หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting – บทที่ 1185 ฟื้นกฎอีกครั้ง!

บทที่ 1185 ฟื้นกฎอีกครั้ง!

แม่น้ำแห่งความมืดซัดโหม ราวกับมีวังวนอันไร้รูปคอยหมุนมัน จนกระทั่งเงาร่างของเหล่าผู้ฝึกตนสำนักแห่งความมืดหายเข้าไปในสุสานจักรพรรดิแห่งความมืด กระทั่งเงาร่างอันน่าหวาดหวั่นบนฟากฟ้าได้หายลับไปไกลขึ้นทุกที แม่น้ำแห่งความมืดอันยิ่งใหญ่แห่งนี้จึงค่อยๆ กลับคืนดังเดิม

ไม่นาน กระแสน้ำกลับมาสงบราบเรียบ เหล่าวิญญาณคนตายจำนวนนับไม่ถ้วนซึ่งแอบซ่อนอยู่ในที่นี้จึงค่อยๆ สำรวจภายในบริเวณอีกครั้ง พวกมันทยอยกันกลับเข้ามา แล้วโลดแล่นอยู่บนผืนน้ำ ชั่วอึดใจให้หลังจึงเริ่มมีเสียงวิญญาณลอยมาเป็นระยะ

เสียงวิญญาณนี้แฝงไปด้วยเจ็ดอารมณ์หกปรารถนา แฝงไปด้วยความกระหายแห่งชีวิตและความไม่ยินยอมต่อความตาย นี่คือสภาพปกติของแม่น้ำแห่งความมืดเหมือนกับก่อนที่เหล่าผู้ฝึกตนของสำนักแห่งความมืดจะเหยียบย่างเข้าไปทุกประการ

ไม่ว่าจะในด้านใด สำหรับแม่น้ำแห่งความมืดสถานการณ์นี้ไม่สามารถใช้คำว่าสงบนิ่งมาอธิบายได้

สิ่งที่ไม่ได้สงบนิ่งเหมือนที่นี่ ก็คือดาวเคราะห์แห่งความมืดที่ลอยอยู่เหนือแม่น้ำ หลังจากที่เหล่าผู้ฝึกตนสำนักแห่งความมืดกลับมานั้น การสูญเสียครั้งนี้ควรจะใช้คำว่าอเนจอนาถมาบรรยาย ยามมา มากันนับหลายร้อย ยามกลับเหลือแค่หลักสิบ

ทว่า…ต่อให้เป็นเช่นนี้ การได้กระจ่างวิถีเต๋าสวรรค์สำเร็จ แล้วได้รับสืบทอดซากแห่งจักรพรรดิความมืดนั้น ก็ยังทำให้เหล่าผู้ฝึกตนทั้งหลายต้องโห่ร้องและตื่นเต้นอยู่ดี กระทั่งว่าเสียงที่แผดร้องกันอยู่ในสำนักแห่งความมืดนั้นแพร่กระจายไปยังนอกดาวเคราะห์แห่งความมืดด้วยซ้ำ

“ผงาดขึ้น!”

“รุ่งโรจน์!!”

“หลอมสร้างโลกแห่งศิลาขึ้นมาอีกครั้ง!!”

คลื่นเสียงนี้กระจายสะท้อนก้องไปมา แพร่กระจายไปเหนือแม่น้ำรอบทิศของดาวเคราะห์ความมืด แผ่กระจายไปในความว่างเปล่าและกระจายเข้าสู่…วังวนอันไร้ก้นบึ้งแห่งนั้น เงาร่างน่าเกรงขามที่ค่อยๆ กระจายไปรอบทั้งสี่ทิศ

เงาร่างนี้ก็คือ เฉินชิงจื่อที่ยังคงเดินอยู่เช่นเดิม

บางที เขาในยามนี้ ชื่อเก่านั้นไม่มีความสำคัญอีกต่อไปแล้ว ควรจะถูกเรียกว่าเป็น…เต๋าสวรรค์สำนักแห่งความมืด จักรพรรดิแห่งความมืด…องค์ใหม่!

เขายืนอยู่ตรงจุดสิ้นสุดของวังวนอย่างเงียบเชียบ เนิ่นนานก่อนจะนั่งลงขัดสมาธิ ไม่พึมพำเสียงแผ่วเบาอีก แต่ว่าหลับตาทั้งสองลง แผ่กระแสจิตแห่งเต๋าออกมา ไหลไปตามวังวน…มุ่งหน้าไปยังอีกซีกหนึ่งของโลก แผ่ขยายไปทั่ว

ในชั่วเวลานี้ อีกด้านหนึ่งของโลกคนเป็นนั้น ตระกูลหมื่นสำนักภายในอาณาเขตจักรพิภพไม่รู้สิ้น เหล่าผู้ฝึกตนระดับจักรพิภพทั้งหมด ล้วนแต่ร่างกายสั่นสะท้าน แต่ละคนไม่ว่าจะทำสิ่งใดอยู่ ในพริบตานั้นพลันรู้สึกหัวใจเต้นระรัว

อีกทั้งในยามที่บังเกิดความรู้สึกหัวใจเต้นระรัวนี้ ราวกับว่ามีเสียงหนึ่งดังก้องขึ้นในห้วงหัวใจของพวกเขา…สะท้อนไปมา

“ตั้งแต่วันนี้ไป วัฏสังสารจะกลับมาอีกครั้ง ฟื้นคืนวิชาและให้ตั้งกฎขึ้นใหม่ คนเป็นส่วนคนเป็น ผู้วายชนม์ส่วนผู้วายชนม์ ธุลีกลับเป็นธุลี ดินกลับสู่ดิน…”

“ใครที่หนีพ้นจากวัฏสงสาร สังหาร!”

“ผู้ที่คิดหนีจากอายุขัย สังหาร!”

“ผู้ที่แอบอ้างเป็นวิญญาณหวนคืน สังหาร!”

“ผู้ที่ไม่เชื่อฟังผู้ฝึกเต๋าแห่งความมืด สังหาร!”

ประโยคห้าประโยคราวกับเป็นอสนีบาตห้าสาย กระแทกลงกลางจิตเทพของผู้เยี่ยมยุทธ์ระดับจักรพิภพทั้งหมดในอาณาเขตไม่รู้สิ้น ระเบิดดังครามครัน ชั่วพริบตานั้นก็สั่นสะท้านทั้งอาณาเขตไม่รู้สิ้นทันที

เหล่าผู้ฝึกตนจำนวนไม่น้อยมีปฏิกิริยา และแทบจะทุกตระกูล ทุกสำนัก พริบตานั้น…เรื่องราวแบบเดียวกัน อสนีสวรรค์ซึ่งเป็นตัวแทนแห่งความตายพลันสาดโหมลงมาหลังจากที่เงาเมฆสีดำรูปลักษณ์คล้ายปลาปรากฏขึ้นอย่างไร้เสียงและไร้ร่องรอย

แม้ว่าจะเป็นแค่อัสนีเพียงเส้นเดียว แต่กระแสนั้นครั่นคร้ามฟ้าดินนัก สะเทือนฟ้าสะท้านดิน เพราะว่า…นี่คือการลงทัณฑ์ของอัสนีสวรรค์!

บทลงทัณฑ์ของเต๋าสวรรค์สำนักแห่งความมืด!

จักรพิภพในยามนี้ไม่คณามือพลังนี้สักนิด พวกมันถูกโจมตีสาดทะลุความว่างเปล่า ฟาดทะลุสิ่งกีดขวาง ทะลุทะลวงวงแหวนปราณพิทักษ์แล้วฟาดลงยังร่างเนื้อ ดวงวิญญาณเทพ และทำให้ผู้ที่ถูกสายฟ้าเหล่านี้ตกตาย ในพริบตานั้น…ดวงวิญญาณแหลกสลาย!

สอดคล้องกับคำสุดท้ายของสี่ประโยคก่อนหน้า คำนั้น…สังหาร!

ไม่ว่าผู้ใดที่ถูกอัสนีเพ่งเล็งแล้ว ล้วนกลายเป็น…

เหล่าผู้ที่อายุขัยถูกสะบั้น แต่พยายามฝืนชะตา

ผู้ที่ถูกสังหาร แต่ยืมดวงวิญญาณลับของพลังไม่รู้สิ้นเพื่อกลับมากำเนิดใหม่

ชั่วพริบตานี้ ผู้ฝึกตนระดับจักรพิภพอย่างน้อยนับพันคน ล้วนตกตาย เงาร่างของปลาสีดำจำนวนมากปรากฏตัวอยู่ในอาณาเขตไม่รู้สิ้น มันได้กลายเป็นฝันร้ายที่สั่นสะเทือนทั้งอาณาเขตไม่รู้สิ้นไปเสียแล้ว

ยิ่งไปกว่านั้นยังมีเสียงคำรามโกรธเกรี้ยวดังมาจากความว่างเปล่า ก่อนจะหลอมรวมกันในอาณาบริเวณรอบตัวปลาสีดำทั้งสี่ทิศ กลายเป็นหมอกควันสีทองซึ่งหลอมรวมกันเป็นด้วงทองตัวหนึ่ง นี่คือเต๋าสวรรค์ไม่รู้สิ้น ราวกับว่ามันจะเปิดฉากต่อสู้กับเต๋าสวรรค์ของสำนักแห่งความมืด!

เสียงคำรามนับไม่ถ้วนระเบิดขึ้นท่ามกลางเวลานี้ ท่ามกลางสำนักเต๋าฝ่ายซ้ายและจักรพิภพสำนักเสริมนั้น ในอาณาบริเวณของตระกูลไม่รู้สิ้น สถานการณ์ยิ่งรุนแรง

คล้ายกับว่าเมฆรูปปลาที่ลอยไปทั่วทั้งตระกูลไม่รู้สิ้นกำลังระเบิดอัสนีสวรรค์อันน่าตกตะลึง

อัสนีสวรรค์ ณ ตรงนี้ มิได้มีเพียงเส้นเดียว แต่มีนับไม่ถ้วน เป้าหมายก็คือเหล่าตระกูลไม่รู้สิ้นซึ่งกลับชาติมาเกิดใหม่เหล่านั้น ในเวลาเดียวกันยังมีสายฟ้าของสำนักแห่งความมืดจำนวนมากยิ่งกว่ากำลังหลอมรวมตัวกลายเป็นเส้นทางสายฟ้า มุ่งหน้าไปยัง…ส่วนลึกสุดของอาณาเขตไม่รู้สิ้น ฝ่าวงแหวนปราณต้องห้ามจำนวนนับไม่ถ้วน ไปยังกระถางกลับชาติไม่รู้สิ้น…ซึ่งถูกตระกูลไม่รู้สิ้นหลอมขึ้นมา!

กระถางสีครามอยู่ในสภาวะร่างมายากึ่งหนึ่ง ข้างในนั้นบรรจุแก่นพลังวิญญาณตายดับของทั้งจักรพิภพเต๋าอยู่ เมื่อมีกระถางนี้ก็สามารถทำให้ผู้ตกตายทั้งหมด กลับมามีชีวิตได้อีกครั้งตามแต่ที่ตระกูลไม่รู้สิ้นจะปรารถนา!

ในตอนที่สายฟ้าคำราม พริบตาที่มันปรากฏ ก็มีเสียงโกรธเคืองหนึ่งดังขึ้นมาจากภายในตระกูลไม่รู้สิ้น

“เฉินชิงจื่อ!”

“บังอาจนัก!”

เหล่าจักรพรรดิสวรรค์เดือดดาลพร้อมกัน พวกมันล้วนร่วมมือคิดหยุดยั้ง ทว่าในยามที่ออกตัวยับยั้งนั่นเอง กระแสธารแห่งอสนีบาตที่ถาโถมเข้ามาพลันระเบิดพลัง ท่ามกลางเสียงดังสนั่นที่ไม่อาจบรรยายได้นั้น จักพรรดิสวรรค์ที่แข็งแกร่งโหดเหี้ยมทั้งหลายยังต้องกระอักเลือดพร้อมล่าถอย

พวกเขา แม้ว่าแต่ละคนจะได้รับบาดเจ็บ อย่างไรก็ดี แต่ละคนล้วนเป็นสุดยอดของผู้เยี่ยมยุทธ์ ทำให้ธาราอัสนีในยามนี้ต้องหยุดชะงักท่ามกลางความพินาศ พินิจแล้วคล้ายจะสลายไป ไร้หนทางเข้าใกล้กระถางกลับชาติ

ทว่าในพริบตานี้เอง…ฝ่ามือยักษ์ฝ่ามือหนึ่ง พลันปรากฏอยู่บนท้องฟ้าเหนือตระกูลไม่รู้สิ้น ในพริบตาที่ปรากฏร่างก็พากลิ่นอายความตายไร้ที่สิ้นสุด แล้วยังบันดาลเสียงอันสะท้านไปทั่วทั้งจักรพิภพไม่รู้สิ้น มันมุ่งหน้ามายังกระถางกลับชาติ ของตระกูลไม่รู้สิ้นแล้วใช้มือนี้…คว้าจับ!

ด้วยความไวยิ่งยวดและพละกำลังมหาศาล พลังนี้ราวกับจะสยบเต๋านับหมื่นได้ อย่าว่าแต่เป็นจักรพรรดิสวรรค์ไม่กี่ท่านตรงนี้ ยามนี้หลังจากที่มือยักษ์นี้ปรากฏแล้ว จิตวิญญาณเทพของพวกเขาก็สั่นสะท้าน สีหน้าแปรเปลี่ยนครั้งใหญ่
เพราะว่า…เต๋าที่แฝงอยู่ในฝ่ามือนั้น พลังที่แผ่ออกมา เหนือกว่าขีดจำกัดที่พวกเขาจะหยุดยั้งได้ อีกทั้งนี่ยังมิใช่ในระดับเดียวกับจักรพรรดิแล้ว ในพริบตาที่มันปรากฏ ฝ่ามือยักษ์ก็แตะเข้ากับกระถางกลับชาติ
เสียงเย็นชาเสียงหนึ่ง ดังลอดออกจากภายในกระถางไม่รู้สิ้น พริบตาถัดมา…เงาร่างชราผู้หนึ่งปรากฏกายในสภาวะกำลังนั่งขัดสมาธิอย่างเลือนรางอยู่บนกระถาง ด้านหลังนั้นแสงสีทองทะลุหมื่นจั้ง ด้วงทองคำปรากฏร่าง เต๋าสวรรค์ที่ดูยโสถือตัวด้านนอกนี้ ยามนี้ยืนอยู่อย่างเชื่องเชื่อด้านหลังผู้อาวุโส กระทั่งตัวมันยังสะท้านเล็กๆ แสดงท่าทางเคารพคนผู้นี้ขั้นสุด
ส่วนผู้อาวุโส หลังจากแค่นเสียงแล้ว ดวงตาก็พลันเบิกโพลง เขายกมือขวาขึ้นจากนั้นใช้หนึ่งดัชนีต้านรับฝ่ามือที่มาจากด้านบน
ท่ามกลางเสียงอึกทึกไร้ลักษณ์ ฟ้าดินพังทลาย ฝ่ามือยักษ์ที่เคลื่อนเข้ามาเมื่อปะทะเข้ากับนิ้วมือพลันแหลกเป็นสีห้าส่วน แล้วดัชนี้…ก็พลันเลือนรางเช่นกัน
หลังจากฝ่ามือแหลกสลาย เหล่าผู้ฝึกตนตระกูลไม่รู้สิ้นรอบด้านล้วนตื่นเต้น แววตาของจักรพรรดิสวรรค์เหล่านั้นเผยประกายเคารพ ไม่ว่าในเวลาปกติพวกเขาจะมีอำนาจเพียงใด อยู่สูงส่งเพียงไหน แต่ในยามนี้ล้วนแต่ก้มศีรษะ น้อมตัวเคารพไปยังผู้อาวุโสที่อยู่บนกระถางไม่รู้สิ้นนั้น
“ต้นตระกูล!”
ผู้ชรานี้…ก็คือต้นตระกูลผู้ก่อตั้งตระกูลไม่รู้สิ้น ผู้ที่ปีนั้นนำพาตระกูลไม่รู้สิ้นให้รุ่งโรจน์แล้วบดทำลายสำนักแห่งความมืด!

เวลานี้ ต้นตระกูลไม่รู้สิ้นไม่ได้สนใจคนในตระกูลซึ่งอยู่รายล้อม แต่แหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้า แล้วเพ่งมองไปยังจุดหนึ่ง พื้นที่ว่างเปล่าตรงนั้นสะท้านไหว ก่อเกิดวังวนขนาดยักษ์ พลันปรากฏขึ้นมาอย่างไร้เสียงไร้กลิ่นอาย ก็มองเห็นเงาร่างหนึ่งซึ่งอยู่ในวังวนและแม่น้ำแห่งความมืด…ซึ่งมีคลื่นยักษ์ดุดันด้านหลังเงาร่างนั้น

“วันนี้เจ้าทำลายกระถางกลับชาติไม่รู้สิ้น ไม่สำเร็จหรอก” ต้นตระกูลไม่รู้สิ้นค่อยๆ เอ่ยปาก น้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความแหบพร่า แล้วยังแฝงเจตนารมณ์ไม่รู้ที่สิ้นสุดผ่านวันเวลานับไม่ถ้วน

“ทำลายกระถางไม่รู้สิ้นไม่ได้ก็ไม่เป็นไร นับแต่วันนี้ไป วิญญาณใดๆ ที่ฟื้นคืนชีพผ่านกระถางนี้ จำเป็นต้องถูกลงทัณฑ์ ตามกฎของโลกแห่งศิลา!!” เงาร่างเต๋าสวรรค์แห่งความมืดที่อยู่ในวังวนพลันเอ่ยปาก

เงาร่างทั้งสอง หลังจากกล่าวคนละประโยคแล้ว ก็เข้าสู่ความเงียบ พวกเขาไม่เอ่ยคำ เหล่าผู้ที่อยู่โดยรอบก็ยิ่งไม่กล้าพูด ท่ามกลางความตื่นตระหนกยังมีความไม่สบายใจและสับสนต่ออนาคต

ผ่านไปชั่วครู่ ต้นตระกูลไม่รู้สิ้นก็ผุดยิ้ม

“เฉินชิงจื่อ หลัวเทียนร่วงหล่นไปแล้ว โลกแห่งศิลาถูกผู้ฝึกตนจากอีกโลกหนึ่งขีดเขียนขึ้นมาใหม่ ยามนี้อ่อนแรงลงไม่น้อย เจ้าบัญชาสำนักแห่งความมืด อาจจะไม่สำเร็จก็เป็นได้ เจ้าควรจะทราบเอาไว้ ข้ามิใช่วิญญาณที่สำนักแห่งความมืดของเจ้าต้องการเสาะหา ให้ข้าจากไป ส่วนที่แห่งนี้…กลับคืนสู่เจ้า”

“ไม่อนุญาต!” เงาร่างของจักรพรรดิแห่งความมืดในวังวนเอ่ยปากออกมาทันที

…………………………………..

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting

Status: Ongoing

เรื่อง : หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา (三寸人间)ผู้เขียน : เอ่อร์เกิน (耳根) ผู้แปล : Thunderbird Translators ค.ศ. 3029 วิทยาการบนโลกมนุษย์พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว จนแต่ละประเทศไม่มีเขตพรมแดนกั้นอีกต่อไป โลกได้ผสานรวมกลายเป็นหนึ่งเดียว เริ่มต้นยุคสมัยแห่งสหพันธรัฐ ตอนนั้นเอง กระบี่ยักษ์เล่มหนึ่งตกลงมาจากห้วงอวกาศ ปักเข้าใจกลาง ดวงอาทิตย์ ฝักกระบี่แตกออกเป็นเศษชิ้นส่วนจำนวนมาก กระจัดกระจายไปทั่ว ทั้งจักรวาลรวมถึงบนโลก และก่อให้เกิดแหล่งพลังงานรูปแบบใหม่อันไร้ขีดจำกัด พลังงานนี้มีชื่อเรียกกันว่า ปราณวิญญาณ ‘หวังเป่าเล่อ’ หนุ่มร่างท้วมผู้ทะเยอทะยาน ใฝ่ฝันจะได้เป็นผู้นำสหพันธรัฐ ด้วยหวังว่าจะไม่มีใครมารังแกเขาได้อีกต่อไป และเมื่อเดินทางเข้ามาศึกษาใน สำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ใช้ความรู้เหล่านั้นบวกกับความหน้าหนาหน้าทน ของตัวเอง วางกลยุทธ์อันฉลาดล้ำกำราบศัตรูคนแล้วคนเล่า ใครหน้าไหนก็ไม่อาจมาขัดขวางเส้นทางสู่การเป็นหนึ่งในใต้หล้าของชายอ้วนผู้นี้ได้ เว้นเสียแต่คำสาปประจำตระกูล ที่บอกไว้ว่าหวังเป่าเล่อจะต้องตาย หากเขาไม่ผอมลงก่อนอายุสามสิบปี ในเมื่อบรรพบุรุษร่างจ้ำม่ำมายืนรอให้เขาไปอยู่ด้วยขนาดนี้ ชายหนุ่มจึงต้องทั้งฝึกตนและลดน้ำหนักไปพร้อมๆ กัน!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท