ร้อยรักปักดวงใจ – ตอนที่ 451 จมปลัก (ปลาย)

ตอนที่ 451 จมปลัก (ปลาย)

​“​ฉิน​อี๋​เหนียง​บอกว่า​จุน​เกอ​ตาย​แล้ว​ ฮู​หยิน​สี่​ก็​แท้ง​บุตร​อย่างนั้น​หรือ​”​ ​ไท่ฮู​หยิน​เหลือบตา​ไป​มอง​ป้า​ตู้

​ป้า​ตู้​ที่อยู่​ข้างๆ​ ​ยิ้ม​ขึ้น​บาง​ๆ​ ​โดยที่​ดวงตา​ไม่ได้​ขยับ​แม้แต่น้อย

​เหลียน​เจียว​รีบ​พยักหน้า​ทันควัน​ ​สายตา​จับจ้อง​ไป​ยัง​สือ​อี​เหนียง​ที่​กำลัง​หลุบ​ตาลง​ต่ำ​อยู่​ ​“​อี๋​เหนียง​…​อี๋​เหนียง​พูด​เช่นนี้​เจ้าค่ะ​”

​“​ดูท่า​แล้ว​ ​ฉิน​อี๋​เหนียง​คงจะ​เลอะเลือน​จริงๆ​”​ ​ไท่ฮู​หยิน​ถอนหายใจ​ออกมา​เบา​ๆ​ ​จากนั้น​ก็ได้​ให้​เหลียน​เจียว​ถอย​ออก​ไป​ ​หันไป​ถาม​กับ​ป้า​ตู้​ว่า​ ​“​ตอนนี้​อวี​้​เกอ​เอ๋อร​์​อยู่​ที่ไหน​”

​ช่วง​บ่าย​ของ​เมื่อวาน​สวี​ซื่อ​อวี​้​ได้​รีบ​เดินทาง​กลับมา​จาก​เล่อ​อาน​ ​หลังจากที่​คารวะ​ทำความเคารพ​ผู้หลักผู้ใหญ่​เสร็จ​เรียบร้อย​แล้ว​ ​ก็​เดินทาง​ไป​ที่ลั​่ว​เย​่ว​์​ ​บ่าย​วันนี้​เพิ่งจะ​กลับ​จากลั​่ว​เย​่ว​์​ ​ไท่ฮู​หยิน​จึง​ได้​เรียก​เหลียน​เจียว​ไป​ถาม

​ป้า​ตู้​จึง​ยิ้ม​พร้อมกับ​ตอบกลับ​ไป​ว่า​ ​“​ท่าน​โหวกำ​ลัง​คุย​กับ​คุณชาย​น้อย​สอง​อยู่​ที่​ห้อง​ตำรา​เจ้าค่ะ​!​”

​ไท่ฮู​หยิน​พยักหน้า​เบา​ๆ​ ​จากนั้น​ก็​หันไป​พูด​กับ​สือ​อี​เหนียง​ที่นั่ง​เงียบ​มาโดยตลอด​ว่า​ ​“​พ่อ​ลูก​กว่า​จะ​ได้​เจอ​หน้า​กัน​ไม่ใช่​เรื่อง​ง่าย​ ​ดูท่า​แล้ว​คงจะ​คุย​กัน​อีก​นาน​ ​พวกเรา​ก็​ไม่ต้อง​รอ​แล้ว​”​ ​พูด​จบ​ก็​หันไป​สั่ง​ให้​สาวใช้​น้อย​ไป​ตั้งโต๊ะ​อาหาร

​สือ​อี​เหนียง​ขานรับ​ ​จากนั้น​ก็​ไป​ที่​ห้อง​ปีก​ทิศตะวันออก​พร้อมกับ​ไท่ฮู​หยิน​ ​นาง​ทานอาหาร​ไป​นิดหน่อย​ ​แล้ว​พาส​วี​ซื่อ​เจี​้​ยก​ลับ​เรือน

​ระหว่างทาง​ ​สวี​ซื่อ​เจี​้​ยก​็​คอย​สังเกต​สีหน้า​ของ​สือ​อี​เหนียง​เป็นพักๆ

​สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​พร้อมกับ​ถาม​เขา​ว่า​ ​“​เป็น​อะไร​ไป​”

​สวี​ซื่อ​เจี​้​ยลัง​เลอ​ยู่​ครู่หนึ่ง​ ​ก่อน​จะ​พูด​ขึ้น​ว่า​ ​“​ท่าน​แม่​ ​ท่าน​อารมณ์ไม่ดี​หรือ​ขอรับ​”

​สือ​อี​เหนียง​รู้สึก​แปลกใจ​เล็กน้อย

​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​เห็น​ว่านาง​ยังคง​เงียบ​ไม่​พูด​อะไร​ ​จึง​มั่นใจ​ว่า​สิ่ง​ที่​ตน​พูด​นั้น​เป็นจริง​ ​เขา​จึง​รีบ​พูด​ขึ้น​ว่า​ ​“​ท่าน​แม่​ ​ข้า​เป่าขลุ่ย​ให้ท่าน​ฟัง​ดี​หรือไม่​ ​พอ​ข้า​เป่าขลุ่ย​แล้ว​ข้า​ก็​จะ​อารมณ์ดี​ขึ้น​มา​ ​ท่าน​ก็​อาจจะ​อารมณ์ดี​ไป​ด้วย​ขอรับ​”

​สือ​อี​เหนียง​รู้สึก​ตื้นตันใจ​เป็นอย่างมาก​ ​ความรู้สึก​ย่ำแย่​เมื่อครู่นี้​จาง​ลง​ไป​ไม่น้อย

​นาง​ลูบ​ใบหน้า​ของ​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​เบา​ๆ​ ​ยิ้ม​พร้อมกับ​พูด​ขึ้น​ว่า​ ​“​ดี​เลย​!​”

​สวี​ซื่อ​เจี​้​ยดี​อก​ดีใจ​ ​รีบ​จูงมือ​ของ​สือ​อี​เหนียง​วิ่ง​ไป​ด้านหน้า​ ​“​เช่นนั้น​เรา​รีบ​กลับ​เรือน​กัน​เถิด​ขอรับ​!​”

​พลอย​ทำให้​สะใภ้​หนาน​หย่ง​ตกใจ​จน​รีบ​ไป​ขวาง​เขา​ไว้​ ​“​คุณชาย​น้อย​ห้า​ ​ระวัง​เจ้าค่ะ​ ​ระวัง​หน่อย​เจ้าค่ะ​ ฮู​หยิน​กำลัง​ตั้งครรภ์​อยู่​นะ​เจ้า​คะ​!​”

​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​รีบ​ปล่อยมือ​ของ​สือ​อี​เหนียง​ทันที​ ​พร้อมกับ​ถาม​ด้วย​ความเป็นห่วง​ว่า​ ​“​ท่าน​แม่​ ​ท่าน​แม่​ ​ข้า​ดึง​ท่าน​แรง​ไป​หรือ​ขอรับ​”

​“​ไม่เป็นอะไร​ๆ​”​ ​หลังจากที่​นาง​ตื่นขึ้น​ใน​เช้า​วันนั้น​ ​จู่ๆ​ ​อาการ​แพ้ท้อง​ของ​นาง​ก็​หาย​ไป​อย่าง​น่าแปลก​ประหลาด​ ​สือ​อี​เหนียง​สามารถ​ทานอาหาร​และ​นอน​พักผ่อน​ได้​ตามปกติ​ ​ถึงแม้ว่า​ท่าทาง​ของ​นาง​จะ​ไม่ได้​คล่องตัว​เหมือนเช่น​เมื่อก่อน​ ​แต่​ก็​ไม่ได้​เทอะทะ​จน​ไม่​เป็นอัน​ทำ​อะไร​ ​เมื่อ​เห็น​ว่า​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​เป็นห่วง​ ​นาง​ก็​จูงมือ​ของ​เขา​ไว้​พร้อมกับ​พูด​ขึ้น​ว่า​ ​“​ข้า​ไม่เป็นอะไร​!​”

​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​จึง​ค่อย​รู้สึก​วางใจ​ลง​ ​พากั​นก​ลับ​ไป​ที่​เรือน​พร้อมกับ​สือ​อี​เหนียง​ด้วย​ความ​ร่าเริง​ ​จากนั้น​เขา​ก็​เป่าขลุ่ย​ให้​สือ​อี​เหนียง​ฟัง​อยู่​หลาย​บทเพลง

​สือ​อี​เหนียง​ค่อนข้าง​รู้สึก​แปลกใจ

หลาย​วัน​มานี​้​เพราะ​มัว​แต่​ยุ่ง​เรื่อง​ของ​สวี​ซื่อ​จุน​ ​ช่วงนี้​จึง​ไม่​ค่อย​ได้​ตั้งใจฟัง​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​เป่าขลุ่ย​ดี​ๆ​ ​นึกไม่ถึง​เลย​ว่า​เขา​จะ​ฝึก​เป่า​บทเพลง​ใหม่​ได้​ตั้ง​หลาย​เพลง

​สือ​อี​เหนียง​อด​ไม่ได้​ที่จะ​รู้สึก​ผิด​ ​จึง​โอบกอด​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​ไว้​ใน​อ้อมกอด​ ​“​เจี​้ย​เกอ​เอ๋อร​์​เรียนรู้​เร็ว​จริงๆ​!​”

​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​ได้​ฟัง​แล้วก็​หัวเราะ​ออกมา​ด้วย​ความชอบ​ใจ​ ​“​ท่าน​อาจารย์​ก็​บอกว่า​ข้า​เก่ง​มาก​ ​คนอื่น​ใช้เวลา​ฝึก​ตั้ง​หนึ่ง​เดือน​ ​แต่​ข้า​ใช้เวลา​แค่​สอง​สาม​วัน​ก็​เป็น​แล้ว​ ​อีก​สอง​สาม​วัน​ก็​จะ​เริ่ม​สอน​ข้า​ดีด​พิณ​ด้วย​”​ ข​ ​ ​ ​ ​ ​ ​ณะ​ที่​กำลัง​พูด​อยู่​นั้น​ ​จู่ๆ​ ​เขา​ก็​ชะงัก​ไป​ ​ก่อน​จะ​ค่อยๆ​ ​พูด​ต่อไป​ว่า​ ​“​แต่ทว่า​ ​ท่าน​อาจารย์​บอกว่า​เรื่อง​นี้​ต้อง​ได้รับอนุญาต​จาก​ท่าน​พ่อ​ก่อน​ถึง​จะ​ได้​”

​“​เจ้า​หมายถึง​เรื่อง​เรียน​ดีด​พิณ​หรือ​”​ ​สือ​อี​เหนียง​ไม่​ค่อย​เข้าใจ​เท่าไร​นัก​ ​ก่อนหน้านี้​ตอนที่​สวี​ซื่อ​จุน​กับ​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​ฝึก​เป่าขลุ่ย​กับ​เขา​ก็​ไม่เห็น​ว่า​จะ​เป็นทางการ​ขนาด​นี้

​“​ขอรับ​!​”​ ​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​ตอบกลับ​ไป​ว่า​ ​“​ท่าน​อาจารย์​เคย​ถาม​ว่า​ข้า​ยินดี​ที่จะ​กราบไหว้​เขา​เป็น​อาจารย์​สอนดีด​พิณ​หรือไม่​ ​ข้า​จึง​ตอบกลับ​ไป​ว่า​ข้า​ยินดี​ ​ท่าน​อาจารย์​ดีใจ​เป็นอย่างมาก​ ​จากนั้น​ท่าน​อาจารย์​ก็​ลูบ​ศีรษะ​ของ​ข้า​เบา​ๆ​ ​แล้ว​พูด​กับข้าว​่า​ ​รอท่า​นอา​จารย์​ปรึกษาหารือ​กับ​ท่าน​พ่อ​ก่อน​แล้ว​ค่อย​ว่า​กัน​”

คงจะ​เป็นการ​กราบไหว้​อาจารย์​อย่างเป็นทางการ​แบบ​ถ่ายทอด​และ​สืบสาน​ที่​ตกทอด​กัน​มาก​ระ​มัง

​สือ​อี​เหนียง​ค่อนข้าง​รู้สึก​แปลกใจ

อาจารย์​จ้าว​ผู้​นี้​ ​ดูแล​้ว​ไม่เพียงแต่​มาก​วิชา​ความรู้​เท่านั้น​ ​แต่​ยัง​เป็น​คนที​่​มี​ศิลปะ​และ​มากความ​สามารถ​อีกด้วย

​ขณะที่​กำลัง​พูด​อยู่​นั้น​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ก็​กลับมา​ถึง​พอดี

​สีหน้า​ของ​เขา​ค่อนข้าง​เคร่งขรึม​ ​เมื่อ​เห็น​สวี​ซื่อ​เจี​้​ยกำ​ลัง​พูดคุย​อยู่​ใน​อ้อมกอด​ของ​สือ​อี​เหนียง​ ​สีหน้า​ของ​เขา​ก็​ผ่อนคลาย​ลง​อย่างเห็นได้ชัด​ ​แล้วก็​เห็น​ว่า​ใน​มือ​ของ​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​ถือ​ขลุ่ย​ไม้​ไผ่​ไว้​หนึ่ง​เลา​ ​จึง​นึก​ว่า​เขา​กำลัง​ฝึก​เป่าขลุ่ย​อยู่​ ​ก็​เลย​ตักเตือน​เขา​ว่า​ ​“​ต่อไป​อย่า​เป่าขลุ่ย​จน​ดึก​เช่นนี้​อีก​”​ ​จากนั้น​ก็ได้​ให้​สะใภ้​หนาน​หย่ง​พา​เขา​ไป​เข้านอน

​หลังจากที่​สวี​ลิ่ง​อี๋​ชำระล้าง​ร่างกาย​และ​เปลี่ยน​ชุด​เสร็จ​เรียบร้อย​แล้ว​ ​สอง​สามีภรรยา​ก็​นอน​คุย​กัน​อยู่​บน​เตียง

​“​ท่าน​โหว​ไป​คารวะ​ท่าน​แม่​แล้ว​หรือ​เจ้า​คะ​”

​“​ไป​แล้ว​!​”

เช่นนี้​ก็​แสดงว่า​เขา​คงจะ​รู้​สถานการณ์​ของ​ฉิน​อี๋​เหนียง​แล้ว​ ​เรื่อง​บาง​เรื่อง​นาง​ก็​ไม่จำเป็น​ต้อง​พูด​ซ้ำ​อีก​รอบ

​สือ​อี​เหนียง​พูด​ขึ้น​ว่า​ ​“​อวี​้​เกอ​เอ๋อร​์​ว่า​อย่างไรบ้าง​หรือ​เจ้า​คะ​”

​สวี​ลิ่ง​อี๋​เงียบงัน​อยู่​ครู่หนึ่ง​ ​จากนั้น​ก็​พูด​ขึ้นเสียง​เบา​ว่า​ ​“​เขา​พูด​กับ​ข้า​อย่างเปิดเผย​และ​ตรงไปตรงมา​ ​ถาม​ข้าว​่า​ฉิน​อี๋​เหนียง​ทำพิธี​สาปแช่ง​จุน​เกอ​ใช่​หรือไม่​!​”

เด็ก​คน​นี้​ ​ตอนแรก​เขา​เพียงแค่​ฉลาด​เท่านั้น​ ​แต่​ตอนนี้​กลับ​ทั้ง​หัวไว​และ​เฉียบแหลม

​“​เช่นนั้น​…​ท่าน​โหวต​อบ​กลับ​ไป​ว่า​อย่างไร​เจ้า​คะ​”

​“​ในเมื่อ​เขา​เดา​ได้​แล้ว​ ​ข้า​เอง​ก็​เลย​ไม่​ปิดบัง​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​พูด​ต่อไป​ว่า​ ​“​เขา​นั่ง​ก้มหน้าก้มตา​เงียบๆ​ ​อยู่​ครู่หนึ่ง​ ​จากนั้น​เขา​ก็​ถาม​ว่า​เรื่อง​นี้​จะ​พูด​กับ​คน​ข้างนอก​ว่า​อย่างไร​ ​ข้า​เห็น​ว่า​เขา​ฉลาด​และ​ชัดเจน​ ​จึง​ได้​กำชับ​เรื่อง​ที่​สำคัญ​กับ​เขา​ไป​ ​เขา​ก็ได้​คุกเข่า​ลง​กับ​พื้น​คำนับ​ข้า​ไป​สาม​ครั้ง​ ​ขอร้อง​ให้​ข้า​อนุญาต​ให้​เขา​ไป​ปรนนิบัติ​ฉิน​อี๋​เหนียง​ที่ลั​่ว​เย​่ว​์​”​ ​ขณะที่​พูด​อยู่​นั้น​ก็ได้​ถอนหายใจ​ออกมา​เฮือก​ใหญ่​ ​“​วาจา​และ​การกระทำ​ของ​เขา​ทั้ง​สุขุม​และ​หนักแน่น​ ​ราวกับ​ผู้ใหญ่​คน​หนึ่ง​ก็​ไม่​ปาน​”

เปรียบเทียบ​กับ​ซื่อ​จื่อ​ผู้สืบทอด​ที่​ยัง​เหมือน​เด็กน้อย​เช่น​สวี​ซื่อ​จุน​ ​เหตุใด​สวี​ลิ่ง​อี๋​จะ​ไม่รู้​สึก​ผิดหวัง​เล่า

​*****

​สวี​ซื่อ​อวี​้​รู้สึก​ว่า​คอเสื้อ​ของ​เขา​เปียกชุ่ม​ไป​หมด

เป็นครั้งแรก​ที่​เขา​เป็น​ฝ่าย​เริ่ม​บทสนทนา​กับ​บิดา​ ​และ​เป็นครั้งแรก​เช่นกัน​ที่​บิดา​ไม่​ใช้​สายตา​ที่​คาดหวัง​ใน​การ​มอง​เขา​ ​แต่กลับ​ใช้​สายตา​ที่​ชื่นชม​ใน​การ​มอง​เขา​แทน​!

​เขา​ทิ้งตัว​นอนลง​บน​เตียง​โดย​หงาย​หน้า​ขึ้น​ ​ใบหน้า​ของ​ฉิน​อี๋​เหนียง​พลัน​ปรากฏ​ขึ้น​ใน​ห้วง​ความคิด​ ​ดวงตา​ก็​ค่อยๆ​ ​รื้น​ขึ้น​มา

​เหวิน​จู๋​เข้ามา​ช่วย​สวี​ซื่อ​อวี​้​ถอด​รองเท้า​อย่างเบามือ​เบา​เท้า​ ​พอ​เห็น​ว่า​สวี​ซื่อ​อวี​้​กำลัง​หลับตา​อยู่​ ​ใบหน้า​ของ​เขา​เต็มไปด้วย​ความเหนื่อย​ล้า​ ​นาง​จึง​ลังเล​อยู่​ครู่หนึ่ง​ ​จากนั้น​ก็​นำ​ผ้าห่ม​บาง​มา​ห่ม​ให้​สวี​ซื่อ​อวี​้

จู่ๆ​ ​สวี​ซื่อ​อวี​้​ก็​พูด​ขึ้น​ว่า​ ​“​เจ้า​ไป​เก็บ​ข้าว​เก็บของ​ ​เช้าตรู่​พรุ่งนี้​ข้า​จะ​เดินทาง​ไป​ที่ลั​่ว​เย​่ว​์​ ​ให้​เหลียน​เจียว​ไป​กับ​ข้า​ด้วย​”

เหลียน​เจียว​รู้เรื่อง​เยอะ​ขนาด​นี้​ ​ชีวิต​ของ​นาง​คงจะ​อันตราย​ไม่น้อย​ ​แทนที่จะ​ดึง​ใคร​เข้ามา​เกี่ยวข้อง​กับ​เรื่อง​นี้​ ​สู้​เลือก​นาง​เสีย​ยังดี​กว่า

​เหวิน​จู๋​ชะงัก​ไป​ชั่วครู่​ ​จากนั้น​ก็​ขานรับ​เสียง​เบา​ว่า​ ​“​เจ้าค่ะ​”​ ​แล้วจึง​ถาม​ขึ้น​ด้วย​ความเป็นห่วง​ว่า​ ​“​คุณชาย​น้อย​สอง​ ​ท่าน​ทานอาหาร​ค่ำ​แล้ว​หรือยัง​เจ้า​คะ​ ​เมื่อวาน​นี้​บ่าว​เพิ่ง​ไป​ขอ​แป้ง​ข้าวสาลี​ใหม่​จาก​ห้องครัว​มา​จำนวน​หนึ่ง​ ​ให้​บ่าว​ทำ​ขนม​เปี๊ยะ​ทอด​ต้นหอม​ให้ท่าน​ทาน​สัก​ชาม​ดี​หรือไม่​เจ้า​…​”

​“​ไม่ต้อง​แล้ว​”​ ​สวี​ซื่อ​อวี​้​ตัดบท​สนทนา​ของ​เหวิน​จู๋​ไป​ ​“​ข้า​เพิ่ง​ทาน​กับ​ท่าน​พ่อ​ที่​ลาน​นอก​มา​!​”

​เขา​เพิ่งจะ​พูด​จบ​ ​ชิ่น​เซียง​ก็​เข้ามา​พอดี​ ​“​คุณชาย​น้อย​สอง​ ​คุณหนู​ใหญ่​มา​เจ้าค่ะ​!​”

เวลานี้​?

​สวี​ซื่อ​อวี​้​ลุกขึ้น​นั่ง​ด้วย​ความแปลกใจ​ ​จากนั้น​ก็​ให้​ชิ่น​เซียง​เชิญ​เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​ไป​นั่ง​รอที​่​ห้องโถง​ ​ส่วนตัว​เอง​ก็​ให้​เหวิน​จู๋​มาป​รน​นิ​บัติ​ล้างหน้าล้างตา​และ​เปลี่ยน​ชุด​ใหม่​ ​แล้วจึง​ค่อย​ไป​เจอ​เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์

​ไม่ได้​เจอ​หน้า​กัน​มา​หลาย​เดือน​ ​เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​ดู​ผิวพรรณ​นวล​ผ่อง​กว่า​เดิม​ค่อนข้าง​มาก

​“​ได้ยิน​ว่า​พี่​สอง​กลับมา​แล้ว​”​ ​เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​ยิ้ม​ขึ้น​บาง​ๆ​ ​พร้อมกับ​พูด​ต่อไป​ว่า​ ​“​ก็​เลย​นำ​แตงโม​ดำ​ของ​ผัง​เก้อ​จวง​มา​ให้​พี่​สอง​ดับ​ร้อน​เสียหน่อย​”

​สวี​ซื่อ​อวี​้​จึง​กล่าว​ขอบคุณ​ ​จากนั้น​ก็​ให้​เหวิน​จู๋​ตัก​น้ำ​มา​แช่​แตงโม​ไว้​ ​แล้วจึง​พูด​กับ​เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​ว่า​ ​“​ ​ ​ ​ ​ ​ ​ ​ ​น้อง​หญิง​ใหญ่​อย่า​พึ่ง​รีบ​กลับ​ ​ข้า​ขอยืม​ดอกไม้​มาถ​วาย​พระ​ ​เชิญ​เจ้า​ทาน​แตงโม​ด้วยกัน​”

​“​ได้​สิ​!​”​ ​เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​ตกปากรับคำ​อย่าง​เต็มใจ​ ​แล้ว​ถามถึง​เรื่อง​ของ​ฉิน​อี๋​เหนียง​ขึ้น​มา​ ​“​…​ยัง​สบายดี​หรือไม่​”

​“​ยัง​สบายดี​!​”​ ​นอกจาก​คำ​นี้​แล้ว​ ​สวี​ซื่อ​อวี​้​ก็​ไม่รู้​ว่า​ควรจะ​ตอบ​อย่างไร​ดี​ ​ใน​ใจ​ของ​เขา​สับสนวุ่นวาย​และ​ไม่​อยาก​ที่จะ​พูด​เรื่อง​นี้​ต่อ

​“​เช่นนั้น​ก็ดี​แล้ว​!​”​ ​เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​พยักหน้า​เบา​ๆ​ ​หลังจากนั้น​ก็​พากั​นพูด​คุย​เกี่ยวกับ​เล่อ​อาน​กับ​สวี​ซื่อ​อวี​้​ ​“​..​เคย​เจอ​หน้า​คุณหนู​เก้า​สกุล​เจียง​แล้ว​หรือไม่​ ​ตอนนี้​นาง​คงจะ​ตัว​สูง​ขึ้น​แล้ว​กระมัง​ ​นาง​ได้​เล่าเรียน​กับ​ท่าน​อาจารย์​เจียง​หรือไม่​ ​หรือว่า​ไป​เรียน​งานเย็บปักถักร้อย​กับ​อาสะใภ้​สกุล​เจียง​ ​ปกติ​แล้ว​ท่าน​ไปเที่ยว​กับ​สหาย​ร่วม​คณะ​ที่ไหนบ้าง​”​ ​คำถาม​มากมาย

​สวี​ซื่อ​อวี​้​จึง​ตอบกลับ​ไป​ว่า​ ​“​ตอนที่​ไป​ขอ​คำ​ชี้แนะ​การเรียน​กับ​ท่าน​อาจารย์​เจียง​ ​ก็​เจอ​อยู่​หลายครั้ง​ ​แต่​เพราะ​ไม่ได้​สังเกต​ดูดี​ๆ​ ​จึง​ไม่รู้​ว่านาง​ตัว​สูง​ขึ้น​หรือไม่​ ​นาง​ไม่ได้​ร่ำเรียน​กับ​ท่าน​อาจารย์​เจียง​ ​แต่​ร่ำเรียน​กับ​อาจารย์​หญิง​ภรรยา​ของ​ท่าน​อาจารย์​เจียง​แทน​”​ ​เมื่อ​พูดถึง​ตรงนี้​ ​เขา​ก็​นึก​เรื่อง​หนึ่ง​ขึ้น​มา​ได้​ ​จึง​พูด​ขึ้น​ว่า​ ​“​มี​ครั้งหนึ่ง​ ​อาจารย์​หญิง​เคย​เรียก​ข้า​ไป​ถาม​ว่า​ฝีมือ​งานเย็บปักถักร้อย​ของ​ท่าน​แม่​ดีมาก​ใช่​หรือไม่​ ​ยัง​พูด​อีกว่า​ ​ตอนที่​อยู่​ใน​เมือง​เยี​่​ยน​จิง​ ​มักจะ​ได้ยิน​ผู้คน​พูดถึง​ฝี​เข็ม​การ​เย็บปักถักร้อย​ของ​ท่าน​แม่​อยู่​บ่อยครั้ง​ ​ขึ้นชื่อว่า​เป็นยอด​ฝีมือ​แห่ง​เมือง​เยี​่​ยน​จิง​เชียว​”

​“​ยอด​ฝีมือ​แห่ง​เมือง​เยี​่​ยน​จิง​หรือ​”​ ​เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​หัวเราะ​ออกมา​เบา​ๆ​ ​“​เป็นครั้งแรก​ที่​ข้า​ได้ยิน​เช่นนี้​”

​“​ข้า​เอง​ก็​ไม่เคย​ได้ยิน​มาก​่อน​”​ ​สวี​ซื่อ​อวี​้​นึกถึง​เหตุการณ์​ใน​ตอนนั้น​ ​ก็​อด​ไม่ได้​ที่จะ​ยิ้ม​ขึ้น​บาง​ๆ​ ​“​ตอน​คุย​กับ​อาจารย์​หญิง​ข้า​โอ้อวด​เกิน​จริง​ไปมาก​ ​แต่​อาจารย์​หญิง​กลับ​รู้สึก​เป็นกังวล​ใจ​ขึ้น​มา​ ​จึง​ไป​เชิญ​ช่าง​ปัก​เย็บ​ที่​มีชื่อเสียง​ที่สุด​ใน​เมือง​เล่อ​อาน​มาสอ​นการ​เย็บปักถักร้อย​ให้​กับ​คุณหนู​เก้า​”

​เหวิน​จู๋​ยก​แตงโม​เข้ามา​พอดี

​สอง​พี่น้อง​ก็​พากัน​ทาน​แตงโม​ ​เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​ถาม​คำถาม​ ​สวี​ซื่อ​อวี​้​ก็​ตอบคำถาม​ ​พูดคุย​เกี่ยวกับ​เมือง​เล่อ​อาน​ ​เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​เห็น​ว่า​เวลา​ล่วงเลย​มานาน​แล้ว​ ​จึง​ลุกขึ้น​แล้ว​ขอตัว​ลาก​ลับ​เรือน

​สวี​ซื่อ​อวี​้​ก็ได้​เดิน​ไป​ส่ง​นาง​ที่​ประตู

เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​ไม่ได้​พูดถึง​จุดประสงค์​ของ​การ​มาหา​ ​นาง​คงจะ​ตั้งใจ​นำ​แตงโม​มา​ให้​เขา​จริงๆ

​เขา​อด​ไม่ได้​ที่จะ​รู้สึก​แปลกใจ

​หลังจาก​กลับ​ไป​ที่​เรือน​แล้ว​ ​ก็​เห็น​เหวิน​จู๋​และ​ชิ่น​เซียง​กำลัง​เก็บ​ข้าวของเครื่องใช้​ของ​เขา​ ​ยังดี​ที่​เขา​เพิ่งจะ​กลับมา​ ​ข้าวของเครื่องใช้​ส่วนใหญ่​จึง​ยัง​ไม่ได้​ถูก​นำ​ออกมา​ ​เพียงแค่​จัดระเบียบ​นิดๆ​ ​หน่อย​ๆ​ ​ก็​เพียงพอ

​รู้สึก​ว่า​ทุกครั้งที่​กลับมา​ก็​มัก​เป็น​เช่นนี้​เสีย​ทุกครั้ง​ ​เขา​ไม่ได้​รีบ​นำ​ข้าวของ​ออกมา​จัดระเบียบ​ในทันที​ ​เพราะ​รู้สึก​ว่า​อีก​ไม่​กี่​วัน​ก็​จะ​ต้อง​เดินทาง​ไป​ที่​เล่อ​อาน​ ​ถึง​เวลา​นั้น​ก็​จะ​ต้อง​เก็บ​ข้าวของ​เข้า​หีบ​ใหม่

​ไม่รู้​ว่า​เป็น​เพราะอะไร​ ​สวี​ซื่อ​อวี​้​ถึง​รู้สึก​อารมณ์ดี​ขึ้น​ไม่น้อย

​จากนั้น​เขา​ก็​ชะงัก​ไป​ชั่วขณะ

เหตุใด​ถึง​รู้สึก​ผ่อนคลาย​ลง​…

​สวี​ซื่อ​อวี​้​นึกถึง​เมื่อครู่นี้​ ​เขา​พูด​ค่อนข้าง​เยอะ​ ​เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​เป็น​ฝ่าย​นั่ง​ฟัง​เขา​อย่าง​เงียบๆ​ ​เสีย​ส่วนใหญ่

ที่​เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​มาหา​ ​ก็​เพียง​เพื่อ​ต้องการ​จะ​มาป​ลอบ​โยน​ตน​หรือ​อย่างไร​กัน

แล้ว​เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​รู้เรื่อง​แค่ไหน​กัน

​สวี​ซื่อ​อวี​้​เหม่อลอย​อยู่​ตรงนั้น

​*****

​วัน​ถัดมา​ ​สวี​ซื่อ​อวี​้​ก็ได้​เดินทาง​ไป​ที่ลั​่ว​เย​่ว​์

​ป้า​หยาง​อด​ไม่ได้​ที่จะ​พูด​ขึ้น​ว่า​ ​“​การ​มีบุ​ตร​ชาย​ก็ดี​เยี่ยง​นี้​ ​เจ็บไข้ได้ป่วย​ขึ้น​มาก​็​ยัง​มี​คน​ปรนนิบัติ​ดูแล​!​”

​หยาง​อี๋​เหนียง​จ้องมอง​ผ้าไหม​ที่​ต้อง​ปัก​รูป​เด็กน้อย​อีก​สอง​คน​ก็​จะ​เป็นอัน​เสร็จ​เรียบร้อย​ ​นาง​ยิ้ม​ขึ้น​บาง​ๆ

ใช้เวลา​อีก​ประมาณ​ครึ่ง​เดือน​ ​งาน​ปัก​ชิ้น​นี้​ก็​จะ​สามารถ​นำ​ไป​มอบให้​ผู้อื่น​ได้​แล้ว​กระมัง​!

​ทาง​ด้าน​เฉียว​เหลียน​ฝัง​ ​พอได้​ยิน​แล้วก็​เพียงแค่​พยักหน้า​เบา​ๆ​ ​เท่านั้น​ ​นาง​ปรึกษาหารือ​กับ​ซิ่ว​หยวน​ว่า​ ​“​เช่นนี้​ดี​หรือไม่​ ​ข้า​ไป​ขอร้อง​กับ​ทาง​พ่อบ้าน​ไป๋​อีก​รอบ​ ​ป้า​ตู้​ไม่รู้​จัก​บ่าว​รับใช้​ชาย​อายุ​น้อย​เหล่านั้น​ ​พ่อบ้าน​ไป๋​ก็​คงจะ​ไม่ได้​ไม่รู้​จัก​ด้วย​กระมัง​!​”

คนอื่น​เขา​จะ​ไม่รู้​จัก​ได้​อย่างไร​กัน​เล่า​ ​ก็​เพียงแค่​ไม่​อยาก​ที่จะ​ยื่นมือ​มายุ​่​งกับ​เรื่อง​นี้​ก็​เท่านั้น​!

​ซิ่ว​หยวน​ตอบกลับ​อย่าง​นุ่มนวล​ว่า​ ​“​บ่าว​ได้ยิน​มา​ว่า​เรือน​ที่​ตรอก​จิน​อวี​๋​ของฮู​หยิน​ใกล้​จะ​เสร็จ​แล้ว​ ​พ่อบ้าน​ไป๋​กำลัง​ยุ่ง​วุ่น​กับ​เรื่อง​นี้​อยู่​ ​คงจะ​ไม่ว่าง​มาดู​แล​เรื่อง​พวก​นี้​หรอก​กระมัง​ ​บ่าว​ว่า​ช่างเถิด​เจ้าค่ะ​!​”​ ​แล้ว​หันไป​ย้ำ​เตือน​กับ​เฉียว​เหลียน​ฝัง​อีกที​ว่า​ ​“​ท่าน​ว่า​เรา​ควร​ส่ง​ของขวัญ​อวยพร​ไป​ก่อน​ดี​หรือไม่​เจ้า​คะ​”

​“​ไม่ใช่​พิธี​ขึ้น​บ้าน​ใหม่​อะไร​เสียหน่อย​ ​จะ​ส่ง​ของขวัญ​อวยพร​ไป​ทำไม​กัน​”​ ​เฉียว​เหลียน​ฝัง​รีบ​ปฏิเสธ​อย่าง​ไม่เห็นด้วย​ ​“​ทาง​ฝั่ง​นั้น​มี​เหวิ​นอี​๋​เหนียง​คอย​สร้าง​ความ​ครึกครื้น​อยู่​แล้ว​ ​พวกเรา​ไม่ต้อง​ทำ​อะไร​ก็แล้วกัน​”​ ​ขณะที่​นาง​กำลัง​พูด​อยู่​นั้น​ ​จู่ๆ​ ​ก็​เหมือน​จะ​นึก​อะไร​ขึ้น​มา​ได้​ ​“​เรา​ไป​คุย​เรื่อง​นี้​กับ​เหวิ​นอี​๋​เหนียง​ดี​หรือไม่​!​ ​จวน​สกุล​เหวิ​นข​อง​นาง​มีพ​่​อบ​้า​นมา​กมาย​ ​จะ​หา​ใคร​สัก​คนที​่​เหมาะสม​ไม่ได้​เชียว​หรือ​!​”​ ​พูด​จบ​ ​นาง​ก็​ไป​ยัง​เรือน​ของ​เหวิ​นอี​๋​เหนียง​ทันที

​เหวิ​นอี​๋​เหนียง​กำลัง​ครุ่นคิด​เรื่อง​ของ​ฉิน​อี๋​เหนียง

นี่​ก็​เดือน​กว่า​แล้ว​ ​คุณชาย​น้อย​สอง​ก็​กลับมา​แล้ว​ ​คาด​ว่า​ฉิน​อี๋​เหนียง​คงจะ​เหลือ​เวลา​อีก​ไม่​กี่​วัน​แล้ว​กระมัง​…

​พอได้​ยิน​ว่า​เฉียว​เหลียน​ฝัง​มาหา​ ​นาง​ก็​รีบ​ทิ้ง​ความรู้สึกนึกคิด​เหล่านั้น​ไป​ ​รีบ​ตรง​ไป​ยัง​ห้องโถง

​หลังจากที่​รู้​จุดประสงค์​การ​มา​ของ​นาง​ ​เหวิ​นอี​๋​เหนียง​ก็​ค่อนข้าง​ลำบากใจ

หาก​เป็น​เมื่อ​หลาย​ปี​ที่แล้ว​ ​เรื่อง​แค่นี้​ถือว่า​เป็นเรื่อง​เล็ก​และ​ธรรมดา​มาก​ ​หาก​ได้​ช่วย​เฉียว​เหลียน​ฝัง​จัดการ​เรื่อง​นี้​แล้ว​ ​ก็​ถือเป็น​การก​ระ​ชับ​มิตรภาพ​ไป​ใน​ตัว​ ​แต่​สอง​ปี​มานี​้​ ​จวน​สกุล​เหวิน​เกลียด​นาง​และ​ไม่​ให้​ความช่วยเหลือ​ใดๆ​ ​ทั้งสิ้น​ ​แม้แต่​ร้านค้า​ที่​เปิด​ใน​เขต​จี่​หนา​นก​็​พลอย​ได้รับ​ผลกระทบ​ไป​ด้วย​…​แต่​หาก​ปฏิเสธ​เฉียว​เหลียน​ฝัง​ไป​ตรงๆ​ ​เฉียว​เหลียน​ฝัง​คงจะ​ต้อง​นึก​ว่า​ตน​ไม่​ยินดี​ที่จะ​ช่วย​อย่างแน่นอน

​นาง​จึง​ยิ้ม​พร้อมกับ​พูด​ขึ้น​ว่า​ ​“​อีก​สอง​วัน​ข้า​ค่อย​ส่ง​คน​ไป​ช่วย​ถาม​ให้​ได้​หรือไม่​!​ ​สัก​สอง​สาม​วัน​ข้า​ค่อย​ให้​คำตอบ​กับ​เฉียว​อี๋​เหนียง​อีกที​”

​เฉียว​เหลียน​ฝัง​ได้ยิน​แล้วก็​ยิ้ม​พร้อมกับ​กล่าว​ขอบคุณ

​ผ่าน​ไป​สอง​วัน​ ​ทางลั​่ว​เย​่ว​์​ก็ได้​ส่งข่าว​มา​ว่า​ ​ฉิน​อี๋​เหนียง​ได้เสีย​ชีวิต​ลง​แล้ว
เพิ่มขนาดช่อง ดึงมุมขวามือลง

ร้อยรักปักดวงใจ

ร้อยรักปักดวงใจ

Status: Ongoing

เมื่อจวนสกุลหลัว มีภรรยาเอกหนึ่งคนและอนุภรรยาอีกหกคน จึงตามมาด้วยพี่น้องต่างมารดามากมาย

หลัวหยวนเหนียง บุตรีคนโตจากนายหญิงใหญ่ ได้แต่งเป็นภรรยาเอกของ สวีลิ่งอี๋ ที่มีบรรดาศักดิ์เป็นถึงหย่งผิงโหว แม่ทัพใหญ่

ทว่า ช่างโชคร้ายที่หลัวหยวนเหนียงล้มป่วนหนักและรู้ดีว่าใกล้ถึงวาระสุดท้าย นางจึงวางแผนการใหญ่กับมารดา

นั่นคือ การเลือกหนึ่งในหญิงสาวพี่น้องสกุลหลัวที่ยังไม่ได้ออกเรือนมาคอยดูแล จุนเกอ บุตรชายสุดที่รักเพียงคนเดียว และ...

คอยรักษาอำนาจของสกุลหลัวไว้ในฐานะภรรยาเอก โดยการแต่งงานกับหย่งผิงโหวเพื่อเป็นภรรยาตัวแทน!

สุดท้าย ผู้ถูกเลือกนั้นกลับกลายเป็นบุตรีของอนุภรรยา คุณหนูสิบเอ็ดผู้รักความสงบอย่าง สืออีเหนียง

แม้ไม่อาจหนีพ้นชะตากรรมที่มีผู้กำหนดมาให้ มีแต่ต้องเผชิญกับความวุ่นวายตรงหน้าต่อไป

ทักษะการปักผ้า ไหวพริบที่ติดตัวมา และเสน่ห์สุขุมดั่งน้ำนิ่ง อาจนำไปสู่กระแสน้ำพัดพาเหนือใครจะคาดเดา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท