บรรดาขุนนางต่างรู้เรื่องที่ฮ่องเต้ประชวรอย่างรวดเร็ว ถึงแม้จะตกตะลึงอย่างมาก แต่พวกเขาก็ไม่ได้ตระหนก เวลานี้สงครามของเหล่าท่านอ๋องสงบลง องค์รัชทายาทก็ใกล้จะสามสิบ มีทั้งบุตรชายบุตรสาว ก่อนหน้านี้ตอนที่ฮ่องเต้ทรงทำสงครามด้วยพระองค์เอง องค์รัชทายาทก็เคยมีประสบการณ์ว่าราชการแทน ดังนั้นหลังจากความกังวลเพียงชั่วขณะ พวกเขาก็สงบลงอย่างรวดเร็ว
บรรดาขุนนางใหญ่ต่างผลัดเวรในตำหนักบรรทมของฮ่องเต้ บรรดาหมอหลวงพยายามรักษาสุดความสามารถ พระสนมเสียนดูแลวังหลัง องค์รัชทายาทว่าราชการแทน
ราชสำนักยังคงเหมือนเคย อีกทั้งไม่ได้จงใจปิดบังข่าว เนื่องจากฮ่องเต้ประชวร งานอภิเษกของท่านอ๋องต้องชะลอก่อน
ในเวลาเดียวกัน ข่าวสาเหตุการประชวรของฮ่องเต้ก็แพร่กระจายออกไป…เพราะองค์ชายหก
เฉินตันจูได้ยินข่าวจึงตกใจ
เมื่ออดีตชาติ ฮ่องเต้ก็ประชวรก่อนที่นางกำลังจะตาย จากนั้นจึงมีการเสด็จเข้าเมืองหลวงขององค์ชายหก มีการลอบสังหารขององค์รัชทายาทและหลี่เหลียง ส่วนนางก็ตายไปในสงครามครั้งนี้
ชาตินี้ฮ่องเต้ประชวรเร็วเพียงนี้เชียวหรือ อีกทั้งยังบอกว่าเป็นเพราะองค์ชายหก เพราะเรื่องที่องค์ชายหกไปทูลขอยังไม่อภิเษกอย่างนั้นหรือ
“องค์ชายหกเล่า” เฉินตันจูรีบถามจู๋หลิน “องค์ชายหกมีข่าวมาหรือไม่”
จู๋หลินส่ายหน้า “ไม่มีข่าว คงจะเสด็จเข้าวังไปแล้ว”
ฮ่องเต้ประชวร บรรดาองค์ชายย่อมต้องเสด็จเข้าวัง เวลาที่วุ่นวายเพียงนี้ ฉู่อวี๋หยงจะมีเวลาส่งข่าวให้นางได้อย่างไร บางทีเขาอาจไม่มีทางส่งข่าวมาเพราะถูกจับเอาไว้…เฉินตันจูกำมือด้วยความกังวล ถึงแม้จะอยู่ในวังหลวง องค์รัชทายาทไม่อาจลอบสังหารองค์ชายหกเหมือนเมื่ออดีตชาติ แต่หากมีข่าวลือว่าฝ่าบาทประชวรเพราะองค์ชายหก การคาดโทษย่อมสมเหตุสมผล
“ข้าก็จะเข้าวัง” เฉินตันจูพูด
อาเถียนและจู๋หลินต่างตกใจ
เวลานี้แล้ว! อย่าไปเลย! ไม่ถูกคนในวังหลังเห็นเข้าก็ดีมากแล้ว ยังจะวิ่งไปตรงหน้าของพวกเขาอีก
คนพวกนั้นอยากให้คุณหนูตายแทบแย่
คุณหนูย่อมรู้เรื่องนี้ดี
เฉินตันจูย่อมรู้ แต่นอกจากเป็นห่วงฉู่อวี๋หยงแล้ว…นางมองไปยังทิศทางของพระราชวังด้วยสายตาซับซ้อน ความจริงแล้วฮ่องเต้ปฏิบัติต่อนางดีเหมือนกับลุงท่านหนึ่ง
สาเหตุที่ตระกูลเฉินล่มสลายทั้งเกี่ยวและไม่เกี่ยวกับฮ่องเต้ หากจะต้องถกเถียง ก็เป็นเพราะพวกเขาดูหมิ่นก่อน อีกทั้งฮ่องเต้ไม่เพียงยอมรับคำขอของนาง หลายปีนี้ก็ปกป้องนางเสมอมา ถึงแม้ฮ่องเต้จะทรงทำเพื่อจุดประสงค์หลายอย่าง แต่จุดประสงค์เหล่านี้ล้วนเป็นประโยชน์ต่อบ้านเมืองและราษฎร เฉินตันจูก็เต็มใจที่จะทำ
อย่างไรแล้วฮ่องเต้ก็เป็นฮ่องเต้ที่ดี ถึงแม้จะไม่ใช่บิดาที่ดี
นางไม่เชื่อว่าฮ่องเต้จะประชวรเพราะฉู่อวี๋หยง นางนึกถึงใบหน้าสดใสของชายหนุ่มผู้นั้น เพียงแค่เขายอม ผู้ใดจะโกรธเขาได้กัน ดังนั้น การประชวรของฮ่องเต้ในคราวนี้เป็นเรื่องจริง หรือถูก…
เฉินตันจูกำมือแน่น นางรู้ว่าควรหลบซ่อนตัวเอาไว้ มองดูพวกเขาเข่นฆ่ากัน เพราะเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับนาง แต่…
“องค์ชายหกอยู่ที่นั่น ข้าก็จะไปที่นั่น” เฉินตันจูพูด “หากเขาทำผิดจนทำให้ฝ่าบาททรงโกรธ ข้าก็ต้องรับผิดชอบด้วย ข้าไม่อาจหลีกหนีได้”
เมื่อเห็นนางพูดเช่นนี้ อาเถียนทำได้เพียงถอนหายใจ นางบอกแล้ว คุณหนูชอบองค์ชายหกมาก นางยังไม่ยอมรับอีก
ดังนั้นอาเถียนจึงมองจู๋หลินด้วยสายตาอ้อนวอน จู๋หลินจะทำอย่างไรได้ เขาเป็นองครักษ์ ทำได้เพียงเชื่อฟังคำสั่ง ถึงแม้ตรงหน้าจะเป็นทะเลเพลิง เพียงแค่คำสั่งลงมาก็ต้องลุยลงไป
เมื่อได้ยินว่าเฉินตันจูมาเยี่ยมฮ่องเต้ องค์รัชทายาทตกตะลึงอย่างมาก
“หญิงสาวผู้นี้ช่างไม่กลัวตาย” เขาพูดกับฝูชิง “เวลานี้นางยังกล้ามา”
ฝูชิงพูดด้วยรอยยิ้ม “อาจเป็นเพราะองค์ชายหกพ่ะย่ะค่ะ เมื่อเป็นพระชายาขององค์ชายหก นางก็ไร้ความเกรงกลัว วิ่งมาแสดงความกตัญญูให้ดู”
องค์รัชทายาทยิ้มเย้ยหยัน ถาม “ฉู่อวี๋หยงเล่า ยังไม่ไปหรือ”
ถึงแม้เวลานั้น องค์รัชทายาทจะห้ามปรามการเรียกฉู่อวี๋หยงเข้ามาซักถาม แต่เมื่อข่าวแพร่กระจายออกไป ท่านอ๋องเยียนและท่านอ๋องหลูต่างเสด็จเข้าวังมา องค์ชายหกย่อมต้องถูกบอกกล่าวด้วย
หลังจากองค์ชายหกเสด็จมา บรรดาขุนนางต่างตะลึงเมื่อเห็นองค์ชายอายุน้อยเป็นครั้งแรก จากนั้นซักถามระรัว เรื่องที่ถามล้วนเป็นความจริง ฉู่อวี๋หยงก็ยอมรับ
“ยังปรนนิบัติอยู่ข้างเตียงฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ” ฝูชิงพูดพลันส่ายหัว “มีการปรนนิบัติอย่างนี้ที่ใดกัน ตนเองก็นำหมอหลวงมา คุกเข่าสักพักยังต้องให้หมอหลวงตรวจชีพจรให้เขา”
องค์รัชทายาทยิ้มเย้ยหยัน “เสแสร้ง อย่างไร เขาจะรออาการกำเริบ จากนั้นโทษฝ่าบาทหรือ” อีกทั้งยังมีเฉินตันจูผู้นั้น “ให้นางเข้ามา เสด็จพ่อทรงเป็นเช่นนี้ล้วนเป็นเพราะพวกเขาทั้งสอง!”
ให้ทุกคนได้เห็นความร้ายกาจของพวกเขาหลังจากเข้ามา หากฮ่องเต้ทรงมีอันเป็นไปก็ให้พวกเขาตายไปพร้อมฮ่องเต้เสียเถิด
อืม ตายไปพร้อมกัน…เมื่อคำนี้แล่นผ่านหัวไป องค์รัชทายาทชะงักไปเล็กน้อย คราวนี้ฮ่องเต้จะสวรรคตจริงหรือไม่
หลังจากฮ่องเต้สวรรคต เขาก็ไม่ใช่องค์รัชทายาทอีกต่อไป ไม่ว่าราชการแทนอีกต่อไป หากแต่…
องค์รัชทายาทสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อข่มหัวใจที่เต้นระรัว
“องค์รัชทายาท” ขุนนางทั้งสองเดินเข้ามา ในมือถือฎีกา “เรื่องนี้ไม่อาจชะลอได้อีกแล้ว ขอองค์รัชทายาทโปรดตัดสินพระทัย”
องค์รัชทายาทเผยสีหน้าจริงจัง “เอามาให้ข้าดู”
ฎีกาส่งถึงมือของเขา บรรดาขุนนางต่างไม่พูดสิ่งใดอีก รอคอยเขาตัดสินอย่างเงียบสงบ คราวนี้แตกต่างจากการว่าราชการแทนแต่ก่อน เวลานั้นฮ่องเต้ทรงออกทำสงครามด้วยพระองค์เอง เขาเฝ้าอยู่ในเมืองซีจิง ถึงแม้ในนามเขาจะสามารถตัดสินเรื่องราชสำนักได้ แต่บรรดาขุนนางไม่ได้ฟังคำตัดสินของเขาจริงๆ …
“เจ้าไปทางนั้นเถิด” องค์รัชทายาทพูดกับฝูชิง “เฝ้าคุณหนูตันจูเอาไว้ บอกกับทางนั้นว่าข้าจะตามไป”
ฝูชิงตอบรับพร้อมถอยออกไป ขุนนางทั้งสองต่างขมวดคิ้วเมื่อได้ยินว่าเฉินตันจูกำลังมา “องค์รัชทายาท เหตุใดจึงให้เฉินตันจูมาพ่ะย่ะค่ะ”
องค์รัชทายาทถอนหายใจ “นางอยากมาเยี่ยมก็มาเถิด มิฉะนั้นหากอาละวาดอยู่ด้านนอกคงไม่ดี”
ขุนนางทั้งสองส่ายหน้า “องค์รัชทายาททรงมีเมตตาเกินไป”
“เฉินตันจูไม่อาจตามใจได้ เพราะฝ่าบาททรงตามใจนาง เรื่องจึงเป็นเช่นนี้”
องค์รัชทายาทรอพวกเขาพูดจบอย่างใจเย็น จากนั้นจึงเอ่ยขึ้น “ยังไม่ต้องพูดถึงนาง ข้าจัดการเรื่องนี้ให้เสร็จสิ้นก่อน จากนั้นไปดูเสด็จพ่อ”
ขุนนางทั้งสองรีบตอบรับ พลันถอนหายใจ “องค์รัชทายาททรงเหน็ดเหนื่อยแล้ว”
“โชคดีที่มีองค์รัชทายาทอยู่”
…
วังหลวงไม่เหมือนเดิมแล้ว เมื่อเฉินตันจูเดินเข้ามาก็สัมผัสได้ องครักษ์มีจำนวนเพิ่มขึ้นมา คนที่ออกมาต้อนรับนางก็ไม่ใช่อาจี๋อีกต่อไป หากแต่เป็นบรรดาขันทีที่มีสีหน้าเย็นชา
เฉินตันจูกังวลเล็กน้อย ไม่รู้อาจี๋เป็นอย่างไร
เมื่อมาถึงตำหนักบรรทมของฮ่องเต้ เห็นอาจี๋ยืนอยู่หน้าประตู นางจึงโล่งใจ เมื่ออาจี๋เห็นนาง เขาทั้งตกตะลึงทั้งระอา เขาไม่คิดว่านางจะมาในเวลานี้
ด้านนอกตำหนักมีคนจำนวนมาก ทั้งขันที นางใน พระสนม องค์ชาย พระชายาองค์รัชทายาทและบุตรล้วนอยู่ เมื่อได้ยินว่าเฉินตันจูเดินทางมา สีหน้าของทุกคนมีทั้งความโกรธทั้งความตกตะลึงทั้งหวาดกลัว…
ฉู่ซิวหยงยืนขึ้น พระสนมสวีตบโต๊ะพลันตะคอกก่อนที่เขาจะพูด “เฉินตันจู เจ้ามาทำอันใด!”
เฉินตันจูถวายบังคมให้นาง “หม่อมฉันมาเยี่ยมฝ่าบาทเพคะ”
พระสนมเสียนพูดขึ้นตาม “เจ้ายังกล้ามา ล้วนเป็นเพราะเจ้า ฝ่าบาทจึง…”
พระสนมเสียนยังพูดไม่ทันจบ ภายในห้องก็มีเสียงของชายหนุ่มดังขึ้น “ตันจู? ตันจูมาหรือ”
เฉินตันจูรีบทิ้งคนเหล่านี้ เดินเข้าไปด้านในอย่างรวดเร็ว ภายในห้องมีคนจำนวนไม่น้อยเช่นเดียวกัน เฉินตันจูเห็นฉู่อวี๋หยงที่คุกเข่าอยู่ข้างเตียงในทันที
เฉินตันจูวิ่งเข้าไปหาเขาอย่างไม่รู้ตัว
ฉู่อวี๋หยงยื่นมือให้นาง
ชายหนุ่มที่คุกเข่าอยู่บนพื้นสูงเท่านาง เพียงแค่เงยหน้าเล็กน้อยก็สามารถสบตากับนางได้ เขามองนางพลันพูดเสียงเบา “อย่ากลัว”
อย่ากลัวหรือ เฮ้อ เวลานี้แล้วเขายังปลอบนาง เฉินตันจูวางมือลงบนมือของเขา จับไว้เบาๆ พูดเสียงเบา “องค์ชายก็อย่าทรงกลัว”
ฉู่ซิวหยงที่ยืนอยู่ด้านนอกประตูห้องด้านในเบนสายตาหนีเมื่อเห็นฉากนี้