“ไม่จำเป็น” สืออีเหนียงพูด “ที่นั่นมีไท่ฮูหยินจัดการอยู่แล้ว”
จู๋เซียงก็ไม่พูดอะไรอีก
สืออีเหนียงบอกให้นางออกไป แล้วพูดกับหู่พั่ว เล่าเรื่องที่สวีลิ่งอี๋พูดกับตัวเองให้นางฟัง “…เดิมอยากจะยื้อเวลาสักสองสามวัน ให้เจ้าได้แต่งงานอย่างมีหน้ามีตา ใครจะรู้ว่าจะต้องเร่งรีบเช่นนี้”
หู่พั่วหน้าแดง แต่เมื่อนึกว่านี่เป็นเรื่องใหญ่ของจวน สืออีเหนียงยังมาบอกนางตามตรงเช่นนี้ จึงพูดว่า “สามารถช่วยจัดงานมงคลให้คุณชายน้อยสี่ถือเป็นเกียรติของบ่าว ฮูหยินพูดเช่นนี้กลับทำให้บ่าวไม่สบายใจนะเจ้าคะ” พูดจบนางก็หยุดชะงักไปแล้วพูดเสียงเบาลง “แต่ว่าหากเยี่ยนหรงแต่งงานออกไปแล้ว…ใครจะมาแทนล่ะเจ้าคะ”
สืออีเหนียงถือฝาถ้วยชาแตะใบชาที่ลอยอยู่ข้างบนเบาๆ ทำให้เกิดเสียงถ้วยชากระทบกันดังขึ้นมา เพิ่มบรรยากาศที่อ้างว้างให้กับห้องที่เงียบสงัด
“ให้เยี่ยนหรงช่วยเลือกให้ข้าสักคนเถิด!”
หู่พั่วครุ่นคิด นี่คือความเมตตาของฮูหยิน เยี่ยนหรงจะได้แต่งออกไปอย่างมีเกียรติ นางถาม “น้ำใจของฮูหยิน ให้บ่าวไปบอกเยี่ยนหรงดีหรือไม่!”
ทางฝั่งสกุลเฉาต้องมีคนไปบอก แต่หากจะให้คนอื่นไปบอก ไม่สู้ให้เยี่ยนหรงและสกุลเฉาปรึกษากันเองดีกว่า
สืออีเหนียงครุ่นคิดแล้วพยักหน้าเบาๆ เรียกหู่พั่วมาใกล้ๆ แล้วกระซิบเบาถาม “เรื่องของชุ่ยเอ๋อร์ เจ้าไปบอกนาง บอกว่าท่านโหวบอกแล้วว่าอีกสองสามวันจะส่งครอบครัวของนางไปยังเจียงหนาน หากนางตอบตกลง ก็เกลี้ยกล่อมฉินอี๋เหนียงให้อยู่ที่เรือน อย่าออกไปพูดอะไรเหลวไหลที่ไหน มีคุณชายน้อยสองอยู่ นางยังมีโอกาสมีชีวิต แต่หากกระดาษดับไฟไม่ได้ ถึงแม้ว่าจะมีคุณชายน้อยสอง แต่ดูจากนิสัยของท่านโหวแล้ว เกรงว่านางคงจะไม่มีจุดจบที่ดี”
เรื่องนี้จะล่าช้าไม่ได้ หู่พั่วตอบรับแล้วไปที่เรือนของฉินอี๋เหนียงทันที
คืนนั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่ บรรดาสาวใช้และท่านป้าในเรือนล้วนแต่ไม่รู้
จู่ๆ สวีลิ่งอี๋ก็เข้ามา คนที่รับใช้อยู่ในห้องก็ถูกไล่ออกไปข้างนอก หน้าประตูมีหลินปัวและจ้าวอิ่งเฝ้าอยู่ ได้ยินแค่เสียงร้องไห้ของฉินอี๋เหนียงไกลๆ เมื่อท่านโหวออกมา เขาก็ถามว่าใครคือสาวใช้ของฉินอี๋เหนียง บอกชุ่ยเอ๋อร์ว่า ‘ไม่อนุญาตให้ใครเข้าไป เจ้าดูแลอี๋เหนียงของเจ้าให้ดี นางคิดได้เมื่อไร เจ้าค่อยไปรายงานข้า’ บ่าวรับใช้ในเรือนล้วนนึกถึงเรื่องที่ค้นเรือนเมื่อครู่ แน่นอนว่าหนีให้ห่างจากเรื่องนี้ได้เท่าไรยิ่งดี เมื่อข่าวลือเรื่องที่อี้อี๋เหนียงออกมาเดินกลางค่ำกลางคืนทำให้สวีซื่อจุนตกใจแพร่กระจายออกไป ทุกคนต่างนึกถึงเรื่องที่ฉินอี๋เหนียงสนิทสนมกับอี้อี๋เหนียง สงสัยว่าฉินอี๋เหนียงอาจจะเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง แล้วก็นึกถึงอาการของสวีซื่อจุน หากสวีซื่อจุนเป็นอะไรขึ้นมา ฉินอี๋เหนียงก็ไม่ต้องคิดว่าจะมีชีวิตที่สุขสบายอีก
คนในลานที่เคยได้รับความเมตตาจากฉินอี๋เหนียงต่างก็ถอนหายใจบอกว่าฉินอี๋เหนียงโชคร้าย คนที่มักจะประจบสอพลอฉินอี๋เหนียงพากันครุ่นคิดว่าจะไปพูดเอาใจฉินอี๋เหนียงดีหรือไม่ ส่วนคนที่เคยถูกฉินอี๋เหนียงโมโหใส่นั้นอยากออกไปจากเรือนให้เร็วที่สุด แต่ไม่มีข่าวอะไรจากสวีซื่อจุน ทุกคนจึงทำได้เพียงแต่รอดูอยู่ที่นั่น
เห็นหู่พั่วเข้ามา ก็มีป้ารับใช้ที่หัวไวเดินเข้าไปต้อนรับ
หู่พั่วพูดกับนางเบาๆ “ข้ามีเรื่องจะพูดกับชุ่ยเอ๋อร์”
ป้ารับใช้คนนั้นนึกถึงตอนที่ชุ่ยเอ๋อร์เจอหู่พั่ว นางมักจะเรียกหู่พั่วว่าพี่หู่พั่วด้วยความเคารพ ตอนนี้สถานการณ์ยังไม่ชัดเจน หู่พั่วคงจะเป็นห่วงชุ่ยเอ๋อร์ หากชุ่ยเอ๋อร์ได้รับผลประโยชน์ ฉินอี๋เหนียงก็จะได้รับผลประโยชน์ ถึงตอนนั้นทุกคนก็จะได้พึ่งพาวาสนาของนางไปด้วย
ป้ารับใช้คนนั้นจึงยิ้มหน้าบานแล้วพูดว่า “แม่นางไม่ต้องเป็นห่วง รอตรงนี้ประเดี๋ยว ข้าจะไปแอบเรียกแม่นางชุ่ยเอ๋อร์ออกมา ห้องของข้าไม่ค่อยสะอาด ส่วนข้างนอกก็มีลม เชิญแม่นางเข้าไปหลบลมข้างในก่อนเถิด…”
*****
สืออีเหนียงเรียกป้าซ่งเข้ามา “…ลี่ว์อวิ๋นก็ไม่เด็กแล้ว เจ้าช่วยหาคู่ให้นางเถิด!”
ป้าซ่งอยู่ที่จวนสกุลสวี นางผ่านอะไรมาเยอะมากมาย จึงเพียงคิดในใจแต่ไม่เอ่ยปากถาม ย่อเข่าคำนับแล้วตอบรับ “เจ้าค่ะ” จากนั้นสืออีเหนียงก็ไปยังเรือนของไท่ฮูหยินกับจู๋เซียง
อวี้ป่านยืนอยู่ใต้ชายคา เปิดม่านให้สืออีเหนียงด้วยตัวเอง นางยิ้ม “ป้าเถาพึ่งจะกลับมา กำลังพูดกับไท่ฮูหยินอยู่ข้างในเจ้าค่ะ!”
สืออีเหนียงพยักหน้าให้นางแล้วเดินเข้าไปข้างใน
ได้ยินเสียงร้องไห้ที่โศกเศร้าของป้าเถาดังออกมา
สืออีเหนียงเห็นป้าเถากำลังจับมือเล็กๆ ของสวีซื่อจุนที่นอนอยู่บนเตียงเตาแล้วร่ำไห้อย่างเศร้าโศกเสียใจ ไท่ฮูหยินและฮูหยินสองยืนอยู่ข้างหลังนาง ไท่ฮูหยินถือผ้าเช็ดหน้ากำลังซับน้ำตา ฮูหยินสองขมวดคิ้วพลางพูดปลอบไท่ฮูหยิน ปล่อยให้แม่นมของสวีซื่อจุนยืนร้องไห้อยู่ข้างๆ
เมื่อเห็นสืออีเหนียงเข้ามา ฮูหยินสองก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกอย่างเห็นได้ชัด นางเอ่ยเกลี้ยกล่อม “ท่านแม่เจ้าคะ น้องสะใภ้สี่มาแล้ว ท่านเป็นเช่นนี้ประเดี๋ยวนางจะเสียใจเอาได้…”
นางพูดยังไม่ทันจบก็มีสายตาเย็นชาจ้องมองมาที่สืออีเหนียง ทำเอาสืออีเหนียงตกใจแล้วจับท้องของตัวเองทันที
เมื่อมองออกไป สายตาคู่นั้นก็หายไป แล้วกลับมามีสีหน้าที่เสียใจอีกครั้ง
“ฮูหยินสี่เจ้าคะ!” ป้าเถาลุกขึ้นยืน เดินเข้ามาคำนับสืออีเหนียงอย่างสะอึกสะอื้น “สองสามวันก่อนได้รับความเมตตาจากท่าน คุณชายน้อยสี่นำบ๊ะจ่างตะกร้าใหญ่ไปให้บ่าว บ่าวซาบซึ้งเป็นอย่างมาก แต่ที่ชนบทไม่มีของดีอะไร ต้นกล้วยที่หลังเรือนกำลังโตพอดี จึงให้เถาเฉิงเก็บใบมาสองสามใบ ทำพัดใบกล้วยสองสามอัน ให้คนนำมาให้ฮูหยิน คุณชายน้อยและคุณหนูเล่น ใครจะรู้ว่าคนที่นำพัดมาส่งให้พึ่งจะเข้าประตูเมืองมาก็ได้ยินว่าคุณชายน้อยสี่ไม่สบาย ไม่ทันได้ทำอะไรก็รีบกลับไปบอกบ่าว บ่าวร้อนใจยิ่งนักจึงเดินทางกลับมาทันที ฮูหยินเจ้าคะ…” นางพูดทั้งน้ำตา “ตอนที่บ่าวออกไปยังดีๆ อยู่เลย ทำไมแค่พริบตาก็กลายเป็นเช่นนี้เล่าเจ้าคะ!”
ทำเอาสืออีเหนียงพูดไม่ออก
จะว่าไปแล้ว ตัวเองนั้นประมาทเกินไป
เรื่องพวกนี้สามารถหลีกเลี่ยงได้
นางอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเสียใจ
มักจะรู้สึกว่าสวีซื่อจุนอยู่กับไท่ฮูหยิน มีป้าตู้ที่มีประสบการณ์คอยดูแล น่าจะไม่มีเรื่องอันใด แต่ไม่เคยคิดว่า ป้าตู้ก็อายุมากแล้ว ซ้ำยังต้องคอยดูแลไท่ฮูหยิน ต้องดูแลสวีซื่อจุน แล้วยังต้องจัดการเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ในเรือนของไท่ฮูหยิน นางจะดูแลทุกอย่างทั้งวันทั้งคืนได้เช่นไรกัน
หากตอนนั้นนางรอบคอบมากกว่านี้ ส่งคนที่ซื่อสัตย์และรู้หน้าที่ของตัวเองเหมือนสะใภ้หนานหย่งมาอยู่กับสวีซื่อจุนก็คงจะดี!
แต่คิดเช่นนี้ตอนนี้ จะมีประโยชน์อันใด!
ป้าเถาเห็นแล้ว ใจที่ร้อนราวกับถูกทอดในกระทะน้ำมันตั้งแต่ที่ได้ยินว่าสวีซื่อจุนไม่สบาย ไม่เพียงแต่ไม่สงบลง แล้วยังเดือนพล่านราวกับมีไอน้ำมันลอยขึ้นมาก็ไม่ปาน
ตอนนี้มาเสแสร้งทำเป็นคนดี ทำสีหน้าสำนึกผิด แต่ตอนนั้นทำอะไรอยู่
จุนเกอคือคนที่ตนรักเละเป็นห่วงมากที่สุด ยอมปล่อยให้ทั้งตัวของตัวเองเต็มไปด้วยหนามก็ไม่มีทางให้เขาเป็นอะไรแม้แต่ปลายเล็บมือ แต่สืออีเหนียงกลับทำให้เขากลายเป็นแบบนี้ นี่เจ็บปวดมากกว่าการฆ่านางให้ตายเสียอีก
คิดเช่นนี้ นางก็หันไปมองสวีซื่อจุนที่นอนอยู่บนเตียงเตา
แสงอาทิตย์ยามรุ่งอรุณที่ส่องผ่านหน้าต่างกระจกลงมากระทบบนหน้าเขา ใบหน้าที่ซีดเหลือง รอบตาสีม่วงคล้ำ ราวกับคนป่วยอาการรุนแรง
หากตนไม่มีเส้นสายอยู่ในจวน จุนเกอตายไปแล้วพวกเขาก็คงจะไม่บอกตน!
ความคิดผุดขึ้นมาในหัว หัวใจของป้าเถาก็พลันเจ็บปวดราวกับถูกมีดแทง
ตนถูกสืออีเหนียงลงโทษ ไม่ผิดก็ต้องผิด แต่เพื่อจุนเกอ เพื่อเถาเฉิง นางพยายามหักห้ามความดื้อรั้นที่จะอยู่ดูแลจุนเกอ ยอมมองเขาจากไกลๆ ให้บรรดาฮูหยินในจวนหมดกังวล…แต่นางคิดเช่นนี้ ทำเช่นนี้แล้ว สุดท้ายเป็นอย่างไรเล่า
ราวกับว่าพันธสัญญาถูกฉีกเป็นชิ้นๆ ราวกับตัวเองถูกทรยศ
ป้าเถาโมโหจนตัวสั่น
แต่นางรู้ว่า มีดของสืออีเหนียงห้อยอยู่เหนือหัวของนาง หากนางขยับ มันก็จะฟันลงมาอย่างไร้ความปรานี
นางทำได้แค่อดทน อดทนเท่านั้น…
คิดเช่นนี้ นางก็ยิ่งรู้สึกเสียใจ
น้ำตาของป้าเถาไหลออกมา นางก้มหน้าร้องไห้ข้างเตียงเตาของสวีซื่อจุน
ไท่ฮูหยินเห็นแล้วก็ไม่สบายใจ
ในบรรดาบุตรชายและหลานชายของตน ไม่มีใครทำให้หนักใจเท่าสวีซื่อจุน แต่สุดท้าย เด็กคนนี้ก็ไม่มีวาสนากับตน
เมื่อป้าเถาร้องไห้เสียใจขนาดนี้ ไท่ฮูหยินจึงรู้สึกขมขื่น น้ำตาเริ่มคลอเบ้า
ฮูหยินสองรีบประคองไท่ฮูหยิน “ท่านแม่ ท่านอย่าเสียใจไปเลยเจ้าค่ะ หมอหลิวบอกแล้วว่าจุนเกอไม่เป็นอะไร ประเดี๋ยวเขาก็ดีขึ้น…” นางพูดพร้อมกับใช้สายตาบอกให้สืออีเหนียงห้ามป้าเถาให้นางหยุดร้องได้แล้ว แต่ในใจกลับตำหนิผู้ติดตามสกุลหลัวว่าล้วนแต่ไม่มีกฎเกณฑ์
สืออีเหนียงแอบถอนหายใจ นางเดินเข้าไปแล้วพูดเบาๆ “ป้าเถาอย่าร้องไห้ไปเลย จุนเกอตกใจ เขาต้องการความสงบ เจ้าร้องไห้เช่นนี้ ทำให้จุนเกอตื่นขึ้นมาจะทำอย่างไร…”
ได้ยินสืออีเหนียงพูดถึงคำว่า “ตกใจ” หัวใจของป้าเถาก็เดือนพล่านราวกับน้ำเดือด
ตกใจ! เจ้ายังมีหน้ามาพูดว่าตกใจ! หากไม่ใช่เพราะเจ้า จุนเกอจะเป็นเช่นนี้หรือ
ในลาน ช่วงกลางฤดูร้อน ยามซวี จุนเกอถูกคนรังแกขนาดนี้…บอกว่าไม่ได้ตั้งใจ ใครจะเชื่อเล่า แล้วยังบอกว่าตนจะทำให้เขาตื่น ใครกันแน่ที่ไม่อยากให้เขาปลอดภัย…
ป้าเถายิ่งคิดก็ยิ่งโมโห
แต่เมื่อนึกถึงความชอบที่ไท่ฮูหยินมีต่อสืออีเหนียง นึกถึงเรื่องที่ต่อไปจุนเกอยังต้องพึ่งพาไท่ฮูหยินในภายภาคหน้า นางก็อดทนแล้วยืนขึ้น หันกลับมาก็เห็นสืออีเหนียงยืนห่างจากสวีซื่อจุนประมานสี่ห้าก้าว นางยืนจับท้องของตัวเอง ทำท่าทีปกป้องลูกในท้องของตัวเอง
หัวของนางพลันสั่นเทา
เหตุใดถึงเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น
ก็เพราะว่านางตั้งครรภ์ไม่ใช่หรือ คิดว่าตัวเองจะทำอะไรก็ได้ตามอำเภอใจ ไม่พอใจสวีซื่อจุน ก็คิดที่จะกำจัดสวีซื่อจุน! ลืมไปหมดแล้วว่าตัวเองแต่งเข้ามาในจวนสกุลสวีเช่นไร นายหญิงใหญ่ปฏิบัติต่อนางอย่างไร
นังหมาป่าตาขาว!
สงสารนายหญิงใหญ่ที่เฉลียวฉลาด หากไม่ดีกับนางเช่นนั้น จะให้นังหมาป่าตาขาวคนนี้แต่งเข้ามาได้อย่างไร
หากนายหญิงใหญ่รู้ เกรงว่านางคงจะไม่มีวันสงบสุข!
ป้าเถาใบหน้าบิดเบี้ยว สีหน้าของนางพลันดุร้าย
“สืออีเหนียง นังสารเลว! ข้าไม่กลัวเจ้าหรอก!”
แทนที่จะปล่อยให้สืออีเหนียงจัดการตัวเอง ไม่สู้กันไปเลยให้รู้แล้วรู้รอด อย่างน้อยก็สามารถกำจัดเด็กที่อยู่ในท้องของนาง ให้นางรู้ว่าความเจ็บปวดคืออะไร ให้นางรู้ว่าความเกลียดชังเข้ากระดูกคืออะไร…
ทันใดนั้น นางก็พุ่งเข้าไปหาสืออีเหนียงอย่างไม่สนใจอะไรทั้งนั้น
สืออีเหนียงสะดุ้งตกใจ
เป็นคนมาสองตั้งยุค ไม่เคยมีใครทำอะไรนางเลย
ไท่ฮูหยินกับฮูหยินสองเห็นว่าสถานการณ์ผิดปกติ มือของป้าเถากำลังจะเอื้อมไปถึงคอของสืออีเหนียง
พวกนางตกใจจนใบหน้าขาวซีด รีบตะโกนเสียงดังว่า “สืออีเหนียง!” ด้วยความหวาดกลัว
แม่นมของสวีซื่อจุนก็ตกใจกับการเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกะทันหันเช่นนี้เหมือนกัน