“ฮูหยินเลี่ยว” เฮ่อเหลียนเวยเวยตัดบทนางอย่างช้าๆ แล้วเอ่ยว่า ”เลี่ยวอู๋เหลียงใช้อภิสิทธิ์จากการเป็นขุนนางในราชสำนักของตนมากลั่นแกล้งผู้เข้าแข่งขัน หากยึดตามข้อพิสูจน์นี้เพียงอย่างเดียว ก็สมควรแล้วที่เขาจะถูกประหารด้วยการตัดหัว เรื่องนี้ไม่ใช่สิ่งที่ข้าจะสามารถควบคุมได้ และอีกอย่าง…” เฮ่อเหลียนเวยเวยเว้นจังหวะเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยต่ออย่างชัดถ้อยชัดคำว่า ”เจ้าเคยพูดอะไรเอาไว้ตอนที่ซูเหยียนโม่ที่เป็นเพื่อนสนิทของเจ้าแย่งสามีของท่านแม่ข้าไปหรือ เจ้าไม่สนใจเสียด้วยซ้ำว่าท่านแม่ของข้าจะบาดเจ็บสาหัสเพียงใด แต่กลับยืนกรานที่จะพานางมาที่คฤหาสน์ผู้พิทักษ์เพื่อชี้นิ้วใส่หน้านาง แล้วบอกให้นางไปจากพ่อของข้าเสีย ฮูหยินเลี่ยว เจ้าได้ใช้ชีวิตสุขสบายไร้กังวลมาหลายปีทีเดียว ทุกครั้งที่เจ้าพูดถึงท่านแม่ของข้า เจ้ามักจะบอกว่านางเป็นผู้หญิงขี้อิจฉานี่ สวรรค์มองดูวิถีชีวิตของมนุษย์เสมอมา และสวรรค์ก็จับตาดูเจ้ากับซูเหยียนโม่วางแผนเล่นงานท่านแม่ของข้ามาตลอด ที่กรรมยังไม่ตามสนองเจ้าก็เพราะมันยังไม่ถึงเวลา แต่ตอนนี้กรรมตามสนองเจ้าแล้ว ดังนั้นก็จงรับมันไปเสียเถอะ ไม่อย่างนั้นของขวัญชิ้นใหญ่ที่ข้าอุตส่าห์มอบให้แก่เจ้านี้ก็คงสูญเปล่า”
สีหน้าของฮูหยินเลี่ยวน่าเกลียดน่ากลัวระหว่างที่นางฟังเฮ่อเหยียนเวยเวยพูด นางดูไม่พอใจก็จริง แต่สีหน้านั้นกลับค่อนไปทางขายหน้าเสียมากกว่า นางรู้สึกได้ถึงความโกรธที่ท่วมท้นอยู่ในอก ที่มุมปากของนางมีเลือดซึมออกมา
ตอนนี้เองที่นางเพิ่งจะเข้าใจว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เฮ่อเหลียนเวยเวยทำนั้น นางทำลงไปโดยมีจุดประสงค์เพียงอย่างเดียว และนั่นก็คือเพื่อการแก้แค้น!
นางต้องการทำกับนางเหมือนอย่างที่พวกนางเคยทำกับมารดาของนางในสมัยก่อน
เวรกรรม!
ทั้งหมดนี้คือเวรกรรมจริงๆ!
ฮูหยินเลี่ยวทรุดลงกับพื้นอย่างแรง และเงียบอยู่เช่นนั้นราวกับคนเสียสติ นางเหม่อมองออกไปแสนไกล พลางหัวเราะและร้องไห้ออกมาในเวลาเดียวกัน
ขันทีซุนสั่งให้คนพานางกลับไปส่งที่จวนตระกูลเลี่ยวทันที องค์ชายกับพระชายาจะได้ไม่ต้องเห็นมลภาวะทางสายตาเช่นนั้นอีก
หลังจากเหตุชุลมุนนี้จบลง ทุกคนต่างก็อยู่ในอาการตกตะลึง
ไม่ใช่เพียงเพราะความงดงามและความสามารถของเฮ่อเหลียนเวยเวย
แต่เป็นเพราะความจริงที่ว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกเขาเคยเชื่อในอดีตนั้นแท้ที่จริงแล้วกลับเป็นเพียงแค่เรื่องที่กุขึ้นเท่านั้น
นายหญิงตระกูลเฮ่อเหลียนที่ใครต่อใครคิดว่าเป็นผู้หญิงขี้อิจฉา จริงๆ แล้วกลับเป็นคนที่น่าสงสารที่สุด
กลับกลายเป็นว่าคู่รักที่พวกเขาเคยเห็นใจในรักแท้นั้นเป็นเพียงแค่ชายจับปลาสองมือกับหญิงแพศยาเท่านั้น!
ส่วนฮูหยินเลี่ยว…
ในสายตาพวกเขา ฮูหยินเลี่ยวเป็นผู้หญิงที่พร้อมต่อสู้เพื่อความยุติธรรมให้กับทุกคนเสมอมา
แต่แล้วพวกเขาก็ต้องประหลาดใจ เพราะอันที่จริงนั้นนางไม่ได้ต่อสู้เพื่อความยุติธรรม แต่จงใจทำเช่นนั้นเพื่อปิดบังความผิดที่คนฝั่งนางสาดโคลนใส่คนอื่นต่างหาก!
ในเวลานี้พวกเขาถึงกับพูดอะไรไม่ออก
โดยเฉพาะตอนที่พวกเขาเห็นเด็กสาวคนหนึ่งที่ยืนหยัดต้านกับสายลมอยู่บนเวที
แต่ก็ยังมีอีกหลายคนที่ไม่สนใจเรื่องนั้นแม้แต่น้อย ยกตัวอย่างเช่น อวิ๋นปี้ลั่ว
นางฉลาดมากพอที่จะรู้ว่าเมื่อตกอยู่ใต้สถานการณ์เช่นนี้แล้ว ต่อให้พูดอะไรออกไปก็คงไม่เป็นผล มิหนำซ้ำหากนางยื่นมือเข้าไปยุ่ง เผลอๆ อาจจะพลอยถูกลูกหลงไปด้วยก็เป็นได้
ดังนั้นนางจึงลดสายตาลงมองพื้นอย่างรู้เวลา พร้อมกับทำตัวให้เล็กที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่มือของนางกลับกำแน่นขึ้นเรื่อยๆ…
ทีแรกแผนการยังดำเนินไปได้อย่างราบรื่นแท้ๆ เชียว
อวิ๋นปี้ลั่วคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าเฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์จะถูกโค่นลงไปได้ด้วยเรื่องเช่นนี้
เวลานี้เฮ่อเหลียนเวยเวยเอาชนะไปได้อย่างใสสะอาด
นางไม่เหลือแม้แต่โอกาสที่จะได้เป็นสนมอีกต่อไปแล้ว
“ข้าขอประกาศว่าผู้ที่ได้รับเลือกในครั้งนี้ได้แก่พระชายาสาม เฮ่อเหลียนเวยเวย!” ขันทีซุนตะโกนเสียงดังด้วยความตื่นเต้น
นั่นหมายความว่าองค์ชายไม่จำเป็นต้องมีนางสนมนั่นเอง!
อย่างไรเขาก็มีพระชายาที่ยอดเยี่ยมอยู่แล้วทั้งคน!
ขันทีซุนคิดอย่างมีความสุข แต่เขาก็สังเกตเห็นว่ามีความวุ่นวายเกิดขึ้นท่ามกลางฝูงชนในทันทีที่พูดจบ
“นั่นอะไรน่ะ”
“นั่นมันดอกกุหลาบมิใช่หรือ”
“มีดอกกุหลาบมากมายถึงเพียงนี้เชียวหรือ นี่มันสิบคันรถเชียวนะ!?”
“เดี๋ยวสิ! ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้มีแค่ดอกกุหลาบเพียงอย่างเดียวเสียด้วย นั่นมัน… อาวุธหรือ”
ระหว่างที่ทุกคนกำลังงุนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่นั้น เฮ่อเหลียนเวยเวยก็ถีบตัวขึ้นพร้อมกับเคลื่อนไหวฝ่ามือเล็กน้อย สายลมทั้งหมดตกอยู่ภายใต้การควบคุมของนาง
สายลมบางเบาพัดเสื้อคลุมตัวยาวของนางโบกสะบัด ขณะที่กลีบกุหลาบปลิวขึ้นสู่ท้องฟ้า
กลีบกุหลาบลอยสูง
มือข้างซ้ายของนางสอดอยู่ในกระเป๋าของเสื้อคลุมอย่างเกียจคร้าน ส่วนมือข้างขวาของนางนั้นถือดอกกุหลาบช่อใหญ่เอาไว้ เส้นผมสีน้ำตาลเข้มของนางปลิวผ่านใบหน้าเล็กๆ น่ารักของนาง บนใบหูอันงดงามของนางมีต่างหูสีเงินส่องประกาย
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยมองนางพร้อมกับเลิกคิ้ว มุมปากของเขาโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มน่าหลงใหลแต่ก็ติดจะฉงนอยู่ในที
เฮ่อเหลียนเวยเวยมองเขาแล้วยิ้มออกมา
หลังจากนั้น!
นางก็คุกเข่าลงกับพื้นด้วยท่วงท่าหล่อเหลา
กลีบกุหลาบสะบัดไปพร้อมกับการเคลื่อนไหวของนาง มันดูเหมือนกับสายฝนที่ตกโปรยปรายลงมาเป็นดอกไม้ละลานตาอันงดงาม
ทันใดนั้นไป๋หลี่เจียเจวี๋ยก็รู้สึกเหมือนได้ยินเสียงเลือดที่สูบฉีดอยู่ในร่างกายของตนได้ นางตั้งใจจะทำอะไร
ทุกคนตกตะลึงกับภาพที่เกิดขึ้นตรงหน้า เพียงแค่ยื่นมือออกไปพวกเขาก็สามารถสัมผัสกับกลีบกุหลาบแสนสวยนั้นได้กับมือ กลิ่นหอมของดอกไม้พรั่งพรูไปทั่วบริเวณประหนึ่งว่าที่นี่คือดินแดนแห่งความฝัน
แต่ประเด็นก็คือ!
ทำไมพระชายาถึงได้ถือช่อกุหลาบช่อใหญ่แล้วคุกเข่าลงต่อหน้าองค์ชายสามล่ะ
ขันทีซุนไม่เข้าใจการกระทำของนางเลยแม้แต่นิดเดียว เขาตวัดสายตาไปมององค์ชายเจ็ดตัวน้อยด้วยหวังว่าผู้เป็นนายจะสามารถอธิบายอะไรให้เขาฟังได้
แต่!
สิ่งที่องค์ชายเจ็ดสนใจมาตั้งแต่แรกจนถึงเวลานี้มีเพียงอย่างเดียวก็คือของกิน!
ยิ่งกว่านั้น ในเวลานี้เขาดูเหมือนกับเสือตัวน้อยที่กำลังรอโอกาสลงมือ เขามองไปรอบๆ เพื่อหาว่าใกล้ตัวเขามีกลีบดอกไม้หรือไม่ และกำลังคิดที่จะหยิบพวกมันขึ้นมากิน!
บนโลกใบนี้คงมีเพียงแค่คุณชายเฮยคนเดียวเท่านั้นที่รู้ว่าเฮ่อเหลียนเวยเวยคิดอะไรอยู่ในเวลานี้
นางทำทั้งหมดลงไปเพียงเพื่อจุดประสงค์เดียว นั่นก็คือการ ’เอาใจภรรยา’
ใช่ เข้าใจไม่ผิดหรอก นางทำเพื่อเอาใจภรรยา!
“อะแฮ่ม…” เฮ่อเหลียนเวยเวยกระแอมในลำคอพอเป็นพิธี ก่อนจะคลี่ยิ้มออกมา ดวงตาดำขลับราวกับรัตติกาลของนางเต็มไปด้วยความรักใคร่อันไม่อาจอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้ ”ข้าเตรียมสิ่งนี้เอาไว้ให้ท่าน ถ้าท่านยอมรับ จากนี้ไปท่านจะเป็นสามีของข้า ท่านจะเป็นของข้าแต่เพียงผู้เดียว ไม่ว่าจะร่ำรวยหรือยากจน จะมีชีวิตอยู่หรือตายจาก ท่านจะยอมรับหรือเปล่า”
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยมองหน้านาง ดวงตาที่เดิมเคยเย็นชาของเขาพลันกระจ่างสดใสราวน้ำพุ มันบริสุทธิ์ไร้เดียงสาราวกับเทพเซียน เขาไม่ได้ตอบตกลง แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธเช่นกัน
ตอนนั้นเองที่เฮยเจ๋อทนไม่ไหวอีกต่อไป ในที่สุดเขาก็ได้ยินเฮ่อเหลียนเวยเวยถามคำถามนั้นออกไป ดังนั้นเขาจึงรีบเกลี้ยกล่อมในทันที ”ตอบตกลงสิ! ตอบตกลงนาง!”
อาจเป็นเพราะการที่เขาตะโกนประโยคนั้นออกไป จึงทำให้มีผู้ร่วมกล่าวคำชื่นชมยินดีกับทั้งคู่ไปทั่วบริเวณ
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยกระตุกยิ้มมุมปาก พร้อมกับมองเฮ่อเหลียนเวยเวยอย่างมีความหมาย ”ตกลง ข้าอนุญาตให้เจ้าเป็นเจ้าของข้าแต่เพียงผู้เดียว” คืนนี้ข้าจะยอมให้เจ้าเป็นเจ้าของข้า…
กะแล้วเชียวว่าการขอแต่งงานเป็นกลยุทธ์ที่ดีที่สุดในการเอาใจภรรยา!
เฮ่อเหลียนเวยเวยยิ้มกว้าง นางหยิบกล่องเล็กๆ ทำจากผ้าขนสัตว์สีดำออกมาจากกระเป๋าเสื้อ แหวนเงินบริสุทธิ์สองวงปรากฏให้เห็นสู่สายตาทันทีที่นางเปิดมันออก
บนแหวนทั้งสองวงนั้นไม่มีอัญมณีใดๆ ฝังเอาไว้ แต่ตรงกลางของตัวแหวนกลับมีลวดลายอันเป็นเอกลักษณ์สลักไว้ ลายที่อยู่บนแหวนวงหนึ่งหมุนไปทางด้านซ้าย ในขณะที่อีกวงหมุนไปทางด้านขวา เมื่อนำแหวนทั้งสองมาประกบกันจะเกิดเป็นหัวใจสีเงินดวงเล็กๆ ดวงหนึ่ง
ขณะที่นางกำลังจะสวมแหวนวงนั้นเข้ากับนิ้วของไป๋หลี่เจียเจวี๋ย นางก็ถูกเขาอุ้มขึ้นเสียก่อน ผมยาวสีเข้มของนางทิ้งตัวลงมาพร้อมกับเสื้อคลุมในแนวดิ่ง มันปัดผ่านขั้นบันไดเย็นๆ และพรมราคาแพงครั้งแล้วครั้งเล่า
ในเสี้ยววินาทีนั้น!
เสียงอุทานและเสียงสูดหายใจก็ซัดสาดเข้ามาราวกับคลื่น กลบทุกเสียงที่เคยมีไปจนหมดสิ้น
พวกเขาแทบไม่เชื่อในสิ่งที่ตัวเองเห็นแม้แต่นิดเดียว
ชายที่เป็นดั่งเทพเซียนคนนั้น
องค์ชายสามที่โหดเหี้ยมและเป็นคนที่พวกเขาเคารพบูชากลับเป็นฝ่ายอุ้มผู้หญิงก่อน!
เฮ่อเหลียนเวยเวยย่อมรู้สึกได้ถึงสายตาของทุกคนที่จับจ้องมาที่ตัวเองได้เป็นธรรมดา นางจึงต้องซุกศีรษะของตัวเองเข้ากับอกหอมๆ ของเขาอย่างช่วยไม่ได้…
เพิ่มขนาดช่อง ดึงมุมขวามือลง