หยวนเหนียงทำให้ถงอี๋เหนียงแท้ง?
สืออีเหนียงตกใจ
ตอนนั้นตอนที่อยู่ที่ลานเล็ก นางก็เห็นว่าความสัมพันธ์ของสวีลิ่งอี๋และหยวนเหนียงอยู่ในจุดที่ตึงเครียดและเข้ากันไม่ได้
ชีวิตคู่เดินมาถึงจุดนี้ แน่นอนว่าไม่ใช่ความผิดของใครคนใดคนหนึ่ง
สวีลิ่งอี๋ในตอนนั้น มีทั้งชื่อเสียงและตำแหน่ง ชื่อเสียงทำให้เขาทะนงตน เพราะนั่นคือสิ่งที่ทำให้เขาประสบความสำเร็จ คนเช่นนี้ จะคิดว่านิสัยหรือว่าวิธีของตัวเองผิดหรือไม่เหมาะสมได้เช่นไรกัน และตำแหน่งก็ทำให้ผู้คนรอบตัวต่างก็ยกย่องเขา ผู้คนส่วนใหญ่ล้วนแต่ทำตามความต้องการของเขา ทำให้เขาไม่จำเป็นต้องทำอะไรตามสีหน้าของใคร เมื่อมันสั่งสมมาเรื่อยๆ เขาจะอดทนหรือยอมถอยกระทั่งทำให้ตัวเองลำบากใจได้เช่นไร
นางแต่งเข้ามาในสกุลสวีโดยที่ไม่มีความคาดหวังอะไร
ในสังคมที่สามีมีอำนาจมากกว่าภรรยา หากไม่อยากตายไปกับการแต่งงานครั้งนี้ วิธีเดียวก็คือการปรับตัวให้เข้ากับเขา เพราะเขาจะไม่มีทางปรับตัวให้เข้ากับตัวเอง
แต่เรื่องที่เกิดขึ้นต่อมานั้นกลับเป็นเรื่องที่นางคาดไม่ถึง
สวีลิ่งอี๋ไม่ได้เป็นคนใจแคบ ถึงแม้ว่าเขาจะพูดน้อย แต่หากพูดมีเหตุผล เขาก็เต็มใจที่จะรับฟัง
นางสับสนมาตลอด ว่าทำไมเขากับหยวนเหนียงถึงเป็นเช่นนั้น สวีลิ่งอี๋และหยวนเหนียงมีความขัดแย้งอะไรที่ประนีประนอมกันไม่ได้…
หรือว่าการเสียชีวิตของถงอี๋เหนียงที่กำลังตั้งครรภ์คือสาเหตุ?
เมื่อความคิดนี้ผุดขึ้นมา นางก็สังเกตเห็นว่าคำพูดของอี้อี๋เหนียงมีช่องโหว่ขนาดใหญ่
ไม่ต้องพูดถึงสถานการณ์ตอนนี้ของอี้อี๋เหนียง หากพูดถึงตอนนั้น สวีลิ่งอี๋อยู่ที่บ้านเกิด อนาคตของเขาไม่แน่นอน หยวนเหนียงไม่มีบุตร ตามหลักแล้ว อนุภรรยาที่ตั้งครรภ์จะต้องได้รับการปกป้องจากคนในจวน เพราะว่าการคลอดลูกออกมา ไม่เพียงเป็นการสืบทอดสกุลสวี แล้วหากสวีลิ่งอี๋เป็นอะไรขึ้นมาในช่วงสามปีที่ไว้ทุกข์ หยวนเหนียงก็จะมีที่พึ่ง นางจะเลือกลงไม้ลงมือในช่วงที่วุ่นวายเช่นนั้นทำไมกัน
ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนั้นยังมีเหวินอี๋เหนียงและฉินอี๋เหนียง เมื่อเทียบกันแล้ว ถึงแม้ว่าตำแหน่งของเหวินอี๋เหนียงจะต้อยต่ำ แต่นางก็สูงส่งกว่าถงอี๋เหนียงและฉินอี๋เหนียงที่เป็นสาวใช้ หากนางทำไปเพื่อแสดงอำนาจ นางต้องลงไม้ลงมือกันเหวินอี๋เหนียง เหตุใดต้องลงไม้ลงมือกับถงอี๋เหนียงด้วยเล่า
จู่ๆ สืออีเหนียงก็นึกถึงวันที่สวีลิ่งอี๋เมาหนักแล้วบอกว่าเขาทำผิดต่อถงอี๋เหนียง…
นางรู้สึกสับสน
มีความคิดที่ถูกนางมองข้ามมาโดยตลอดผุดขึ้นมา
หรือว่า ถงอี๋เหนียงเป็นคนสำคัญของสวีลิ่งอี๋ ดังนั้นหยวนเหนียงจึงยอมรับนางไม่ได้?
สืออีเหนียงอดไม่ได้ที่จะมองไปยังอี้อี๋เหนียง
เห็นดวงตาที่เป็นกังวลจนแดงก่ำ
นางสะดุ้งตกใจ ราวกับมีน้ำเย็นๆ สาดใส่ รู้สึกเย็นยะเยือกไปทั้งตัว
นั่นมันผ่านมาตั้งเมื่อไรแล้ว ตนจะคาดเดาไปทั่วเพียงเพราะคำพูดไม่กี่คำของอี้อี๋เหนียงได้อย่างไร
นางสงบสติอารมณ์ จากนั้นสติก็กลับมาอย่างรวดเร็ว
ฉินอี๋เหนียง สาวใช้ห้องข้างที่เคยเป็นสาวใช้มาก่อน จะจับปลาในน้ำขุ่น ทำให้ถงอี๋เหนียงตายภายใต้สายตาป้าเถาที่ฉลาดและมีความสามารถเช่นนั้นได้อย่างไร แล้วทำให้หยวนเหนียง ฮูหยินของหย่งผิงโหวที่เป็นคนดูแลจวนเป็นแพะรับบาปได้เช่นไร
คนรับใช้ในจวนมากมายขนาดนี้ ไม่มีร่องรอยอะไรหลงเหลืออยู่เลยเช่นนั้นหรือ
แล้วก็นึกถึงเรื่องที่สวีลิ่งอี๋ไว้หน้าฉินอี๋เหนียงตลอดหลายปีที่ผ่านมา…สืออีเหนียงคิดว่าคำพูดของอี้อี๋เหนียงไม่น่าเชื่อถือ!
“อี้อี๋เหนียง!” นางจ้องมองอี้อี๋เหนียงที่ถูกหู่พั่วยืนบังอยู่ด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจ “เจ้าไม่ต้องมารังแกข้าเพียงเพราะว่าข้ายังเด็ก คิดว่าข้าไม่รู้เรื่องตอนนั้นแล้วพูดจาเหลวไหลเช่นนี้ พี่หญิงของข้าเป็นคนใจกว้าง แล้วตอนนั้นสกุลสวีก็กำลังวุ่นวาย นางจะไปทำร้ายอนุภรรยาได้เช่นไร…”
“ฮูหยินสี่เจ้าคะ ข้าไม่ได้โกหกท่าน ไม่ได้โกหกท่านจริงๆ เจ้าค่ะ” เห็นว่าสืออีเหนียงไม่เชื่อ อี้อี๋เหนียงก็เป็นกังวล “เรื่องนี้ฉินอี๋เหนียงเคยบอกข้าเอง!”
ฉินอี๋เหนียงที่แม่แต่ซชุ่ยเอ๋อร์ สาวใช้ของตัวเองก็ยังไม่เคยพูดความจริงด้วย จะมาเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นของตัวเองให้อี้อี๋เหนียงฟัง ยอมให้นางรู้จุดอ่อนของตัวเองอย่างนั้นหรือ
สืออีเหนียงสงสัย
สิ่งที่คนบนโลกใบนี้ไม่ยอมทนก็คือความเหงาและความโดดเดี่ยวอ้างว้าง มักจะมีวิธีปลอบใจตัวเองอยู่วิธีหนึ่ง หรือว่า มิตรภาพของนางและอี้อี๋เหนียงเป็นดังนี้
“ข้าเคยบอกแล้วว่า” นางพูดเบาๆ “เจ้าพูดอะไรต้องมีหลักฐาน!”
อี้อี๋เหนียงเห็นว่าสีหน้าของสืออีเหนียงผ่อนคลายลงก็ดีใจแล้วรีบพูด “ฮูหยินเจ้าคะ ท่านลองคิดดู หากไม่ใช่เพราะว่าฉินอี๋เหนียงทำให้ถงอี๋เหนียงต้องตาย แล้วฉินอี๋เหนียงจะแอบไปจุดตะเกียงให้ถงอี๋เหนียงที่วัดฉือหยวนทำไมกันเจ้าคะ แล้วยังจุดให้นางมาตั้งสิบปี หากไม่ใช่เพราะว่าตอนนั้นนางทำผิดต่อถงอี๋เหนียง นางจะทำพิธีให้ถงอี๋เหนียงในเทศกาลวันสารทจีนของทุกปี สวดมนต์อ้อนวอนต่อพระโพธิสัตว์ให้ปกป้องนางกลับชาติมาเกิดทำไมกันเจ้าคะ แล้วยังทำเช่นนี้ไม่เคยขาด และทุกครั้งที่เราพูดถึงถงอี๋เหนียง นางก็จะไม่พูดอะไร… “
เรื่องพวกนี้ สืออีเหนียงไม่รู้
แต่มันก็พิสูจน์ไม่ได้ว่าฉินอี๋เหนียงเป็นคนทำให้ถงอี๋เหนียงต้องตาย
“ข้าได้ยินคนพูดว่า ถงอี๋เหนียงแต่งเข้ามาก่อนฉินอี๋เหนียงสองปี” สืออีเหนียงพูดเบาๆ “หลังจากที่ฉินอี๋เหนียงแต่งเข้ามาแล้ว ก็มีถงอี๋เหนียงคอยดูแล พวกนางสองคนสนิทสนมกัน ถงอี๋เหนียงเสียชีวิตไปแล้ว ฉินอี๋เหนียงอยากจะให้ถงอี๋เหนียงกลับชาติมาเกิดเร็วๆ หลุดพ้นจากความทุกข์ยากลำบาก ก็เพราะความเป็นพี่น้อง ไม่ใช่เรื่องเกินจริง จะบอกว่าฉินอี๋เหนียงทำให้ถงอี๋เหนียงต้องตายเพียงเพราะเรื่องพวกนี้?” นางพูดต่ออีกว่า “ในเมื่อเจ้าบอกว่าฉินอี๋เหนียงเคยเล่าเรื่องนี้ให้เจ้าฟัง เช่นนั้นตอนนั้นเหตุการณ์เป็นเช่นไร ฉินอี๋เหนียงทำให้ถงอี๋เหนียงต้องตายอย่างไร แล้วโยนความผิดไปให้พี่หญิงใหญ่ของข้าอย่างไร ข้าคิดว่าเจ้าก็น่าจะรู้ดี ไม่สู้เล่าให้ข้าฟังอย่างละเอียด ข้าจะได้ไม่ต้องเดาไปเดามา แต่เรื่องที่เจ้าพูดนั้นไม่มีอะไรที่ควรค่าแก่การพิจารณาเลยสักนิด!”
“ข้า ข้า ข้า…” อี้อี๋เหนียงหลบตาสืออีเหนียง
ฉินอี๋เหนียง นอกจากตัวนางเองแล้วนางไม่เคยเชื่อใจใคร นางจะเล่าเรื่องพวกนี้ให้ตนฟังได้อย่างไร หากไม่ใช่เพราะว่าตนไม่มีบุตร แล้วฮูหยินสามก็ยังโหดเหี้ยม อีกทั้งตนอยากจะเก็บเงินไว้ทำโลงศพให้ตัวเอง คงไม่มีทางไปแตะต้องเงินของฉินอี๋เหนียง แนะนำแม่เฒ่าจูให้นางรู้จัก เดิมทีคิดว่าด้วยนิสัยที่รอบคอบของฉินอี๋เหนียง นางคงไม่มีทางถูกจับได้แน่นอน คิดไม่ถึงว่านางจะกล้าทำถึงขนาดนี้ รังแกซื่อจื่อ ถึงได้มีจุดจบเช่นนี้…
ตอนนี้เรื่องทุกอย่างสั่นคลอนไปหมด หากตนไม่คิดทำอะไรเลย ถึงแม้ว่าสวีลิ่งอี๋จะเห็นแก่ความเป็นพี่น้อง ยอมไว้ชีวิตตนแล้วส่งไปที่ซานหยาง แต่ด้วยความสัมพันธ์ของตนกับคุณชายสาม เกรงว่าคุณชายสามคงจะลงมือจัดการตนทันทีเพื่อให้คำอธิบายแก่สวีลิ่งอี๋ ตอนนี้ความหวังเดียวก็คือการทำให้สืออีเหนียงไม่พอใจฉินอี๋เหนียง โยนความผิดไปให้ฉินอี๋เหนียง ก็เพื่อให้นางสั่งสอนฉินอี๋เหนียง ไปช่วยพูดกับสวีลิ่งอี๋ให้ตน ด้วยเคารพที่สวีลิ่งอี๋มีต่อเรือนหลัก ตนก็อาจจะมีโอกาสรอด
ฉินอี๋เหนียงไม่เคยพูดเรื่องนี้กับตน แล้วจะเอาหลักฐานมาจากไหนกัน!
อี้อี๋เหนียงเหงื่อตก
ทันใดนั้น นางก็นึกเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้
“ฮูหยินเจ้าคะ!” นางพูดด้วยท่าทีที่มีความหวัง “บุตรที่ถงอี๋เหนียงแท้งไปตอนนั้นคือเด็กผู้ชายเจ้าค่ะ!”
สืออีเหนียงตกใจ
เรื่องนี้ นางพึ่งจะได้ยินเป็นครั้งแรก!
“เด็กผู้ชาย?”
ท่ามกลางสถานการณ์ที่สกุลสวีต้องการบุตรชายมากที่สุด แท้งบุตรชายไป…
“ใช่เจ้าค่ะ!” อี้อี๋เหนียงมองไปยังสืออีเหนียงด้วยท่าทีที่มีความหวัง “หากท่านไม่เชื่อ ท่านลองไปถามไท่ฮูหยินก็ได้เจ้าค่ะ ตอนนั้นไท่ฮูหยินก็อยู่ในเหตุการณ์ แล้วยังมีฮูหยินสอง นางเองก็รู้ หากบุตรของถงอี๋เหนียงคลอดออกมาอย่างปลอดภัย ก็แสดงว่าเป็นบุตรชายคนโต ยังจะมีที่ของฉินอี๋เหนียงอยู่หรือ ฉินอี๋เหนียงทำร้ายถงอี๋เหนียงก็เพราะเรื่องนี้ ใช่แล้วเจ้าค่ะ นางทำให้ถงอี๋เหนียงตายก็เพราะเรื่องนี้” อี้อี๋เหนียงยิ่งพูดก็ยิ่งมีท่าทีมั่นใจ “ฉินอี๋เหนียงเองก็แสร้งทำเป็นไม่สบาย ไท่ฮูหยินจึงส่งนางไปยังเรือนของฮูหยินสอง ให้ฮูหยินสองเป็นคนดูแลนาง”
“ตอนนั้น ถงอี๋เหนียงตั้งครรภ์แค่สี่เดือนใช่หรือไม่” สืออีเหนียงมองไปที่นาง “ฉินอี๋เหนียงจะรู้ได้เช่นไรว่าถงอี๋เหนียงตั้งครรภ์ผู้ชาย?” นางพูด “หากข้าจำไม่ผิด ฮูหยินสามเองก็กำลังตั้งครรภ์ ไม่รู้ว่าอี้อี๋เหนียงอยู่ที่ไหน กำลังทำอะไร หรือว่าเจ้าไม่ได้คอยรับใช้ฮูหยินสาม เรื่องของครอบครัวคุณชายสี่ ทำไมคนในครอบครัวคุณชายสามอย่างเจ้าถึงรู้ดีขนาดนี้”
อี้อี๋เหนียงเหงื่อตก
“ข้า ข้าได้ยินฮูหยินสามพูดเจ้าค่ะ” นางพูดตะกุกตะกัก “ฮูหยินสามบอกว่า เพราะเช่นนี้ ไท่ฮูหยินถึงไม่พอใจฮูหยินสี่คนก่อน คิดว่าฮูหยินสี่คนก่อนเห็นแก่ประโยชน์ที่อยู่ตรงหน้า ใจแคบ คิดถึงแต่ตัวเองไม่คิดถึงครอบครัว…” พูดถึงตรงนี้ จู่ๆ นางก็เห็นสืออีเหนียงยิ้มอย่างแผ่วเบา นางจึงคิดว่าตัวเองพูดอะไรผิดไป ยิ่งพูดตะกุกตะกัก “แต่…แต่ว่าไท่ฮูหยิน ไท่ฮูหยินดีต่อฮูหยินสี่คนก่อนมาก จัดการคนที่รู้ว่าถงอี๋เหนียงถูกลงโทษทุกคน ต่อมายังตามหาท่านหมอมาให้ฮูหยินสี่คนก่อน ถึงได้มีคุณชายน้อยสี่เจ้าค่ะ…”
ในคำพูดที่ไม่สอดคล้องกันของอี้อี๋เหนียงเปิดเผยข้อมูลมากมาย
สืออีเหนียงหัวหมุนอย่างรวดเร็ว อุทาน “อ้อ” แล้วพูดขัดจังหวะนางอย่างเย็นชา “ตามที่เจ้าพูด หมายความว่าตอนนั้นพี่หญิงใหญ่ของข้าเคยลงโทษถงอี๋เหนียง เช่นนั้นการที่ถงอี๋เหนียงแท้ง จึงมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อย่างนั้นหรือ”
พูดผิดอีกแล้ว!
อี้อี๋เหนียงอยากจะกัดลิ้นตัวเองให้ขาด
“ไม่ใช่ลงโทษถงอี๋เหนียง” นางแก้ตัวด้วยความตื่นตระหนก “ตั้งกฎ ตั้งกฎให้บรรดาอี๋เหนียงเจ้าค่ะ!”
“เหลวไหล” สีหน้าของสืออีเหนียงเคร่งขรึม นางมองไปยังอี้อี๋เหนียงด้วยสายตาเย็นชา “ตั้งกฎอะไรทำให้คนที่กำลังตั้งครรภ์สี่เดือนแท้ง? มันคือกฎอะไรกันแน่ แล้วเหตุใดเหวินอี๋เหนียงถึงไม่เป็นอะไร ฉินอี๋เหนียงไม่เป็นอะไร แต่ถงอี๋เหนียงกลับแท้งลูก?”
อี้อี๋เหนียงได้ยินเช่นนี้ก็ใจเต้นแรง
ฮูหยินสี่คนนี้ ปกติตัวเองไม่ค่อยไปมาหาสู่กับนาง คิดไม่ถึงว่านางจะรับมือยากขนาดนี้ เรื่องที่ไม่ชัดเจนนี้ต้องรีบเปิดเผยให้เร็วที่สุด ไม่เช่นนั้น เอาแต่พูดถึงเรื่องพวกนี้ เมื่อไรมันจะจบสิ้น!
นางครุ่นคิดอยู่สักพักก็ตะโกนออกมา “ฮูหยินสี่เจ้าคะ เหวินอี๋เหนียงคืออี๋เหนียงที่แต่งเข้ามาอย่างถูกต้อง แต่งเข้ามาก็ไปอยู่ที่เรือนทิศตะวันตกของลานข้างหลัง มีท่านป้าและสาวใช้คอยรับใช้ ไม่เหมือนถงอี๋เหนียงและฉินอี๋เหนียงที่เป็นสาวใช้มาก่อน ต่อมาถึงแม้ว่าถงอี๋เหนียงจะได้เลื่อนเป็นอี๋เหนียง แต่นางก็ยังอยู่ที่เรือนหน่วนเก๋อกับฉินอี๋เหนียง นางตั้งครรภ์ถึงย้ายไปอยู่ที่เรือนปีกทิศตะวันตกของลานข้างหลังกับฉินอี๋เหนียง ผ่านไปสามเดือน ก็เริ่มตั้งกฎที่เรือนกับบรรดาสาวใช้ เรื่องพวกนี้ คนอื่นไม่รู้ แต่ป้าเถารู้เจ้าค่ะ ถึงแม้ว่าป้าเถาจะไม่ยอมพูดความจริง แต่ยังมีเหวินอี๋เหนียง ตอนนั้นนางก็อยู่ที่เรือนปีกทิศตะวันตก แม้คนอื่นจะไม่รู้ แต่นางรู้ดีที่สุดเจ้าค่ะ!”