หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting – บทที่ 1155 พลิกเดือนแยก!

บทที่ 1155 พลิกเดือนแยก!

ทันทีที่หวังเป่าเล่อตามเฉินชิงจื่อเข้าไปในเตาหลอม สายตาของเขาก็มองเห็นทุกอย่างข้างในนั้น

ในแง่หนึ่งมันก็เหมือนกับโลกอีกใบหนึ่ง

ท้องฟ้าเป็นสีเทา ผืนดินเป็นสีเทา ไร้ภูเขา ไร้แม่น้ำ ไร้พืชพันธุ์ มีเพียง…หมอกสีดำหนาทึบ!

ภายในหมอกนั้นราวกับมีเสียงโซ่เหล็กและเสียงหายใจหืดหาดดังสะท้อนไปทั่วบริเวณ ขณะเดียวกันยังมีแรงกดดันแผ่ออกมาจากกลุ่มหมอกดำอย่างต่อเนื่อง ทำให้หวังเป่าเล่อจิตใจสั่นไหวทันทีหลังจากสัมผัสถึงมันได้

และดูเหมือนว่า มันเองก็สัมผัสได้ถึงการมาของหวังเป่าเล่อและเฉินชิงจื่อ เสียงหายใจในหมอกจึงคำรามอย่างดุดันทันที

“สังหารข้า!”

“สังหารข้า!!”

“สังหารข้า!!!”

ทันทีที่เสียงนี้ดังก้องภายในใจหวังเป่าเล่อ ฐานการฝึกฝนของเขาพลันพังทลายลง ร่างกายสั่นเทิ้มแทบจะยืนไม่มั่นคง เขาเดาได้แทบจะทันทีว่าเจ้าของเสียงคำรามในกลุ่มหมอกนี้เป็นใคร

“จักรพรรดิสวรรค์เดือนแยก!” ดวงตาหวังเป่าเล่อฉายแสงประหลาด เขารู้ว่าในตระกูลไม่รู้สิ้นปัจจุบันเหลือจักรพรรดิสวรรค์เพียงห้าคนเท่านั้น นอกจากปรมาจารย์ไม่รู้สิ้น ส่วนที่เหลืออีกสี่คนนั้น หนึ่งคือเดือนแยกผู้นี้และเสวียนหัวที่อยู่ด้านนอก

คนเหล่านี้ล้วนเป็นยอดฝีมือในจักรพิภพเต๋าไม่รู้สิ้นในปัจจุบัน ใครก็ตามที่ออกไปล้วนสามารถเขย่าขวัญตระกูลหมื่นสำนักได้สมกับเป็นบุคคลผู้ยิ่งใหญ่

ทว่าตอนนี้…ผู้ยิ่งใหญ่เช่นนี้กลับร้องขอความตาย เห็นได้ชัดว่า…ศิษย์พี่ของตนน่าทึ่งเพียงใด!

ในอดีตหวังเป่าเล่อเคยได้ยินว่าศิษย์พี่นั้นเคยสังหารจักรพรรดิสวรรค์ แต่ก็ไม่ได้คิดอะไร หากแต่ตอนนี้ระดับฐานการฝึกฝนอย่างเขาได้เข้าใจโลกแห่งจักรพรรดิสวรรค์และความน่ากลัวมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว ดังนั้นเมื่อนึกถึงข่าวลือที่เคยได้ยิน ในใจก็ตกตะลึง

“ศิษย์พี่ ฐานการฝึกฝนของเขาคือระดับใดกันแน่ แค่ระดับจักรพิภพจริงหรือ” หวังเป่าเล่อหันไปมองเฉินชิงจื่อข้างกาย

ทันทีที่เขาหันไปมอง จักรวาลสีเทาด้านนอกเตาหลอมที่พวกเขาอยู่ก็เกิดกลุ่มหมอกพลิกม้วน ก่อนที่พลังปราณอันน่าสะพรึงกลัวจะปะทุขึ้น

การปะทุขึ้นก่อให้เกิดกระแสน้ำวนเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงมุ่งตรงมายังใจกลางจักรวาลสีเทา

ขณะที่กระแสน้ำวนใกล้เข้ามา เส้นไหมสีเขียวทั้งหมดที่เหลืออยู่ในจักรวาลสีเทาก็ราวกับถูกกระตุ้นอย่างแรง พวกมันเข้าใกล้และผสานเข้ากับกระแสน้ำวนอย่างรวดเร็ว

เพียงแต่การผสานตัวของพวกมันกลับนำเสียงคำรามโกรธเกรี้ยวดังออกมาจากในกระแสน้ำวน ราวกับเต๋าสวรรค์ไม่รู้สิ้นในกระแสน้ำวนจะสัมผัสได้ถึงพลังปราณที่ตนสูญเสียไป

ท่ามกลางเสียงคำรามก้อง พลังแห่งกฎและกฎเกณฑ์มหาศาลพลันแผ่ขยายออกมาจากกระแสน้ำวนอัดแน่นเต็มจักรวาลสีเทาราวกับตาข่ายยักษ์ หลังจากปะทะกับไอมรณะในที่แห่งนี้ ไอมรณะจำนวนมากก็ดูเหมือนจะสลายไปอย่างรวดเร็ว

ตอนที่สลายตัวนั้น จักรวาลสีเทาไม่เลือนรางอย่างที่เคยเป็น มันค่อยๆ ชัดเจนขึ้น ขณะเดียวกันผู้ฝึกตนด้านนอกต่างตื่นตกใจ คิดจะหลบหนี ทว่าความดุดันของเต๋าสวรรค์ไม่รู้สิ้นในตอนนี้ยากที่จะหลบหลีกได้ หลายครั้งที่ปะทะกับพลังแห่งกฎจักรวาลก็จะถูกพันธนาการและดูดจนแห้งเหี่ยวในทันที

เต๋าสวรรค์ไร้เมตตา!

โดยเฉพาะเมื่อมันกำลังโกรธเกรี้ยวอย่างในตอนนี้ก็ยิ่งโหดเหี้ยม ทุกชีวิตล้วนเป็นอาหารของมัน ผู้ฝึกตนตระกูลหมื่นสำนักที่เหลือล้วนหนีไม่พ้นปากของมัน

แม้แต่เสวียนหัวที่มาจากด้านหลังอย่างรวดเร็ว ถึงจะสบถด่าครั้งแล้วครั้งเล่าก็ยังไม่มีผลอะไร หลังจากร่างกายเสียหายหนักและสัมผัสได้ว่าตรงหน้าคือศัตรูตามธรรมชาติของตน เต๋าสวรรค์ไม่รู้สิ้นก็โกรธเกรี้ยว ก่อนจะระเบิดความบ้าคลั่งออกมา

นี่เป็นสาเหตุที่เสวียนหัวขัดขวางไม่ให้มันก่อเกิด แต่ถึงอย่างไรมันก็เกี่ยวข้องกับแผนการที่สาม เมื่อเต๋าสวรรค์มาถึงจะเกิดการสังหารจำนวนมาก แม้ตระกูลไม่รู้สิ้นจะรับไหว แต่นั่นก็ยังเสี่ยงต่อแผนการอยู่ดี

ทว่าตอนนี้…ทุกอย่างสายเกินไปแล้ว จักรวาลสีเทาหม่นจางลงอย่างรวดเร็ว ทุกสิ่งทุกอย่างภายในค่อยๆ ชัดเจนขึ้น ทำให้ผู้ฝึกตนตระกูลหมื่นสำนักด้านนอกเห็นเต๋าสวรรค์ไม่รู้สิ้นกำลังเข่นฆ่าไม่เลือกหน้าทันที!

ภาพนั้นทำให้ดวงตาทุกคนสว่างจ้า แต่กลับ…ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่นิ่งเงียบ

ท่ามกลางความเงียบงันด้านนอก เต๋าสวรรค์ไม่รู้สิ้นแผดเสียงคำรามกลายเป็นกระแสน้ำวนพุ่งออกไปมาถึงใจกลางเตาหลอม ทันทีที่มาถึงพลังแห่งกฎและกฎเกณฑ์ก็เข้าครอบคลุมไปทั่วบริเวณทันที ขณะที่โอบล้อมเตาหลอม มหาศิษย์แห่งเต๋าที่เป็นรองกลุ่มหนึ่งจากสำนักต่างๆ สลบไสล ก่อนจะล่องลอยไปรอบด้านกระจายเต็มพื้นที่

โชคดีที่เสวียนหัวเร็วมากจนรักษาชีวิตไว้ได้ ไม่เช่นนั้นที่แห่งนี้คงนองเลือดไปมากกว่านี้

“บัดซบ!” เสวียนหัวใบหน้ามืดมนและยุ่งเหยิง แม้วงแหวนปราณของจักรวาลสีเทาแห่งนี้จะแตกสลายไปไม่น้อยแล้ว แต่กลับออกนอกแผนของตระกูลไม่รู้สิ้นมากเกินไป

“ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้ พลังปราณเต๋าสวรรค์ไม่รู้สิ้นหายไปได้ยังไง!!” เสวียนหัวขุ่นเคือง สาเหตุที่ออกนอกแผนการจริงๆ เป็นเพราะพลังปราณไม่รู้สิ้นที่หายไปจำนวนมาก

ไม่เช่นนั้นก็คงไม่ทำให้เต๋าสวรรค์ไม่รู้สิ้นระเบิดความโกรธจนเกิดร่างแยก!

ในเวลาเดียวกัน ภายในใจกลางเตาหลอมพริบตาที่เต๋าสวรรค์ไม่รู้สิ้นพุ่งเข้ามา เฉินชิงจื่อพลันหัวเราะดังก้องฟ้า ดวงตาเผยลำแสงเจิดจ้า ก่อนจะโบกมือขวา ทันใดนั้นหวังเป่าเล่อที่อยู่ข้างๆ ก็เห็นกลุ่มหมอกดำเข้มข้นหดตัวลงและพุ่งเข้าไปที่…เจ้าปลาดำ!

ราวกับมันถูกบังคับให้หลั่งไหลเข้าไปในร่างของเจ้าปลาดำ จนทำให้เจ้าปลาดำตัวนั้นพองกายขึ้นอย่างรวดเร็ว พื้นที่ที่กลุ่มหมอกดำเคยปกคลุมอยู่ก็ชัดเจนขึ้นโดยเร็วเช่นกัน เผยให้เห็นร่างหนึ่งที่ถูกโซ่จำนวนมากล่ามไว้

กระทั่งเวลาผ่านไป เมื่อหมอกดำถูกเจ้าปลาดำดูดกลืนไปจนหมดแล้ว ร่างของเจ้าปลาดำจึงแผ่พลังปราณออกไปไกลยิ่งกว่าเดิม ขณะเดียวกันก็มีมวลมากขึ้น บนร่างนั้น…มีเส้นไหมกฎและกฎหมายปรากฏอยู่!

คล้ายกับกฎและกฎหมายของเต๋าสวรรค์ไม่รู้สิ้น แต่เนื้อแท้แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง!

เส้นไหมที่ปรากฏขึ้นพวกนี้สกัดกั้นกฎและกฎหมายจากร่างหวังเป่าเล่อทันที สิ่งเดียวที่ไม่ถูกสกัดกั้นคือกฎแห่งเวลาและพลังแห่งดาวเคราะห์เต๋าที่อยู่ในจันทร์ข้างแรมของเขา

นอกจากนี้กึ่งเต๋าเก้าดวงรวมถึงดาวพิเศษนับหมื่นของเขาต่างมืดมนลง แต่ในขณะเดียวกันเปลวไฟสีดำในร่างหวังเป่าเล่อก็ราวกับได้รับการหล่อเลี้ยง มันปะทุขึ้นทันที ก่อนจะแผ่ขยายไปทั่วทั้งร่าง แทรกซึมไปในกึ่งเต๋าและดาวพิเศษนับหมื่น และในพริบตา…กฎและกฎหมายก็ราวกับถูกแทนที่ด้วยเนื้อแท้และฟื้นคืนกลับมาอีกครั้ง!

ไม่เพียงแค่นั้นหวังเป่าเล่อยังรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่า กระบวนเวทพลังเทพทั้งหมดที่เขาได้เรียนรู้ในจักรพิภพเต๋าไม่รู้สิ้นเริ่มหลอมละลายไปพร้อมกับการแทนที่นี้ ดูเหมือนว่าเต๋าสวรรค์ไม่รู้สิ้นและเต๋าสวรรค์สำนักแห่งความมืดจะเข้ากันไม่ได้ ทำให้บนร่างกายต้องมีเต๋าสวรรค์เพียงหนึ่งเท่านั้น!

การขัดแย้งอย่างรุนแรงทำให้สัมผัสสวรรค์ของหวังเป่าเล่อสั่นคลอน กำลังจะตัดสินใจบางอย่าง ทว่าตอนนั้นเอง…จู่ๆ ฝักกระบี่เจ้าชะตาในร่างของเขาก็สั่นไหวรัวเร็วราวกับถูกสยบ พริบตาเดียวเต๋าสวรรค์ไม่รู้สิ้นและเต๋าสวรรค์สำนักแห่งความมืดก็ถูกสยบลง ทำให้พวกมันต้องอยู่ร่วมกันในร่างกายหวังเป่าเล่อต่อไป

ทั้งหมดนี้ฟังดูยืดยาวแต่ความจริงคือเกิดขึ้นในเวลาเพียงชั่วพริบตา เฉินชิงจื่อหันมามองหวังเป่าเล่อแวบหนึ่ง ดวงตาฉายแววประหลาด แต่ไม่ได้กล่าวอะไร เขามือขวาขึ้นผนึกมุทราชี้ไปยังเดือนแยกที่ถูกมัดไว้

“กฎเต๋าพลิกกลับ!”

ทันทีที่เอ่ย เดือนแยกก็ยิ่งแผดเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด สีดำปรากฏขึ้นบนร่างกายเขาและแผ่ขยายไปตามร่างของเขาอย่างรวดเร็วจนมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ขณะที่มันกำลังขยายออก พลังปราณสำนักแห่งความมืดก็ระเบิดออกมาโดยไม่คาดคิด

“เต๋าสวรรค์สำนักแห่งความมืด บันไดถูกตั้งแล้ว เจ้ายังไม่กลับมาอีก!” เฉินชิงจื่อตะโกนเสียงต่ำอีกครั้ง ทันใดนั้นเจ้าปลาดำที่ถูกขยายร่างขึ้นก็ส่งเสียงชอบใจ ร่างพุ่งตรงไปยังเดือนแยก จากนั้นจึงพุ่งตรงเข้ากลางหว่างคิ้วของเขาในชั่วพริบตา

เสียงกรีดร้องของเดือนแยกรุนแรงขึ้นแทบจะในทันที ร่างกายสั่นเทาบ้าคลั่ง สีดำแผ่ขยายเร็วขึ้น และในตอนนั้นเองท้องฟ้าก็ส่งเสียงคำรามกึกก้อง ก่อนร่างใหญ่ยักษ์ของด้วงสีทองจะโผล่ออกมา

มันไม่ได้เข้ามาจริงๆ แต่คายเส้นไหมสีเขียวออกมาจำนวนมากพร้อมกับส่งเสียงคำรามที่ด้านนอกเตาหลอม เส้นไหมเหล่านั้นเจาะเข้ามาภายในเตาหลอมและหลั่งไหลเข้าสู่…ร่างของจักรพรรดิสวรรค์เดือนแยก!

เต๋าสวรรค์ไม่รู้สิ้นยินยอมให้จักรพรรดิสวรรค์ตายได้ แต่ไม่ยอมให้จักรพรรดิสวรรค์ถูกพลิกกลับเพราะจะสร้างความเสียหายให้กับมัน

เมื่อเห็นภาพนี้ เฉินชิงจื่อไม่ได้ร้อนใจ กลับกันยังหัวเราะออกมายกใหญ่

“เป่าเล่อ ชะตาของเจ้ามาแล้ว!”

…………………………………………………….

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting

Status: Ongoing

เรื่อง : หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา (三寸人间)ผู้เขียน : เอ่อร์เกิน (耳根) ผู้แปล : Thunderbird Translators ค.ศ. 3029 วิทยาการบนโลกมนุษย์พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว จนแต่ละประเทศไม่มีเขตพรมแดนกั้นอีกต่อไป โลกได้ผสานรวมกลายเป็นหนึ่งเดียว เริ่มต้นยุคสมัยแห่งสหพันธรัฐ ตอนนั้นเอง กระบี่ยักษ์เล่มหนึ่งตกลงมาจากห้วงอวกาศ ปักเข้าใจกลาง ดวงอาทิตย์ ฝักกระบี่แตกออกเป็นเศษชิ้นส่วนจำนวนมาก กระจัดกระจายไปทั่ว ทั้งจักรวาลรวมถึงบนโลก และก่อให้เกิดแหล่งพลังงานรูปแบบใหม่อันไร้ขีดจำกัด พลังงานนี้มีชื่อเรียกกันว่า ปราณวิญญาณ ‘หวังเป่าเล่อ’ หนุ่มร่างท้วมผู้ทะเยอทะยาน ใฝ่ฝันจะได้เป็นผู้นำสหพันธรัฐ ด้วยหวังว่าจะไม่มีใครมารังแกเขาได้อีกต่อไป และเมื่อเดินทางเข้ามาศึกษาใน สำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ใช้ความรู้เหล่านั้นบวกกับความหน้าหนาหน้าทน ของตัวเอง วางกลยุทธ์อันฉลาดล้ำกำราบศัตรูคนแล้วคนเล่า ใครหน้าไหนก็ไม่อาจมาขัดขวางเส้นทางสู่การเป็นหนึ่งในใต้หล้าของชายอ้วนผู้นี้ได้ เว้นเสียแต่คำสาปประจำตระกูล ที่บอกไว้ว่าหวังเป่าเล่อจะต้องตาย หากเขาไม่ผอมลงก่อนอายุสามสิบปี ในเมื่อบรรพบุรุษร่างจ้ำม่ำมายืนรอให้เขาไปอยู่ด้วยขนาดนี้ ชายหนุ่มจึงต้องทั้งฝึกตนและลดน้ำหนักไปพร้อมๆ กัน!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท