หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting – บทที่ 1190 เส้นทางแห่งอนาคต

บทที่ 1190 เส้นทางแห่งอนาคต

“สหายเต๋าหวัง…” กระแสจิตของเหล่าผู้ฝึกตนอารยธรรมครามทองคำเหล่านั้นเริ่มล่าถอย กระทั่งตัวของปรมาจารย์ครามทองคำซึ่งหมายมาดจะครองสหพันธรัฐในปีนั้น แต่จบลงที่ตัวเขายามนี้ต้องอยู่นอกระบบสุริยะ เพราะถูกปรมาจารย์แห่งไฟขับไล่ ยังถึงกับตกอยู่ในสภาวะตกตะลึงหัวใจระส่ำ

ก่อนหน้านี้เขายอมรับหวังเป่าเล่อ ทว่าในใจแม้จะหวั่นเกรงอยู่บ้างแต่ความหวั่นเกรงนี้มิได้มาจากตัวหวังเป่าเล่อโดยตรง แต่คือหวาดเกรงปรมาจารย์แห่งไฟเบื้องหลังของหวังเป่าเล่อ ทว่ายามนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว

เหตุใดเขาถึงไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า หวังเป่าเล่อที่ดูไปแล้วคล้ายจะไม่ใช่ระดับจักรพิภพและระดับท่าทางไม่ต่างจากตนมากนั้นในยามนี้ กลับสามารถ…กลืนเต๋าสวรรค์ได้ในพริบตาเดียว!!

แม้เต๋าสวรรค์ที่ปรากฏตัวอยู่ที่นี่จะเป็นเพียงแค่พลังกระแสหนึ่งเท่านั้น ทว่ามันก็ยังนับว่าเป็นเต๋าสวรรค์ ถ้าให้เขาสลับเปลี่ยนตำแหน่งกับหวังเป่าเล่อ ต่อให้เขาพยายามสุดกำลัง กระทั่งเผาผลาญจิตวิญญาณเทพของตน เกรงว่ายังไม่อาจทนต่อพลังของเต๋าสวรรค์นี้ได้สักนิด

กฎที่เขาฝึกตนนั้น กฎที่รู้แจ้งมาทั้งหมดล้วนมีที่มาจากพลังเต๋าสวรรค์ไม่รู้สิ้น หากเลือกต่อสู้กับเต๋าสวรรค์นั่นคือการคานกับมรรคเต๋า พลังแห่งกฎที่มีอยู่ทั้งหมดย่อมถูกลบทิ้ง หากพูดให้น่ากลัวกว่านั้นอีกก็คือเต๋าสวรรค์สามารถกลืนกินร่างของผู้ฝึกตนรุ่นหลังเหล่านี้ในพริบตาแล้วเปลี่ยนให้เป็นคนธรรมดาได้

เต๋าสวรรค์เช่นนี้ ใครบ้างไม่เกรงกลัว ใครบ้างคิดอยากต่อกร

แต่กับหวังเป่าเล่อผู้นี้ นอกจากจะไม่ถูกต่อต้านแล้ว ตัวเขายังกลืนกินเต๋าสวรรค์อีกด้วย กระบวนการนี้ยังราบรื่นตลอดขั้นตอน แถมยังสะอาดหมดจด จนทำให้กระแสจิตที่อยู่ตรงนี้ทั้งหมด…ล้วนหวาดผวา!

หวาดผวารุนแรงชนิดที่ทำให้ปรมาจารย์ครามทองคำที่อยู่ห่างจากระดับจักรพิภพเพียงครึ่งก้าวผู้นี้ในใจสั่นสะท้าน ยามนี้ตัวเขายังจะดื้อดึงได้อีกหรือ? เขาเอ่ยปากเสียงเบา

“สหายเต๋า ปีนั้นข้าล่วงเกินไปมาก ล้วนเป็นความเข้าใจผิดทั้งสิ้น ในเมื่อท่านเป็นศิษย์ของปรมาจารย์แห่งไฟ อารยธรรมครามทองคำย่อมไม่อาจมองท่านเป็นศัตรูแม้เพียงนิด…”

“เรื่องที่เจ้าเอ่ยปากเมื่อปีนั้นไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับข้าแล้ว ในเมื่อเป็นเช่นนี้…ข้าจะมอบสัญญาที่น่าตื่นเต้นให้พวกอารยธรรมครามทองคำของเจ้าหน่อยไหม จงมาเข้าร่วมเป็นอารยธรรมหนึ่งในสหพันธรัฐของข้าเป็นอย่างไร?” หวังเป่าเล่อเลิกคิ้ว มองไปยังอดีตศัตรูของตน แม้เขาจะไม่เคยเห็นอีกฝ่ายก็ตาม แต่หากไม่มีท่านปรมาจารย์แห่งไฟผู้เป็นอาจารย์ล่ะก็ เกรงว่ายามนี้ตนเองและสหพันธรัฐคงต้องจิตวิญญาณดับสูญไปแล้ว

เมื่อได้ยินคำพูดของหวังเป่าเล่อ ผู้ฝึกตนอารยธรรมครามทองคำรอบด้านล้วนแต่พากันเคร่งขรึม ทว่าในดวงตากลับมีความโกรธที่สะกดข่มเอาไว้ เพราะแท้ที่จริงแล้วไม่มีอารยธรรมใดๆ หรอกที่ยินยอมอยู่ภายใต้อารยธรรมอื่น โดยเฉพาะในสายตาของพวกเขา เจ้าหวังเป่าเล่อผู้นี้มองไปแล้วแม้ดูจะแข็งแกร่งก็จริง แต่ก็ยังไม่ถึงขนาดแข็งแกร่งที่สุดหรอกกระมัง ที่ได้ดีเป็นเพราะปรมาจารย์แห่งไฟให้ท้ายก็เท่านั้น

แล้วเมื่อเทียบกับความวุ่นวายในจักรวาลโดยเฉพาะอย่างยิ่งในห้วงยามนี้ สำนักแห่งความมืดกำลังปรากฏตัวอีกครั้ง ในช่วงเวลาสำคัญอารยธรรมครามทองคำยังคงมีตัวเลือกมากมาย ย่อมไม่ยอมสยบง่ายๆ อย่างแน่นอน

“สหายเต๋า!” ดังนั้นแล้วท่ามกลางผู้คนที่สะกดกั้นความโกรธ ปรมาจารย์ครามทองคำพลันขมวดคิ้ว ดวงตาที่เพิ่งมองมานี้เจือประกายตาคมปลาบ เพ่งมองหวังเป่าเล่อ

“เรื่องในปีนั้นย่อมเป็นตัวข้าที่ผิดแน่นอน ดังนั้นอารยธรรมครามทองคำของพวกข้ายินดีชดใช้ให้ แต่ก็ขอให้พอเท่านี้เถอะ!”

“ชดใช้? ปีนั้นมิใช่พวกเจ้าก็ชดใช้จนหมดแล้วมิใช่หรือ ในยามนี้ข้าไม่ต้องการ แล้วก็ไม่จำเป็นต้องให้ข้าลงมือเอาชนะเจ้าด้วย นี่เป็นการมอบโอกาสในการทำสัญญาที่ดีแก่พวกเจ้า ไม่ต้องการก็ช่างเถอะ” หวังเป่าเล่อส่ายหน้า เขาไม่ได้สนใจต่ออีก เขาไม่ได้โกหกจริงๆ แม้เขาจะมีความคิดบางประการต่อดารานิรันดร์ของอารยธรรมครามทองคำอยู่บ้าง แต่ในจักรวาลยามนี้ อารยธรรมมีมากมายเหลือเกิน

และตามแผนของหวังเป่าเล่อนั้น แม้การให้อารยธรรมครามทองคำเข้าร่วมสหพันธรัฐจะทำให้ครามทองคำต้องเสียหายไปบ้าง แต่สภาพการณ์ในช่วงเวลาปัจจุบัน เกรงว่าเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดแล้วสำหรับอารยธรรมครามทองคำ

เพราะว่า…บางทีในทั้งจักรพิภพเต๋าไม่รู้สิ้นแห่งนี้…เกรงว่าหวังเป่าเล่อจะเป็น…ผู้เดียวที่มีพลังและมีสิทธิ์ยืนอยู่ตรงกลาง!

ฝ่ายอื่นๆ แม้จะมีผู้แข็งแกร่ง แต่ก็ข้องเกี่ยวกับตระกูลไม่รู้สิ้นมากเกินไป บุญคุณความแค้นที่มีกับสำนักแห่งความมืดแต่เดิมของตระกูลไม่รู้สิ้นนั้น ไม่มีทางไถ่ถอนได้ เพราะเส้นทางเต๋าอันแตกต่าง

จึงมีเพียงหวังเป่าเล่อตรงนี้ที่สำนักแห่งความมืดไม่เข้ามาขวาง ไม่ตรวจสอบ ไม่รบกวน ในเวลาเดียวกันกับทางตระกูลไม่รู้สิ้น การมีอยู่ของฝักกระบี่เจ้าชะตาของหวังเป่าเล่อซึ่งกลืนกินเต๋าสวรรค์ได้ อีกทั้งการเป็นผู้อยู่ในความดูแลของปรมาจารย์แห่งไฟ ทำให้แม้ตระกูลไม่รู้สิ้นต้องปะทะกับมหาศัตรูอย่างสำนักแห่งความมืด ก็ไม่อาจมารบกวนตนได้ง่ายๆ

และที่สำคัญไปกว่านั้น…หวังเป่าเล่อสัมผัสได้ว่า วันเวลาที่ใกล้จะมาถึงนี้ สำนักแห่งความมืดจะเข้าคุกคามจักรพิภพเต๋าไม่รู้สิ้น หลังจากที่เต๋าสวรรค์แห่งสำนักแห่งความมืดได้พัฒนากฎจนสมบูรณ์แบบภายในเขตจักรพิภพเต๋าไม่รู้สิ้นแล้ว คาดว่าอีกไม่นาน ภายในจักรพิภพเต๋าไม่รู้สิ้นแห่งนี้…ความวุ่นวายจะไม่ได้จำกัดอยู่แค่หมื่นตระกูลสำนักและบรรดาอารยธรรมใหญ่น้อยแล้ว

เพราะว่าเมื่อเต๋าสวรรค์โกลาหล สำนักแห่งความมืดและตระกูลไม่รู้สิ้น ทั้งสองขุมพลังเต๋าสวรรค์ล้วนรุกรานกันและกัน ล้วนขัดแย้งซึ่งกันและกัน จนกลายเป็นแรงกดดันต่อมหาชนทั้งมวล ไม่ว่าจะเป็นผู้ฝึกตนของสำนักแห่งความมืดหรือเต๋าไม่รู้สิ้น ท่ามกลางการหมุนเปลี่ยนของกฎเกณฑ์นี้ ยากจะหนีพ้นผลกระทบและการรุกราน

ขุมกำลังศึกอันแกร่งกล้าแต่เดิมนั้นจะถูกทำให้อ่อนแอ แต่จะอ่อนแอไปเท่าใดนั้นก็จำเพาะต่างออกไป สถานการณ์ศึกจะดำเนินไปเรื่อยๆ เพื่อรอดูว่าใครจะเป็นผู้กำชัย

มีเพียงหวังเป่าเล่อ…ซึ่งถือครองกฎและเกณฑ์ของเต๋าสวรรค์ทั้งสองประการเท่านั้น และมีเพียงเขาเท่านั้น ไม่ว่าตระกูลไม่รู้สิ้นและสำนักแห่งความมืดจะขัดแย้งกันเท่าไร ก็จะไม่มีทางได้รับความวุ่นวายจากกฎเกณฑ์พวกนี้ นอกจากเขาจะไม่ได้รับผลกระทบมากเท่าที่ควรแล้ว ท่ามกลางการสับเปลี่ยนไปมา หวังเป่าเล่ออาจยกระดับขุมกำลังต่อสู้ได้อีกสามส่วนด้วยซ้ำ

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ หวังเป่าเล่อเข้าใจสถานการณ์ที่ตนได้เปรียบท่ามกลางความโชคร้ายของผู้อื่นดี ครั้นเมื่อพลังฝึกตนและจิตวิญญาณเทพรวมถึงร่างเนื้อของเขาอยู่ในระดับดารานิรันดร์ชั้นสมบูรณ์ครบร้อยก้าวแล้วเข้าสู่ระดับจักรพิภพ ตนในยามนั้นย่อมถูกเรียกขานว่าเป็นผู้เยี่ยมยุทธ์จักรพิภพ!

ระดับจักรพิภพตอนต้น ตนเองฆ่าได้ ระดับจักรพิภพตอนกลาง ตนเองสังหารได้ ระดับจักรพิภพตอนปลาย แม้ยากที่จะสังหาร แต่จะขับไล่ไปให้ไกลนั้นไม่ยากนัก มีเพียงผู้เยี่ยมยุทธ์จักรพิภพชั้นสมบูรณ์เท่านั้นที่จะตัดสินต่อสู้กับตนได้จริงจัง

ในเวลาเดียวกัน หากให้เวลาและวาสนาแก่เขาอีกส่วนหนึ่ง ครั้นเมื่อพลังกายภาพ พลังฝึกตน จิตวิญญาณเทพทะลุเข้าสู่ระดับจักรพิภพตอนกลางเมื่อใด เมื่อถึงเวลานั้น…หวังเป่าเล่อลองชั่งน้ำหนักและคะเนความสามารถในการสู้ของตนเองแล้ว เขามั่นใจถึงแปดส่วนว่าจะสามารถสู้กับจักรพรรดิสวรรค์ได้!

เมื่อถึงเวลานั้น เขาก็จะกลายเป็นผู้กุมชะตาฝ่ายหนึ่งในเขตจักรพิภพไม่รู้สิ้นแห่งนี้ ส่วนระบบสุริยะก็จะกลายเป็นอารยธรรมศักดิ์สิทธิ์ในอนาคตที่รอดพ้นจากการศึกโกลาหลอันวุ่นวาย

เมื่อรวมกับปรมาจารย์แห่งไฟอาจารย์ของตนแล้ว ไม่ว่าจะเป็นจักรพิภพไม่รู้สิ้นหรือสำนักแห่งความมืด ย่อมต้องให้ความเคารพอย่างมากต่อระบบสุริยะของเขา

นี่ก็คือแผนการของหวังเป่าเล่อ เขาต้องการเป็นตาชั่งตรงกลาง!

ดังนั้นในยามนี้หลังจากส่ายหน้าแล้ว หวังเป่าเล่อก็ไม่ได้เอ่ยสิ่งใดอีก เขาหันกายเตรียมจะจากไป ทว่าท่าทางเช่นนี้ของเขาทำให้ผู้ฝึกตนอารยธรรมครามทองคำเห็นต่างออกไป ท่าทีนี้ทำให้พวกเขาผงะ กระทั่งทำให้ปรมาจารย์ครามทองคำถึงขั้นลังเลเล็กน้อย แท้จริงแล้วเขาก็รู้สึกได้ว่าอนาคตยากจะคาดการณ์ ในใจนั้นคิดถึงแต่การศึกที่จะมาของสำนักแห่งความมืดและตระกูลไม่รู้สิ้น ก้นบึ้งหัวใจล้วนเต็มไปด้วยความรู้สึกอันตราย

โดยเฉพาะแม้อารยธรรมครามทองคำจะไม่ใหญ่ แต่ก็ไม่นับว่าเล็ก นี่อยู่ในจุดที่ลำบากใจอย่างมาก หากจัดการได้ไม่ดี เกรงว่าแปดเก้าในสิบส่วนคงต้องพินาศเพราะมหาเคราะห์ในครั้งนี้แน่!

ดังนั้นแล้วเมื่อเห็นหวังเป่าเล่อจากไป ปรมาจารย์ครามทองคำพลันเอ่ยปาก

“มหาเคราะห์ใกล้มาเยือน แต่ต่อให้มีปรมาจารย์แห่งไฟคอยสนับสนุน ทว่าขุมกำลังและพลังฝึกปรือของสหายเต๋า ก็ยังไม่ถึงขนาดมีพลังโอบอุ้มอารยธรรมครามทองคำของข้าได้…”

“ไม่มีพลังโอบอุ้มงั้นหรือ?” หวังเป่าเล่อชะงักฝีเท้า เขากวาดตามองดารานิรันดร์ภายในอารยธรรมครามทองคำที่อยู่ห่างออกไป รวมถึงเงาร่างของผู้ฝึกตนดารานิรันดร์นับร้อยภายใต้การควบคุมของดารานิรันดร์ดวงนี้

หลังจากยกยิ้มบางๆ แล้ว เขาก็ยกมือขวาขึ้น ฝักกระบี่เจ้าชะตาส่งเสียงคำรามหมุน พลังของเต๋าสวรรค์แห่งความมืดและเต๋าสวรรค์ไม่รู้สิ้นพลันระเบิดออกมาพร้อมกัน กลายเป็นกระแสปราณเต๋าสองสายดำขาวหลอมรวมกันแผ่จากภายในกาย แม้ว่าพลังทั้งสองจะขัดแย้งกันจนถึงขนาดพยายามย่อยอีกฝ่าย แต่ก็กำลังเสริมสร้างซึ่งกันและกัน…อยู่ในเวลาเดียวกัน ราวกับว่าพวกมันกำลังช่วยเสริมพลังเต๋าที่บกพร่องและกำลังช่วยแต่งเติมเต๋าที่ขาดวิ่นของอีกฝ่าย

หลังจากที่ฝักกระบี่เจ้าชะตาก้องคำรามแล้ว ปราณกระบี่สายหนึ่งก็พลันระเบิดจากกายของหวังเป่าเล่อ ปราณกระบี่นี้มีพลังสองสีขาวดำกำลังปะทะหลอมรวม ครั้นเมื่อออกมา จักรวาลก็สั่นสะเทือนไปทั่วสี่ทิศ เกิดเสียงดังลั่น ขุมพลังอันเหนือชั้นสุดขีดพลันสาดประกายไปทั่ว ทำให้ปราณกระบี่ในพริบตานี้ระเบิดออก จากที่มีขนาดประมาณหนึ่งจั้งจากที่เก่า พลันขยายไปนับสิบจั้ง หมื่นจั้ง แสนจั้ง กระทั่งล้านจั้ง…ไร้ที่สิ้นสุด ท่ามกลางความตกตะลึงของเหล่าผู้ฝึกตนอารยธรรมครามทองคำ

ปราณกระบี่นี้ขยายออกอย่างไร้ขอบเขต ราวกับจะทะลุอารยธรรมครามทองคำก็ไม่ปาน มันพลันพุ่งตัวไปยังอารยธรรมครามทองคำ!

“หวังเป่าเล่อ!!” ผู้คนรอบด้านเขาล้วนคำรามโกรธ ปรมาจารย์ครามทองคำนั้นทั้งตกตะลึงทั้งเดือดดาลร้อนรน

ในพริบตาถัดมา วงแหวนปราณยักษ์ที่คอยปกป้องอารยธรรมครามทองคำ ก็กลายสภาพราวกับเป็นกระดาษ มันถูกทำลายฉีกจนพินาศ อีกทั้งกฎเกณฑ์อันแตกต่าง ทำให้การป้องกันพลันไร้ผลไปทันที ในพริบตานั้น กระแสปราณกระบี่ไร้ขอบเขตอันน่าพรั่นพรึงก็มาถึงเหนือดารานิรันดร์ของอารยธรรมครามทองคำหมื่นจั้งแล้ว ยามที่เข้าใกล้ดาวเคราะห์นิรันดร์จนไม่อาจขยับได้ก็พลันหยุดชะงักลง

หลังจากนั้นก็ล่าถอย ราวกับว่าเกิดปรากฏการณ์ย้อนเวลาอย่างไรอย่างนั้น ปราณกระบี่ย่อหดลง จนกระทั่งตัวปราณกลับเข้าสู่ตัวของหวังเป่าเล่อ เขาไม่ได้หันหน้ามามอง กลับเดินจากไปไกล ปากก็เอ่ยเพียงประโยคเดียว อีกทั้งยังเป็นประโยคเดียวที่ทำให้เหล่าผู้ฝึกตนอารยธรรมครามทองคำล้วนหัวใจสั่นสะท้าน เงียบงันไม่กล้าเอ่ยคำ

“โอบอุ้มไหวหรือยัง?”

………………………………..

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting

Status: Ongoing

เรื่อง : หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา (三寸人间)ผู้เขียน : เอ่อร์เกิน (耳根) ผู้แปล : Thunderbird Translators ค.ศ. 3029 วิทยาการบนโลกมนุษย์พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว จนแต่ละประเทศไม่มีเขตพรมแดนกั้นอีกต่อไป โลกได้ผสานรวมกลายเป็นหนึ่งเดียว เริ่มต้นยุคสมัยแห่งสหพันธรัฐ ตอนนั้นเอง กระบี่ยักษ์เล่มหนึ่งตกลงมาจากห้วงอวกาศ ปักเข้าใจกลาง ดวงอาทิตย์ ฝักกระบี่แตกออกเป็นเศษชิ้นส่วนจำนวนมาก กระจัดกระจายไปทั่ว ทั้งจักรวาลรวมถึงบนโลก และก่อให้เกิดแหล่งพลังงานรูปแบบใหม่อันไร้ขีดจำกัด พลังงานนี้มีชื่อเรียกกันว่า ปราณวิญญาณ ‘หวังเป่าเล่อ’ หนุ่มร่างท้วมผู้ทะเยอทะยาน ใฝ่ฝันจะได้เป็นผู้นำสหพันธรัฐ ด้วยหวังว่าจะไม่มีใครมารังแกเขาได้อีกต่อไป และเมื่อเดินทางเข้ามาศึกษาใน สำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ใช้ความรู้เหล่านั้นบวกกับความหน้าหนาหน้าทน ของตัวเอง วางกลยุทธ์อันฉลาดล้ำกำราบศัตรูคนแล้วคนเล่า ใครหน้าไหนก็ไม่อาจมาขัดขวางเส้นทางสู่การเป็นหนึ่งในใต้หล้าของชายอ้วนผู้นี้ได้ เว้นเสียแต่คำสาปประจำตระกูล ที่บอกไว้ว่าหวังเป่าเล่อจะต้องตาย หากเขาไม่ผอมลงก่อนอายุสามสิบปี ในเมื่อบรรพบุรุษร่างจ้ำม่ำมายืนรอให้เขาไปอยู่ด้วยขนาดนี้ ชายหนุ่มจึงต้องทั้งฝึกตนและลดน้ำหนักไปพร้อมๆ กัน!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท