“แต่เดิมนั้นฮ่องเต้หลายพระองค์ต่างก็หาแพะรับบาปมาขวางทางปืนแทนคนที่ตนรักกันทั้งนั้น ทำไมองค์ชายไม่…”
ยังไม่ทันที่ขันทีซุนจะพูดจบ ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยก็ขัดเขาขึ้นมาเบาๆ น้ำเสียงของเขายังคงเย็นชาเหมือนเช่นเคย ”วิธีการโง่เขลาพรรค์นั้นล้วนแต่เป็นของคนที่ไร้ทางเลือก ข้าเพียงต้องการให้คนทั้งโลกได้รู้ว่าเฮ่อเหลียนเวยเวยเป็นของข้า หึ ส่วนคนที่มันกล้ามาขวางทางข้า ข้าจะฆ่าทิ้งให้หมด”
ทันทีที่ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยพูดประโยคสุดท้ายจบ ขันทีซุนก็พลันตัวสั่นขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ
เขาหันหน้ากลับมา แล้วมองขันทีซุน ”อย่าให้พระชายารู้เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้เด็ดขาด”
“กระหม่อมเข้าใจแล้วพ่ะย่ะค่ะ” ขันทีซุนรีบหลุบตาลง และไม่กล้าพูดอะไรอีก
ตอนที่ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยกลับมาถึงห้องบรรทมหลังจากอาบน้ำเสร็จ เฮ่อเหลียนเวยเวยก็ผล็อยหลับไปแล้ว นางนอนตะแคงอยู่บนเตียงทองคำบริสุทธิ์ มือของนางยังกอดกล่องขนมที่อัดแน่นไปด้วยขนมซิ่งอยู่
หลังจากมองดูนางอยู่ครู่หนึ่ง ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยก็โน้มตัวลง แล้วดึงนางเข้าสู่อ้อมแขนราวกับเขากำลังกอดของเล่นชิ้นโปรดอยู่ก็ไม่ปาน ”ในโลกนี้ข้ามีเพียงเจ้าคนเดียวเท่านั้น เจ้าจะทรยศข้าไม่ได้…”
เวลาดึกสงัด
ขณะนี้บรรดาหญิงสาวผู้เข้ารับการคัดเลือกกำลังเตรียมตัวสำหรับพิธีคัดเลือกพระสนมซึ่งกำลังจะมาถึง
หลังจากเฮ่อเหลียนเวยเวยตื่นขึ้น นางก็ไม่แม้แต่จะมองชุดที่ขันทีซุนจัดเตรียมเอาไว้ให้ แทนที่จะทำเช่นนั้น นางกลับกลั้วปากด้วยน้ำผสมใบป๋อเหอ แล้วเอ่ยอย่างไม่ทุกข์ร้อนว่า ”เมื่อวานนี้องค์ชายอารมณ์ไม่ดีเท่าใดนัก ท่านช่วยบอกให้ผู้อาวุโสพวกนั้นรู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเราด้วยก็แล้วกัน ข้ามีเงินจำนวนหนึ่งอยู่ ขันทีซุนคงรู้ว่าควรมอบมันให้กับใคร”
ขันทีซุนที่กำลังจัดชุดของตนอยู่หยุดมืออย่างกะทันหัน เขาเงยหน้าขึ้นมามองเฮ่อเหลียนเวยเวย ความประหลาดใจฉายอยู่ในดวงตา พระชายารู้เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนแล้วหรือ
เฮ่อเหลียนเวยเวยไม่รู้รายละเอียดแน่ชัดนัก แต่นางก็พอจะเดาได้คร่าวๆ นางยิ้มให้กับขันทีซุน แล้วเอ่ยว่า ”องค์ชายไม่ใช่คนที่แยกแยะผิดชอบชั่วดีไม่ออก ไม่มีสิ่งใดที่เขามิได้ทำเพื่อความสุขของปวงประชา และที่พวกเราสามารถเดินออกจากวังหลวงได้อย่างภาคภูมิใจก็เป็นเพราะองค์ชาย ขันทีซุนเป็นคนฉลาดที่ใช้เวลาอยู่ในวังกับองค์ชายมานานที่สุด ดังนั้นท่านย่อมรู้จักองค์ชายดีกว่าข้า ข้าจะไม่พูดอะไรให้มากความนัก ท่านแบ่งเงินจำนวนนี้ตามที่เห็นสมควรได้เลย”
หากเป็นคนอื่น ขันทีซุนคงจะปฏิเสธเงินที่ถูกหยิบยื่นมาให้อย่างแน่นอน
แต่เขารู้ว่าพระชายายอมจ่ายเงินจำนวนนี้เพื่อกู้ชื่อเสียงขององค์ชายกลับคืนมา
เขารับใช้ฮ่องเต้และฮองเฮามาถึงสามยุคสามสมัย
แต่กลับไม่มีใครเลยที่จะเหมือนกับเด็กสาวคนนี้ การกระทำของนางนั้นช่าง… ทำให้เขารู้สึกอบอุ่นหัวใจยิ่งนัก!
หากองค์ชายรู้เรื่องนี้เข้า เขาจะรู้สึกอย่างไรหนอ
ขันทีซุนยิ้ม และตอบทันทีว่า ”พ่ะย่ะค่ะ!”
จากนั้นเขาจึงเดินทางไปที่จวนอื่นๆ พร้อมกับเงินจำนวนนั้น เมื่อบรรดาผู้อาวุโสเห็นเงินพวกนั้น ไม่เพียงแต่ความกังวลภายในหัวใจของพวกเขาเท่านั้นที่พลันหายไป แต่พวกเขายังพากันเรียกบรรดาบ่าวรับใช้ของตนเข้ามาอีกด้วย
ผู้อาวุโสเหล่านั้นเอ่ยว่า ”ถ้าใครกล้าพูดจาว่าร้ายองค์ชายกับพระชายาละก็ ข้าจะหักขาของคนคนนั้นซะ!”
ขันทีซุนฟังคำพูดนั้นด้วยความพอใจ แล้วเขาก็นึกขึ้นได้ว่าการคัดเลือกพระสนมกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว!
หลังจากที่เขาตรงกลับมาถึงวังหลวง เฮ่อเหลียนเวยเวยก็แต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว นางอยู่ในชุดราตรีสีแดงคล้ายเสื้อคลุมในสงคราม ผ้าที่ผ่าเป็นแนวยาวราวกับหางปลาบนชุดนั้นเผยให้เห็นช่วงขาของนางรางๆ และยิ่งขับเน้นให้บรรยากาศอันสง่างามราวกับราชินีของนางเข้มข้นขึ้น!
ยิ่งบวกกับร่มขนนกสีดำสนิทที่อยู่บนนิ้วขาวนวลของนางแล้ว ก็ยิ่งทำให้การเคลื่อนไหวแต่ละท่วงท่าของนางทั้งสง่างาม และงดงามโดยที่ไม่ต้องทำอะไรมาก
คนบางประเภทก็เกิดมาพร้อมเสน่ห์อันร้ายกาจซึ่งไม่ได้เป็นที่สะดุดตาหรือปรากฏให้เห็นอย่างเด่นชัด พวกเขาเหมือนกับเกล็ดหิมะเย็นยะเยือกที่ตกมาจากท้องฟ้าอย่างเงียบๆ ทั้งนอบน้อมและถ่อมตัว ยิ่งโดยเฉพาะดวงตาสดใสเป็นประกายคู่นั้นของนาง กับรอยยิ้มบนริมฝีปากอันไร้ที่ติ มันอบอุ่นและมีเอกลักษณ์แตกต่างจากคนอื่นยิ่งนัก
ขันทีซุนคิดอย่างใจลอย ถ้าเรามองเพียงแค่บรรยากาศเพียงอย่างเดียว แทนที่จะเป็นหน้าตาของนาง เช่นนั้นพระชายาจะต้องติดหนึ่งในห้าอย่างแน่นอน
แต่เขาก็ทำได้เพียงแค่คิด เพราะสีผิวบนใบหน้าของพระชายานั้นทำให้ความคิดนี้ถูกปฏิเสธไปโดยสิ้นเชิง…
“ไปกันเถอะ” เฮ่อเหลียนเวยเวยเอ่ยพร้อมกับรอยยิ้ม นางมองหมายเลขของตนแล้วเดินออกไปจากห้องบรรทม
ขันทีซุนเดินตามหลังนาง เขากำลังง่วนอยู่กับการคิดหาวิธีโกงการคัดเลือกเพื่อให้ทุกคนหันมาจับตามองที่บรรยากาศที่นางมี และมองข้ามหน้าตาของนางไปเสีย…
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ฤดูร้อนมาถึงอย่างเป็นทางการ อากาศร้อนอบอ้าวไปทั่วทุกหนแห่ง
ดังนั้นบททดสอบกลางแจ้งในลำดับแรกของการคัดเลือกจึงถูกจัดขึ้นตั้งแต่เช้าตรู่
แม้จะยังเช้าอยู่ แต่ก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่มายืนเขย่งปลายเท้าดูว่าคนที่สวยที่สุดในเมืองหลวงคือใคร
เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์เป็นคนที่ตื่นเต้นที่สุด เพราะต่อให้นางจะไม่ได้รับเลือกให้เป็นพระสนม แต่อวิ๋นปี้ลั่วก็จะยังได้เข้าวัง เช่นนั้นก็จะได้เห็นเฮ่อเหลียนเวยเวยอับอายขายหน้าได้อย่างง่ายดาย
อวิ๋นปี้ลั่วเดินทางมาถึงตั้งแต่เช้าตรู่เช่นกัน ชุดที่นางสวมอยู่นั้นได้รับการตัดเย็บเป็นพิเศษมาจากร้านตัดชุดสำหรับราชวงศ์ มันเป็นชุดกระโปรงตัวยาวคุณภาพเยี่ยมปักลูกไม้สีเข้ม ผ้าสีขาวบนชุดของนางเข้ากันได้ดีกับเสื้อคลุมสีเดียวกัน ผมสีดำยาวของนางถูกเก็บจนเรียบร้อยด้วยปิ่นปักผมประดับไข่มุกโปร่งแสง เหลือไว้เพียงปอยผมที่ปรกลงมาเล็กน้อย นางดูอ่อนโยนเหมือนกับเทพธิดาที่เพิ่งเดินออกมาจากภาพวาดไม่มีผิด ทั้งอ่อนโยนและนุ่มนวลดุจสายน้ำ
ความเขินอายที่อยู่บนใบหน้าของนางโดยเฉพาะเวลาที่นางยิ้มทำให้หัวใจของบรรดาคุณชายทั้งหลายถึงกับหลงเสน่ห์ได้ในทันที
“ไม่แปลกใจเลยที่นางได้อันดับหนึ่ง นางช่างงดงามยิ่งนัก!”
อวิ๋นปี้ลั่วยิ้ม แล้วบีบใบหน้าของคนที่เอ่ยชมนาง ”เจ้าเองก็สวยเช่นกัน” ตำแหน่งอันดับหนึ่งนี้ทำให้นางรู้สึกอึดอัดมาโดยตลอด
ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะมีเพียงนางเท่านั้นที่รู้ว่านางไม่ใช่คนที่ได้อันดับหนึ่งในการประเมินรูปร่างหน้าตา
แต่นางเผยพิรุธออกไปไม่ได้ และทำได้เพียงแค่เสแสร้งต่อไปเหมือนอย่างในเวลานี้ หลังจากนางได้ตำแหน่งนั้นมาจริงๆ ใครจะไปสนใจล่ะว่าคนที่ได้ตำแหน่งอันดับหนึ่งเรื่องรูปร่างหน้าตาคนนั้นจะเป็นใคร
อวิ๋นปี้ลั่วยิ้มออกมาเล็กน้อยเมื่อคิดเช่นนี้ อาการไอที่นางทำบ่อยครั้งทำให้นางดูบอบบางยิ่งขึ้น
เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์ไม่สนใจเรื่องนี้เลยแม้แต่นิดเดียว ตั้งแต่นางเข้ามา นางก็มองหาผู้หญิงสวมชุดสีแดงถือร่มมาตลอด
แต่หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ นางก็ยังหาคนที่มีรูปพรรณสันฐานเช่นนั้นไม่เจอแม้แต่คนเดียว
เมื่อคิดดูอีกที เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์ก็นึกขึ้นได้ว่าในเมื่อใต้เท้าเลี่ยวสัญญากับนางเอาไว้ เขาบอกว่าเขาจะช่วยหาตัวคนคนนั้นมาให้นาง
เป็นไปได้ว่าเขาอาจจะเจอตัวนางแล้ว ดังนั้นผู้หญิงคนนั้นถึงได้ไม่มาปรากฏตัวที่นี่
เมื่อคิดได้เช่นนี้ ริมฝีปากของเฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์ก็กระตุกขึ้นเป็นรอยยิ้ม…
นางเคยบอกแล้วว่าคนพวกนั้นไม่ควรที่จะประเมินตัวเองสูงเกินไป
นางคิดว่าจะใช้รูปร่างหน้าตาที่ดีนิดหน่อยของตนมาเรียกร้องความสนใจในครั้งนี้ได้หรือ
ฝันไปเถอะ! นางควรจะรู้จักเจียมฐานะของตัวเองเสียบ้าง
เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์ลูบผมยาวของตน เมื่อไม่มีอุปสรรคนั่นแล้ว โอกาสชนะของนางก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น
อีกนิดเดียวเท่านั้น!
ทันทีที่การคัดเลือกพระสนมสิ้นสุดลง วันคืนอันแสนสุขของนังอัปลักษณ์เฮ่อเหลียนเวยเวยก็จะถึงคราวจบสิ้น!