ท่านอ๋องหลูมองสายตาตกตะลึงของทุกคน บอกเล่าเหตุการณ์ที่ไปเปลี่ยนชุดเพียงลำพัง จากนั้นพบกับเฉินตันจู จากนั้นเฉินตันจูแย่งถุงแห่งโชคของเขาอย่างไร สุดท้ายเขาจึงทำได้เพียงกระโดดน้ำหนีออกมา
ที่แท้ไม่ใช่แค่ท้องเสีย หากแต่ชุดเปียกจากการกระโดดน้ำ พระสนมเสียนคิดในใจ แต่องค์ชายหรือท่านอ๋องหนึ่งถูกเฉินตันจูบังคับจนต้องกระโดดน้ำ สู้ท้องเสียจะดีกว่า!
เมื่อเผชิญหน้ากับการร้องทุกข์ของท่านอ๋องหลู เฉินตันจูก็แสร้งทำท่าตกตะลึง “ท่านอ๋องหลู ท่านกล่าวเช่นนี้ได้อย่างไร ตอนนั้นท่านไม่ได้กล่าวเช่นนี้ ตอนนั้นท่านกล่าวว่าชอบหม่อมฉัน…”
ท่านอ๋องหลูโบกมือระรัวด้วยความกลัว “ข้าไม่ได้พูด ข้า ข้าถูกบังคับ ข้าไม่กล้าไม่พูด”
เจ้าโง่ ฮ่องเต้ที่หลับตาอยู่กุมขมับ
จากนั้นได้ยินเสียงถอนหายใจของเฉินตันจู “ที่แท้หม่อมฉันสามารถบังคับให้คนบอกว่าชอบหม่อมฉันได้หรือ ที่แท้ท่านอ๋องหลูทรงไม่ชอบหม่อมฉัน”
ถึงแม้จะหมายความอย่างนั้น แต่รู้สึกว่าเมื่อพูดออกมา ความหมายก็เปลี่ยนไป ท่านอ๋องหลูอ้าปากกระอักกระอ่วน มองไปรอบด้านอย่างตื่นตระหนก
พระสนมเสียนกับท่านอ๋องเยียนหันหน้าหนีไม่มองเขา ท่านอ๋องฉีกับพระสนมสวีมองเขาด้วยรอยยิ้ม ยิ้มจนหัวใจของเขายิ่งกระสับกระส่าย
เดิมทีเสด็จพ่อตรัสว่าถุงแห่งโชคของเฉินตันจูเป็นของที่องค์ชายหกทำขึ้นมาเอง ไม่ถือว่ามีผล แต่ไม่คิดว่าเสด็จพ่อจะเปลี่ยนความคิดยอมรับถุงแห่งโชคใบนี้ ยังบอกว่าให้เลือกจากหนึ่งในห้าคน…ยังมีอะไรให้เลือกอีก พระสนมเสียนย่อมไม่มีทางให้บุตรชายของนางแต่งกับพระชายาอย่างเฉินตันจู พระสนมเสียนเองก็ไม่มีทางยอมออกเงินแทนเขา พระสนมสวีและท่านอ๋องฉีจ่ายเงินแล้ว เฉินตันจูย่อมไม่มีทางทำให้พวกเขาลำบากใจ ดังนั้นจึงเหลือเพียงเขา
“เสด็จพ่อ” ท่านอ๋องหลูเรียกด้วยเสียงสะอื้น เมื่อเรียกเสร็จเขาก็ไม่รู้ว่าควรพูดอะไร
เสด็จพ่อไม่ทรงโปรดปรานเขา คงจะไม่ยอมออกเงินให้เขาเช่นเดียวกัน
ฮ่องเต้หลับตาลง ราวกับไม่อยากเห็นโลกที่วุ่นวายนี้ เพียงแค่ตรัสถาม “เฉินตันจู เจ้าอยากทำสิ่งใดกันแน่”
“ฝ่าบาท หม่อมฉันไม่ได้หมายความเช่นนั้นเพคะ” เฉินตันจูทูลตอบอย่างหวาดกลัว “ตอนนั้นหม่อมฉันกำลังนั่งเล่นอยู่ริมทะเลสาบ บังเอิญพบกับท่านอ๋องหลู จึงล้อเล่นกับท่านอ๋องหลูเท่านั้น”
ล้อเล่น? ท่านอ๋องหลูมองเฉินตันจูด้วยความตะลึง แต่ก็ปนไปด้วยความดีใจ “หากพูดเช่นนี้ คุณหนูตันจูจะไม่เลือกข้าแล้ว”
เฉินตันจูมองเขาด้วยรอยยิ้มเขินอาย “หากฝ่าบาททรงยินยอม…”
ท่านอ๋องหลูรีบโบกมือ “ไม่ยินยอม ไม่ยินยอม”
ฮ่องเต้ตบพนักมือ “หุบปาก!”
ท่านอ๋องหลูกลัวจนไม่กล้าพูด พระสนมเสียนและท่านอ๋องเยียนรีบก้มหน้าลง พระสนมสวีกับท่านอ๋องฉีก็ไม่กล้ายิ้มอีก
ฮ่องเต้สูดลมหายใจเข้าพลันลืมตา พูดอย่างเฉยชา “เฉินตันจู เจ้าจับได้พุทธธรรมห้าใบ ย่อมมีวาสนากับคนทั้งห้า คนทั้งห้านี้มีพุทธรรมของท่านอ๋องสามใบก็มีคนจับได้ ดังนั้นเจ้าจะเลือกได้แค่อีกสองคนที่เหลือ”
ท่านอ๋องหลูผงะ ที่แท้เสด็จพ่อจะตรัสเรื่องนี้หรือ ทันใดนั้นสีหน้าของเขายิ่งซีดเผือด เขารีบร้อนอะไรกัน หากเขาฟังจบ เรื่องที่น่าอับอายนั้นย่อมกลายเป็นความลับไปตลอดกาล
คราวนี้ทุกคนต่างรู้หมดแล้ว ในพระทัยของเสด็จพ่อ…ช่างเถิด เดิมทีเขาก็ไม่อยู่ในพระทัยของเสด็จพ่ออยู่แล้ว เพียงแค่ไม่ตกอยู่ในเงื้อมมือของเฉินตันจูก็พอ
ท่านอ๋องหลูเผยยิ้มออกมา
ฮ่องเต้ทำได้เพียงคิดว่าไม่มีบุตรชายคนนี้ เขาเพียงแค่ต้องจัดการเรื่องให้จบสิ้น ให้เฉินตันจูรีบออกไป
“องค์ชายห้ากับองค์ชายหก คุณหนูตันจูยินดีจะผูกวาสนา กับผู้ใด”
เมื่อได้ยินดังนี้ ฉู่ซิวหยงลังเลเล็กน้อย คราวนี้พระสนมสวีจับแขนเสื้อของเขาได้ทัน มองเขาด้วยสายตาอ้อนวอนและหมดหนทาง สายตาของนางกล่าว “คุณหนูตันจูไม่มีทางเลือกเจ้า เจ้ายืนออกมาไม่มีประโยชน์”
ใช่ อันที่จริงเขารู้ ฉู่ซิวหยงเงียบ ฟังเฉินตันจูพูดด้วยน้ำเสียงเกรงกลัว “ฝ่าบาทเพคะ หากพระองค์ทรงไม่ยินยอม อันที่จริงไม่ต้องฝืน…”
ฮ่องเต้ยิ้มเย็น “จากนั้นให้เงินเจ้าสี่แสนก้วนหรือ ไม่ องค์ชายทั้งสองนี้ ข้าจะไม่ออกเงินให้พวกเขาแม้แต่ก้วนเดียว”
เฉินตันจูยิ้มเก้อ “ไม่ใช่เรื่องของเงินเพคะ ฝ่าบาท หม่อมฉันได้รับวาสนานี้ก็ดีใจมากแล้ว คนคงรับไม่ได้”
ฮ่องเต้ตรัส “ไม่ได้”
ไม่ได้? เฉินตันจูพูด “ฝ่าบาท อันที่จริงองค์ชายหกเป็นคนเขียนพุทธธรรมนี้เอง พวกมันไม่ใช่ของแท้เพคะ”
ฮ่องเต้ตรัส “ข้าบอกว่ามันมีผล มันก็มีผล”
ดูท่าทางคราวนี้ฝ่าบาทจะไม่ยอมปล่อยนางไปแล้ว อย่างนั้นก็มีเพียงรับโทษ ให้ฝ่าบาทได้ระบายความโกรธ อีกทั้งให้คำอธิบายกับทุกคน เฉินตันจูสูดลมหายใจเข้า เงยหน้าขึ้นพูด “ฝ่าบาทเพคะ แต่เช่นนี้ก็ไม่ยุติธรรม องค์ชายทั้งสอง องค์ชายห้ามีโทษ องค์ชายหกพระวรกายอ่อนแอ หากฝ่าบาทจะทรงยอมรับถุงแห่งโชคนี้จริง อย่างนั้นก็ยุติธรรมสักหน่อย หม่อมฉันจะเลือกจากท่านอ๋องทั้งสามด้วย…”
พระสนมเสียนและคนอื่นต่างมีสีหน้าตกตะลึงอีกครั้ง แต่ก่อนได้ยินเพียงเฉินตันจูกำเริบเสิบสาน มักทำให้ฝ่าบาททรงโกรธ เวลานี้ได้เห็นกับตา ถึงได้รู้ว่านางร้ายกาจเพียงใด
บังอาจต่อรองกับฮ่องเต้เช่นนี้ อีกทั้งเรื่องที่ต่อรองยังเกี่ยวข้องกับท่านอ๋องและองค์ชายของต้าเซี่ย!
หากเปลี่ยนเป็นผู้อื่น ฮ่องเต้คงให้องครักษ์หลวงลากตัวออกไปแล้ว
ฮ่องเต้ไม่ได้เรียกผู้ใด อีกทั้งไม่ได้ตำหนิด้วยความโกรธ สีหน้าของเขาเฉยเมยราวกับรูปปั้นแกะสลัก แม้แต่สายตายังไม่ได้มองเฉินตันจู หากแต่มองไปยังตำหนักใหญ่
เสียงของเขาดังก้องอยู่ในตำหนักใหญ่
“เฉินตันจู เจ้าไม่ต้องแสร้งโง่ ไม่ต้องคิดจะใช้การใส่ร้ายหรือลงโทษตัวเองมาจัดการเรื่องนี้”
“โชคที่ข้าประทานให้เจ้า หากไม่รับไปด้วยบุญวาสนา เจ้าก็ไม่อาจรับมันได้อีก”
สายตาของฮ่องเต้เบนกลับมาบนตัวเฉินตันจู
“เฉินตันจู หากเจ้าไม่เลือกองค์ชายหนึ่งแล้วจากไปอย่างมีชีวิต เจ้าก็ต้องถูกยกออกไปด้วยโทษประหาร”
ฝ่าบาททรงโกรธจริงเสียแล้ว พระสนมเสียนและคนอื่นต่างรีบคุกเข่าลง ฉู่ซิวหยงอดเอ่ยขึ้นไม่ได้ “เสด็จพ่อ”
ฮ่องเต้มองเขา “ฉู่ซิวหยง หากเจ้าอยากตายด้วย ข้าจะทำให้เจ้าสมดังปรารถนา” ก่อนจะมองท่านอ๋องเยียน “น้องสามของเจ้าตายแล้ว เจ้ารับมือเรื่องการสอบคัดเลือกขุนนางต่อ ข้าไม่ได้มีบุตรชายที่ทำงานได้เพียงคนเดียว”
ท่านอ๋องเยียนรู้สึกดีใจในทันที เขาเกือบจะถวายบังคมบอกว่ากระหม่อมน้อมรับพระราชโองการ…โชคดีที่พระสนมเสียนหยิกขาของเขาอยู่ด้านหลัง ท่านอ๋องเยียนจึงก้มกราบส่งเสียงสะอื้นออกมา “เสด็จพ่อ…ทรงระงับความโกรธพ่ะย่ะค่ะ!”
พระสนมสวีไม่ได้ร้องไห้ หากแต่พยักหน้าอย่างจริงจัง “ฝ่าบาททรงแจ่มแจ้ง ร่างกายได้รับจากบิดามารดา แต่กลับใช้มาข่มขู่บิดามารดา บุตรเช่นนี้ไม่เอาก็แล้วไป”
ฉู่ซิวหยงคุกเข่าตัวตรง มือที่วางอยู่บริเวณหัวเข่ากำแน่น
เฉินตันจูถอนหายใจ ทูล “หม่อมฉันขอบพระทัยในพระมหากรุณาธิคุณเพคะ หม่อมฉันผูกวาสนากับองค์ชายหกได้เป็นความโชคดีของหม่อมฉัน”
…
ในที่สุดองค์รัชทายาทและบรรดาแขกเหรื่อที่รอคอยอยู่ในตำหนักใหญ่ก็ได้เข้าเฝ้าฮ่องเต้อีกครั้ง พวกเขาต่างนั่งลงในตำแหน่งของตนเองเหมือนก่อนหน้านั้น ใบหน้าของฮ่องเต้เปื้อนยิ้ม มองไม่ออกว่าเคยเกิดเรื่องใดขึ้นแม้แต่น้อย
เฉินตันจูก็กลับไปนั่งยังท่ามกลางท่านผู้เฒ่าหญิง คราวนี้ เหล่าท่านผู้เฒ่าหญิงแอบมองเฉินตันจูเป็นครั้งครา
แต่คราวนี้เฉินตันจูไม่สนใจพวกนางแล้ว
หลังจากที่ถามไถ่อย่างใจลอย ฮ่องเต้ก็ประกาศผลของถุงแห่งโชค…ด้วยการถามพระสนมเสียนว่ามีผู้ใดจับได้ถุงแห่งโชคที่มีพุทธธรรมบ้างด้วยรอยยิ้ม พระสนมเสียนทูลตอบ จากนั้นบรรดาหญิงสาวต่างยืนขึ้น ขอบพระทัยในพระมหากรุณาธิคุณอย่างเขินอาย จากนั้นฮ่องเต้ให้พวกนางอ่านพุทธธรรมของตนเอง
เมื่อได้ยินเนื้อหาพุทธธรรมที่เหมือนกับท่านอ๋องทั้งสาม ผู้คนในตำหนักต่างส่งเสียง “เหมือนกับของท่านอ๋องฉี ท่านอ๋องเยียน ท่านอ๋องหลูเลย” ฮ่องเต้จึงหันไปมองท่านอ๋องทั้งสาม ตรัสว่ามีวาสนาเสียจริงด้วยรอยยิ้ม
เมื่อพูดถึงตรงนี้ก็พอแล้ว บรรดาหญิงสาวต่างถอยกลับไปพร้อมวาสนาที่จับมาได้ รอคอยราชวงศ์สู่ขออย่างเป็นทางการ
ตามแผนการเดิม งานเลี้ยงจะจบสิ้นลงตรงนี้ เพียงแต่เวลานี้มีเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้น
“วันนี้ ท่านมหาราชครูยังมอบถุงแห่งโชคอีกใบหนึ่ง” ฮ่องเต้พูดด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะถอนหายใจเสียงเบา “เป็นการขอพรให้องค์ชายหกโดยเฉพาะ อวี๋หยงร่างกายไม่ดี ท่านมหาราชครูหวังว่าเขาจะอาศัยโชคของพี่ๆ ทั้งหลายแข็งแรงขึ้นมา”
ทุกคนในตำหนักต่างส่งเสียงชื่นชม อีกทั้งยังขอให้องค์ชายหกแข็งแรงขึ้น
ฮ่องเต้ตรัสขึ้นอีกครั้ง “ถุงแห่งโชคนี้ถูกองค์หญิงตันจูจับได้ เห็นได้ชัดว่าองค์ชายหกมีโชคทวีคูณ”
เฉินตันจูยืนออกมาในเวลานี้ สองมือถือถุงแห่งโชคขอบพระทัย
ถึงแม้ผู้คนในตำหนักจะได้ยินข่าวมาบ้าง แต่เมื่อได้ฟังฮ่องเต้ประกาศออกมา พวกเขายังคงตื่นตระหนกเล็กน้อย ในเวลานั้นแม้แต่คำอวยพรยินดียังยากที่จะเปิดปากพูด…มีวาสนากับเฉินตันจูถือว่ามีโชคทวีคูณได้จริงหรือ
อย่างไรพวกเขาต่างรู้สึกว่าฮ่องเต้ไม่คาดหวังให้องค์ชายหกหายดีแล้ว อืม บางทีอาจเป็นเช่นนี้ องค์ชายหกใกล้ตายแล้ว เฉินตันจูแต่งกับเขา จากนั้นกลายเป็นหม้าย ถูกกักขัง…ทางที่ดีที่สุดคือกักขังไว้ในเมืองซีจิง อย่างนี้เฉินตันจูก็จะไม่มีทางทำร้ายผู้อื่นได้อีก
เมื่อคิดได้เช่นนี้ คนส่วนใหญ่ล้วนรู้สึกผ่อนคลาย โน้มตัวทูล “ยินดีกับฝ่าบาท องค์ชายหก”
งานเลี้ยงเลิกราในเวลานี้
แสงของดวงอาทิตย์ที่กำลังจะลับลาไปกระจายไปทั่วพระราชวัง
เฉินตันจูไม่ได้ตามทุกคนจากไป หากแต่ไล่ตามฮ่องเต้
“ตันจู” ฉู่ซิวหยงเห็นทีจึงคิดจะรั้งนางเอาไว้ เกรงว่านางจะเกิดการปะทะกับฮ่องเต้จริงๆ
“ฝ่าบาท” เฉินตันจูถามอย่างรีบร้อน “องค์ชายหกเล่าเพคะ”
ฮ่องเต้ชะงัก หันกลับมามองนาง
“ไม่ได้ให้องค์ชายหกมาหรือเพคะ” เฉินตันจูถาม “องค์ชายหกไม่ยินดีใช่หรือไม่เพคะ”
ฮ่องเต้ยิ้มเย็นที่มุมปาก “เขามาไม่ได้ เขาได้รับโทษโบยร้อยครั้ง ถูกยกกลับจวนไปแล้ว เจ้า…”
สีหน้าของเฉินตันจูซีดเผือด ไม่รอฮ่องเต้พูดจบ นางก็วิ่งออกจากวังไปแล้ว
ฮ่องเต้สะบัดแขนเสื้อเดินต่อไป คนอื่นต่างเดินตาม มีเพียงฉู่ซิวหยงยืนมองแผ่นหลังที่จากไปไกลของหญิงสาวอยู่ที่เดิม