รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 416 มารยาทไม่อาจบกพร่อง โปรดรับของกำนัลแทนคำขอโทษไว้ด้วย!

บทที่ 416 มารยาทไม่อาจบกพร่อง โปรดรับของกำนัลแทนคำขอโทษไว้ด้วย!

บทที่ 416 มารยาทไม่อาจบกพร่อง โปรดรับของกำนัลแทนคำขอโทษไว้ด้วย!

“แม่นางเซี่ยเหยียน…?”

ไป๋มู่เห็นเซี่ยเหยียนนิ่งไป จึงประหม่าเหลือแสน มิใช่ว่านางไม่คิดจะอภัยให้เขาหรอกนะ!

ได้ยินไป๋มู่เรียกนาง เซี่ยเหยียนถึงได้สติ

“ผู้นำตระกูลคิดมากไปแล้ว ตระกูลไป๋มีความดีความชอบใหญ่หลวง มีบุญคุณต่อทั้งใต้หล้า ต่อให้มีคนไม่ดีอยู่ในตระกูลข้า ข้าก็เห็นว่าเป็นเพียงตัวบุคคลเท่านั้น”

เซี่ยเหยียนกล่าว “ข้ามองว่าภาพรวมของตระกูลไป๋ยังดีอยู่ เพราะอย่างนั้น ครานั้นข้าอยู่ที่ตระกูลไป๋จึงไม่ได้ฆ่าใครสักคน”

“ขอบคุณแม่นางที่เชื่อใจตระกูลไป๋!”

ผู้นำตระกูลเอ่ยเสียงซาบซึ้ง

เขารู้ว่าอีกฝ่ายพูดจากใจจริง ด้วยฝีมือระดับนาง สามารถทำให้ทั้งตระกูลไป๋โลหิตไหลเป็นลำธาร ทว่าสตรีตรงหน้ากลับมิได้ทำให้ตระกูลไป๋เปื้อนเลือดสักหยด

“เป็นเพราะข้าเลินเล่อในการสอนสั่ง”

เขาถอนหายใจ “อาณาจักรแห่งนี้กำลังเผชิญกับหายนะครั้งใหญ่ ข้าทุ่มเทกายใจทั้งหมดไปกับเรื่องนี้ ส่งผลให้การสั่งสอนคนในตระกูลบกพร่อง”

เขาเว้นจังหวะครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยต่อด้วยท่าทางแน่วแน่ “ทว่าแม่นางโปรดวางใจ ต่อจากนี้ไปตระกูลไป๋ไม่มีทางเกิดเรื่องเช่นนี้อีก!”

เซี่ยเหยียนหัวเราะเบา ๆ พลางกล่าว “ข้าเชื่อผู้นำตระกูล”

นางมองผู้นำตระกูลพลางกล่าว “ผู้นำโปรดรอสักครู่”

“ได้”

แม้ไป๋มู่ไม่รู้ว่าเซี่ยเหยียนทำเช่นนี้หมายความอย่างไร กระนั้นเขายังพยักหน้ารับ

หญิงสาวหมุนกายกลับเข้าไปในลานเล็ก

“เป็นอย่างไรบ้าง ตกลงกันได้แล้วหรือ”

ภายในลานเล็ก หลี่จิ่วเต้าเห็นเซี่ยเหยียนกลับมาจึงเอ่ยถาม

“เป็นการเข้าใจผิด คนบางกลุ่มในตระกูลไป๋ผิดพลาดไป ทว่าตระกูลไป๋โดยรวมถือว่าไม่เลว ผู้นำตระกูลคนนี้ก็ดียิ่ง”

เซี่ยเหยียนตอบ

“คลายความเข้าใจผิดได้ก็ดีแล้ว เขาไปหรือยัง”

หลี่จิ่วเต้าถาม

อย่างที่คิด

ท่านเซียนต้องการพบไป๋มู่

มิฉะนั้นไยท่านเซียนต้องสนใจว่าไป๋มู่ไปหรือยัง

เซี่ยเหยียนคิดในใจ

คิดมาถึงนี่ นางกล่าวว่า “ยัง เขาชื่นชอบภาพอักษรและภาพวาดเช่นกัน เห็นคุณชายปราดเปรื่องเหนือผู้ใด จึงเกิดความเลื่อมใส คิดอยู่ว่าสนทนากับคุณชายสักหน่อยได้หรือไม่”

ก่อนนี้นางคิดแล้วว่าไป๋มู่อาจเป็นคนที่ท่านเซียนต้องการพบ ท่านเซียนอาจตั้งใจชี้แนะไป๋มู่ ให้ไป๋มู่มีพลังพอในการต่อกรกับสิ่งมีชีวิตจากอาณาจักรเทียนหยวน

กระนั้นนางยังไม่อาจมั่นใจเต็มร้อย มิกล้าพาไป๋มู่เข้ามาในลานเล็กโดยตรง

เพราะอย่างนั้น นางถึงบอกให้ไป๋มู่รอสักครู่ แล้วกลับมาขออนุญาตจากท่านเซียนในลาน ดูว่าท่านเซียนอยากพบไป๋มู่หรือไม่

“เช่นนี้หรือ ได้สิ”

หลี่จิ่วเต้ายิ้ม ไม่รู้สึกว่าเป็นปัญหาอะไร

“ได้ ข้าจะพาเขาเข้ามาเดี๋ยวนี้”

เซี่ยเหยียนกลับเข้ามาในร้าน

นางมองไป๋มู่ยิ้ม ๆ “ไปเถิด ตามข้าเข้าไปด้านใน”

“ได้หรือ!?”

ไป๋มู่ถามท่าทางตื่นเต้น

“แน่นอนว่าได้”

เซี่ยเหยียนกล่าว ก่อนจะพาไป๋มู่เข้ามาในลานเล็ก

หลังไป๋มู่เข้ามาอยู่ในลานเล็กแล้ว ก็ยิ่งสะท้านใจเข้าไปใหญ่

ทุกสิ่งในลานเล็กแห่งนี้สูงส่งเกินหยั่ง เหนือเกินกว่าจินตนาการของเขา เกินกว่าที่เขาเคยรับรู้มา!

เดี๋ยวก่อน…

เหตุใดต้นผลไม้สามต้นนี้ถึงดูคุ้นตานัก?

หางตาของเขาเหลือบไปเห็นต้นผลไม้สามต้นที่เพิ่งปลูกในลานเล็กด้านข้าง

ต้นองุ่นหนึ่งต้น ต้นผิงกั่วหนึ่งต้น ต้นสาลี่หนึ่งต้น

ปกติแล้วองุ่นนั้นขึ้นจากเถา เรียกเป็นต้นไม้มิได้ ทว่าต้นนี้เรียกว่าต้นองุ่นได้แน่นอน แกนเถาวัลย์ของมันหนายิ่งกว่าต้นไม้ทั่วไปเสียอีก สายเถาวัลย์รัดเกี่ยวไปมา ประดุจกิ่งก้านต้นไม้ องุ่นยวนตาน่ารับประทานห้อยอยู่บนนั้นเต็มไปหมด

คุ้นตา…

เขาจะไม่คุ้นตาได้อย่างไร!?

นี่มันโอสถมหาจักรพรรดิสามต้นของตระกูลไป๋เขามิใช่หรือ!

ไป๋มู่คิดอยู่ในใจว่ามิน่าเซี่ยเหยียนถึงมิได้กลับไปที่สำนักไท่หัว ที่แท้รีบร้อนนำต้นผลไม้มาให้ท่านเซียนนี่เอง!

“ผู้เฒ่าไป๋ก็ชื่นชอบภาพอักษรและภาพวาดเหมือนกันหรือ”

หลี่จิ่วเต้าเห็นไป๋มู่มา จึงเอ่ยยิ้ม ๆ และเชิญไป๋มู่มานั่ง

ไป๋มู่ตื่นเต้นมากกับไมตรีที่ได้รับ จึงรีบเอ่ยตอบ “ชอบ ชอบมาก”

พูดกันตามตรง ตัวเขานั้นชื่นชอบภาพอักษรและภาพวาดจริง ๆ และมีความรู้ในด้านนี้ลึกล้ำพอสมควร

การหัดวาดภาพเขียนอักษรช่วยให้จิตใจสงบมั่นคง ช่วยขัดเกลาหทัยเต๋าได้เป็นอย่างดี

แม้นเขามิได้บำเพ็ญวิถีภาพอักษรเป็นหลัก กระนั้นก็มีความรู้ด้านภาพอักษรไม่เบา เทียบกับผู้ฝึกตนที่เน้นบำเพ็ญด้านภาพอักษรก็ยังถือว่าเหนือกว่า

หลี่จิ่วเต้าแลกเปลี่ยนความรู้ด้านภาพอักษรกับไป๋มู่ ยิ่งสนทนาก็ยิ่งเพลิน

ไป๋มู่มีความบรรลุด้านภาพอักษรจริง ๆ ความสามารถอยู่ในระดับสูงสุดที่หลี่จิ่วเต้าเคยพบ เมื่อได้ถกกันจึงใช้เวลาไปอย่างยาวนาน

ไป๋มู่ได้รับประโยชน์มหาศาลจนไม่รู้ตั้งเท่าไรระหว่างการเสวนากับท่านเซียน

ความเข้าใจที่เขามีต่อภาพอักษรยกระดับไปอีกหลายขั้น ก้าวหน้าจนขึ้นมาอีกระดับ!

ระดับสูงส่งเยี่ยงนี้ ช่วยให้เขาบรรลุขั้นตี้จวินได้โดยไม่เป็นปัญหาเลย!

หรือหากเขารู้แจ้งได้ลึกกว่านี้ บรรลุขั้นเทียนตี้ยังมิใช่ปัญหา!

เขานึกสะท้อนใจอย่างยิ่งยวด รู้สึกโชคดีเหลือคณา

ยังดีที่สุดท้ายเขาเลือกเคาะประตูร้านท่านเซียน มิฉะนั้นเขาหรือจะมีโอกาสได้รับการชี้แนะจากท่านเซียน!?

ดูท่าก่อนหน้านี้เขาคิดไม่ผิด ที่ต้นหลิวกับก้อนหินปล่อยเขาเข้ามืองเป็นความประสงค์ของท่านเซียน ท่านเซียนต้องการพบเขา!

อันที่จริง ไป๋มู่กับเซี่ยเหยียนคิดผิดทั้งคู่ ที่ต้นหลิวกับก้อนหินปล่อยไป๋มู่เข้าเมือง หาใช่ความประสงค์ของหลี่จิ่วเต้า

เป็นเพราะต้นหลิวและก้อนหินคิดว่าวิธีการของพวกมันผิด จึงมีการปรับเปลี่ยน

ท้องฟ้าค่อย ๆ มืดลง หลี่จิ่วเต้าลุกขึ้น “ผู้เฒ่าไป๋อยู่กินข้าวด้วยกันสิ”

นาน ๆ จะได้เจอคนที่มีความรู้ด้านภาพอักษรใช้ได้ หลี่จิ่วเต้ารู้สึกเสียดายที่เพิ่งรู้จักกัน ถึงอย่างไร ความรู้ด้านภาพอักษรของคนอื่นก็ย่ำแย่เหลือทน คุยกับเขาไม่รู้เรื่องเลย

“วันนี้พวกเราจะกินเกี๊ยวกัน”

ชายหนุ่มคลี่ยิ้ม เมื่อครั้งอยู่บนดาวเคราะห์สีฟ้า เขาชื่นชอบการกินเกี๊ยวที่สุด และตั้งแต่มี ‘ตู้เย็น’ เขาได้ห่อเกี๊ยวไว้ล่วงหน้ามากมาย เพื่อเก็บเข้าไปใน ‘ตู้เย็น’

‘ตู้เย็น’ หยุดเวลาได้ จึงไม่ต้องกังวลว่าเกี๊ยวจะเสีย เกี๊ยวที่เก็บไว้ใน ‘ตู้เย็น’ สมบูรณ์ดีเหมือนตอนที่เพิ่งห่อเสร็จใหม่ ๆ

เขาเดินเข้าไปในครัว เริ่มต้มน้ำเตรียมทำเกี๊ยวกิน

“ท่านมีโอกาสได้ลาภปากแล้ว”

เซี่ยเหยียนบอกกับไป๋มู่ยิ้ม ๆ

ฝีมือของท่านเซียนไร้ที่ติ ยามไป๋มู่ได้กินต้องตกตะลึงเป็นแน่

หลิงอินและเสี่ยวหยาด้านข้างก็หัวเราะเบา ๆ เช่นกัน พวกนางเดาได้เหมือนกันว่าไป๋มู่คือผู้ที่ท่านเซียนต้องการพบ มิฉะนั้นท่านเซียนไม่มีทางชี้แนะไป๋มู่ และยิ่งไม่มีทางบอกให้อีกฝ่ายอยู่กินข้าวด้วยกัน

ดูท่าท่านเซียนต้องการให้ไป๋มู่ทำบางอย่าง…

“โอ๊ย ข้าลืมเรื่องสำคัญไปได้อย่างไร!”

ทันใดนั้น ไป๋มู่ตบหน้าผากตัวเอง “เรื่องขอโทษนั้น ข้านำของกำนัลมาขอโทษด้วย ผลสุดท้ายกลับลืมไปเสียได้ ถึงได้รับการอภัยจากแม่นางแล้ว แต่ของกำนัลแทนคำขอโทษก็ขาดไม่ได้!”

เขาเป็นคนถือเรื่องพิธีรีตอง คราวไปขอโทษที่สำนักไท่หัว ก็ได้ทิ้งของกำนัลแทนคำขอโทษไว้ให้

ยามขอโทษเซี่ยเหยียน เขาจะไม่มอบของกำนัลแทนคำขอโทษให้ได้อย่างไร!?

พูดจบ เขาก็หยิบสมบัติล้ำค่า ศาสตราหายากออกมาวางบนโต๊ะมากมาย

เขาเตรียมทั้งหมดนี้ไว้แล้วแต่แรก!

พลังของเขาถูกสะกด ทว่าศาสตราบรรจุของที่เขานำมาด้วยนั้นไม่ต้องใช้พลังรีดเร้น แค่เพียงเชื่อมจิตกับเขา เขาคิดครั้งเดียวก็เปิดออกได้แล้ว

หากมิใช่เช่นนี้แล้ว แค่นำของกำนัลแทนคำขอโทษเหล่านี้ออกจากศาสตราบรรจุของยังยาก

“ขอแม่นางโปรดจงรับไว้!”

เขาบอกกับเซี่ยเหยียนด้วยความจริงใจ

เวลานั้น หลี่จิ่วเต้าก็มองมาเช่นกัน สายตาของเขาถูกดึงดูด และหมายตาของอยู่สิ่งหนึ่ง

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท