“พวกเจ้าไม่เคยได้ยินหรือ ที่สำนักไท่ไป๋นั้นมีคนยอมรับนับถือให้นางเป็นลูกพี่อยู่ไม่น้อย นอกจากข้าแล้ว ก็ยังมีลูกศิษย์ที่มาจากตระกูลขุนนางอีกหลายตระกูล ตอนแรกพวกเราคิดว่าพระชายาเป็นเพียงขยะไร้ค่า หัวสูง และบ้าผู้ชาย แต่ยิ่งพวกเราได้รู้จักนาง พวกเราก็ยิ่งตระหนักได้ว่านางไม่ได้เป็นเหมือนอย่างในข่าวลือพวกนั้น นางอาจจะเข้าหายากในยามปกติ และคำพูดของนางจะเฉียบคมและรุนแรงไปบ้าง แต่นางก็ไม่เคยมีเจตนาร้ายกับใคร ตราบใดที่คนอื่นไม่ว่าร้ายนาง นางก็จะไม่ทำอะไรพวกเขา สิ่งเดียวที่นางทำคือฟุบหน้านอนอยู่บนโต๊ะเรียนเท่านั้น ไม่ใช่แค่นั้น ก่อนหน้านี้เคยมีคนหัวเราะเยาะว่านางเป็นกาฝาก บอกว่านางประจบเอาใจคนใหญ่คนโตเพื่อยกระดับฐานะของตัวเองขึ้น แต่ความจริงแล้วนั้นนางกลับเป็นถึงคนก่อตั้งร้านเวยเจ๋อ วรยุทธ์ของนางก็ดีทีเดียว ทันทีที่นางเข้ามาในสำนัก นางก็สามารถบรรลุถึงผลลัพธ์ที่ไม่มีใครเคยทำสำเร็จได้ ยิ่งกว่านั้นนางยังสามารถนำศิษย์จากหอสามัญทำลายสถิติในรอบร้อยปีจนกลายเป็นผู้ชนะอันดับหนึ่งของการประลองได้! และก่อนหน้าที่นางจะเข้าร่วมการคัดเลือกพระสนม นางก็ยังเคยอัญเชิญชิงหลงที่เป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลในสำนักของพวกเราออกมาด้วย! ต่อให้นางไม่ได้มีหน้าตาเช่นนี้ แต่ลูกพี่ก็เป็นคนที่เท่ที่สุดในใจของพวกข้าอยู่ดี! หึๆ ตอนนี้เมื่อนางมีใบหน้าอันงดงามเช่นนี้แล้ว นางก็ยิ่งสมบูรณ์แบบขึ้นไปอีก!”
คนที่ได้ยินเรื่องนั้นต่างมองหน้ากันด้วยความตกตะลึง จากที่ตกใจเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ก็ยังมีเรื่องน่าตกใจตามมาอีกระลอก ”เรื่องพวกนั้นเป็นเรื่องจริงหรือ”
“มันเป็นเช่นนั้นมาตลอด แต่ลูกพี่ไม่ชอบนำเรื่องพวกนี้มาพูดข้างนอก” ชายกลุ่มนั้นคล้ายจะกลายร่างเป็นแฟนพันธุ์แท้ของเฮ่อเหลียนเวยเวยอย่างกะทันหัน ทุกคนต่างก็ช่วยพูดแทนเฮ่อเหลียนเวยเวย
ไม่ใช่เพราะอะไร แต่เป็นเพราะในหมู่พวกเขา เฮ่อเหลียนเวยเวยนั้นเป็นคนแรกที่มาจากตระกูลที่มีชื่อเสียง แต่กลับไม่เคยดูถูกพวกเขาที่เป็นขุนนางชั้นผู้น้อยและเป็นผู้ใช้แรงงานจากชนบท ไม่เหมือนกับบรรดาคุณหนูจากตระกูลที่มีชื่อเสียงคนอื่นๆ ที่เวลาอยู่ต่อหน้าผู้คนก็จะทำเป็นไหว้พระสวดมนต์กับพระพุทธรูป แต่พอลับหลังก็จะหาเรื่องรังแกพวกเขาอยู่เสมอ
แต่ลูกพี่ของพวกเขาไม่เคยทำเช่นนั้น นางจะให้คำแนะนำเพื่อช่วยให้พวกเขาพัฒนาไปอีกขั้นแทน
แน่นอนว่าคนที่เข้าใจลูกพี่ผิดก็คงมีแต่จะเกลียดชังนางมากขึ้นเรื่อยๆ แต่บรรดาคนที่รู้จักลูกพี่จริงๆ นั้น ต่อให้มีอะไรเกิดขึ้น พวกเขาต่างก็พร้อมจะยืนหยัดอยู่เคียงข้างนางด้วยกันทั้งนั้น
นี่คือสิ่งที่เรียกว่าเสน่ห์เฉพาะตัว
เขาเชื่อว่าในอนาคตอันใกล้นี้ เวลาที่มีคนเอ่ยถึงเฮ่อเหลียนเวยเวย พวกเขาจะไม่ใช้ถ้อยคำแสลงหูมาพูดจาว่าร้ายนางอีก เพราะวันหนึ่งทุกอย่างย่อมปรากฏออกมาภายใต้แสงอาทิตย์ และความจริงทุกอย่างย่อมได้รับการเปิดเผย
ไม่ว่าสุดท้ายนั้นลูกพี่จะไปลงเอยที่ใด แต่เพียงแค่ได้ติดตามรับใช้นางก็ทำให้ทุกคนรู้สึกตื่นเต้นแล้ว
ชิงจ้านยืนอยู่ไม่ไกล ทันใดนั้นนางก็นึกถึงสิ่งที่เฮ่อเหลียนเวยเวยเคยพูดกับนางขึ้นมาได้ นางมองไปที่ใบหน้าอันงดงามจนแทบจะเรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบนั้น
ความคิดของนางบอกว่านางเริ่มมองเห็นโลกที่พระชายาเคยกล่าวกับนางเอาไว้แล้ว
อิสรเสรี ความเท่าเทียม ความอบอุ่น น่าอัศจรรย์ใจยิ่งนัก!
“ฮ่าๆ ตอนนี้เสนาบดีพวกนั้นก็ควรยอมรับความพ่ายแพ้ของตนได้เสียที” ขันทีซุนหัวเราะเมื่อเขาได้ยินบทสนทนาจากคนที่อยู่ด้านล่าง
เดิมทีแล้วสาเหตุที่อดีตฮ่องเต้ส่งขันทีซุนมาที่นี่ก็เพื่อเป็นกำลังสนับสนุนให้กับเฮ่อเหลียนเวยเวยแทนเขา
แต่ใครจะคิดเล่าว่าเฮ่อเหลียนเวยเวยจะสามารถคว้าชัยชนะมาได้อย่างสวยงามโดยไม่จำเป็นต้องใช้ความช่วยเหลือจากใคร!
ใต้เท้าเลี่ยวผู้รับผิดชอบการคัดเลือกครั้งนี้เพิ่งจะตั้งสติได้เช่นกัน แต่ในใจเขาก็ยังคงรู้สึกตกใจอยู่ เขากระแอมในลำคออย่างอึดอัด ก่อนจะเอ่ยว่า ”ข้าขอประกาศผลการประชันความงาม ณ บัดนี้ ผู้ชนะได้แก่พระชายา!”
ในเวลาเดียวกันนั้น ทันทีที่ผู้เข้าแข่งขันอีกสามคน รวมถึงเฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์ได้ยินผลการตัดสินนั้น ความอิจฉาริษยาและความเจ็บใจก็พลันถาโถมเข้าใส่หัวใจของพวกนางทันที
คุณหนูหลานแสร้งแสดงสีหน้าเคลือบแคลงใจออกมา แล้วเอ่ยว่า ”แปลกจัง ก่อนหน้านี้ตอนที่มีผลการประเมินรูปร่างหน้าตาออกมานั้นมันก็ชัดเจนอยู่แล้วว่าพี่อวิ๋นได้อันดับหนึ่ง แต่ทำไมตอนนี้… พระชายาเพคะ หม่อมฉันไม่ได้มีเจตนาอื่นนะเพคะ หม่อมฉันเพียงแค่คิดว่ารสนิยมด้านความงามของทุกคนนั้นล้วนแต่แตกต่างกัน ดังนั้นหม่อมฉันจึงรู้สึกสับสนเล็กน้อยที่จู่ๆ พี่อวิ๋นก็พ่ายแพ้อย่างกะทันหันเช่นนี้เท่านั้นเพคะ”
หลังจากที่เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์ได้ยินคำพูดนั้น ดวงตาหม่นแสงของนางก็พลันกลับมาเป็นประกายอีกครั้ง นางลืมเรื่องการประเมินรูปร่างหน้าตาไปได้อย่างไรกัน
แต่อวิ๋นปี้ลั่วกลับมีสีหน้าไม่สู้ดีนัก สีหน้าที่อยู่บนใบหน้าของนางนั้นดูค่อนข้างไม่เป็นธรรมชาติ นางอยากจะหยุดเรื่องนี้ แต่มันก็สายเกินไปเสียแล้ว
เพราะเฮ่อเหลียนเวยเวยทำเพียงตอบนางกลับไปด้วยน้ำเสียงสงบเยือกเย็นแฝงไปด้วยความสง่างามว่า ”ใต้เท้าเลี่ยวยังไม่ทันประกาศหมายเลขเลยด้วยซ้ำ เหตุใดคุณหนูหลานถึงมั่นใจนักหนาล่ะว่าคนที่ได้อันดับหนึ่งคือคุณหนูอวิ๋น”
คุณหนูหลานคิดไม่ถึงในจุดนั้น นางถึงกับตัวแข็งทื่อกับคำตอบของเฮ่อเหลียนเวยเวย
แต่แน่นอนว่าเฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์ย่อมไม่ปล่อยให้โอกาสนี้หลุดมือไป มันอาจจะเป็นเพียงโอกาสเดียวที่พวกนางจะพลิกสถานการณ์กลับมาเป็นผู้ชนะได้ ดังนั้นนางจะต้องคว้ามันเอาไว้ให้จงได้!
“พี่ใหญ่ ท่านลืมไปแล้วหรือเจ้าคะ ใต้เท้าเลี่ยวอาจจะไม่ได้เป็นคนประกาศหมายเลขออกมาด้วยตัวเอง แต่ผลคะแนนจากการประเมินรูปร่างหน้าตาก็ปรากฏอยู่บนกระดานประกาศผลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว” เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์ยิ้มน้อยๆ ราวกับสิ่งที่นางพูดนั้นเป็นเรื่องที่เห็นกันชัดเจนอยู่แล้ว ”เพราะเหตุนี้พวกเราจึงคิดว่าผลการตัดสินในปัจจุบันนี้ค่อนข้างไม่ยุติธรรมสำหรับพี่อวิ๋นเจ้าค่ะ”
ดวงตาของอวิ๋นปี้ลั่วแดงก่ำ นางส่ายหน้าพร้อมกับยิ้มออกมา ”ไม่เป็นไรหรอก ข้ายอมรับความพ่ายแพ้นี้”
แม้นางจะกล่าวว่าไม่เป็นไร แต่สีหน้าของนางกลับจมดิ่งอยู่ในความทุกข์ใจ
เฮ่อเหลียนเวยเวยรู้สึกชื่นชมคนประเภทนี้มาโดยตลอด เพราะด้วยนิสัยของนางแล้ว นางไม่เคยรู้ว่าจะแสดงละครและเอาใจคนได้อย่างไร
นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้นางเสียมารยาทต่อใครหลายคน และถูกแทงข้างหลังมาหลายต่อหลายครั้ง
ต่อมานางจึงกลายเป็นคนเย็นชา และเป็นผู้ใหญ่ยิ่งกว่าใคร
นางไม่มีทางยอมเปลี่ยนตัวเองเพื่อใคร
สิ่งเดียวที่นางจะทำคือการยกระดับตัวเองให้สูงขึ้น และเอาชนะสงครามครั้งนี้ด้วยวิธีของนางเอง!
เมื่อเห็นว่านางเงียบไป เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์ก็คิดว่าเฮ่อเหลียนเวยเวยหมดข้ออ้างที่จะแก้ตัวเสียแล้ว
แต่ในตอนที่นางกำลังจะเอ่ยปากขึ้นนั่นเอง นางก็ได้ยินเสียงหัวเราะของเฮ่อเหลียนเวยเวยเข้าเสียก่อน ”จากที่ข้ารู้ สิ่งที่อยู่บนประกาศนั้นมีเพียงแค่ลำดับหมายเลข แต่ไม่ใช่ชื่อของผู้เข้าแข่งขัน ทำไมเจ้าถึงมั่นใจล่ะว่าหมายเลขสิบเอ็ดนั่นคือแม่นางอวิ๋น”
หลังจากได้ยินดังนั้น คุณหนูหลานก็ตวัดสายตาไปมองอวิ๋นปี้ลั่วทันที
เฮ่อเหลียนเวยเวยจับสังเกตอาการพิรุธของนางได้ ริมฝีปากบางของนางกระตุกขึ้นจนกลายเป็นรอยยิ้มเย้ยหยันเล็กน้อย ”หรือแม่นางอวิ๋นคิดว่าตัวเองหมายเลขสิบเอ็ดหรือ”
อวิ๋นปี้ลั่วไม่พูดอะไร นางกัดริมฝีปากบางของตัวเองแน่น แล้วแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง ”เอ๋”
“พระชายาเพคะ ถึงแม้ว่าท่านจะได้อันดับหนึ่งก็จริง แต่พี่อวิ๋นก็ไม่ได้ทำอะไรผิดนะเพคะ เหตุใดท่านจึงพูดกับนางเช่นนั้นล่ะเพคะ” ทุกคนต่างต้องยอมรับว่าแม่นางหลานกระตือรือร้นที่จะช่วยเหลือผู้อื่นยิ่งนัก
แต่ความกระตือรือร้นของนางนั้นกลับไม่อาจแยกผิดถูกได้ และมันทำให้เฮ่อเหลียนเวยเวยรู้สึกหงุดหงิดทีเดียว
ถ้าใครสักคนทำผิดพลาด มันย่อมมีเหตุผลที่เราจะให้อภัยกับคนคนนั้นเสมอ เพราะอย่างไรในชีวิตจริงนั้นพวกเราทุกคนต่างก็ทำผิดพลาดกันทั้งสิ้น
การให้อภัยคนอื่นก็เหมือนกับการให้อภัยตัวเอง
แต่เมื่อใดที่ใครคนนั้นทำความผิด แต่กลับอ้างความชอบธรรมว่าตนเองไม่ได้ทำ เช่นนั้นเฮ่อเหลียนเวยเวยจะต่อล้อต่อเถียงกับนางไปทำไม ในเมื่อสามารถลงดาบได้!
“ใต้เท้าเลี่ยว ข้าขอให้ท่านช่วยประกาศลำดับหมายเลขของทุกคนออกมาด้วย”