เฉินตันจูยืนผงะ ไม่รู้ว่าผงะเพราะเห็นคน หรือเพราะได้ยินคำพูดนั้น นอกจากนี้นางก็ไม่รู้ว่าควรถามเรื่องใดก่อน
“คุณหนูตันจู?” ฉู่อวี๋หยงเรียกเสียงเบา “ข้าทำให้เจ้าตกใจหรือไม่”
ทำให้นางตกใจหรือ เขาไม่ได้ทำให้นางตกใจเพียงแค่ในเวลานี้ ก่อนหน้านี้ที่พระราชวัง ไม่ใช่ ก่อนหน้านี้ของก่อนหน้านี้ หรืออันที่จริงตั้งแต่ครั้งแรกที่พบหน้า…ตั้งแต่รูปลักษณ์ภายนอก นิสัยจนกระทั่งความแข็งแกร่งที่แสดงออกมาที่พระราชวังในคราวนี้
เฉินตันจูข่มความรู้สึกทั้งหมดลงไป พลันจ้องมองฉู่อวี๋หยง “องค์ชายไม่ได้ถูกโบยหรือเพคะ”
ฉู่อวี๋หยงยิ้มพลันลุกขึ้นยืน อีกทั้งยังกางแขนหมุนตัวให้นางดู “ไม่ ตอนที่เจ้ามาถึงข้ากำลังจะเปลี่ยนชุด อีกทั้งไม่รู้ว่าเกิดเรื่องใดขึ้น คิดว่าที่เจ้าพูดเช่นนี้เป็นเพราะรับสั่งของฝ่าบาท ดังนั้นข้าจึงให้ความร่วมมือเสียหน่อย”
ฟังดูเข้าท่าเลยทีเดียว เฉินตันจูถลึงตาใส่เขา “เหตุใดฝ่าบาทจึงตรัสว่าโบยท่านไปหนึ่งร้อยไม้”
ฉู่อวี๋หยงถอนหายใจเสียงเบา “ในพระทัยของฝ่าบาทย่อมคิดจะโบยข้าสักร้อยสองร้อยไม้ แต่ในฐานะบิดา สุดท้ายพระองค์ก็ไม่อาจโบยข้าได้”
อ่อ…เฉินตันจูมองเขา แต่มันเกี่ยวอันใดกับนางหรือ เหตุใดฮ่องเต้ทรงเอ่ยเรื่องนี้กับนาง อยากให้นางร้อนใจ โทษตัวเอง เป็นกังวลอย่างนั้นหรือ
หากนางไม่ได้ยินฮ่องเต้เอ่ยเช่นนี้ นางจะวิ่งมาอย่างรีบร้อนได้อย่างไร
อีกทั้งให้ความร่วมมือกับนางอันใดกัน เหตุใดเขาจึงไม่บอกนางโดยตรงว่าไม่ได้ถูกโบย ทำให้นางยืนร้องไห้อยู่ในห้องตั้งนาน
พ่อลูกสองคนนี้จงใจหลอกลวงคนชัดๆ !
เฉินตันจูหันหลังทำท่าจะเดินจากไป
“ตันจู” ฉู่อวี๋หยงรีบตะโกนเรียก ก่อนจะเดินมาขวางทางเอาไว้ “ยังมีอีกคำถามที่เจ้ายังไม่ได้ถาม”
เฉินตันจูมองคนที่ยืนขวางทางอยู่ตรงหน้า เชิดคางพูดอย่างเปิดเผย “หม่อมฉันรู้แล้วเพคะ เป้าหมายขององค์ชายก็คือให้หม่อมฉันเลือกองค์ชาย”
โกรธหรือ ดวงตาของฉู่อวี๋หยงประกายดุจแสงดาว จ้องมองนางอยู่อย่างนั้น “เฉินตันจู เจ้า ไม่ยินดีที่จะเลือกข้าหรือ”
อย่าว่าแต่เทียบกับคนอย่างองค์ชายห้าเลย แม้จะรวมองค์ชายทั้งหมดเอาไว้ด้วยกัน ฉู่อวี๋หยงก็เป็นผู้ที่โดดเด่นที่สุดอยู่ดี ผู้ใดจะไม่ยินดีกัน เฉินตันจูคิดภายในใจ พลันส่ายหัวอย่างรวดเร็ว ไม่ได้กำลังพูดถึงเรื่องนี้!
“เหตุใดองค์ชายจึงไม่ทรงบอกหม่อมฉันเสียก่อน” เฉินตันจูถาม “ทรงต้องให้หม่อมฉันตกอยู่ในสถานการณ์ที่จำเป็นต้องเลือกเช่นนั้น”
ฉู่อวี๋หยงถาม “หมายความว่าหากข้าถามเจ้าตรงๆ เจ้าจะเลือกข้าหรือ”
นางไม่ได้หมายความเช่นนั้น เฉินตันจูส่ายมือ ต้องการพูดบางอย่าง แต่ก็ไม่รู้ว่าควรพูดเรื่องใด “พวกเราไม่ต้องถกเถียงเรื่องนี้หรอกเพคะ ในเมื่อองค์ชายไม่เป็นอันใด หม่อมฉันขอทูลลาเพคะ”
พูดพลางเดินอ้อมฉู่อวี๋หยง
ฉู่อวี๋หยงหมุนตัวอีกครั้ง แต่ไม่ได้รั้งนางเอาไว้ เพียงแค่เอ่ยขึ้น “เฉินตันจู ข้าไม่ได้จะรั้งเจ้า ข้าแค่กังวลว่าเจ้าจะมีเรื่องเข้าใจผิด หากเจ้ามีเรื่องใดอยากถามล้วนถามข้าได้ อย่าได้คิดเหลวไหล”
เฉินตันจูชะงักฝีเท้า เข้าใจผิดหรือ เหมือนกับว่าไม่มีเรื่องใดที่นางเข้าใจผิด นางเพียงแค่…
“องค์ชายหก” นางหันหน้ากลับมา “องค์ชายไม่ต้องทรงคิดมากเพคะ หม่อมฉันไม่ได้เข้าใจองค์ชายผิด อีกทั้งไม่เคยคิดว่าองค์ชายจะทรงทำร้ายหม่อมฉัน หม่อมฉันแค่ฉงนสาเหตุที่องค์ชายทรงทำเช่นนี้เท่านั้น”
ฉู่อวี๋หยงยิ้มเล็กน้อย “ย่อมเป็นเพราะข้าชื่นชอบคุณหนูตันจู เมื่อมีโอกาสนี้ บรรดาเสด็จพี่ล้วนมีเสด็จพ่อทรงเลือกพระชายาให้ แต่ข้าอยากเลือกพระชายาของข้าเอง”
ประตูห้องถูกผลักเข้ามาในเวลานี้ แสงแดดยามเย็นสาดส่องเข้ามา เฉินตันจูเห็นแสงสีทองที่ปกคลุมอยู่รอบตัวขององค์ชายอายุน้อย ทำให้เขาเหมือนมีอยู่จริงแต่ก็เหมือนภาพลวงตา…
เขากำลังพูดเรื่องใดกัน
หวังเจียนถือถาดผลักประตูเข้ามา ชาที่อยู่บนถาดมีไอร้อนลอยขึ้น เมื่อเห็นภาพนี้…เหมือนว่าเขาจะมาในเวลาที่ไม่เหมาะสมเสียแล้ว เขายกเท้าก้าวถอยหลังออกไป พลันปิดประตูลง ก่อนจะจับอาหนิวที่เดินตามติดมาอยู่ด้านหลังหมุนตัวจากไป
ภายในห้องกลับคืนสู่ปกติ เฉินตันจูดึงสติกลับมา อดที่จะนวดคลึงใบหน้าของตนเองไม่ได้ มือและหน้าของนางแข็งทื่อ จากนั้นนางจับหูของตนเอง คำพูดที่นางได้ยินก่อนหน้านี้…
“มัน” นางถาม “จะเป็นไปได้อย่างไรเพคะ องค์ชายจะทรงโปรดปรานหม่อมฉันได้อย่างไร พวกเราไม่ถือว่ารู้จักกันไม่ใช่หรือเพคะ”
พวกเขาทั้งสองคนพบหน้ากันเพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้น
ฉู่อวี๋หยงพูดด้วยรอยยิ้ม “ถึงแม้พวกเราจะเพิ่งพบหน้ากัน แต่ข้ารู้จักคุณหนูตันจูมานานแล้ว”
นางรู้เรื่องนี้เพราะเขาเคยพูด แม่ทัพหน้ากากเหล็กมักพูดถึงนางต่อหน้าเขา ดังนั้นเด็กเหงาที่ถูกขังอยู่ในจวนจึงชอบนางเข้าหรือ
“แต่การรู้จักเช่นนั้นไม่ใช่ของจริง” เฉินตันจูอธิบาย “มันเป็นหม่อมฉันที่องค์ชายทรงจินตนาการขึ้นมา องค์ชายไม่ได้รู้จักตัวตนที่แท้จริงของหม่อมฉัน อันที่จริงหม่อมฉันก็ไม่ได้เป็นตัวของตัวเองเมื่ออยู่ต่อหน้าท่านแม่ทัพ”
แต่ตัวตนที่แท้จริงของนางก็ปรากฏขึ้นในใจของเขาเพราะตัวตนที่ไม่แท้จริงทั้งหมดของนาง ฉู่อวี๋หยงยิ้ม “คุณหนูตันจู เจ้าคิดว่าข้าเป็นคนที่ตัดสินใจจากการจินตนาการอย่างนั้นหรือ”
เฉินตันจูอ้าปาก ก่อนจะนึกถึงการแสดงออกที่น่าตกตะลึงของเขาภายในวังหลวง…ใช่ นางพูดกลับกัน นางควรจะบอกว่า องค์ชายหกที่โดดเดี่ยวอยู่แต่ในจวนเป็นองค์ชายหกที่นางจินตนาการขึ้นมา องค์ชายหกที่แท้จริงไม่ใช่แบบนี้
คนแบบนี้ย่อมไม่มีทางหลงใหลเพียงเพราะคำพูดไม่กี่คำของผู้อื่น
“อย่างนั้น” สายตาของเฉินตันจูมองไปที่กระจก ใบหน้าของหญิงสาวภายในกระจกนั้นงดงาม “เพราะว่า…”
สายตาของนางเบนกลับมาที่ฉู่อวี๋หยงในเวลานี้ องค์ชายอายุน้อยมีรูปร่างสูงโปร่ง ผมสีดำขลับ แต่งกายงดงาม ผิวพรรณขาวผ่อง…คำพูดที่นางอยากจะบอกว่าเพราะหม่อมฉันมีรูปลักษณ์งดงามก็พูดไม่ออกในทันใด
หากหลงใหลในรูปลักษณ์ภายนอกจริง ฉู่อวี๋หยงถือกระจกส่องตนเองก็เพียงพอแล้ว
นางอยากจะหัวเราะเมื่อมีความคิดนี้ปรากฏขึ้นในหัว
ถึงแม้นางจะไม่ได้หัวเราะออกมาจริง แต่ฉู่อวี๋หยงสามารถมองเห็นท่าทางที่เปลี่ยนไปของหญิงสาวได้อย่างชัดเจน หางตาของนางยกขึ้นเล็กน้อย ใบหน้าที่ตึงเครียดราวกับมีลมอ่อนพัดผ่าน…
“ข้ารู้ว่าเรื่องนี้กะทันหันเกินไป” เขาพูดเสียงเบา ทำให้เสียงของตนเองอ่อนโยนราวกับสายลม “เดิมทีข้าก็ไม่อยากทำเช่นนี้ ข้าอยากบอกกับเจ้าก่อน แต่เมื่อบังเอิญประสบกับเรื่องนี้ หากต้องการทำลายแผนการขององค์รัชทายาท อีกทั้งยังทำให้ความปรารถนาของข้าสมหวังได้ ดังนั้นข้าจึงวางแผนนี้ด้วยความมุทะลุ”
เฉินตันจูส่งเสียงตอบรับ แต่ไม่พูดสิ่งใด
ฉู่อวี๋หยงมองนาง “แต่มันเป็นเป้าหมายของข้า ไม่ใช่ของเจ้า ถึงแม้ภายในวังหลวง ฝ่าบาทไม่ได้ทรงให้โอกาสในการเลือกแก่เจ้า แต่ต่อจากนี้เจ้าสามารถลองกลับไปไตร่ตรอง หากเจ้าไม่ยินยอม พวกเราค่อยไปทูลฝ่าบาท”
เฉินตันจูเหลือบมองเขา “ฝ่าบาททรงเจรจาง่ายเช่นนั้นหรือ คนที่ก่อเรื่องคือพวกเรา คนที่กลับคำก็ยังเป็นพวกเรา อย่างนั้นพวกเราคงต้องถูกโบยหนึ่งร้อยครั้งเข้าจริงๆ แล้ว”
ฉู่อวี๋หยงยิ้มเล็กน้อย “ไม่หรอก อันที่จริงเสด็จพ่อทรงเป็นบิดาที่ใจอ่อน เพียงแต่อาจทรงเลอะเลือนในบางเรื่อง แต่มนุษย์ไม่มีผู้ใดสมบูรณ์แบบ”
เขามองอย่างทะลุปรุโปร่ง บางทีอาจเพราะไม่ได้ถูกโบยหนึ่งร้อยครั้งจริงๆ ? ไม่เหมือนองค์ชายสาม เฉินตันจูกัดริมฝีปาก ไม่พูดสิ่งใด
เมื่อเห็นหญิงสาวไม่พูด แต่ก็ไม่ได้กังวลเหมือนก่อนหน้านี้ อีกทั้งยังมีแนวโน้มว่ากำลังจะเหม่อลอย ฉู่อวี๋หยงจึงถามลองเชิง “เจ้าอยากนั่งลงครุ่นคิดตรงนี้ก่อนหรือไม่ เมื่อครู่หวังไต้ฟูเหมือนจะส่งชาเข้ามาแล้ว ข้าจะให้พวกเขานำของกินมาอีก เจ้าคงไม่ได้กินสิ่งใดในงานเลี้ยง”
เฉินตันจูตั้งสติกลับมา พลันถอยหลังไป “ไม่ต้องเพคะ ฟ้ากำลังจะมืดลงแล้ว หม่อมฉันควรกลับแล้วเพคะ”
ฉู่อวี๋หยงพยักหน้าตอบรับ
เฉินตันจูถวายบังคมต่อเขา พลันหันหลังเดินไปทางประตู ในขณะที่นางดึงประตูนั้น ฉู่อวี๋หยงก็เรียกขานนางอีกครั้ง เฉินตันจูหันกลับไปมอง เห็นชายหนุ่มดูตื่นเต้นเล็กน้อย…นางเห็นเขามีท่าทางเช่นนี้เป็นครั้งแรก ถึงแม้จะพบกันเพียงไม่กี่ครั้งก็เถอะ
“คุณหนูตันจูไม่ชอบข้าใช่หรือไม่” ฉู่อวี๋หยงถาม
แสงแดดยามเย็นด้านนอกประตูเลือนรางไป ภายในห้องมืดสลัว เงาของชายหนุ่มที่ยืนอยู่ภายในห้องถูกยืดยาว เห็นแล้วรู้สึกทั้งเหงาทั้งโดดเดี่ยว…
“ไม่ ไม่ใช่” เฉินตันจูอดพูดขึ้นไม่ได้ “ไม่ใช่ปัญหานี้…”
นางยังพูดไม่ทันจบ ฉู่อวี๋หยงก็ยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย “เอาเถิด ข้ารู้แล้ว เจ้ากลับไปพักผ่อนเถิด”
เฉินตันจูตอบรับ พลันเดินออกไปตามสัญชาตญาณ ก่อนจะตั้งสติกลับมา เขารู้เรื่องใดกัน
เมื่อนางเดินออกมาที่หน้าประตูก็เห็นหวังเจียนกับเด็กชายผู้หนึ่งกำลังยืนอยู่บริเวณลานกว้าง คนหนึ่งถือชา อีกคนถือขนม พลางกินดื่มพลางมองมา
เมื่อเห็นนางเดินออกมา หวังเจียนยกแก้วชาไว้ริมปาก ส่วนอาหนิวทักทายด้วยเสียงอู้อี้ “คุณหนูตันจู ท่านจะไปแล้วหรือขอรับ”
เฉินตันจูไม่อาจกลับเข้าไปในห้องได้อีก ทำให้เพียงพยักหน้าพลันยิ้มให้เขา ก่อนจะมองไปยังหวังเจียน หวังเจียนจิบชาพลางเงยหน้า ดวงตามองขึ้นฟ้า…
หวังเจียนยังคงไม่ใช่คนดี ทั้งที่เขารู้ว่าองค์ชายหกไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่เขาก็ไม่เอ่ยเตือนแม้แต่น้อย ไม่ว่าอย่างไรเขากับนางก็ถือว่ารู้จักกันมาก่อน ไม่ไว้หน้าท่านแม่ทัพแม้แต่น้อย! เฉินตันจูเดินเข้ามา ส่งเสียงไม่พอใจต่อหวังเจียน จากนั้นเดินกระทืบเท้าออกไปเสียงดัง
หวังเจียนวางแก้วชาลง พลันส่งเสียงไม่พอใจต่อแผ่นหลังของหญิงสาว จากนั้นเบ้ปาก ดุเรื่องใดกัน ต่อจากนี้มีเรื่องสนุกของเจ้าให้ดูแล้ว