บทที่ 429 น่าประหวั่นพรั่นพรึงปานนี้เชียว? สงสัยว่าดินแดนนั้นอาจเกี่ยวข้องกับเซียน!
เอิกเกริกปานนี้ ชุลมุนกันถึงสองมหาดินแดน ต้าเต๋อรู้สึกว่าไม่ธรรมดา บางทีอาจเกี่ยวข้องกับท่านเซียน
‘อีกวันสองวันไปเยี่ยมเยียนท่านเซียนดีกว่า!’
เขากล่าวในใจ นึกถึงที่ท่านเซียนเคยบอกกับเขาว่าชอบดื่มสุรากับเขา ให้เขาไปดื่มด้วยกันยามว่าง
…
ณ เมืองชิงซาน
ในบ้านหลิงอิน
“พี่ชาย!”
เสี่ยวหยาดีดฉิน บรรเลงบทเพลงคะนึงหา สร้างการเชื่อมต่อกับพี่ชายของนางอีกครั้ง มิหนำซ้ำการเชื่อมต่อครั้งนี้ดูจะชิดเชื้อมากขึ้น
นางถึงขั้นสัมผัสอารมณ์บางส่วนของพี่ชายได้
“พี่ชายในตอนนี้เจ็บปวดทรมานมาก…”
เสียงของเสี่ยวหยาเจือแววสะอื้น ดวงตากลมโตมีน้ำตารื้น นางรู้สึกได้ว่าตอนนี้พี่ชายของนางต้องทรมานอย่างแสนสาหัส หัวใจของนางเจ็บปวดตามอย่างอดไม่ได้
“ทรมานมากหรือ”
หลิงอินอยู่ข้างกายเสี่ยวหยา เมื่อเห็นท่าทีเช่นนี้ของเสี่ยวหยาก็รู้สึกเจ็บปวดใจขึ้นมานิดหน่อย
นางเอ่ย “อย่าคิดให้มากนัก สิ่งที่เจ้าทำได้ในยามนี้มีจำกัด สิ่งเดียวที่พอทำได้คือรีบบำเพ็ญวิถีแห่งฉินของเจ้า เช่นนี้เจ้าจะได้เปล่งแสนยานุภาพของฉินปี้เทียนชางไห่ได้รุนแรงกว่านี้ และสร้างการเชื่อมต่อกับพี่ชายของเจ้าได้ชิดเชื้อกว่านี้ รวมถึงรู้ว่าเกิดเรื่องใดในฟากพี่ชายของเจ้า”
“อืม!”
เสี่ยวหยาพยักหน้าหนักแน่น เช็ดน้ำตาบนใบหน้า
จากนั้น นางบรรเลงฉินต่อ ตั้งใจบำเพ็ญวิถีแห่งฉิน
หลิงอินพูดถูก นางมัวเสียใจอยู่ที่นี่หาได้มีประโยชน์ไม่ มิได้ช่วยให้ทราบสถานการณ์ของพี่ชายสักนิด และไม่อาจช่วยอะไรพี่ชายได้
นางจำต้องแข็งแกร่งมากขึ้น บรรลุวิถีแห่งฉินจนสูงขึ้น ถึงจะยืมพลังของฉินปี้เทียนชางไห่ในการรับรู้สถานการณ์ฟากพี่ชายของนาง หรืออาจถึงขั้นช่วยพี่ชายของนางได้
และครั้งนี้ นางสร้างการเชื่อมต่อกับพี่ชายได้ชิดเชื้อยิ่งขึ้น จนสัมผัสอารมณ์บางส่วนของพี่ชายได้ก็เป็นข้อบ่งชี้ที่ดีที่สุด
…
ท่ามกลางทะเลต้องห้ามอันไร้จุดสิ้นสุด น้ำทะเลสีดำแผ่ขยาย ที่นี่เต็มไปด้วยกลิ่นอายเน่าเปื่อย พิศวง ชวนขวัญผวา เทียบกับในอดีต ที่นี่รังแต่จะสยดสยองขึ้นกว่าเดิม น้ำทะเลสีดำซัดสาด อสูรกระดูกซึ่งทวีความน่าพรั่นพรึงโผล่ออกมา คลื่นพลังกล้าแกร่งโถมทับสู่ปฐพี ภาพการณ์น่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง
ก่อนหน้านี้ไม่นาน ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังกว่านี้มาเยือน โดยมาจากอาณาจักรซึ่งอยู่เบื้องหลังทะเลต้องห้าม
มันเพิ่มความแข็งแกร่งให้ที่นี่ ทำให้ทะเลต้องห้ามน่าประหวั่นพรั่นพรึงยิ่งกว่าเดิม
กล่าวโดยไม่เกินจริง แม้แต่เทียนตี้ยังยากจะก้าวข้ามทะเลต้องห้ามสีดำผืนนี้ ต้องถูกอสูรกระดูกสุดสยองน้ำทะเลกลืนกิน
“ตอนนี้คงพอใช้ได้แล้ว…”
สิ่งมีชีวิตซึ่งมีศีรษะเป็นกิเลน ร่างกายเป็นมังกร และมีปีกวิหคเพลิงกล่าว มันก็คือสิ่งมีชีวิตทรงพลังที่มาจากอาณาจักรเบื้องหลังทะเลต้องห้าม
มันพึงพอใจมาก เมื่อผ่านการเสริมพลังจากมัน ทะเลต้องห้ามในยามนี้ปลอดภัยแน่นอน ไม่มีทางเกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้นอีก
“ท่านบูรพาจารย์จะลงมือกับหลิงอินแล้วหรือ”
จ้าวสมุทรทะเลต้องห้ามเอ่ยถามจากด้านข้างอย่างนอบน้อม
พูดถึงหลิงอิน เขาแค้นจนเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน หลิงอินเดินเหินในทะเลต้องห้ามของเขาได้อย่างง่ายดายไร้อุปสรรค ทำลายผนึกแห่งแล้วแห่งเล่า จนสุดท้ายบีบบังคับให้เขาต้องปรากฏกาย ซึ่งถือเป็นความอัปยศใหญ่หลวงสำหรับเขา เป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน!
เขาผูกใจเจ็บกับหลิงอินมาโดยตลอด ได้ยินจากท่านบูรพาจารย์ว่าเมื่อเสริมความแข็งแกร่งให้ทะเลต้องห้ามจนพอแล้ว ก็เสนอให้ไปจัดการหลิงอินทันที
“ต้องไปอยู่แล้ว!”
สิ่งมีชีวิตหัวกิเลนหัวเราะเสียงเย็น “ลำพังมนุษย์ต่ำต้อยคนหนึ่ง ได้โอกาสวาสนาเพียงเล็กน้อยก็หาญกล้าทำตัวกำแหงในทะเลต้องห้ามของเรา นางไม่มีทางรอดไปได้!”
จ้าวสมุทรจับพิรุธบางอย่างได้ ขมวดคิ้วถาม “นางมิใช่คนจากแดนสังสารวัฏหรือ”
จากคำกล่าวของท่านบูรพาจารย์ ดูเหมือนหลิงอินมิได้มีภูมิหลังยิ่งใหญ่อันใด และไม่เกี่ยวข้องกับแดนสังสารวัฏ
“มิใช่!”
สิ่งมีชีวิตกิเลนส่ายหัว ปฏิเสธทันที “นางจะมาจากแดนสังสารวัฏได้อย่างไร ต่อให้นางมีพลังปราณของแดนสังสารวัฏในตัว ก็ไม่มีทางเกี่ยวข้องกับแดนสังสารวัฏ”
“หา ไม่เกี่ยวข้องแล้วเหตุใดพวกเราถึงต้องบุกโจมตีแดนสังสารวัฏด้วย”
จ้าวสมุทรคิดไม่ถึงว่าท่านบูรพาจารย์จะให้คำตอบเช่นนี้
“แดนสังสารวัฏมิได้โง่ ต่อให้พวกมันเก็บเกี่ยวบางอย่างได้จากดินแดนนั้นจริง พวกมันก็ต้องปกปิดให้ถึงที่สุด ไม่มีทางกล้าเผยออกมาแม้แต่น้อย”
สิ่งมีชีวิตหัวกิเลนกล่าว “ดินแดนนั้นสำคัญขนาดไหน สิ่งมีชีวิตที่เพ่งเล็งดินแดนนั้นไม่รู้มีมากเท่าใด แม้แต่พวกเราเองยังไม่รู้ว่ามีกองกำลังอีกเท่าไรในที่ลับ และเรื่องนี้เป็นเพียงข้ออ้างของเราเท่านั้น หลังจากกำจัดแดนสังสารวัฏได้ ยามพวกเราต่อสู้ช่วงชิงในดินแดนนั้นก็จะมีคู่แข่งน้อยลงไปหนึ่ง”
หลังได้ยินวาจาของท่านบูรพาจารย์ จ้าวสมุทรก็กระจ่างแจ้ง
เขาตั้งแง่ไปก่อนหลังเห็นว่าหลิงอินมีพลังปราณของแดนสังสารวัฏในตัว จึงทึกทักเอาว่าหลิงอินมาจากแดนสังสารวัฏ
ต่อมา หลิงอินมีหยกคุ้มภัยน่ากลัวเหลือคณาเช่นนั้นในตัว ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยได้ยิน ไม่เคยเห็นมาก่อน เขาจึงเชื่อมโยงหยกคุ้มภัยนั้นกับดินแดนนั้น
ทว่าบัดนี้ดูแล้ว เขาคิดผิดไป ความจริงของเรื่องนี้อาจมิใช่อย่างที่เขาคาดการณ์
“หากเป็นของจากดินแดนนั้นจริง แดนต้องห้ามทั้งแปดที่เหลือไยจะไม่มีปฏิกิริยา จวบจนป่านนี้ยังไม่มีสิ่งมีชีวิตใดจุติ…”
สิ่งมีชีวิตหัวกิเลนกล่าว “นั่นเพราะพวกเขารู้ว่าของในตัวหลิงอินมิได้มาจากดินแดนนั้น พวกเขาจึงยังไม่เคลื่อนไหวใด ๆ ไม่เคยส่งคนมา หากของในตัวหลิงอินเกี่ยวข้องกับดินแดนนั้นจริง ยามนี้จะสงบถึงเพียงนี้ได้อย่างไร แดนต้องห้ามทั้งแปดที่เหลือคงส่งยอดฝีมือมานานแล้ว!”
เขากล่าวต่อ “เจ้ารู้เรื่องของดินแดนนั้นน้อยไป ไม่รู้ว่าดินแดนนั้นน่าประหวั่นพรั่นพรึงปานใด คิดจะนำของออกจากดินแดนนั้นหาใช่เรื่องง่าย ต่อให้ทะเลต้องห้ามของเรายกทัพไปทั้งหมด สุดท้ายก็ใช่ว่าจะหยิบสิ่งใดติดมือมาได้”
“น่ากลัวถึงเพียงนั้นเชียวหรือ”
สีหน้าจ้าวสมุทรเปลี่ยนไป ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าดินแดนนั้นจะสยดสยองเพียงนี้ สมาชิกทั้งหมดในทะเลต้องห้ามยกทัพไปยังไม่แน่ว่าจะหยิบอะไรมาได้สักอย่าง…
สวรรค์ ดินแดนนั้นเป็นพื้นที่ระดับใดกันแน่
“มีแต่จะน่ากลัวยิ่งกว่านั้น!”
สิ่งมีชีวิตหัวกิเลนเอ่ย “ลือกันว่าดินแดนนั้นเกี่ยวข้องกับเซียน ในกาลเวลาอันยาวนานที่ผ่านมา สิ่งมีชีวิตฝึกตนไม่อาจบรรลุเป็นเซียน ไม่อาจเข้าไปในภพเซียน สงสัยว่าจะเกี่ยวข้องกับดินแดนนั้นทั้งสิ้น!”
นัยน์ตาของมันเปล่งประกายโหดเหี้ยม “วางแผนมาตั้งแต่ก่อนกาล สั่งสมกำลัง พวกเราล้วนรอคอยการปรากฏของดินแดนนั้น! กองกำลังอื่นก็คงเป็นเช่นเดียวกัน เจ้าดูเอาเถิด หลังจากดินแดนนั้นโผล่ออกมา ไม่รู้ว่าโลกนี้จะโกลาหลขึ้นปานใด!”
จ้าวสมุทรแค่คิดก็รู้สึกชาไปทั้งศีรษะ สั่นสะท้านไปทั้งดวงวิญญาณ หลังจากดินแดนนั้นปรากฏ อาณาจักรในโลกนี้ย่อมต้องเกิดความอลหม่านใหญ่หลวงที่สุดเท่าที่เคยมีมาในประวัติศาสตร์!
“อาณาจักรนี้ไม่ธรรมดา ประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาล้วนน่าทึ่ง มิฉะนั้น ดินแดนนั้นคงไม่เลือกปรากฏในอาณาจักรนี้”
สิ่งมีชีวิตหัวกิเลนเอ่ย “ถึงแม้ของวิเศษในตัวหลิงอินผู้นั้นมิได้มาจากดินแดนนั้น ทว่าจากคำบอกเล่าของเจ้า ของวิเศษนั้นย่อมไม่ธรรมดา นางอาจได้รับวาสนาการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ คู่ควรแก่การลงมือของข้า!”