ตอนที่ 370 สังสารวัฏหกวิถี ยมบาลแห่งสิบขุมนรก
ตู้ม!
ในอากาศ เสียงคำรามลือลั่นสนั่นปฐพี ตามด้วยเสียงระเบิดบ้าคลั่งไร้สิ้นสุด คลื่นพลังทำลายล้างพุ่งทะยานสู่ท้องฟ้าปกคลุมพื้นดิน พัดผ่านทุกสารทิศ!
ไม่ว่าจะผ่านพ้นสถานที่ใด ภูตผีหรือห้วงความว่างเปล่าแห่งสวรรค์โลกา ทุกสิ่งกลายเป็นเถ้าถ่านถูกทำลายจนสิ้น!
เคร้ง!
ทันใดนั้น มีเสียงแตกคมปลาบดังขึ้นจากมหาวิถีไร้กังวลเหนือศีรษะยายเมิ่ง
“หืม? ไม่ดีแล้ว!”
เมื่อเห็นเช่นนี้ สีหน้าของยายเมิ่งแปรเปลี่ยน นางไม่คิดมาก่อนว่ากระบี่ของหนิงฝานจะมีพลังทำลายล้างน่าเกรงกลัวเช่นนี้
แล้วยายเมิ่งก็พยายามอย่างหนักเพื่อควบคุมมหาวิถีไร้กังวล
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
เขาเห็นว่ามหาวิถีไร้กังวลกำลังส่ายไปมาอย่างไม่มั่นคงในความว่างเปล่า พลังของมันกระจัดกระจายไปตามเส้นทาง!
“กระบี่ตี้ลั่ว…ทำลายให้สิ้น!!!”
ตอนนี้เอง หนิงฝานกล่าวเสียงเย็นชา ตามด้วยแรงกดมหาศาลจากฝ่ามือของเขา!
ตู้ม!
กระบี่ตี้ลั่วบดขยี้ทุกสิ่งโดยสมบูรณ์ และมหาวิถีไร้กังวลก็พังทลายสิ้น ทำให้พลังอันน่าสะพรึงที่กระจัดกระจายอยู่บนเส้นทางเหล่านี้สูญสลายไป
อั่ก!!!
เส้นทางแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ ยายเมิ่งกระอักโลหิตคำโตออกมา ลมหายใจของนางเริ่มอ่อนแรงลง
ตู้ม!
ลมหายใจต่อมา กระบี่ตี้ลั่วยังคงพุ่งเข้าหานาง!
ยายเมิ่งอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสิ้นหวังในเวลานี้
กระบี่ตรงหน้านี้แข็งแกร่งเกินไป แม้แต่ราชันจักรพรรดิแท้จริงก็ไม่สามารถรับมือกับมันได้!
สองจั้ง!
หนึ่งจั้ง!
หนึ่งฉื่อ!
ตู้ม!
ขณะที่กระบี่เล่มนี้อยู่ห่างจากศีรษะของนางเพียงสามนิ้ว กระบี่ตี้ลั่วก็หยุดลงอย่างกะทันหัน และกลิ่นอายเย็นเยือกที่เปล่งประกายออกจากร่างกระบี่นี้ก็ทำให้นางรู้สึกเหน็บหนาวไปทั้งกาย
“เพื่อเป็นการขอบคุณที่เจ้าไม่ได้ให้ชิงเซียนดื่มน้ำแกง ข้าจะไม่สังหารเจ้าด้วยกระบี่เล่มนี้!”
พรึ่บ!
สิ้นเสียงของหนิงฝาน กระบี่ตี้ลั่วก็พุ่งทะยานกลับเข้าหามือของเขาทันที ทว่าเขากล่าวต่อด้วยน้ำเสียงเย็นชา “แต่… อย่าคิดจะขวางทางข้า ไม่อย่างนั้นเจ้าได้ตายจริง ๆ แน่!”
ตู้ม!
หลังพูดจบ หนิงฝานกลายเป็นลำแสงกระบี่ทะยานออกสู่สถานที่ห่างไกลออกไป
พรึ่บ! พรึ่บ! พรึ่บ!
เห็นหนิงฝานจากไปแล้ว แม่นางน้อยไน่เหอ ประมุขแม่น้ำลืมเลือน และพระแม่ดอกปี่อั้นก็ปรากฏร่างขึ้นอีกครั้ง
“ท่านยาย เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ?”
เวลานี้หญิงสาวจากสะพานไน่เหอกล่าวถาม
ยายเมิ่งเช็ดโลหิตที่มุมปากก่อนจะยกยิ้มพิศวง “โชคดีที่กระบวนท่าสุดท้ายของเขาไม่ถูกปลดปล่อย มิฉะนั้น ข้าคงต้องตายจริง ๆ แล้ว!”
“หึ! ฝีมือกระบี่อะไรกัน? แม้แต่ยายเมิ่งผู้รู้แจ้งทุกสิ่งอย่างยังไม่อาจเทียบได้!”
“ความแข็งแกร่งของหนิงฝานผู้นั้นน่ากลัวเกินไป ข้าเกรงว่ามีเพียงมหาจักรพรรดิเท่านั้นที่จะหยุดยั้งเขาได้!”
ประมุขแม่น้ำลืมเลือน และพระแม่แห่งดอกปี่อั้นอดไม่ได้ที่จะเผยแววตาตกตะลึง
“อย่างนั้นไม่ดีแน่!”
ทันใดนั้น หญิงสาวจากสะพานไน่เหอพูดขึ้นว่า “ก่อนหน้านี้ ข้าส่งคนไปที่เฟิงตูเพื่อขอความช่วยเหลือ ดูเหมือนนี่ก็ผ่านมานานแล้ว แม้แต่แม่สามีของข้ายังพ่ายแพ้ต่อหนิงฝาน เช่นนั้นกองกำลังเสริมจากเฟิงตูก็มิใช่คู่ต่อสู้ของเขาแน่!”
“เฮ้อ! ต้องรีบติดตามข่าวเรื่องนี้โดยด่วน หนิงฝานไม่ปล่อยพวกเขาไปแน่ หากเขาไม่สามารถนำหลัวชิงเซียนกลับไปได้ เรื่องทั้งหมดจะต้องถูกจัดการอย่างเลวร้าย ข้าเกรงว่าวันนี้จะเกิดหายนะในยมโลกแห่งนี้!”
ยายเมิ่งถอนหายใจหนักอึ้ง ก่อนจะพาหญิงสาวจากสะพานไน่เหอและคนอื่น ๆ ติดตามหนิงฝานไป
…
ขณะนี้ ด้านนอกของยมโลก
“โอ้! แน่นอน! ผู้รู้แจ้งคนอื่นไม่อาจหยุดยั้งหนิงฝาน!”
“อ๊ะ! กระบี่เมื่อครู่นั้นมันอะไรกัน? สามารถทำลายมหาวิถีไร้กังวลของยายเมิ่งได้สำเร็จ!”
“กระบี่ตี้ลั่ว? ดูเหมือนว่าจะได้รับมาจากจักรพรรดิที่อยู่ในยุคตี้ลั่ว!”
“ฮ่าฮ่า ไม่ว่าจะเป็นทักษะอะไรก็ช่างเถิด ยังดีที่เขาสามารถรุดหน้าต่อไปได้โดยไม่ถูกหยุดไว้!”
“อืม! หลังจากผ่านยายเมิ่งไปได้ เราก็จะเข้าสู่ดินแดนสังสารวัฏหกวิถี!”
“ดินแดนสังสารวัฏหกวิถีเป็นรากฐานของยมโลก หากทำลายมันได้ ก็ย่อมสามารถทำลายพลังของยมโลกได้แน่นอน!”
“…”
เกิดบทสนทนาระหว่างสิ่งมีชีวิตสูงสุด และสายตาเหล่านั้นก็จับจ้องไปที่หนิงฝานไม่วางตา
ภายในยมโลก หนิงฝานกลายเป็นลำแสงทะยานด้วยความเร็วสูง ไม่นานนักเขาก็มาถึงสังสารวัฏหกวิถี!
เมื่อมองจากระยะไกล มีประตูทั้งหกตั้งอยู่ระหว่างสวรรค์และโลก แต่ละประตูกว้างใหญ่ยิ่ง พวกมันปลดปล่อยคลื่นพลังแห่งราชันจักรพรรดิสูงสุดออกมา และเหนือประตูมิติมีร่องรอยวิถีกำลังเบ่งบานนั่นคือ วิถีสวรรค์ วิถีมนุษย์ วิถีอสุรกาย วิถีนรก วิถีเปรต และวิถีเดรัจฉาน!
“หนิงฝาน ด้านหน้าคือสังสารวัฏหกวิถีในตำนาน ภูตผีทั้งหมดจะกลับชาติมาเกิดด้วยการผ่านประตูทั้งหกนี้!”
จักรพรรดิสวรรค์กล่าวคำ
หนิงฝานไม่ตอบ เพราะเขาไม่สนใจสิ่งที่ถูกเรียกขานว่าสังสารวัฏหกวิถีแห่งการกลับชาติมาเกิดพวกนี้
สิ่งเดียวที่เขาต้องทำในเวลานี้คือ การตามหาหลัวชิงเซียน!
ทว่าภายในดินแดนสังสารวัฏหกวิถีมีภูตผีปีศาจมากมายอาศัยอยู่ ด้านนอกเต็มไปด้วยเงามืด และมีผู้คนมากมายที่ไม่อาจมองเห็นจุดสิ้นสุดได้ ทั้งหกประตูมีแถวต่อยาวเหยียด ทั้งหมดล้วนแล้วแต่เฝ้ารอการเกิดใหม่อีกครั้ง
หืม!
เวลานี้หนิงฝานไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากชะลอความเร็วของตัวเองลง แล้วใช้สัมผัสเทวะค้นหาหลัวชิงเซียน
ล้านลี้!
สิบล้านลี้!
ร้อยล้านลี้!
แต่สถานที่แห่งนี้มากด้วยภูตผี ราวกับว่าทั้งสวรรค์และโลกทั้งหมดมาหยุดยืนรวมตัวกันที่นี่ หนิงฝานยังไม่สามารถค้นหาหลัวชิงเซียนพบในเวลานี้
ต้องเร็วกว่านี้
หนิงฝานรู้สึกหงุดหงิดมาก!
เขากลัวว่าหลัวชิงเซียนจะก้าวเข้าสู่สังสารวัฏหกวิถีและกลับชาติไปเกิดแล้ว!
และในร่างที่กลับชาติมาเกิด ต่อให้อีกฝ่ายจะมีความทรงจำของชาติที่แล้ว แต่นางก็ไม่ใช่หลัวชิงเซียนคนเดิมอีกต่อไป!
ร่างกายไม่ใช่ วิญญาณไม่ใช่ เจตจำนงไม่ใช่… เหลือเพียงแค่ความทรงจำในอดีตเท่านั้น!
แล้วมันจะมีประโยชน์อะไร?
‘ไม่!’
‘ข้าไม่ต้องการ!’
‘อย่าได้เป็นเช่นนั้นเลย!’
หนิงฝานลอบหวาดกลัวในใจ พลันตอนนี้เอง เขาปลดปล่อยสัมผัสเทวะกึ่งราชันจักรพรรดิออกไปตรวจสอบภูติผีทุกตัวตรงหน้า
ยัง…
ยัง!
ยังไม่พบ!
“สามี…”
ขณะที่หนิงฝานกำลังหวาดหวั่นและรีบร้อนจนลนลาน พลันเขาได้ยินเสียงแผ่วเบาดังขึ้นในหู!
ชายหนุ่มฟื้นคืนสติพร้อมเร่งรีบตามเสียงนั้นไป
ท่ามกลางมังกรปฐพีที่เหยียดหยาว มีสตรีใบหน้างดงามนางหนึ่ง ดวงหน้าไร้ที่เปรียบนั้นเต็มไปด้วยหยาดน้ำตา นางคิดหาวิธีหยุดยั้งร่างกาย แต่ก็ไม่อาจทำได้ มันเพียงก้าวเดินต่อไปอย่างเชื่องช้าเท่านั้น
เวลานี้ด้านหน้าของนางมีวิญญาณรอการเกิดใหม่ไม่ถึงร้อยตน!
“ภรรยาข้า!” เมื่อเห็นร่างหลัวชิงเซียนแล้ว หนิงฝานก็คำรามลั่นทันที!
“สามี? สามี!!!”
หลังจากได้ยินเสียงนั้น หลัวชิงเซียนก็เผยสีหน้ายินดีก่อนจะรีบตอบกลับมา “สามี! ช่วยข้าด้วย! ข้าไม่อยากเกิดใหม่ ข้าไม่อยากพรากจากท่านอีกแล้ว!”
“ภรรยาข้า ไม่ต้องกังวล ข้าจะช่วยเจ้าเดี๋ยวนี้!”
ลมหายใจถัดมา ชายหนุ่มทะยานเข้าไปยังสถานที่ที่หลัวชิงเซียนยืนอยู่!
“ระวัง!!!”
ทันใดนั้น จักรพรรดิสวรรค์ซึ่งอยู่ในทะเลวิญญาณตะโกนลั่น
สิ้นเสียงของจักรพรรดิสวรรค์ ร่างทั้งสิบก็ปรากฏตัวขึ้นรอบกายหนิงฝานโดยไม่ทราบที่มาที่ไป
และทันทีที่ร่างทั้งสิบปรากฏตัว ตัวตนเหล่านั้นก็โบกมือพร้อมกัน ก่อนจะใช้ตรวนวิญญาณทั้งสิบพันรอบลำคอ แขน ขาของหนิงฝานเอาไว้จากทุกสารทิศ
ตู้ม!
เมื่อตรวนวิญญาณโผล่ออกมาอย่างกะทันหัน ตัวตนอันน่าสะพรึงกลัวทั้งสิบก็สยบชายหนุ่มได้ในพริบตา
หนิงฝานตกตะลึงก่อนจะหันมองร่างทั้งสิบตรงหน้า แต่ละร่างมีใบหน้าดำมืด ดวงตาสีเข้ม ตัวสูงใหญ่กำยำ อีกทั้ง ร่างกายของพวกเขายังปลดปล่อยกลิ่นอายของกึ่งราชันจักรพรรดิออกมา
“ยมบาลแห่งสิบขุมนรก!!!”