หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting – บทที่ 1172 ชะตา!

บทที่ 1172 ชะตา!

“โง่จริงๆ ด้วย” หวังเป่าเล่อตื่นเต้น หลังจากเข้ามาในห้วงมายาอีกครั้ง ผู้ที่คุ้นชินกับมันแล้วอย่างเขาจึงได้สติกลับมาแทบจะทันที

เมื่อมองไปรอบด้าน หวังเป่าเล่อก็อดเปล่งเสียงประหลาดใจออกมาไม่ได้

รอบตัวเขาไม่ใช่ชาติที่เป็นกวางขาวอีกแล้ว แต่กลายเป็นความว่างเปล่ามืดมิดหาใดเปรียบ ไร้ดวงดาว ไร้พลังปราณ ทุกสิ่งที่เขามองเห็นคือความมืดไร้จุดสิ้นสุด ทั้งหนาวเย็นและเงียบงัน

“ที่นี่…” หวังเป่าเล่อใจกระตุก แม้เขาจะตั้งตารอมานาน และได้สัมผัสกับชาติก่อนในห้วงมายา แต่เขาก็ยังถูกพลังเทพของสตรีชุดแดงทำให้ตกใจจนได้

แท้จริงแล้ว…ชาติก่อนที่มีภาพและเรื่องราวนั้นย่อมกลายเป็นห้วงมายาได้ค่อนข้างง่าย แต่ตอนนี้…เป็นภาพที่ตัวเขาเดินเตร่อยู่ในความว่างเปล่ายามที่อยู่ในความทรงจำของชาติก่อน และสตรีชุดแดงก็สามารถหักเหมันออกมาได้

นั่นทำให้หวังเป่าเล่อใจกระตุก มองสำรวจไปทั่วบริเวณอย่างรวดเร็ว เขาเห็นตัวเองเป็นสิ่งแรกซึ่งเหมือนกับการรับรู้ชาติก่อนในความทรงจำ ตัวเขาในขณะนี้…เป็นแผ่นไม้สีดำแผ่นหนึ่ง

ไม่มีใครอื่น

หวังเป่าเล่อนิ่งเงียบ ก่อนจะมองสำรวจรอบด้านอีกครั้งอย่างไม่ยินยอม เขาให้ความสำคัญกับห้วงมายาในครั้งนี้มาก เพราะการรับรู้ชาติก่อนในตอนนั้น เขาในสภาพนี้ไม่ได้รับรู้อะไรจากมันมากนัก

ทว่าน่าเสียดาย ไม่ว่าหวังเป่าเล่อจะมองสำรวจอย่างไรก็ไม่เห็นอะไรพิเศษในความว่างเปล่าแห่งนี้เลย และในไม่ช้าเขาก็สัมผัสได้ถึงแรงดึงอีกครั้งและอีกครั้ง แต่หวังเป่าเล่อกลับไม่สนใจมันแม้แต่น้อย

จนกระทั่งผ่านการดึงไป 30 กว่าครั้งแล้ว เขาก็ต้องถอนหายใจยาวเหยียดและเลิกสำรวจรอบตัว รู้สึกว่าในระหว่างที่ล่องลอยไปในความว่างเปล่า บางทีอาจไม่มีอะไรแปลกใหม่ จึงใส่ความคาดหวังไว้กับห้วงมายาที่ตามมา

ไม่นานหลังจากนั้นแรงดึงก็กลับมาอีกครั้ง ความว่างเปล่ารอบตัวพังทลายลง หวังเป่าเล่อรู้ดีว่านี่หมายความว่าห้วงมายาในครั้งนี้กำลังจะสิ้นสุด สตรีชุดแดงผู้โง่เขลาล้มเหลวในการทำหุ่นกระบอกเช่นเดิม

แต่ในขณะที่เศษชิ้นส่วนรอบตัวเพิ่มขึ้นและห้วงมายากำลังจะสลายหายไป หวังเป่าเล่อก็ต้องใจกระตุกวูบ เขาหันขวับมองความว่างเปล่าในที่ไกลออกไป

ที่ตรงนั้น หวังเป่าเล่อสังเกตเห็นเส้นด้ายเส้นหนึ่งลางๆ แต่ยังไม่ทันได้ยืนยันสิ่งที่เห็น ความว่างเปล่าตรงหน้าก็พังทลายเสียแล้ว หวังเป่าเล่อได้สติกลับมาและลืมตาขึ้นเช่นเคย สตรีโง่เขลาชุดแดง ดวงตาสีแดงฉาน หอบหายใจโกรธเกรี้ยว

“ที่ข้าเห็นเมื่อครู่คืออะไร” หวังเป่าเล่อไม่สนใจนาง คิ้วขมวดมุ่นและครุ่นคิดอย่างละเอียด แต่ในขณะที่เขาครุ่นคิด สตรีชุดแดงตรงหน้าก็โกรธจัด จนดูเหมือนว่าจะควบคุมไม่อยู่และแผดเสียงกรีดร้องดังลั่น

เสียงกรีดร้องนั้นก่อตัวเป็นพายุระเบิด ขัดจังหวะความคิดหวังเป่าเล่อ นั่นทำให้เขาไม่พอใจจึงเงยหน้าขมวดคิ้วและเหลือบมองนางแวบหนึ่ง

“เบาเสียงหน่อยได้หรือไม่”

ในดวงตาข้างเดียวของสตรีชุดแดงดูบ้าคลั่ง นางแผดเสียงกรีดร้องรุนแรงขึ้น มือขวาอันสั่นเทายกขึ้นชี้ไปยังหวังเป่าเล่อ ในพริบตา…หวังเป่าเล่อก็เข้าสู่ห้วงมายาอีกรอบ

คราวนี้สตรีชุดแดงรีบคว้าหุ่นกระบอกหวังเป่าเล่อขึ้นมาทันที แต่นางไม่ดึงศีรษะเขาอีกแล้ว กลับยัดเข้าใส่ปากตนเองโดยไม่ลังเล!

หวังเป่าเล่อที่เพิ่งเข้าสู่ห้วงมายาได้สติกลับมาอย่างรวดเร็ว ยังไม่ทันได้มองรอบด้านให้ชัดเจนก็รู้สึกได้ถึงแรงเสียดแทงบริเวณคอหอย คราวนี้ไม่ใช่แรงดึงอีกต่อไป แต่คล้ายกับมีแรงที่มองไม่เห็นก่อตัวเป็นมีดกำลังจะสับเขา

แต่เห็นได้ชัดว่า…ไร้ประโยชน์

หวังเป่าเล่อเกาคออย่างไม่ใส่ใจ มองไปรอบด้านอย่างรวดเร็ว นึกถึงความรู้สึกในความทรงจำก่อนหน้านี้อย่างละเอียด สัมผัสสวรรค์แผ่ซ่าน ดวงวิญญาณเทพกระจายออกไปสำรวจละเอียด

จนกระทั่งมีดที่มองไม่เห็นเฉือนลงที่คอมากกว่า 10 ครั้ง ในที่สุดหวังเป่าเล่อก็เห็นเส้นด้ายที่หายวับไปในความว่างเปล่านั่น!

“ตรงนั้น!” จิตวิญญาณหวังเป่าเล่อลุกฮือ สัมผัสสวรรค์แผ่ขยายไล่ตามเส้นด้ายนั้นทันที แต่ไม่ว่าหวังเป่าเล่อจะไล่ตามอย่างไรก็ดูเหมือนไม่อาจเข้าใกล้เส้นด้ายเส้นนั้นได้เลย มันคล้ายจะอยู่ตรงหน้าแต่ในพริบตาเดียวกลับไปอยู่ฝั่งตรงข้ามอย่างน่าประหลาด

นั่นทำให้หวังเป่าเล่อกังวลเล็กน้อย วิญญาณเทพแผ่ขยายเร็วขึ้น อีกทั้งยังสำแดงพลังเทพทำให้วิญญาณเทพแยกร่างพยายามเข้าใกล้เส้นด้ายนั้นจากหลายทิศทาง ไอลีนโนเวล

แต่ก็ยังไม่สามารถแตะต้องได้ เข้าใกล้ว่ายากแล้ว นับประสาอะไรกับมองให้ชัดว่ามันคืออะไรกันแน่

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว หลังจากถูกมีดที่มองไม่เห็นเฉือนคอครั้งที่ 35 ห้วงมายาก็พังทลาย หวังเป่าเล่อตื่นขึ้น เขาเห็นสตรีชุดแดงอยู่ตรงหน้า เห็นเจตจำนงอันบ้าคลั่งในดวงตานาง และเห็นปากของนาง….ในนั้นมีฟันซี่หนึ่งที่ดูเหมือนจะสึกกร่อนไปแล้ว

เขายังสัมผัสได้ถึงของเหลวที่ตนไม่รู้จักบริเวณลำคอและเส้นผมจากกายเนื้อตน ทว่า…ทุกอย่างตรงหน้านี้ ถึงหวังเป่าเล่อจะเห็นมัน แต่กลับไม่มีอารมณ์ใส่ใจ

เพราะในทันทีที่เขาตื่นขึ้น จิตใจพลันเต็มไปด้วยคลื่นลูกใหญ่ และตกใจที่พบว่าวิญญาณเทพของตนในระดับดารานิรันดร์ชั้นมหาวัฏจักรก้าวเพิ่มไป 30 กว่าก้าวอย่างไม่คาดคิด!

การก้าวหน้าเช่นนี้แทบจะเรียกว่าน่าสะพรึงกลัวทำให้ดวงตาหวังเป่าเล่อฉายแสงแรงกล้า เขาเมินเฉยต่อความบ้าคลั่งของสตรีชุดแดง ไม่รู้ว่านางทำอะไรกับตนถึงทำให้เส้นผมและคอเปียกเช่นนี้ สายตาร้อนแรงมาพร้อมกับความรู้สึกซาบซึ้งและกำมือคำนับให้สตรีชุดแดงหนึ่งที

“ผู้อาวุโสช่างมีเมตตา…”

โฮก!! ยังไม่ทันที่หวังเป่าเล่อจะกล่าวจบเขาก็สัมผัสได้ถึงอารมณ์คุกรุ่นอันยากจะบรรยายจากสตรีชุดแดง นางหยัดกายขึ้น พร้อมกับสองมือที่คว้ามาทางหวังเป่าเล่อ

หวังเป่าเล่อยินดีอย่างยิ่ง และรู้สึกขอบคุณมากขึ้นไปอีก เขาไม่หลบเลี่ยงและยังเป็นฝ่ายเหาะเข้าไปหา ในพริบตา…ก็เข้าสู่ห้วงมายาอีกครั้ง ยังคงเป็นความว่างเปล่าและยังคงตามหาเส้นด้ายเส้นนั้นเช่นเดิม

แต่คราวนี้หลังจากถูกดึงและถูกมีดที่มองไม่เห็นสับลงบนลำคอ อีกทั้งยังถูกบดขยี้อยู่หลายรอบ วิญญาณเทพของหวังเป่าเล่อก็แยกร่างออกมาได้มากกว่าเดิม และในที่สุด…เขาก็เข้าใกล้เส้นด้ายเส้นนั้นและมองเห็น…ลักษณะเฉพาะของมันอย่างชัดเจน!

นั่นคือ…

มือขาด!

บนมือขาดนั้นเต็มไปด้วยกฎที่ไม่สามารถอธิบายได้ อีกทั้งกระแสมหาเต๋านับไม่ถ้วนที่เหนือกว่าทุกสิ่ง เพียงแค่เหลือบมองก็ทำให้วิญญาณเทพของหวังเป่าเล่อร้องคำรามราวกับข้อมูลนับไม่ถ้วนเติมเต็มเข้ามาอย่างรวดเร็ว วิญญาณเทพที่แยกร่างออกมาเกือบทั้งหมดพลันระเบิดหายไปในพริบตา เหลือเพียงวิญญาณหลักเท่านั้นที่ดำรงอยู่ได้อย่างยากลำบาก

ความว่างเปล่ารอบด้านก็พังทลายลงในชั่วขณะนั้นเอง หลังจากหวังเป่าเล่อกลับมาอีกครั้ง ยังไม่ทันได้หันไปมองสตรีชุดแดง เขาก็หลับตาอย่างรวดเร็วราวกับจะใช้วิธีนี้ปิดผนึกการเก็บเกี่ยวของตนไม่ให้มันแผ่กระจายออกไป ร่างกายพลันสั่นสะท้าน วิญญาณเทพดูดซับและย่อยข้อมูลเหล่านั้นอย่างต่อเนื่องราวกับเต๋าของตนถูกเติมเต็มและพัฒนาไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ทำให้วิญญาณเทพของเขาพัฒนาจาก 30 กว่าก้าวเป็น 90 กว่าก้าว!

ร่างกายหวังเป่าเล่อสั่นสะท้านและเมื่อเขาลืมตาก็ฉายลำแสงแผดเผายิ่งกว่าก่อนหน้านี้ ยามที่มองไปยังสตรีชุดแดง จิตใจพลันรู้สึกท่วมท้น

เขาเดาได้แล้วว่ามือที่ถูกตัดนั้นเป็นของใคร แต่ก็เป็นเพราะการคาดเดา ดังนั้นสำหรับสตรีชุดแดงผู้นี้สามารถแปลงมันออกมาได้ ช่างน่าตกใจอย่างยิ่ง

“อาจเป็นเพราะต้นกำเนิดเดียวกัน?” คำตอบนี้เพิ่งจะผุดขึ้นในหัวหวังเป่าเล่อ สตรีชุดแดงก็หอบหายใจอย่างบ้าคลั่งจนแทบจะสิ้นสติ นางถลึงตามองหวังเป่าเล่อแล้วแผดเสียงกรีดร้องไม่หยุด แต่ในพริบตาต่อมาก็ดูเหมือนนางจะกระเสือกกระสน มือที่ยกขึ้นมาไม่ได้ชี้ไปทางหวังเป่าเล่อเป็นครั้งแรก แต่กลับผายไปทางด้านข้าง…

ตรงนั้นมีกระแสน้ำวนสายหนึ่งปรากฏ นั่นคือปากทาง

เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่เล่นด้วยแล้วและกำลังจะหนีจากตนไป หวังเป่าเล่อก็ตกใจและร้อนรนทันที โอกาสเช่นนี้เขาจะปล่อยไปง่ายๆ ได้อย่างไร สมองพลันคิดคำนวณอย่างรวดเร็ว ไม่นานดวงตาก็เบิกโพล่ง แล้วตะโกนใส่สตรีชุดแดงเสียงดัง

“เจ้าโง่ มานี่สิ!” หวังเป่าเล่อยกมือขวากระดิกไปทางสตรีชุดแดงอย่างดูถูกและหยิ่งผยอง

สตรีชุดแดงข่มกลั้นความโกรธ หลังจากหันไปมองหวังเป่าเล่อแล้ว นางก็อดกลั้นและเมินเฉย

หวังเป่าเล่อยิ่งร้อนรนและรีบใช้วิธีอื่นทันที แต่ไม่ว่าเขาจะยั่วโมโหอย่างไร สตรีชุดแดงก็ข่มกลั้นสุดฤทธิ์ จนในที่สุดก็หมดความอดทน นางชี้นิ้ว ทันใดนั้นปากกระแสน้ำวนแผ่แรงดูดออกมาทำให้ร่างของนางถูกดูดเข้าไปอย่างไม่ทันตั้งตัวแม้หวังเป่าเล่อจะทุ่มสุดตัวก็ตาม

นั่นทำให้หวังเป่าเล่อตาแดงก่ำแผดเสียงคำรามออกมาในที่สุด ร่างกายทะยานขึ้น เป้าหมายคือ…เบื้องหน้าสตรีชุดแดง ตรงหุ่นกระบอกเหล่านั้นที่เห็นได้ชัดว่านางรักมากแล้วทำท่าเหมือนจะจากพวกมันไป

ตอนนั้นเองสตรีชุดแดงที่อดกลั้นอารมณ์จนถึงขีดสุดก็ทนไม่ได้อีกแล้ว ร่างของนางลุกขึ้นยืนเต็มขา รัศมีพลันปะทุจนพื้นดินสั่นสะเทือน เกิดรอยร้าวราวกับจะพังทลาย หวังเป่าเล่อเองก็ตื่นตกใจเมื่อเห็นเช่นนั้น สตรีชุดแดงกระแทกเท้ากลายร่างเป็นลำแสงสีแดงพุ่งเข้าใส่หวังเป่าเล่อ…

และพุ่งเข้าร่างเขาในพริบตา!

ในหัวหวังเป่าเล่อเกิดเสียงระเบิดดังสนั่น ก่อนจะ…หมดสติไปอีกครั้ง!

ตอนนั้นเอง…เขาก็เห็นภาพที่ทำให้จิตใจสะท้านฟ้าสะเทือนดิน ภาพนั้นคือ…ผู้ฝึกตนนับไม่ถ้วนกำลังบูชาไม้ชิ้นใหญ่ที่ค่อยๆ ปรากฏขึ้นทีละชุ่นในกระแสน้ำวนแห่งความว่างเปล่าซึ่งไม่รู้ว่านำไปสู่ที่แห่งใด!

…………………………

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting

Status: Ongoing

เรื่อง : หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา (三寸人间)ผู้เขียน : เอ่อร์เกิน (耳根) ผู้แปล : Thunderbird Translators ค.ศ. 3029 วิทยาการบนโลกมนุษย์พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว จนแต่ละประเทศไม่มีเขตพรมแดนกั้นอีกต่อไป โลกได้ผสานรวมกลายเป็นหนึ่งเดียว เริ่มต้นยุคสมัยแห่งสหพันธรัฐ ตอนนั้นเอง กระบี่ยักษ์เล่มหนึ่งตกลงมาจากห้วงอวกาศ ปักเข้าใจกลาง ดวงอาทิตย์ ฝักกระบี่แตกออกเป็นเศษชิ้นส่วนจำนวนมาก กระจัดกระจายไปทั่ว ทั้งจักรวาลรวมถึงบนโลก และก่อให้เกิดแหล่งพลังงานรูปแบบใหม่อันไร้ขีดจำกัด พลังงานนี้มีชื่อเรียกกันว่า ปราณวิญญาณ ‘หวังเป่าเล่อ’ หนุ่มร่างท้วมผู้ทะเยอทะยาน ใฝ่ฝันจะได้เป็นผู้นำสหพันธรัฐ ด้วยหวังว่าจะไม่มีใครมารังแกเขาได้อีกต่อไป และเมื่อเดินทางเข้ามาศึกษาใน สำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ใช้ความรู้เหล่านั้นบวกกับความหน้าหนาหน้าทน ของตัวเอง วางกลยุทธ์อันฉลาดล้ำกำราบศัตรูคนแล้วคนเล่า ใครหน้าไหนก็ไม่อาจมาขัดขวางเส้นทางสู่การเป็นหนึ่งในใต้หล้าของชายอ้วนผู้นี้ได้ เว้นเสียแต่คำสาปประจำตระกูล ที่บอกไว้ว่าหวังเป่าเล่อจะต้องตาย หากเขาไม่ผอมลงก่อนอายุสามสิบปี ในเมื่อบรรพบุรุษร่างจ้ำม่ำมายืนรอให้เขาไปอยู่ด้วยขนาดนี้ ชายหนุ่มจึงต้องทั้งฝึกตนและลดน้ำหนักไปพร้อมๆ กัน!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท