ค่ำคืนปกคลุมทั่วเมืองหลวง ตำหนักขององค์หญิงจินเหยาสว่างไสว นางในและขันทีเดินเข้าๆ ออกๆ กล่องใบแล้วใบเล่าถูกส่งเข้ามา
“องค์หญิง นี่คือของขวัญแสดงความยินดีจากพระสนมเสียนเพคะ”
“นี่คือของขวัญแสดงความยินดีจากองค์หญิงใหญ่และพระราชบุตรเขยเพคะ”
“องค์หญิง นี่คือของขวัญแสดงความยินดีจากพระชายาองค์รัชทายาทเพคะ”
“องค์หญิง พระสนมสวีของพวกหม่อมฉันทรงบอกว่านางจะทำชุดแต่งงานให้องค์หญิงด้วยตนเอง รับรองว่าจะเสร็จภายในห้าวันเพคะ”
ไม่ว่าคนข้างนอกจะพูดอันใด ก็ไม่มีเสียงตอบรับจากห้องด้านในที่ถูกกั้นด้วยม่านลูกปัด ดวงตาของนางในด้านนอกม่านลูกปัดแดงก่ำ นางในที่อายุน้อยอดไม่ได้ที่จะโกรธ “นี่ไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดี…”
บรรดานางในที่อยู่ด้านข้างห้ามนางเอาไว้
นางในและขันทีที่อยู่ข้างนอกทำหน้างุนงง สตรีในวังที่มีอายุผู้หนึ่งรีบพูดเพื่อคลี่คลายสถานการณ์ “เอาเถิด เวลานี้ดึกมากแล้ว ให้องค์หญิงได้ทรงพักผ่อนเถิด” พูดพลางพาทุกคนออกไป
ภายในห้องกลับเข้าสู่ความสงบ
“เถาเอ๋อ เจ้าทำอันใด” นางในผู้หนึ่งถอนหายใจ “องค์หญิงทรงบอกว่าจะอยู่ในจวนอีกไม่กี่วันแล้ว องค์หญิงจะอยู่กับทุกคนอย่างมีความสุข”
นางในที่ถูกเรียกว่าเถาเอ๋อเบ้ปาก น้ำตาไหลลงมา “จะดีใจได้อย่างไร”
นางในคนอื่นก็อดที่จะร้องไห้ไม่ได้
“องค์หญิง” นางในคนหนึ่งคุกเข่าให้คนที่อยู่ด้านหลังม่านลูกปัด พูดพลันร้องไห้ “ให้พวกหม่อมฉันไปกับองค์หญิงเถิดเพคะ”
หลังจากองค์หญิงจินเหยาเอ่ยกับองค์รัชทายาทว่ายินดีอภิเษกกับองค์รัชทายาทแห่งซีเหลียงแล้ว องค์รัชทายาทก็ประกาศในราชสำนักทันที ถึงแม้บรรดาขุนนางไม่ยินยอม แต่จากสถานการณ์ในเวลานี้…ภัยคุกคามจากซีเหลียง การหนีของท่านอ๋องฉี การประชวรของฮ่องเต้ สิ่งสำคัญคือองค์รัชทายาทไร้เจตนาในการทำสงคราม ดังนั้นจึงไม่อาจทำสงครามกับซีเหลียงได้ เมื่อไม่อาจทำสงครามกับซีเหลียงได้ย่อมต้องอยู่ด้วยกันอย่างสันติ…ดังนั้นจึงทำได้เพียงยินยอม
ทูตซีเหลียงดีใจอย่างมากจนต้องการออกเดินทางกลับไปทูลท่านอ๋องซีเหลียง ให้องค์รัชทายาทของท่านอ๋องซีเหลียงมาสู่ขอองค์หญิงด้วยพระองค์เอง องค์หญิงจินเหยากลับบอกว่าไม่ต้องยุ่งยาก นางจะออกเดินทางไปซีเหลียงกับพวกเขาบัดนี้ ไม่ต้องให้องค์รัชทายาทแห่งซีเหลียงมาสู่ขอ ให้องค์รัชทายาทแห่งซีเหลียงรอคอยความเมตตาจากองค์หญิงแห่งต้าเซี่ยในซีเหลียงก็พอ
ทูตซีเหลียงอับอายอย่างมาก แต่ต้าเซี่ยยินยอมสานสัมพันธไมตรีแล้ว พวกเขาก็ไม่อาจอาละวาดได้อีก ทำได้เพียงตอบตกลง
องค์หญิงจินเหยาบทจะไปก็ไป กำหนดการเดินทางคือห้าวันหลังจากนี้ อีกทั้งไม่เอาผู้ติดตาม ขันทีและนางในแม้แต่คนเดียว
แม้แต่บรรดานางในที่อยู่ด้วยกันตั้งแต่เด็กจนโตก็ไม่นำไปด้วย
“ในเมื่อข้าจะได้เป็นฮองเฮาแห่งซีเหลียงในอนาคต คนที่ปรนนิบัติอยู่ข้างกายข้าย่อมต้องเป็นคนซีเหลียง”
อันที่จริงองค์หญิงไม่ต้องการใช้คนซีเหลียง แต่นางไม่ต้องการให้พวกนางในไปต่างแดน นางในที่ใกล้ชิดกับนางต่างรู้ดี
“องค์หญิง พวกหม่อมฉันรับใช้องค์หญิงมาตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์” นางในคนหนึ่งพูดพลางร้องไห้ “องค์หญิงทรงไปแล้ว พวกหม่อมฉันจะอยู่ทำอันใดเพคะ”
เสียงหัวเราะดังมาจากหลังม่านลูกปัดอันเงียบงัน
“ข้าไปแล้ว พวกเจ้ายังมีครอบครัวและสหายอยู่” เสียงขององค์หญิงจินเหยาดังขึ้นอย่างแผ่วเบา “อย่าร้องไห้”
ใช่ พวกนางเป็นคนต้าเซี่ย กำเนิดและเติบโตที่นี่ ถึงแม้จะมีคนที่ไม่มีพ่อแม่พี่น้อง แต่ก็ยังมีมิตรสหาย องค์หญิงก็เช่นเดียวกัน
“แต่องค์หญิงไปซีเหลียงจะไม่เหลือสิ่งใดแล้วนะเพคะ” เหล่านางในร้องไห้
เวลานี้ ด้านนอกมีเสียงของขันทีดังขึ้นอย่างหวาดกลัว “องค์หญิง มีคนขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ”
ไม่รอองค์หญิงพูด บรรดานางในที่กำลังร้องไห้ก็ตะโกนออกไปด้วยความโกรธ “ไม่พบ! องค์หญิงไม่พบผู้ใดทั้งสิ้น!”
ขันทีด้านนอกประตูไม่ได้ขอทูลลาในทันที มีเสียงหนึ่งดังขึ้นอีกครั้ง “องค์หญิง หม่อมฉันเองเพคะ”
เสียงสดใสนั้นเป็นเสียงของหญิงสาว
บรรดานางในกำลังคิดว่านางในผู้ใดบังอาจเพียงนี้ ด้านในก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้น ม่านลูกปัดถูกเปิดขึ้น องค์หญิงจินเหยาวิ่งออกมา
“ตันจู!” นางตะโกนด้วยความดีใจ
หญิงสาวด้านนอกประตูชะโงกหัวเข้ามาเผยรอยยิ้ม แสงไฟภายในห้องและเครื่องประดับเงินทองส่องกระทบลงบนใบหน้าของนาง
“เจ้ามาได้อย่างไร” องค์หญิงจินเหยายิ้มถาม
เฉินตันจูถอนหายใจ “องค์หญิงไม่ทรงมาหาหม่อมฉัน หม่อมฉันก็ทำได้เพียงมาหาท่าน”
องค์หญิงจินเหยายิ้มให้นาง “ขอโทษนะ ระยะนี้ข้ายุ่งเกินไป”
เฉินตันจูเดินมาถึงตรงหน้าขององค์หญิงจินเหยา ยังไม่ทันพูดสิ่งใด
นางในเถาเอ๋อกระโจนเข้ามาจับแขนเสื้อของเฉินตันจู “คุณหนูตันจู ท่านรีบเกลี้ยกล่อมองค์หญิงทีเถิดเจ้าค่ะ”
เฉินตันจูลูบหัวของนาง “อย่าร้องเลย การตัดสินใจขององค์หญิงเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุด ยังต้องให้คนเกลี้ยกล่อมอีกหรือ”
เถาเอ๋อผงะ องค์หญิงจินเหยาหัวเราะออกมา
“เอาเถิด พวกเจ้าถอยออกไปเถิด” นางพูดพลางจูงมือของเฉินตันจู “มา พวกเรานั่งลง”
…
บนโต๊ะวางเต็มไปด้วยของว่าง น้ำชา และเหล้าผลไม้รสเลิศ
“อยู่ในห้องขัง ถึงแม้จะมีของว่าง แต่อย่างไรก็กินไม่อร่อย” องค์หญิงจินเหยายิ้ม “เจ้าชอบกินของว่างเหล่านี้ที่สุด ข้ายังจำได้ว่าตอนนั้นพบเจ้าในตระกูฉาง เจ้ากินจนไม่เงยหน้าขึ้นมา”
เฉินตันจูหยิบของว่างชิ้นหนึ่งขึ้นมา “เวลานั้นหม่อมฉันรู้สึกว่าชีวิตขมขื่นเกินไป ดังนั้นจึงอยากกินของหวานมาก แต่ว่าต่อมาได้รู้จักกับองค์หญิง องค์หญิงทรงทำให้หม่อมฉันรู้สึกว่ามีชีวิตชีวา ทำให้หม่อมฉันไม่ต้องอาศัยการกินแล้ว”
องค์หญิงจินเหยาหัวเราะร่า ยื่นมือไปหยิกแก้มของนาง “ปากหวานปานน้ำผึ้ง”
เฉินตันจูกินของว่าง พลางถาม “เหตุใดจึงต้องรีบไป ถึงแม้จะรับปากสานสัมพันธไมตรี แต่ไปๆ มาๆ ยังสามารถยื้อเวลาเอาไว้ได้มาก”
การแลกเปลี่ยนสิ่งของแทนใจกับซีเหลียง ส่งของขวัญการอภิเษก การเดินทางมาขององค์รัชทายาทซีเหลียง เรื่องต่างๆ รวมทั้งสิ้นต้องใช้เวลาราวสามเดือนห้าเดือน หรือปีสองปีก็เป็นไปได้
นางไม่ได้ถามว่าเหตุใดองค์หญิงจินเหยาจึงยอมอภิเษกกับองค์รัชทายาทซีเหลียง นางไม่มีแม้แต่ความรู้สึกเศร้าด้วยซ้ำ ประโยคแรกที่ถามคือเรื่องนี้
“องค์หญิงทรงพูดความจริงกับหม่อมฉัน ท่านทรงไปทำสิ่งใด”
เมื่อมองไปที่ดวงตาที่จริงจังและเคร่งเครียดของหญิงสาว องค์หญิงจินเหยายิ้ม “เจ้าคิดว่าข้าเป็นเหมือนเจ้าหรือ เมื่อหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็วิ่งหนีตายพร้อมกับผู้อื่น ท่านอ๋องซีเหลียงและองค์รัชทายาทซีเหลียงไม่ใช่เหยาฝู ฆ่าพวกเขาก็ไม่อาจแก้ปัญหาได้”
ดังนั้นแม้แต่ความตายก็ยังจัดการไม่ได้หรือ เฉินตันจูมองนางด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย
“เจ้าอย่าทำเช่นนี้” องค์หญิงจินเหยาพูดด้วยรอยยิ้ม “นอกจากเพื่อบรรเทาความกังวลของเสด็จพ่อแล้ว ข้าก็ทำเพื่อตัวข้าเอง เวลานี้เสด็จพ่อประชวร ข้าจากไปในเวลานี้ เมื่อถึงซีเหลียงย่อมระลึกถึงเสด็จพ่อ อีกทั้งยังจะรู้สึกว่าเรื่องที่ข้าทำมีความหมาย หากรอต่อไป เสด็จพ่อทรง…”
เมื่อนางพูดถึงตรงนี้ สีหน้าของนางก็เศร้าหมอง พลางถอนหายใจเบาๆ
เฉินตันจูเข้าใจความหมายของนาง สถานการณ์ปัจจุบันของฮ่องเต้ใกล้สิ้นพระชนม์แล้ว พระราชวังได้เตรียมงานศพไว้แล้ว
“หากเสด็จพ่อทรงไม่อยู่แล้ว ข้าคิดว่าเรื่องที่ข้าทำก็ไร้ความหมาย ข้าหมดความอาลัยอาวรณ์ ถึงซีเหลียงก็อาจอยู่ไม่ได้แล้ว”
“เวลานี้เสด็จพ่อยังอยู่ ข้ายังมีความกังวล ยังมีที่ยึดเหนี่ยว ยังมีความกล้าหาญ ดังนั้นข้าจึงสามารถมีชีวิตต่อไปได้”
เฉินตันจูจับมือนางไว้ทั้งน้ำตา
องค์หญิงจินเหยาไม่ร้องไห้ นางเช็ดน้ำตาให้อีกฝ่ายด้วยรอยยิ้ม “อย่าร้องไห้ ข้ายังพูดไม่จบ” นางยืนขึ้นด้วยแววตาตื่นเต้นเล็กน้อย พลันชี้ไปที่แผนที่ที่แขวนอยู่บนกำแพง ซีเหลียงถูกนางทำเครื่องหมายเอาไว้ “นอกจากเรื่องเหล่านี้ ข้ายังทำเรื่องนี้ด้วยความปรารถนา ไม่ใช่การจากบ้านเกิดไปอย่างน่าสงสาร”
ความปรารถนาหรือ ความปรารถนาใด เฉินตันจูมองนางด้วยน้ำตาคลอเบ้า องค์หญิงจินเหยาไม่ได้สวมเครื่องประดับเงินทองเหมือนเคย ผมสีดำขลับของนางแผ่สยาย ใบหน้าสะอาดสะอ้าน ทั้งเนื้อทั้งตัวไร้ซึ่งเครื่องประดับ แต่คนทั้งคนกลับเปล่งประกาย
“ความปรารถนาของข้าคือสั่นสะเทือนซีเหลียง” องค์หญิงจินเหยาพูดพร้อมกับเลิกคิ้ว “องค์รัชทายาทคงไม่อาจฝากความหวังได้แล้ว เช่นนั้นข้าจะเป็นคนทำเรื่องนี้เอง รอข้าถึงซีเหลียง ข้าจะแสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ขององค์หญิงต้าเซี่ย ข้าสามารถทำได้หลากหลายสิ่ง ข้าสามารถแสดงความสามารถของข้า ศิลปะทั้งสี่ ข้ายังสามารถแข่งขี่ม้า ยิงธนู ชนมุมกับพวกเขา ข้าจะทำให้คนซีเหลียงสนใจข้า ยอมจำนนต่อข้า เคารพข้าและเคารพต้าเซี่ย”
เฉินตันจูมองนาง พร้อมปรบมืออย่างแรง “องค์หญิงทรงพระปรีชาสามารถยิ่งนัก!”
องค์หญิงจินเหยาเชิดคางขึ้น “ใช่ ข้าเก่งมาก และจะเก่งขึ้นไปอีก เพื่อเป้าหมายนี้ ข้าจะมีชีวิตอยู่ในซีเหลียงอย่างดี ดังนั้น เจ้าอย่ากังวล อย่าเสียใจ”
แต่ไม่ว่าจะเก่งอย่างไร นางก็ยังคงกังวลและเสียใจอย่างมาก เฉินตันจูยื่นมือปิดบังน้ำตาที่หลั่งไหลออกมาในชั่วพริบตา
“เจ้าชอบร้องไห้เสียจริง” องค์หญิงจินเหยายิ้มอย่างระอา
เฉินตันจูเช็ดน้ำตา “หม่อมฉันชอบร้องไห้ แต่ถึงหม่อมฉันจะชอบร้องไห้ องค์หญิงก็เอาชนะหม่อมฉันไม่ได้”
องค์หญิงจินเหยาหัวเราะ “ข้าแพ้ให้เจ้าเพียงหนึ่งครั้ง เจ้าจะนำมาพูดไปทั้งชีวิตเลยหรือ”
ดวงตาของเฉินตันจูลุกวาวเมื่อนึกบางอย่างขึ้นมาได้ “องค์หญิง พวกเราประลองกันอีกครั้งเถิด”
ครั้งแรกที่พบกัน หลังจากที่โจวเสวียนยั่วยุให้ทั้งสองประลองกัน พวกนางก็ไม่เคยมีโอกาสประลองด้วยกันอีกเลย ตอนนี้ฮองเฮาถูกขังเอาไว้ ฮ่องเต้ก็ประชวร องค์รัชทายาทก็เพิกเฉยไม่สนใจ ช่างเป็นโอกาสที่ดีในการประลอง องค์หญิงจินเหยายิ้ม “ได้”
นางพูดพลางพับแขนเสื้อขึ้น แต่เฉินตันจูโบกมือ “องค์หญิง พวกเราไปประลองต่อหน้าฝ่าบาทเถิด”
ต่อหน้าฝ่าบาทหรือ องค์หญิงจินเหยาชะงักไป
“องค์หญิงทรงเคยพูดไว้ ฝ่าบาททรงไม่เชื่อว่าองค์หญิงแพ้ให้หม่อมฉัน” เฉินตันจูพูดด้วยรอยยิ้ม “องค์หญิงทรงเอ่ยหลายครั้งว่าจะประลองกับหม่อมฉันต่อหน้าฝ่าบาท”
องค์หญิงจินเหยายิ้มสดใสยิ่งขึ้น เสียงของนางดังกว่าเดิม “ได้! ข้าจะทำให้เสด็จพ่อเห็นกับตาว่าข้าชนะเจ้า!”
เพิ่มขนาดช่อง ดึงมุมขวามือลง