มนุษย์แบ่งเป็นตาย โลกแบ่งหยินหยาง
แม้ความเป็นจริงจักรพิภพเต๋าไม่รู้สิ้นจะเป็นโลกศิลาที่หลัวเทียนปิดผนึกด้วยฝ่ามือเดียวก็ยังถูกแบ่งออกด้วยวิธีนี้ มิเช่นนั้นทุกสิ่งจะไม่สมบูรณ์ สิ่งมีชีวิตทั้งหมดข้างในไม่อาจเลี้ยงตนได้ หมื่นเต๋าไม่อาจคงอยู่ ไม่อาจสร้างวัฏจักร และไม่อาจไหลเวียน
ตอนนี้เฉินชิงจื่อพาหวังเป่าเล่อเข้ามาในนรกเก้าโลกันตร์แล้ว สถานที่ที่พวกเขามาคือแดนมรณะของจักรพิภพเต๋าไม่รู้สิ้น
ที่แห่งนี้มีหลายชื่อ เช่น แดนมรณะ โลกันตร์มืด นพภูมิ นรก ในตำนานต่างๆ มีชื่อเรียกแตกต่างกันไป ทว่าสำหรับสำนักแห่งความมืด พวกเขาชอบเรียกที่นี่ว่า…โลกันตร์!
แต่เมื่อวิเคราะห์จนถึงขั้นสุดท้าย แท้จริงแล้วที่นี่ก็คือด้านตรงข้ามจักรวาลเท่านั้น ข้างในมีกฎเต๋าสวรรค์ไม่รู้สิ้นเช่นกัน เพียงแค่อ่อนแอกว่าโลกที่มีชีวิตเล็กน้อย กอปรกับสำนักแห่งความมืดที่ไม่เคยสูญสิ้น หลายหมื่นปีมานี้จึงได้ปกป้องที่แห่งนี้ ทำให้เต๋าสวรรค์ไม่รู้สิ้นที่นี่หายไปไม่น้อย
อีกทั้งยังมีเต๋าสวรรค์สำนักแห่งความมืดที่แปลงมาจากเฉินชิงจื่อที่เข้าสู่ไม่รู้สิ้นเช่นเดียวกับเต๋าสวรรค์ไม่รู้สิ้นทำให้จักรพิภพเต๋าไม่รู้สิ้นมีสองเต๋าสวรรค์ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ในโลกันตร์ไม่หลงเหลือพลังปราณไม่รู้สิ้นอีกต่อไป เพราะถูกพลังเต๋าสวรรค์สำนักแห่งความมืดอันเข้มข้นเข้าปกคลุม
ในโลกันตร์แห่งนี้แม้จะมีขอบเขตเหมือนกับโลกที่มีชีวิต แต่กลับมีดวงดาวและดาราจักรน้อยกว่ามาก มีแม่น้ำแห่งความมืดอันกว้างใหญ่ไร้ขอบเขต ไม่เห็นจุดเริ่มต้นและไม่รู้จุดสิ้นสุด
แม่น้ำแห่งความมืดสายนี้พาดผ่านทั้งโลกันตร์ ข้างในอัดแน่นด้วยจุดแสงนับไม่ถ้วน แต่ที่มีมากกว่า…คือเมื่อจมลงไปในแม่น้ำแห่งความมืดก็เพียงพอที่จะทำให้ผู้ฝึกตนทั้งหลายรู้สึกตัวเล็กลงได้
ตรงกลางแม่น้ำนั้น…มีดวงดาวอยู่ดวงหนึ่ง และเป็นเพียงดวงเดียวที่มี!
ดาวดวงนั้นใหญ่มาก แต่กลับไม่ลอยอยู่ในอากาศ มันเหมือนเกาะเล็กๆ ตั้งตระหง่านอยู่ในแม่น้ำปล่อยให้สายน้ำไหลผ่านไป
“ดวงดาวแห่งความมืดนี้เป็นเพียงดวงเดียวที่เหลืออยู่ในหมู่ดาวมหาเต๋าสามพันดวงของสำนักแห่งความมืด” ด้านนอกแม่น้ำแห่งความมืด ร่างของเฉินชิงปรากฏขึ้น หวังเป่าเล่อยืนอยู่ข้างกายเขา ตอนนี้ใบหน้านั้นไม่สามารถปกปิดความตกใจไว้ได้ จิตใจปั่นป่วนรุนแรง
ระหว่างทางเขาเห็นแม่น้ำแห่งความมืดอันน่าทึ่งแล้ว และยังสัมผัสได้ถึงไอมรณะเข้มข้นที่แผ่ออกมาจากในแม่น้ำด้วย ในที่แห่งนี้กฎเต๋าสวรรค์ไม่รู้สิ้นของเขาถูกสยบลงอย่างสมบูรณ์ กลับกันกฎเต๋าสวรรค์สำนักแห่งความมืดกลับยิ่งคึกคัก ยามที่มันแผ่ซ่านไปทั่วทั้งกายก็ทำให้เปลวไฟสีดำของเขาลุกโชนจนแผ่ออกมานอกร่างก่อตัวเป็นทะเลเพลิง
“ดวงดาวแห่งความมืด?” หวังเป่าเล่อหรี่ตา ตอนที่เขาเอ่ยเสียงเบาก็ถอนสายตาจากแม่น้ำแห่งความมืดและมองไปยังดาวเพียงดวงเดียวตรงนั้น เขาสัมผัสได้ถึงพลังปราณโบราณที่แผ่ออกมาจากมัน และยังสัมผัสได้ว่าบนดาวดวงนั้นมีพลังปราณสำนักแห่งความมืดผันผวนอยู่ไม่น้อย
“ไม่รู้สิ้นก่อกบฏและทำสงครามกับสำนักเราในตอนนั้น ดวงดาวมหาเต๋าสามพันดวงของสำนักแห่งความมืดล้วนแตกสลาย แม้แต่เต๋าสวรรค์ก็ยังถูกทำลาย ส่วนข้า…ในปีต่อๆ มาก็ได้ใช้ทุกวิธี และในที่สุดก็ซ่อมมันกลับคืนมาได้หนึ่งดวง คือการเอาเงาจากกาลเวลามาผนึกดาวเพื่อให้มันกลับมา” เฉินชิงจื่อพึมพำเสียงเบา ก่อนจะเดินไปยังแม่น้ำแห่งความมืดและไปยังดวงดาวแห่งความมืดทีละก้าว
เมื่อได้ยินคำพูดของเฉินชิงจื่อ หวังเป่าเล่อก็ใจสั่นอีกครา เขาเดินตามไปเงียบๆ ทั้งสองกำลังเข้าใกล้แม่น้ำแห่งความมืดและเข้าใกล้ดวงดาวแห่งความมืดมากขึ้นเรื่อยๆ
การมาของพวกเขาดึงดูดความสนใจของผู้ฝึกตนสำนักแห่งความมืดบนดวงดาวแห่งความมืดเช่นกัน จิตใต้สำนึกกลุ่มหนึ่งกวาดมาทางนี้ทันที จากนั้นร่างจำนวนมากก็ลอยขึ้นจากดวงดาวแห่งความมืด พุ่งมาทางพวกเขา
“เป่าเล่อ เจ้ารู้ภารกิจของสำนักแห่งความมืดของเราหรือไม่” เฉินชิงจื่อไม่ได้สนใจผู้คนที่กำลังเหาะมาจากดวงดาวแห่งความมืด แต่กลับเอ่ยปากถามเบาๆ
หวังเป่าเล่อพยักหน้า ก่อนจะส่ายหน้า แล้วไม่กล่าวอะไร
“สำนักแห่งความมืดของเรา…แท้จริงแล้วเป็นเพียงผู้ที่ปฏิบัติตามกฎเท่านั้น”
“กฎของใคร” หวังเป่าเล่อถาม
“จักรพิภพเต๋าไม่รู้สิ้นเป็นเพียงศิลาก้อนหนึ่ง ศิลาก้อนนี้สร้างจากมือผู้เยี่ยมยุทธ์นอกจักรพิภพ สิ่งที่ตระกูลแห่งความมืดของเราปฏิบัติตามก็คือกฎของผู้เยี่ยมยุทธ์ผู้นี้”
“สำนักแห่งความมืดอยู่ที่นี่มาหลายชั่วอายุคนแล้ว เพียงแค่ถูกรวมเข้ากับกฎและถูกควบคุมอย่างลับๆ มีเพียงรุ่นนี้…ที่เพราะกฎคลายลง สำนักแห่งความมืดจึงได้ปรากฏตัวและเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก”
“และเพราะเหตุนี้จึงได้เกิดหายนะกับสำนักแห่งความมืด และเพราะเหตุนี้จึงมีไม่รู้สิ้นปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง”
“แต่ไม่ว่าอย่างไรภารกิจของสำนักแห่งความมืดก็คือ…รักษาผนึกให้คงอยู่ตลอดไป และไม่อนุญาตให้สิ่งมีชีวิตใด…หนีออกไปได้!” เฉินชิงจื่อพึมพำ เผยแววตาแห่งความทรงจำแต่ในไม่ช้าก็ถอนหายใจและสงบลง ก่อนจะเอ่ยช้าๆ
“ดูเหมือนเจ้าจะไม่แปลกใจกับเรื่องนี้”
หวังเป่าเล่อมองศิษย์พี่ตรงหน้า ความรู้สึกแปลกหน้ายิ่งทวีความรุนแรง ผ่านไปนานจึงกล่าวขึ้นบ้าง
“ข้าเคยไปดาวชะตาจึงได้รู้ความลับบางอย่างของโลก และข้าก็รู้ด้วยว่า…หลัวเทียนตายแล้ว ดังนั้นภารกิจของสำนักแห่งความมืดยังสำคัญอยู่หรือไม่”
“นั่นคือความหมายของการดำรงอยู่ของสำนักแห่งความมืด” เฉินชิงกล่าวอย่างสงบนิ่ง ก่อนจะหันหน้ากลับมามองหวังเป่าเล่ออย่างลึกซึ้งแวบหนึ่ง เขาไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้ต่อ แต่กลับเอ่ยขึ้นทันทีว่า
“เป่าเล่อ เจ้าอยากแข็งแกร่งขึ้นหรือไม่”
ดวงตาหวังเป่าพลันเล่อแข็งกร้าว แทนที่จะโต้เถียง เขากลับจ้องมองศิษย์พี่เฉินชิงจื่อของตน
“วิธีที่จะทำให้แข็งแกร่งขึ้นจำเป็นต้องดูดซับไอมรณะอย่างไร้ที่สิ้นสุด ขณะเดียวกัน…ก็ยังมีอีกทางหนึ่ง นั่นคือยกระดับอารยธรรมสหพันธรัฐของเจ้า เมื่อยกระดับสหพันธรัฐจะทำให้ฐานการฝึกฝนของเจ้าเพิ่มสูงขึ้นได้ในเวลารวดเร็วที่สุด”
กล่าวจบเฉินชิงจื่อก็ชี้ไปยังแม่น้ำแห่งความมืด
“เจ้ารู้ไหมว่าในแม่น้ำแห่งความมืดสายนี้มีอะไร”
“สิ่งมีชีวิตที่ทับถมกันมาตลอดหลายปี” หลังจากเงียบไป หวังเป่าเล่อก็เอ่ยเสียงเบา
“ไม่ทั้งหมด ในแม่น้ำแห่งความมืดสายนี้ไม่ได้มีเพียงสิ่งมีชีวิตที่ทับถมกันมาตั้งแต่ยุคหิน แต่ยังมีเศษซากปรักหักพังหรือจะกล่าวให้ถูกคือ…ข้างในนั้นเต็มไปด้วยเศษประวัติศาสตร์ที่เคยปรากฏอยู่ในยุคหินจนถึงปัจจุบัน”
“ขณะเดียวกันข้างในยังมีไอมรณะไร้ที่สิ้นสุดซึ่งเป็นสิ่งที่เจ้าต้องการ นอกจากนี้…ข้างในยังมีเศษซากอารยธรรมในอดีต ทุกชิ้นที่ผนึกรวมเข้ากับดารานิรันดร์สหพันธรัฐของเจ้าล้วนทำให้ดารานิรันดร์ของสหพันธรัฐของเจ้าเติบใหญ่ขึ้น จึงเป็นการยกระดับอารยธรรมสหพันธรัฐไปด้วย”
“เจ้าอยากแข็งแกร่งขึ้น…ที่นี่คือที่ที่มีชะตาของเจ้าอยู่” เฉินชิงจื่อกล่าวเสียงเบา ขณะนี้เหล่าผู้ฝึกตนที่เหาะมาจากดวงดาวแห่งความมืดได้เข้ามาใกล้แล้ว มีคนมากถึงหลายพันคน อีกทั้งในนั้นยังมีผู้ที่มีพลังปราณของจักรพิภพอยู่หลายสิบคนด้วย
หากเป็นเวลาอื่น หวังเป่าเล่อคงจะสนใจคนเหล่านี้อย่างแน่นอน แต่ตอนนี้เขาไม่มีกะจิตกะใจจะนั้น เมื่อมองไปยังแม่น้ำแห่งความมืดอันกว้างใหญ่ ดวงตาก็ค่อยๆ หรี่ลง ตอนนั้นเองก็เอ่ยขึ้นว่า
“ศิษย์พี่อยากให้ข้าทำอะไร”
“ข้าอยากให้เจ้าช่วยเข้าไปในแม่น้ำแห่งความมืดและนำของกลับมา” เฉินชิงจื่อไม่ปิดบังจุดประสงค์ของตน เขาจ้องมองหวังเป่าเล่อ
หวังเป่าเล่อก็มองศิษย์พี่เช่นกัน หลังจากสบตากันแล้ว หวังเป่าเล่อก็เอ่ยปาก
“เหตุใดจึงเป็นข้า”
“ในแม่น้ำแห่งความมืดมีอันตรายร้ายแรง มีเพียงเต๋าสวรรค์ที่สยบและทำให้อันตรายนั้นหายไปได้บางส่วน อีกย่างมีเพียงบุตรแห่งความมืดเท่านั้นที่สามารถเปิดผนึกแม่น้ำแห่งความมืดและให้คนเข้ามาได้อย่างราบรื่น”
หวังเป่าเล่อไม่ได้กล่าวตอบ เมื่อเห็นว่าผู้ที่เหาะมาจากดวงดาวแห่งความมืดอยู่ห่างจากพวกเขาไม่ถึง 1,000 จั้งแล้ว เขาก็ถอนหายใจเบาๆ เอ่ยเสียงต่ำ
“ศิษย์พี่ ท่านขอให้ข้าช่วยในนามของศิษย์พี่ของข้าหรือในนามของเต๋าสวรรค์”
“สำคัญหรือ” เฉินชิงจื่อเอ่ยถาม
“สำคัญมาก” หวังเป่าเล่อยืนกราน
เฉินชิงจื่อเงียบไปและไม่ตอบคำถามนี้ เวลานี้ผู้คนที่เหาะมาจากดวงดาวแห่งความมืดได้เข้ามาในระยะ ร้อยจั้งแล้ว สิบคนแรกล้วนเป็นผู้อาวุโส บนร่างแผ่พลังปราณโบราณตามวัย ทันทีที่เข้ามาใกล้ก็คุกเข่าคำนับเฉินชิงจื่อทันที ส่วนหวังเป่าเล่อนั้นถูกพวกเขาเพิกเฉย
“คำนับท่านเจ้าสำนัก!”
ไม่ใช่แค่พวกเขาที่ทำเช่นนี้ ผู้ที่เหลือหลังจากเหาะเข้ามาใกล้ก็คุกเข่าคำนับลงทันที ทันใดนั้นขณะที่พวกเขาส่งเสียง ความว่างเปล่าในที่แห่งนี้ก็สั่นสะเทือน บรรดาคนที่คุกเข่าคำนับ หวังเป่าเล่อมองเห็นความเคารพและคลั่งไคล้ในสายตาพวกเขา นอกจากนี้ยังมี…เหล่าคนหนุ่มสาวไม่น้อยที่มองมาทางเขาด้วยความเกลียดชัง!
เมื่อสัมผัสได้ถึงความเกลียดชังเหล่านี้ หวังเป่าเล่อก็ส่ายหัวเล็กน้อย เขาไม่สนใจศิษย์พี่ ไม่สนใจคนของสำนักแห่งความมืด แต่กลับมองไปรอบด้าน ความคิดเดิมในใจพลันสั่นคลอนเล็กน้อย
“ที่นี่อาจไม่ใช่ที่ของข้า”
………………………………………….