สถานที่ที่วัดของจักรพรรดิแห่งความมืดตั้งอยู่ หากมองจากด้านบนลงมาก็คือยอดเขาที่มองไม่เห็นก้นบึ้ง แม้บนยอดเขาจะมีรูปปั้นตั้งตระหง่าน แต่ในความเป็นจริงด้านล่างรูปปั้นก็ยังคงเป็นยอดเขา
ดังนั้นวัดแห่งนี้ก็ถือว่าเป็นยอดเขาเช่นกัน
โลกที่เผยให้เห็นหลังจากโลกของสตรีชุดแดงพังทลาย แท้จริงแล้วก็คือภายในของวัดซึ่งอุทิศสร้างให้แก่สตรีชุดแดงนั่นเอง หลังจากมองทะลุผ่านความว่างเปล่าไปแล้วก็ไม่มีอะไรที่น่าแปลกเลยจริงๆ
ทว่า…เมื่อเดินเข้ามาแล้วก้าวลงไปอีกขั้น ภาพที่หวังเป่าเล่อเห็นก็ทำเอาจิตใจปั่นป่วนไม่น้อย ที่แห่งนี้ยังคงเป็นโลกใบหนึ่ง แต่ไม่ใช่โลกที่เปิดออก เพราะมันถูกสร้างขึ้นหรือกล่าวให้ถูกคือความจริงแล้วที่แห่งนี้ ก็คือถ้ำที่ปิดผนึก!
ส่วนบนของถ้ำคือจุดที่เขาเข้ามา ตรงนั้นได้รับอิทธิพลจากพลังเทพแปลกประหลาดและกลายเป็นท้องฟ้า รอบด้านดูเหมือนระหว่างฟ้าดินจะมีเขตแดนอยู่ แต่ยากจะรับรู้ได้ด้วยตาเปล่า แต่เมื่อใช้จิตใต้สำนึกกวาดไปก็สามารถสัมผัสได้ถึงสิ่งกีดขวางที่มองไม่เห็นในระยะหลายแสนลี้
ส่วนด้านล่าง…คือพื้นดิน ภูเขา แม่น้ำไหลเอื่อย นอกจากจะไม่มีสิ่งมีชีวิตแล้ว ทุกอย่างดูปกติมาก
โดยเฉพาะตรงใจกลางโลกใบนี้มีศิลาก้อนหนึ่งตั้งอยู่ ส่วนบนของศิลามีตัวอักษรแกะสลัก
นั่นคือตัวอักษรของสำนักแห่งความมืด
สุสานจักรพรรดิแห่งความมืด!
นี่คือแผ่นป้ายสุสาน ทว่าสิ่งที่ทำให้หวังเป่าเล่อจิตใจปั่นป่วนคือรูปสลักด้านหลังตัวอักษรเหล่านั้น เพราะมันคือภาพวาดภาพหนึ่ง
เป็นภาพเจดีย์สูงกลับหัวซึ่งฝังลึกเข้าไปในภูเขา ด้านบนวาดเป็นรูปวัด เหนือวัดเป็นรูปปั้นซึ่งมีลักษณะคล้ายกับเทพแทบจะทุกประการ
ส่วนเจดีย์กลับหัวนั้นลึกเข้าไปในภูเขา และด้านล่างสุด ที่ตรงนั้นเป็นรูปโลงศพโลงหนึ่ง
บนโลงศพมีดวงตาดวงหนึ่งสลักเอาไว้ เมื่อหวังเป่าเล่อมองดูดวงตาข้างนั้น แรงฉุดดึงและเสียงเพรียกร้องก็รุนแรงขึ้น แต่นั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่ทำให้เขาจิตใจปั่นป่วน
สิ่งที่ทำให้เขาจิตใจปั่นป่วนคือในชั้นแรกส่วนบนสุดของเจดีย์กลับหัว เขาเห็นรายละเอียดต่างๆ มากมายในนั้น เห็นภูเขาแม่น้ำ และแผ่นศิลา
และ…ด้านนอกแผ่นศิลานั้นยังมีร่างของคนตัวเล็กๆ วาดเอาไว้ ที่ด้านหลังคนผู้นั้นมีมือสีดำเอื้อมมาจับ แม้จะยังมีระยะห่างอยู่บ้าง แต่ก็ดูเหมือนใกล้จะถึงตัวแล้ว
ในพริบตาที่เห็นร่างเล็กนั่น หวังเป่าเล่อก็วาบหนีออกจากจุดที่ยืนอยู่โดยพลัน จิตใจปั่นป่วนยิ่งขึ้น จากนั้นหลังจากกวาดมองรอบตัวอีกครั้งก็หันกลับมามองแผ่นป้ายสุสาน
เขามองออกว่าภาพที่วาดบนแผ่นป้ายนี้คงจะเป็นโครงสร้างของสุสานจักรพรรดิแห่งความมืด และจุดที่เขาอยู่ตอนนี้ก็คือขั้นที่หนึ่งของด้านบนสุดของเจดีย์กลับหัว!
และคนตัวผู้นั้น…หวังเป่าเล่อดูอย่างไรก็เห็นเป็นตัวเขาเอง!
นี่เป็นสัญชาตญาณอย่างหนึ่ง แต่หากเป็นตัวเขาจริง…จิตใต้สำนึกของหวังเป่าเล่อก็พลันตื่นตัวระแวดระวังถึงขีดสุดในทันที เพราะว่า…หากที่นี่มีอะไรแปลกประหลาดอยู่จริงถึงขนาดสะท้อนตัวเขาออกมาได้ เช่นนั้นแล้วฝ่ามือที่อยู่ข้างหลังอยู่ที่ไหนกัน
“ยุ่งยากแล้ว!” หวังหวังเป่าเล่อระแวงถึงขีดสุด เขามองสำรวจไปรอบด้านไม่หยุด ขณะเดียวกันก็สัมผัสได้ถึงความเงียบแปลกประหลาดของโลกใบนี้ นับตั้งแต่เข้ามาถึงที่นี่ก็ไม่มีเสียงอะไรเลย
แม้แต่น้ำที่ไหลเอื่อยเฉื่อยอยู่บนพื้นดินก็ยังไร้สุ้มเสียง
หวังเป่าเล่อหรี่ตา ทิ้งดวงจิตเทพไว้ที่นี่ก็รีบจากไปทันที เขามองสำรวจหาปากทางเข้า แต่ไม่ว่าจะค้นหาอย่างไรก็ไม่มีอะไรให้เก็บเกี่ยวแม้แต่น้อย ไอรีนโนเวล
อย่างไรก็ตาม หวังเป่าเล่อกลับเห็นภูมิประเทศแปลกประหลาดบางอย่าง
ภูมิประเทศนี้เป็นรอยมือ บนพื้นดินของโลกนี้มีสามรอยมือ ทั้งสามรอยมือขนาดประมาณหมื่นจั้ง และที่ใจกลางรอยมือนั้น หวังเป่าเล่อก็ได้เห็น…โครงกระดูกสามชิ้น!
โครงกระดูกทั้งสามนี้ผอมมากราวกับถูกดูดกลืนเลือดเนื้อไปจนหมดสิ้น ทำให้หวังเป่าเล่อไม่สามารถระบุได้จากรูปลักษณ์ภายนอก แต่จากเสื้อผ้าและพลังปราณ เขาสัมผัสได้ถึงเต๋า คนทั้งสามนี้…มาจากสำนักแห่งความมืด
คิดดูแล้วคงเป็นผู้ฝึกตนสำนักแห่งความมืดที่ผ่านห้วงมายาของสตรีชุดแดงมาได้ด้วยวิธีหนึ่ง แต่กลับต้องมาตกตายอย่างอนาถอยู่ที่นี่
ท่ามกลางความระแวดระวังและสำรวจอย่างถี่ถ้วนของหวังเป่าเล่อ เขาก็พบว่าสาเหตุการตายของทั้งสามเป็นเพราะวิญญาณเทพถูกกลืนกินโดยบางอย่าง ส่วนเลือดเนื้อ…ราวกับว่าหลังจากวิญญาณเทพสลายไปก็ถูกดูดกินจนแห้งเหี่ยว
และสิ่งที่ดูดกินเลือดเนื้อพวกเขาก็คือผืนดินแห่งนี้!
หวังเป่าเล่อขยับเข้าไปใกล้ เขาสังเกตเห็นว่าพื้นดินที่โครงกระดูกทั้งสามอยู่มีเลือดจางๆ
ทั้งหมดนี้ยิ่งทำให้โลกใบนี้ประหลาดขึ้นไปอีก
ดวงตาหวังเป่าเล่อส่องประกายเย็นยะเยือก เขาถอนสายตากลับไปและสำรวจปากทางเข้าต่อ ทว่าไม่นานใบหน้าก็พลันเปลี่ยนสี ดวงจิตเทพที่ทิ้งไว้บนแผ่นป้ายมองเห็นการเปลี่ยนแปลงบนภาพวาด!
ภาพชั้นแรกคนตัวเล็กที่เป็นตัวแทนของหวังเป่าเล่อได้จากแผ่นป้ายไปแล้ว ตำแหน่งที่มันอยู่คือจุดที่หวังเป่าเล่อยืนอยู่ในขณะนี้ ขณะเดียวกัน…ฝ่ามือสีดำที่ไล่จับอยู่ข้างหลังนั่นก็เข้ามาใกล้!
และไม่ใช่แค่หนึ่ง แต่มีถึงสิบฝ่ามือที่ล้อมรอบเขาเอาไว้ข้างใน
หลังจากเห็นพวกมัน หวังเป่าเล่อก็ขมวดคิ้วมุ่น
“ลวงเทพหลอกวิญญาณ!” กล่าวจบ ระหว่างนั้นเปลวไฟสีดำในร่างหวังเป่าเล่อก็ปะทุขึ้น ดวงตาเผยแสงเจิดจ้า วิญญาณปลดปล่อยออกมาสำรวจไปรอบตัวอย่างเต็มที่
ไม่มีอะไรเลย!
หวังเป่าเล่อหรี่ตาและยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น ฝักกระบี่เจ้าชะตาในร่างค่อยๆ หมุนเวียนช้าๆ ปราณกระบี่สายหนึ่งแผ่ออกมาจากร่างและมองไปรอบตัวด้วยสายตาเย็นชา
แต่ก็…ไม่พบอะไร ทว่าดวงจิตเทพที่ทิ้งไว้ตรงแผ่นป้าย ตอนนี้กลับเห็นภาพที่น่าตื่นตกใจ
ในภาพวาดนั้น รอบด้านของคนตัวเล็กที่เป็นตัวแทนหวังเป่าเล่อ ตอนนี้มีฝ่ามือสีดำไม่ใช่แค่สิบฝ่ามือแล้ว แต่มากกว่านั้น…มันอัดแน่นอยู่รอบตัวเขาและเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ กระบวนการทั้งหมดกินเวลาเพียงสิบ กว่าอึดใจ หลังจากนั้นหวังเป่าเล่อในภาพวาดก็มีฝ่ามือนับหมื่นรายล้อมแล้ว
มันล้อมรอบเขาไว้ข้างในอย่างหนาแน่นราวกับจะก่อตัวเป็น…ฝ่ามือที่ใหญ่กว่าหนึ่งฝ่ามือ และจุดที่หวังเป่าเล่ออยู่ก็คือใจกลางฝ่ามือนั้น
ทว่า หวังเป่าเล่อไม่ได้รู้สึกถึงอันตรายแม้แต่น้อย จนอาจกล่าวได้ว่าหากเขาไม่มีดวงจิตเทพที่ทิ้งไว้ตรงแผ่นป้าย ตอนนี้เขาก็ยังคงไม่สังเกตเห็นสิ่งผิดปกติเลยสักนิดเดียว
อีกอย่างรอยมือยักษ์ที่เกิดจากฝ่ามือมารวมตัวกันอย่างหนาแน่นรอบตัวก็ทำให้หวังเป่าเล่อนึกถึงภูมิประเทศที่เขาเห็นเมื่อครู่ รวมถึงซากผู้แข็งแกร่งของสำนักแห่งความมืดทั้งสาม
“ไม่สิ ที่นี่มีปัญหา!” เขาขมวดคิ้วมองไปทั่วบริเวณ แล้วมองไปทางแผ่นป้ายอีกครั้ง ในใจทวีความสงสัยมากขึ้น หากสถานที่แห่งนี้อันตรายจริง แล้วเหตุใดถึงมีการเตือนจากแผ่นป้ายกัน
หน้าที่ของแผ่นป้ายดูเหมือนไม่จำเป็นเลย ตรงกันข้าม…คล้ายเป็นคำแนะนำและชักจูงให้ผู้คนหวาดระแวง
“ที่นี่คือสุสานจักรพรรดิแห่งความมืดและข้าก็เป็นบุตรแห่งความมืด ทุกคนที่มาครั้งนี้ล้วนเป็นสำนักแห่งความมืด…บนร่างมีพลังปราณเต๋าสวรรค์ ไม่ควรจะเกิดอันตรายเพราะไม่ว่าอย่างไรก็มีต้นกำเนิดเดียวกัน!”
“สตรีชุดแดงข้างบนนั่นยังกล่าวได้เต็มปากว่าเป็นอุบัติเหตุ ถึงอย่างไรนั่นก็คือสิ่งมีชีวิต ความคิดเปลี่ยนไปตามกาลเวลา แต่เข้ามาในสุสานแห่งนี้แล้ว…” หวังเป่าเล่อครุ่นคิด ใช้อีกมุมมองหนึ่งพิจารณาเรื่องนี้
“แยกแยะดีชั่วหรือ” ผ่านไปชั่วครู่ เขาก็พึมพำออกมาเบาๆ หวังเป่าเล่อคิดว่าเรื่องนี้มีความเป็นไปได้ระดับหนึ่ง แยกแยะความดีกับความชั่ว หากใจเขามีความเคารพเกรงกลัวต่อสถานที่แห่งนี้ก็จะไม่สนใจฝ่ามือสีดำรอบตัว เพราะเชื่อว่าสิ่งนี้จะไม่ทำร้ายตน ตรงกันข้าม…หากกังวลหรือร้อนรน คิดไปมากมายล่ะก็
ในความเงียบงัน ภายในภาพวาดที่มองจากดวงจิตเทพ จำนวนฝ่ามือสีดำรอบตัวเขาถึงขีดสุดแล้ว ขาดอีกเพียงเส้นเดียวก็จะก่อตัวเป็นรอยมือยักษ์อย่างสมบูรณ์ ดวงตาหวังเป่าเล่อวาววับ เขาตัดการเชื่อมโยงกับดวงจิตเทพและไม่สนใจแผ่นป้าย อีกทั้งยังคำนับไปทางแผ่นป้ายนั่นหนึ่งครั้ง
“ท่านบรรพบุรุษจักรพรรดิแห่งความมืด ศิษย์หวังเป่าเล่อมาที่นี่ในนามเต๋าสวรรค์เพื่อรับซากของท่าน นี่อาจดูไม่เคารพท่าน แต่เพื่อฟื้นคืนความรุ่งโรจน์ให้เต๋าสวรรค์ เพื่อภารกิจของหลัวเทียนและหวังว่าท่านจะได้รับการเติมเต็ม” หลังจากโค้งคำนับ หวังเป่าเล่อรีรออยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหยัดกายขึ้นช้าๆ ราวกับไม่รับรู้ถึงฝ่ามือสีดำที่มองไม่เห็น เก็บฐานการฝึกฝนทั้งหมด กดระงับพลังปราณกระบี่ของฝักกระบี่เจ้าชะตาในร่างลงอย่างสงบ แล้วออกเดินไปข้างหน้า
หนึ่งก้าว สิบก้าว ร้อยก้าว พันก้าว…
สิบจั้ง ร้อยจั้ง พันจั้ง หมื่นจั้ง…
หวังเป่าเล่อเดินออกจากบริเวณที่มีรอยมือโดยไม่เจออันตรายแม้แต่น้อย ขณะที่เดินออกมาอย่างราบรื่น ความว่างเปล่าตรงหน้าพลันปรากฏความผันผวนก่อตัวเป็นประตูแสง
พริบตาที่ประตูปรากฏ หวังเป่าเล่อก็ถอนหายใจ ดูเหมือนเขาจะได้ยินเสียงดังมาจากความว่างเปล่าซึ่งแผ่ซ่านราวกับระลอกคลื่นอยู่ในก้นบึ้งของจิตใจตน
“ความดี”
…………………….