายของฉินอี๋เหนียง
“เจ้านี่เอง!” ชิวหงลุกขึ้น ท่าทางไม่พอใจเล็กน้อย
“วันนี้พี่ชิวหงงามยิ่งนัก” ชุ่ยเอ๋อร์มองไข่มุกที่อยู่ในมือชิวหง ใบหน้าเต็มไปด้วยความอิจฉา
“อ้อ!” ชิวหงนำไข่มุกในมือใส่ถุงเงินอย่างระมัดระวัง “เพราะว่าต้องไปพบฮูหยิน ดังนั้นเหวินอี๋เหนียงจึงได้มอบไข่มุกดอกไม้ให้ข้าเป็นพิเศษ”
“พี่ชิวหงไปพบฮูหยินมาหรือ!” ชุ่ยเอ๋อร์ถามด้วยความอยากรู้อยากเห็นว่า “ทำไมต้องไปพบฮูหยินด้วยเล่า!”
“อี๋เหนียงให้ข้าปักผ้าเช็ดหน้าให้ฮูหยิน…” ทั้งสองคนยืนคุยกันอยู่นานกว่าจะแยกย้ายกันไป
******
ทางด้านสืออีเหนียงนั้นครึกครื้นเป็นอย่างมาก
พอส่งคุณนายสามสกุลหวงไปแล้ว บรรดาป้ารับใช้ผู้ดูแลหญิงต่างก็เข้ามาติดต่อกันอยางไม่ขาดสาย บางคนก็มอบถุงเท้าที่ตัวเองทำเอง บางคนก็มอบที่ห้อยลายห้าอสรพิษที่ทำเอง และบางคนก็มอบก้านว่านน้ำถักไหมหลากสีร้อยด้วยใบจื่อซู
“…บังเอิญเสียจริงวันเกิดของท่านตรงกับวันฉลองเทศกาลไหว้บ๊ะจ่างพอดีเลยเจ้าค่ะ” ผู้นำคือป้าอวี๋ที่ดูแลคลังเก็บของ ตั้งแต่ครั้งที่แล้วหลังจากที่สืออีเหนียงเตือนนางเรื่องที่ป้าวังทำเกินขอบเขต พอนางได้พบสืออีเหนียงก็นอบน้อมเป็นพิเศษ “พวกบ่าวเลยอยากจะได้รับความโชคดีเช่นกัน จึงจัดงานฉลองวันเกิดวันเดียวกันกับวันไหว้บ๊ะจ่างเจ้าค่ะ”
ป้ารับใช้ผู้ดูแลหญิงคนอื่นๆ ได้ยินดังนั้นก็พากันหัวเราะสร้างบรรยากาศ
“รบกวนท่านป้าทั้งหลายแล้ว” สืออีเหนียงยิ้มพลางให้ลี่ว์อวิ๋นไปยกเก้าอี้มาให้พวกนางนั่ง
บรรดาผู้ดูแลหญิงต่างก็เอ่ยปฏิเสธก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ด้วยความเกรงใจ แต่ละคนกล่าวคำชื่นชมที่หวานหยดย้อยราวกับน้ำผึ้ง
จู่ๆ สวีซื่อจุนก็มาหา
ทุกคนล้วนยิ้มพลางคำนับเขา
สวีซื่อจุนพยักหน้าเล็กน้อย สะบัดแขนที่รู้สึกเมื่อยล้า “ในที่สุดก็เขียนตัวอักษรสี่หน้าตามที่อาจารย์กำหนดเสร็จแล้ว” มีรอยยิ้มร่าเริงที่แฝงไว้ด้วยความโล่งใจปรากฏบนใบหน้า
พระอาทิตย์ในช่วงบ่ายของปลายฤดูใบไม้ผลิทำให้รู้สึกร้อนเมื่อสวมเสื้อแขนยาว
สืออีเหนียงเอาผ้าเช็ดหน้ามาซับเหงื่อบนหน้าผากของสวีซื่อจุน ให้ลี่ว์อวิ๋นไปยกน้ำอุ่นมาให้เขา “ดื่มสักหน่อยจะได้ชุ่มคอ เจี้ยเกอกำลังรอเตะลูกหนังกับเจ้าอยู่!”
สวีซื่อจุนได้ฟังแล้วก็ตาเป็นประกาย รีบดื่มน้ำแล้ววิ่งไปหาสวีซื่อเจี้ยทันที
บรรดาป้ารับใช้ผู้ดูแลพากันเอ่ยปากชม “คุณชายน้อยสี่ของพวกเรามีฮูหยินคอยดูแลก็ยิ่งมีชีวิตชีวาและรู้ความมากขึ้นแล้วเจ้าค่ะ”
“เป็นเพราะว่าท่านโหวหาอาจารย์ที่ดีให้กับคุณชายน้อยสี่ต่างหาก” สืออีเหนียงยิ้มพลางตอบรับคำชม
ทางด้านสวีซื่อจุนกับสวีซื่อเจี้ยได้ไปที่สวนผ่านประตูด้านหลัง พากันเตะลูกหนังอยู่ที่ลานพื้นอิฐสีเขียวด้านหน้าศาลาปี้อี มีสาวใช้เจ็ดแปดคนที่ยืนห้อมล้อมอยู่พากันปรบมือจนดึงดูดบรรดาสาวใช้และป้ารับใช้ที่อยู่บริเวณใกล้เคียงให้เดินมาดู