อวิ๋นปี้ลั่วไม่รู้ว่าทำไม แต่นางรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อยหลังจากได้ยินคำพูดของเฮ่อเหลียนเวยเวย
ใต้เท้าเลี่ยวอยากประกาศมันออกไปโดยเร็วเช่นกัน แต่เขาไม่รู้ว่าลำดับหมายเลขของแต่ละคนคือหมายเลขใด เพราะคนที่ทำการสรุปคะแนนนั้นคือเจ้าหน้าที่อีกคนหนึ่ง
เด็กสาวพวกนี้ต้องแสดงหมายเลขประจำตัวและแจ้งชื่อของตนก่อนการคัดเลือกในวันนี้
ดังนั้นเขาจึงไม่รู้ว่าใครเป็นใคร
เขาตวัดสายตาไปมองเจ้าหน้าที่คนนั้น
เจ้าหน้าที่คนนั้นตอบสนองได้อย่างว่องไว มือที่ถือกระดาษของเขาสั่นเล็กน้อย จากนั้นเขาจึงอ่านมันออกมาเสียงดังว่า ”หมายเลขที่ได้อันดับหนึ่งในการประเมินรูปร่างหน้าตาคือหมายเลขสิบเอ็ด … เฮ่อเหลียนเวยเวย!”
อะไรนะ!?
เป็นไปได้อย่างไร!
คุณหนูหลานหันไปมองอวิ๋นปี้ลั่วโดยไม่ได้ตั้งใจ ”พี่อวิ๋น... เป็นไปได้อย่างไร…”
อวิ๋นปี้ลั่วพยายามข่มความรู้สึกที่ก่อตัวขึ้นภายใน แต่ดวงตาของนางก็ยังขึ้นสีแดงก่ำ และแล้วนางก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงน่าสงสารว่า ”ข้าไม่ได้ใส่ใจกับการประเมินรูปร่างหน้าตาในตอนแรกมากนัก มันเป็นความประมาทเลินเล่อของข้าเอง” พอพูดจบ นางก็เงยหน้าขึ้นมองเฮ่อเหลียนเวยเวย ”อย่างไรเรื่องนี้ก็เป็นความผิดของหม่อมฉัน การที่พระชายากล่าวโทษหม่อมฉันนั้นจึงเป็นเรื่องที่ถูกที่ควรแล้วเพคะ แต่หม่อมฉันไม่ได้มีเจตนาแสร้งว่าตนเป็นผู้ชนะแต่อย่างใด ซึ่งนั่นรวมถึงน้องหลานและคนที่เหลือเช่นกัน ขอพระชายาอย่าได้เข้าใจพวกหม่อมฉันผิดเลยนะเพคะ!”
แม้คำพูดนี้จะฟังดูเหมือนคำขอโทษ แต่นางกำลังบอกเป็นนัยว่าเฮ่อเหลียนเวยเวยเข้าใจนางผิด และกลั่นแกล้งนางอย่างไม่เป็นธรรม
เฮ่อเหลียนเวยเวยยิ้ม ความเย็นชาปรากฏขึ้นในดวงตาของนางขณะที่นางเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า ”คุณหนูอวิ๋น เจ้ากับข้าต่างก็รู้ความจริงดี หากเจ้าเสแสร้งมากเกินไป ระวังจะหาทางลงไม่ได้ล่ะ”
หลังจากที่อวิ๋นปี้ลั่วได้ยินคำพูดนั้น ดวงตาของนางก็ขึ้นสีแดงระเรื่อ น้ำตาจวนจะไหลลงมาอยู่รอมร่อ
แต่เมื่อเรื่องดำเนินมาจนถึงขั้นนี้แล้ว คนที่อยู่ข้างล่างเวทีก็คล้ายจะพอเดาถึงสิ่งที่เกิดขึ้นได้
แต่แน่นอนว่าคนบางกลุ่มก็ยังเลือกที่จะมองข้ามไป พวกเขาคิดว่าอวิ๋นปี้ลั่วนั้นน่าสงสารยิ่งนัก พวกเขาคิดว่าความเข้าใจผิดนั้นเกิดขึ้นเพราะความผิดพลาดทางการสื่อสาร
แต่ไม่ว่านางจะเล่นเป็นผู้เคราะห์ร้ายเพียงใด มันก็เปล่าประโยชน์
เฮ่อเหลียนเวยเวยสมควรได้เป็นผู้ชนะ!
เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์รู้ว่าถ้านางไม่พูดอะไรต่อ ความสนใจทั้งหมดของคนที่อยู่ตรงนี้คงได้ไปตกอยู่ที่เฮ่อเหลียนเวยเวยอย่างแน่นอน ดังนั้นนางจึงปั้นยิ้มออกมา แล้วบอกว่า ”พี่ใหญ่เจ้าคะ ในเมื่อท่านรู้แล้วว่าท่านได้อันดับหนึ่งในการประเมินรูปร่างหน้าตา ทำไมในตอนนั้นท่านไม่เปิดเผยใบหน้าที่แท้จริงของตนออกมา แล้วแสดงหมายเลขให้เราดูล่ะเจ้าคะ ท่านทำให้พวกข้าเป็นห่วงกันอยู่ได้ตั้งนาน”
คำพูดของนางเป็นกับดักอย่างไม่ต้องสงสัย ไม่ว่าเฮ่อเหลียนเวยเวยจะตอบอย่างไร มันก็จะทำให้ชัยชนะในวันนี้ของนางต้องแปดเปื้อน
นั่นเป็นสิ่งที่เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์คิด
แต่เฮ่อเหลียนเวยเวยกลับยิ้มออกมา ”ทำไมข้าถึงไม่เปิดเผยใบหน้าที่แท้จริงและหมายเลขของตัวเองออกมาหรือ ข้าย่อมมีเหตุผลเป็นของตัวเองอยู่แล้ว เพราะข้ารู้น่ะสิว่าตั้งแต่วันที่ผลการประเมินรูปร่างหน้าตาถูกเปิดเผยออกมา ย่อมต้องมีใครบางคนพยายามขัดขวางไม่ให้ข้ามาปรากฏตัวในการคัดเลือกวันนี้ คนพวกนั้นคิดที่จะจัดการกับข้าด้วยซ้ำ ข้าจับกุมคนพวกนั้นมาได้แค่ไม่กี่คน บางทีนี่อาจจะเป็นนิมิตหมายอันดีในการพาตัวพวกเขาเข้ามา แล้วถามให้รู้แล้วกระมังว่าใครเป็นเจ้านายของพวกเขา ใครกันที่สั่งให้พวกเขามาจับตาดูและทำร้ายข้า! เจ้าเจ็ด!”
“พี่สะใภ้สาม ข้ามาแล้วขอรับ!” องค์ชายเจ็ดตัวน้อยปรากฏตัวขึ้นท่ามกลางฝูงชนด้วยใบหน้าเคร่งเครียด เขาถือซาลาเปาเนื้อเอาไว้ในมือข้างหนึ่ง ส่วนมืออีกข้างถือกระบองเอาไว้ขณะลากคนกลุ่มหนึ่งในชุดเครื่องแบบขึ้นมาบนเวที
ไม่ใช่แค่เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์ แต่แม้กระทั่งใต้เท้าเลี่ยวก็ยังลุกลี้ลุกลนตอนที่เขาเห็นคนพวกนั้น เขาลุกขึ้นแล้วกล่าวว่า ”เจ้าพวกคนไร้ยางอาย กล้าดีอย่างไรถึงได้ไปกวนใจพระชายา ใครก็ได้! ลากตัวพวกมันไปโบยให้สาสมเสีย!”
“ช้าก่อน” เฮ่อเหลียนเวยเวยหยุดเขาเอาไว้ แล้วพูดต่ออย่างไม่รีบร้อนว่า ”ใต้เท้าเลี่ยว ข้ายังไม่ทันถามอะไรพวกเขาเลยด้วยซ้ำ ท่านร้อนใจเรื่องอันใดอยู่หรือ”
ไม่รู้ว่าด้วยสาเหตุอันใด แต่ในเวลานี้เลี่ยวอู๋เหลียงรู้สึกว่าบรรยากาศที่มาจากเด็กสาวคนนี้เหมือนกับองค์ชายสามคนที่เขาไม่อยากมีปัญหาด้วยไม่มีผิด
เวลานี้ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยกลับทำเพียงนั่งอยู่บนเก้าอี้ของตนพร้อมกับยกมือข้างหนึ่งขึ้นเท้าคางเท่านั้น เขามองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไม่ทุกข์ร้อน มิหนำซ้ำกลับยังดูเพลิดเพลินกับมันเสียด้วย
เหยื่อของเขากำลังเล่นสนุกอีกแล้ว
เมื่อใดที่นางเล่นเสร็จ เขาจะจัดการกับเจ้าพวกที่มันสมควรต้องถูกจัดการเอง…
“พี่ใหญ่เจ้าคะ!” เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์ก็ตื่นตระหนกไม่แพ้กัน ถ้าคนพวกนั้นเปิดโปงนางออกมาต่อหน้าคนมากมายเช่นนี้ โดยเฉพาะต่อหน้าองค์ชายสามคนที่นางเคยรักแล้วละก็ เช่นนั้นภาพลักษณ์ที่นางเพียรพยายามสร้างมาอย่างยาวนานด้วยความยากลำบากภายในเมืองหลวงจะต้องหายวับไปกับตาอย่างแน่นอน หลังจากนางเอ่ยเรียกผู้เป็นพี่สาว นางก็ลดเสียงลง แล้วเอ่ยว่า ”ทำไมท่านถึงเก็บคนพวกนี้เอาไว้ล่ะเจ้าคะ พวกเขาล้วนแต่เป็นคนที่กินเงินหลวงไปวันๆ โดยที่ไม่ทำอะไรทั้งนั้นเลยมิใช่หรือ!”
“เจ้าก็รู้เหมือนกันหรือว่าพวกเขาเป็นคนของราชสำนัก” เฮ่อเหลียนเวยเวยมองเฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์พร้อมกับวางมือลงบนบ่าของนาง ”ในเมื่อเจ้าฉลาดถึงเพียงนี้ เจ้าก็น่าจะสังเกตเห็นแล้วสินะว่าชุดที่พวกเขาสวมอยู่นั้นเหมือนกับชุดที่คนของใต้เท้าเลี่ยวสวมใส่อยู่ทุกประการ ยิ่งกว่านั้น ข้ารู้มาว่าเมื่อวานเจ้าก็เพิ่งไปพบกับพวกเขามาด้วยนี่ ทำไมวันนี้เจ้าถึงแสร้งทำเป็นว่าไม่รู้จักพวกเขาล่ะ”
ดวงตาของเฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์สั่นอย่างรุนแรง ”พี่ใหญ่ ท่านพูดเรื่องอะไรอยู่เจ้าคะ ข้าไม่เข้าใจเลยสักนิด!”
“เจ้าไม่เข้าใจหรือ” เฮ่อเหลียนเวยเวยหัวเราะ แล้วยกมือข้างซ้ายขึ้นมาดีดนิ้วดังเป๊าะ!
ฟุ่บ!
ทันใดนั้นทหารรับจ้างสวมชุดสีดำก็ปรากฏตัวขึ้น และคุกเข่าลงต่อหน้านาง
“เล่าสิ่งที่เจ้าเห็นในช่วงสองวันที่ผ่านมาให้พวกเขาฟัง”
“ขอรับ” ทหารรับจ้างที่สวมหน้ากากปิดบังใบหน้าเอาไว้ครึ่งหนึ่งเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า ”ตั้งแต่นายหญิงรู้หมายเลขของตัวเอง เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์ก็สั่งให้คนพวกนี้ออกตามหาที่อยู่ของนางในทันที มิหนำซ้ำนางยังคิดว่านายหญิงของข้าเป็นเพียงเด็กสาวชาวบ้านธรรมดา และสั่งให้พวกเขากำจัดนางไปให้พ้นสายตาอีกด้วย”
เมื่อทุกคนได้ยินเรื่องนั้น พวกเขาก็ส่งเสียงฮือฮาออกมาทันที!
เฮ่อเหลียนเวยเวยมองเฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์ที่ยืนอยู่ตรงหน้านางอย่างไม่แยแส ”เพียงเพราะคนอื่นหน้าตางดงามกว่าเจ้า มันก็เป็นเหตุผลที่เพียงพอให้เจ้าลงมือฆ่าคนคนนั้นเสียแล้ว ฮูหยินซูเลี้ยงดูลูกสาวมาดีจริงๆ”
“เจ้า…” เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์สูดหายใจเข้าเฮือกใหญ่ นางรู้ว่านางไม่สามารถตอบโต้อีกฝ่ายตรงๆ ได้ ดังนั้นน้ำตาจึงเริ่มไหลลงมาจากดวงตาคู่งามของนาง ”พี่ใหญ่ ท่านคิดดูให้ดีสิเจ้าคะ คนพวกนี้เป็นใครกัน พวกเขาเป็นคนของราชสำนักนะเจ้าคะ ต่อให้ข้าจะเป็นคุณหนูรองของคฤหาสน์ผู้พิทักษ์ แต่ข้าก็ไม่สามารถออกคำสั่งกับบรรดาขุนนางเหล่านี้ได้หรอกเจ้าค่ะ!”
เฮ่อเหลียนเวยเวยเลิกคิ้ว ”เจ้าแน่ใจหรือว่าเจ้าออกคำสั่งกับพวกเขาไม่ได้ แต่คนอื่นสามารถทำเช่นนั้นได้นี่ ท่านว่าอย่างไรล่ะ ใต้เท้าเลี่ยว”
“นี่… กระหม่อมไม่รู้เรื่องพ่ะย่ะค่ะ” หน้าผากของเลี่ยวอู๋เหลียงเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ ”พระชายาพ่ะย่ะค่ะ ขุนนางพวกนี้ล้วนแต่มีนิสัยเช่นนี้กันทั้งนั้น พวกเขาแสร้งทำเป็นเชื่อฟังคำสั่งแต่ลับหลังกลับแอบก่อกบฏ บางครั้งกระหม่อมก็ไม่รู้ด้วยซ้ำพ่ะย่ะค่ะว่าลับหลังกระหม่อมนั้นพวกเขาทำอะไรเอาไว้บ้าง”
เฮ่อเหลียนเวยเวยยิ้ม ”พูดอีกอย่างก็คือ ท่านกำลังบอกว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับท่านและเฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์ ขุนนางพวกนี้ลงมือตามใจตัวเองหรือ ใต้เท้าเลี่ยว ท่านคิดว่าข้าโง่รึ ทำไมท่านถึงอนุญาตให้เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์ออกคำสั่งกับลูกน้องของท่านได้กันหรือ หืม... ข้าคิดว่าภรรยาของท่านคงอยากได้เหตุผลสำหรับเรื่องนี้อยู่กระมัง…”