รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 412 ส่งตี้จวินสองท่านมาเฝ้ารักษาด้านนอกเมือง หรือว่าหลี่จิ่วเต้าจะเป็นเทียนตี้?

บทที่ 412 ส่งตี้จวินสองท่านมาเฝ้ารักษาด้านนอกเมือง หรือว่าหลี่จิ่วเต้าจะเป็นเทียนตี้?

บทที่ 412 ส่งตี้จวินสองท่านมาเฝ้ารักษาด้านนอกเมือง หรือว่าหลี่จิ่วเต้าจะเป็นเทียนตี้?

เมื่อศิษย์ผู้เฝ้าประตูเข้ามารายงาน เวิงอู๋โยวก็ออกมารับหน้าด้วยตนเองทันที

แม้เขาจะไม่รู้รายละเอียดเรื่องราวเกี่ยวกับตระกูลไป๋

แต่แม้กระทั่งผู้อาวุโสสิบเจ็ดยังทรงพลังน่ากลัวถึงเพียงนั้น ผู้นำตระกูลไป๋จะธรรมดาสามัญได้อย่างไร?

“ท่านผู้นำตระกูล เชิญเข้ามาเถิด!”

หลังจากมาถึง เขาก็เชิญผู้นำตระกูลเข้าไปด้านในสำนัก

ผู้นำตระกูลเอ่ยขออภัยอย่างจริงจัง ทั้งยังไม่ได้มามือเปล่า มอบสมบัติหายากมากมายแทนคำขอโทษ

“ได้โปรดยกโทษให้กับความหยาบคายไร้มารยาทของคนตระกูลข้าด้วย ต้องขออภัยจริง ๆ!”

เขากล่าวขอโทษเวิงอู๋โยว ก่อนจะหยิบสมบัติล้ำค่าออกมา

แม้ว่าเซี่ยเหยียนจะนำของดีในตระกูลไป๋ไปจนเกือบหมด เขาก็ไม่ได้รู้สึกโกรธแต่อย่างใด

ตระกูลไป๋เป็นฝ่ายผิด แต่เซี่ยเหยียนไม่ได้ลงมือทำการสังหารหมู่ในตระกูลไป๋ นับเป็นโชคดีอย่างยิ่งจนถึงขั้นที่เขาต้องเอ่ยขอบคุณนาง

หากเซี่ยเหยียนต้องการลงมือฆ่าล้างตระกูลไป๋ เกรงว่าตระกูลไป๋จะต้องหลั่งโลหิตดั่งสายน้ำ มีผู้สิ้นชีพลงไปนับไม่ถ้วน!

เวิงอู๋โยวรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมากกับท่าทีของผู้นำตระกูล

แต่หลังจากครุ่นคิดดูแล้ว เขาก็คาดเดาว่าตระกูลนี้อาจเกิดความเกรงกลัวต่อเซี่ยเหยียน!

เขารู้ว่าเซี่ยเหยียนได้พาตัวผู้อาวุโสสิบเจ็ดกลับไปยังดินแดนของตระกูล

เซี่ยเหยียนเป็นผู้ที่ได้รับความโปรดปรานจากท่านเซียน ในมือเต็มไปด้วยสิ่งต่าง ๆ มากมาย ตระกูลไป๋ไม่มีทางจะทำอะไรนางได้

การขอโทษของผู้นำตระกูลดูจริงใจเป็นอย่างมาก เวิงอู๋โยวไม่ต้องการซ้ำเติมคนยอมรับความผิด จึงเอ่ยออกมา “ข้ายอมรับคำขอโทษจากท่าน แต่ข้ายอมรับมันได้เพียงแต่ในนามของสำนักไท่หัวเท่านั้น”

เขากล่าวต่อ “ในส่วนของเซี่ยเหยียน ข้าไม่สามารถรับแทนนางได้”

“ข้าเข้าใจ”

ผู้นำตระกูลพยักหน้าแล้วถามออกมา “เซี่ยเหยียนอยู่หรือไม่? ให้โอกาสข้าได้เอ่ยขอโทษนางด้วยตนเองได้หรือไม่?”

“เซี่ยเหยียนออกไปข้างนอก ยังคงไม่กลับมา”

เวิงอู๋โยวไม่ได้ปิดบังเรื่องที่นางไม่ได้อยู่ในสำนัก

“เช่นนั้นเอง”

ผู้นำตระกูลเอ่ยขอโทษเวิงอู๋โยวอีกครั้ง ก่อนบอกลาแล้วจากออกมาจากสำนักไท่หัว

หลังออกมาข้างนอกแล้ว เขาก็พึมพำกับตนเอง “เซี่ยเหยียนไม่อยู่ หรือว่านางไม่ต้องการจะยอมรับคำขอโทษจากข้า”

เขาไม่แน่ใจว่าเซี่ยเหยียนไม่อยู่ในสำนักจริงหรือไม่

หากกล่าวตามปกติ เซี่ยเหยียนก็สมควรกลับมาถึงนานแล้ว ถึงอย่างไรเขาก็ช้ากว่านางอยู่ครึ่งทางระหว่างไปสถานศึกษาเทียนตี้

หากเซี่ยเหยียนไม่ได้อยู่ในสำนักจริง ๆ เกรงว่านางอาจไปที่อื่น

“เป็นไปได้หรือไม่ที่จะอยู่ในเมืองชิงซาน?”

เขานึกถึงหลี่จิ่วเต้าขึ้นมา

หลังจากไปถึงสถานศึกษาเทียนตี้แล้ว เขาก็ได้รับรู้เรื่องราวมากมายจากลุงหมิง เขารู้ว่าเซี่ยเหยียนสนิทสนมกับหลี่จิ่วเต้ามาก มักแวะเวียนไปหาอีกฝ่ายในวันปกติ แม้กระทั่งตอนเข้าร่วมงานชุมนุมที่ภาคกลาง นางก็ยังคงพาหลี่จิ่วเต้าซึ่งเป็นเพียงปุถุชนไปด้วย

“แวะไปดูที่นั่นเสียหน่อย หากเซี่ยเหยียนไม่อยู่ในเมืองชิงซาน ย่อมหมายถึงนางอยู่ภายในสำนักไท่หัว…”

เขาตัดสินใจไปเมืองชิงซานดูสักเที่ยว

หากเซี่ยเหยียนไม่ได้อยู่กับหลี่จิ่วเต้า นั่นหมายถึงนางอาจอยู่ในสำนักไท่หัว แต่ไม่ต้องการพบหน้าและยอมรับคำขอโทษของเขา

“ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ต้องเอ่ยขอโทษ แม้ว่านางจะไม่ยอมรับมันก็ตาม…”

ผู้นำตระกูลรำพึง หากไม่ได้เอ่ยขอโทษเซี่ยเหยียนออกมา ภายในใจของเขาก็ยังคงรู้สึกติดค้าง

บรรพชนตระกูลไป๋ จักรพรรดิไป๋เทียนเติบโตขึ้นมาทีละขั้นโดยไร้ภูมิหลัง จักรพรรดิไป๋เทียนเกลียดชังผู้ที่ใช้อิทธิพลเบื้องหลังตนเองกลั่นแกล้งรังแกผู้อื่นจนเข้ากระดูกดำ เขาไม่สามารถปล่อยให้ตระกูลไป๋กลายเป็นดั่งเหล่าคนที่บรรพชนเกลียดชังเช่นนี้ จำเป็นต้องเอ่ยขอโทษเซี่ยเหยียนให้ได้

ด้านนอกเมืองชิงซาน บนเนินเขาที่อยู่ห่างไกลออกไปเล็กน้อย

ชายชราผมขาวที่ถูกกองกำลังฮวงเฉวียนส่งมากำลังเริ่มดำเนินการจัดแจงสถานที่และสร้างกระท่อม

“ข้าเป็นชายชราสันโดษผู้ชื่นชอบการเล่นหมากล้อม”

เขายิ้มและนึกจินตนาการตัวตนและภูมิหลังของตนเองขึ้นมา เตรียมตัวจะเริ่มดำเนินตามแผนการ

หลังจากนี้เขาจะล่อคนให้มาหาที่นี่ เพื่อเผยแพร่ชื่อเสียงไร้เทียมทานในด้านหมากล้อม ล่อให้หลี่จิ่วเต้ามายังสถานที่แห่งนี้

เมื่อเขาได้พบกับหลี่จิ่วเต้าที่นี่ ก็จะได้สืบสาวข่าวคราวต่าง ๆ ที่ต้องการจะรับรู้

ขอบเขตของผู้นำตระกูลลึกล้ำเป็นอย่างยิ่ง เพียงแค่ก้าวเดียวเขาก็เดินทางจากสำนักไท่หัวมาถึงเมืองชิงซาน

เขาไม่ได้ทะยานตรงไปเข้า แต่ร่อนลงด้านนอกเดินเท้าไปยังเมืองชิงซานทีละก้าว

ปุถุชนแล้วจะทำไม?

ผู้ฝึกตนก็ล้วนเริ่มต้นมาจากปุถุชน

จักรพรรดิไป๋เทียนของตระกูลพวกเขาก็เริ่มต้นจากการเป็นเด็กน้อยปุถุชนทั่วไปผู้หนึ่งที่หลงก้าวเข้าไปในเส้นทางการฝึกตนโดยบังเอิญ ด้วยความพยายามอุตสาหะและพรสวรรค์ทำให้ก้าวหน้าไปทีละขั้นจนกลายเป็นเทียนตี้

เขาไม่ควรดูถูกเหยียดหยามปุถุชน ควรปฏิบัติเคารพด้วยความเท่าเทียม

“หืม!?”

ทันใดนั้นเอง สีหน้าของเขาก็แปรเปลี่ยน ม่านตาหดเล็กลง พบว่าตนเองล่วงเข้ามาในมิติพิเศษโดยไม่ทันรู้ตัว!

เหตุใดจึงเกิดเรื่องเช่นนี้ได้!?

เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อน ว่าผู้ทรงพลังอย่างเขาจะถึงกับไม่รู้สึกตัวสักนิด

“เจ้าเป็นใคร?”

ด้านในมิติพิเศษ ต้นหลิวที่ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับเจ้าก้อนหินเอ่ยถามผู้นำตระกูล

ช่วงนี้พวกมันกำลังอ่อนไหวเป็นอย่างมาก มีผู้ประสงค์ร้ายพยายามเข้าไปในเมืองอยู่เป็นระยะ ไม่ใช่เรื่องดีต่อท่านเซียนแม้แต่น้อย

ถึงคนเหล่านี้จะไม่สามารถทำอะไรท่านเซียนได้ แต่พวกมันก็จะไม่ปล่อยให้คนเหล่านี้ไปรบกวนท่านเซียนอย่างแน่นอน

คนที่ต้องการจะเข้าเมือง หากเป็นปุถุชนธรรมดาก็แล้วไป แต่ถ้าเป็นผู้ฝึกตนก็จะถูกพวกมันหยุดและซักถามอย่างละเอียด

“สวัสดีท่านทั้งสอง ข้าต้องการจะเข้าเมืองไปหาคนผู้หนึ่งนามว่าหลี่จิ่วเต้า”

ผู้นำตระกูลแสดงท่าทางสุภาพยิ่ง แต่ภายในใจตกตะลึงอย่างถึงที่สุด

เขาไม่สามารถรับรู้ขอบเขตของต้นหลิวและเจ้าก้อนหินได้เลย ไม่ต้องสงสัยว่าพวกมันจะต้องอยู่ในขอบเขตลึกล้ำเกินกว่าที่เขาจะหยั่งถึง เหนือกว่าเขาไปไกลลิบ!

เป็นไปได้อย่างไรกัน!?

เขาแทบไม่อยากจะเชื่อ!

เขาอยู่เหนือกว่าขั้นมหาจักรพรรดิ เป็นถึงตี้หวงผู้หนึ่ง ต้นหลิวกับเจ้าก้อนหินยังอยู่เหนือกว่าเขาไปไกลลิบอีกหรือ?

สองท่านนี้อยู่ขั้นตี้จวินหรือไม่?

เขาอดสงสัยไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นบนโลกนี้ ด้านนอกเมืองปุถุชนกลับปรากฏตี้จวินถึงสองท่าน!

ทำได้อย่างไรกัน!?

ไม่ต้องกล่าวถึงยุคสมัยปัจจุบันที่สภาพแวดล้อมเลวร้ายเป็นอย่างมาก กระทั่งสมัยโบราณที่ฟ้าดินเปี่ยมด้วยพลังหนาแน่น ตี้จวินก็ราวกับเป็นตำนาน มีเพียงไม่กี่คนที่สามารถบรรลุถึงขั้นนี้ได้!

ตามหาท่านเซียน!?

ต้นหลิวและเจ้าก้อนหินตื่นตัวขึ้นมาทันใด

“เจ้าต้องการตามหาคุณชายไปทำไม?”

ต้นหลิวถามผู้นำตระกูลด้วยความจริงจังมากขึ้น

เดิมทีมันคิดว่าผู้นำตระกูลเป็นเพียงผู้ฝึกตนธรรมดา แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่เช่นนั้นแล้ว!

คุณชาย!!!

หลังจากได้ยินคำเรียกหลี่จิ่วเต้าของต้นหลิว ผู้นำตระกูลก็ตัวสั่นสะท้านจนแทบจะล้มลงกับพื้น

นี่…นี่มันอะไรกัน!?

ตี้จวินกลับเรียกปุถุคนผู้หนึ่งว่าคุณชาย!

เขาถูกทำให้ขวัญสะท้าน

ตัวตนของหลี่จิ่วเต้าจะต้องยิ่งใหญ่แค่ไหนกัน!

เดิมทีเขาบอกว่าต้องการจะเข้าเมืองไปตามหาหลี่จิ่วเต้า แต่คาดไม่ถึงว่าต้นหลิวและเจ้าก้อนหินจะรู้จักชายหนุ่ม

ต้นหลิวและเจ้าก้อนหินที่แข็งแกร่งจนน่าหวาดกลัวเพียงนี้ จะรู้จักปุถุชนทั่วไปผู้หนึ่งในเมืองแห่งนี้ได้อย่างไร

ตอนนี้เขาตระหนักได้อย่างชัดแจ้ง ว่าความคิดก่อนหน้าของตัวเองนั้นผิดพลาด ผิดพลาดอย่างร้ายแรง!

หลี่จิ่วเต้าไม่ได้เป็นเพียงปุถุชนทั่วไป แต่อาจเป็นถึงผู้ยิ่งใหญ่เกินจะจินตนาการถึงผู้หนึ่ง!

ย้อนกลับมาคิดถึงเรื่องที่ต้นหลิวและเจ้าก้อนหินที่หยุดและซักถามเขาด้านนอกเมือง เป็นไปได้หรือไม่ที่พวกมันจะถูกหลี่จิ่วเต้าสั่งมา!

สวรรค์! หลี่จิ่วเต้าจะต้องน่ากลัวมากแค่ไหนจึงจะสามารถสั่งให้ตี้จวินสองท่านออกมาอยู่ปกป้องด้านนอกเมืองได้!?

หรือจะอยู่ในขั้นเทียนตี้!?

เขาไม่คิดมาก่อนเลยว่าโลกภายนอกจะมีผู้ยิ่งใหญ่เช่นหลี่จิ่วเต้าอยู่!

—————————————————————————————————————

สารจากทีมงาน EnjoyBook

เนื่องจากทางทีมงานมีการใช้คำศัพท์ผิด จึงขอเปลี่ยนคำว่า หมากรุก เป็น หมากล้อม ตั้งแต่บทนี้เป็นต้นไป ขออภัยในความไม่สะดวกด้วยค่ะ

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท