หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting – บทที่ 1197 เจ็ดวันผสานดาว!

บทที่ 1197 เจ็ดวันผสานดาว!
บทที่ 1197 เจ็ดวันผสานดาว!
จานหลัวผานแผ่นนี้ดูแล้วไม่มีจุดแปลกประหลาดมากนัก มีเพียงความรู้สึกถึงเก่าแก่เท่านั้นที่ชัดเจนอย่างยิ่ง ทั้งยังมีคราบสกปรกที่เช็ดไม่ออกหลายที่ คล้ายกับแปดเปื้อนเลือดมาไม่รู้กี่ปีแล้ว
แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีกลิ่นอายแปลกประหลาดเลยแม้แต่น้อย ทั่วร่างของมันมีกลิ่นคล้ายไม้เซี่ยงมู่แผ่ออกมา ขณะเดียวกันที่มุมด้านขวาของมันก็มีมุมกว้างที่ขาดแหว่งไปอย่างเห็นได้ชัด
มุมที่ขาดหายไปนี้ราวกับถูกแรงจากภายนอกกระแทกใส่ ทำให้แผ่นจานนี้แตกร้าว ถึงขั้นที่มองเห็นรอยร้าวหลายเส้นบนมุมที่ขาดหายไปได้ มีทั้งเส้นที่ตื้นและเส้นที่ลึก ล้วนแพร่กระจายไปทั่วทั้งจานหลัวผาน ทำให้ความรู้สึกเก่าแก่ของจานหลัวผานแผ่นนี้เพิ่มพูนขึ้น
“แผ่นเลื่อนระดับโลกา” หวังเป่าเล่อถือจานหลัวผานพร้อมเอ่ยพึมพำ ประโยชน์ของจานแผ่นนี้อาจจะมีไม่น้อย แต่หวังเป่าเล่อรู้จักเพียงอย่างเดียว นั่นก็คือ…เลื่อนขั้นระดับอารยธรรม
เขาไม่รู้ว่าหลักการของมันคืออะไร แต่คิดดูแล้วของสิ่งนี้คงจะเป็นการดำรงอยู่ที่เหมือนกับพลังเบื้องหลังอย่างหนึ่งที่สามารถเพิ่มระดับความหนาแน่นของอารยธรรม จากนั้นก็ทำให้อารยธรรมแห่งหนึ่งก้าวกระโดดคล้ายกับเพิ่มประวัติศาสตร์ขึ้นมาจากความว่างเปล่า เหมือนกับการต่อเติมกิ่งอย่างไรอย่างนั้น
สำหรับเรื่องวิธีใช้ก็ไม่ได้ซับซ้อน เพียงแค่หลอมรวมมันเข้าไปภายในดารานิรันดร์ก็เป็นพอ
หวังเป่าเล่อไตร่ตรองอยู่พักหนึ่งก็เงยหน้าขึ้นมองไปยังดวงอาทิตย์ดารานิรันดร์ เขาไม่ได้หลอมรวมเข้าไปทันที ถึงอย่างไรของสิ่งนี้ก็มาจากแม่น้ำแห่งความมืด มาจากนพภูมิ หวังเป่าเล่อไม่ค่อยมั่นใจมากนัก ดังนั้นจึงต้องศึกษาอีกสักรอบถึงจะแน่ใจว่าจะใช้หรือไม่
“การมาถึงของอารยธรรมครามทองคำ หลังจากผสานรวมกันแล้วก็จะยกระดับอารยธรรมของสหพันธรัฐขึ้น…” หวังเป่าเล่อครุ่นคิด ปิดดวงตาลงแล้วทำสมาธิเงียบๆ
เวลาหมุนเวียนไป ไม่นานก็ผ่านมาเจ็ดวันแล้ว
ในช่วงเจ็ดวันนี้ บ้านของหวังเป่าเล่อมีผู้มาเยือนไม่ขาดสาย ทั้งปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์หลี่สิงเหวิน อู๋เมิ่งหลิงประธานสหพันธรัฐ รองประธานและเจ้านครดาวอังคารหลินโยว สหายเต๋ากุ้ย รวมทั้งกลุ่มไตรจันทราและปรมาจารย์ตระกูลจินที่หวังเป่าเล่อยังไม่เคยพบผู้นั้น ไปจนถึงพวกมหาทัณฑ์จากอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ แล้วยังมีชิงหลิงจื่อผู้แสนประหม่าจากวังเต๋าไพศาล
คนเหล่านี้คือบุคคลระดับสูงในปัจจุบันของสหพันธรัฐ แต่ละคนพากันมาเยี่ยมเยียนและคารวะ การปฏิบัติตัวต่อคนที่แตกต่างกัน ท่าทีของหวังเป่าเล่อก็ย่อมไม่เหมือนกัน อย่างเช่นพวกหลี่สิงเหวินและอู๋เมิ่งหลิง หวังเป่าเล่อจะปฏิบัติด้วยธรรมเนียมแบบผู้น้อย ส่วนคนอื่นๆ หวังเป่าเล่อก็ไปพบด้วยรอยยิ้ม แต่ไม่ว่าจะอ่อนโยนแค่ไหนก็ยังเลี่ยงไม่ได้ที่จะทำให้ผู้มาเยือนคนอื่นๆ นอกจากหลี่สิงเหวินและอู๋เมิ่งหลิงรู้สึกประหม่าอยู่ในใจได้
ยังมีปรมาจารย์อารยธรรมครามทองคำที่เพิ่งเข้ามาใหม่ก็มาเยือนด้วยเช่นกัน เขาเคารพนบน้อมอยู่ตรงหน้าหวังเป่าเล่อ ไม่กล้ามีการกระทำและคำพูดประมาทเลินเล่อสักนิด นี่ก็ยิ่งทำให้ในใจของบุคคลระดับสูงเหล่านั้นของสหพันธรัฐกริ่งเกรงหวังเป่าเล่อมากขึ้นไปอีก
ไม่ว่าจะเป็นที่แจ้งหรือที่ลับ ตัวตนและตำแหน่งของหวังเป่าเล่อในสหพันธรัฐก็หาที่เปรียบไม่ได้แล้ว ถึงขั้นที่เวลาผู้ฝึกตนบางส่วนของสหพันธรัฐพูดคุยเรื่องหวังเป่าเล่อก็ยังเรียกเขาว่าปรมาจารย์อีกด้วย
ปรมาจารย์สหพันธรัฐ!
ไม่นานคำเรียกนี้ก็แพร่หลาย ไม่มีใครไม่ยอมรับ เพราะกล่าวได้ว่าทุกอย่างในปัจจุบันของสหพันธรัฐล้วนเป็นสิ่งที่หวังเป่าเล่อได้รับมาทั้งสิ้น ทั้งการผสานรวมของวังเต๋าไพศาล เขาก็เป็นประธาน การผสานรวมของอารยธรรมดวงเนตรสววรค์ เขายิ่งมีส่วนรวมในทุกขั้นตอน และอารยธรรมครามทองคำในวันนี้ก็ยิ่งมาเพราะเลื่อมใสในชื่อเสียง
ดังนั้นในสหพันธรัฐปัจจุบันนี้ ถึงแม้หวังเป่าเล่อจะยังไม่บรรลุความฝันในวัยเด็กที่จะเป็นประธานสหพันธรัฐ แต่นี่ก็ไม่สำคัญแล้ว
หลังจากพบกับผู้มาเยือนทั้งหมด หวังเป่าเล่อก็ทิ้งร่างแยกเอาไว้เพื่อไม่เป็นการรบกวนพ่อแม่ ส่วนร่างจริงนั้นไปจากดาวโลก สู่ภายในดวงอาทิตย์ดารานิรันดร์
ดารานิรันดร์ที่ปีนั้นเขาไม่อาจเข้ามาได้ แต่วันนี้ สำหรับหวังเป่าเล่อแล้วกลับเหมือนไปสวนดอกไม้ที่บ้านของตัวเอง สาเหตุที่เป็นเช่นนี้ ด้านหนึ่งก็เพราะพลังฝึกปรือของเขาไม่อาจเทียบกับในอดีตได้แล้ว ส่วนอีกด้านก็เพราะเดิมทีดารานิรันดร์ดวงเนตรสวรรค์ได้ถูกเขาควบคุม หลังจากผสานรวมกับดวงอาทิตย์ดารานิรันดร์ ก็จะทำให้ดวงอาทิตย์เป็นของหวังเป่าเล่อในแง่ของการครอบครองโดยปริยาย
ภายในดวงอาทิตย์ดารานิรันดร์ หวังเป่าเล่อนั่งขัดสมาธิท่ามกลางแสงอาทิตย์เจิดจ้า ขณะที่กำลังบำเพ็ญตนอยู่นั้น อารยธรรมครามทองคำและสหพันธรัฐก็บรรลุมติในด้านรายละเอียดเรียบร้อยแล้ว เรื่องการผสานรวมจึงมีกำหนดการขึ้น
นั่นคือกำหนดไว้ที่ครึ่งเดือนให้หลัง!
ในช่วงครึ่งเดือนนี้ ยังมีเรื่องต้องทำก่อนอีกมากมาย อย่างเช่นการแบ่งพื้นที่หลังจากการผสานรวม และวิธีการจัดการกับอารยธรรมนับร้อยที่มาพร้อมอารยธรรมครามทองคำ ไปจนถึงตำแหน่งที่นั่งของอารยธรรมครามทองคำในสหพันธรัฐ
ถึงอย่างไรเมื่อเทียบกับสหพันธรัฐแล้ว อารยธรรมครามทองคำนั้นใหญ่เหลือเกิน ถ้าหากไม่มีหวังเป่าเล่ออยู่ สหพันธรัฐก็คงเป็นฝ่ายเสียเปรียบโดยสมบูรณ์ในการผสานรวม แต่วันนี้อารยธรรมครามทองคำกลับเป็นฝ่ายถอยให้ก่อนแล้วเสนอให้ดารานิรันดร์ของครามทองคำผสานเข้าไปในดารานิรันดร์ของสหพันธรัฐโดยสมบูรณ์ ละทิ้งอำนาจผู้นำ ขณะเดียวกันก็มอบอารยธรรมขนาดเล็กนับร้อยที่ติดมาด้วยให้กับสหพันธรัฐทั้งหมด
หลังจากนี้ อารยธรรมขนาดเล็กเหล่านี้จะไม่ใช่ของครามทองคำอีกต่อไป แต่เป็นของสหพันธรัฐ
ดาราจักรของพวกเขาจะพันรอบที่ขอบของดาราจักรสหพันธรัฐในอนาคต กลายเป็นส่วนหนึ่งของวังวนดวงดาวของสหพันธรัฐ ขณะเดียวกันอาณาเขตของสหพันธรัฐก็จะแบ่งออกเป็นสองพื้นที่แล้วมอบให้กับอารยธรรมครามทองคำด้วย
สำหรับอารยธรรมครามทองคำแล้ว นี่เป็นเรื่องเสียเปรียบอย่างยิ่ง ถึงอย่างไรการผสานรวมของพวกเขาก็สามารถส่งเสริมสหพันธรัฐได้มากมายเหลือเกิน แต่ครามทองคำกลับไม่มีความไม่พอใจเลยสักนิด แต่สนับสนุนอย่างเต็มที่
ทุกคนต่างมองออกและรู้ว่าสหพันธรัฐไม่นับเป็นอะไรสำหรับครามทองคำ พวกเขามาที่นี่ก็เพื่อ…พึ่งพาหวังเป่าเล่อ
ภายใต้การส่งเสริมและร่วมมืออย่างเต็มกำลัง ครึ่งเดือนก็ผ่านไปในพริบตา เรื่องที่ต้องทำก่อนหน้าก็เสร็จสมบูรณ์ และในที่สุดวันนี้ ภายใต้การออกอากาศอย่างพร้อมเพรียงของทุกเขตแดนในสหพันธรัฐ การผสานรวมของอารยธรรมครามทองคำกำลังจะเริ่มต้นอย่างเป็นทางการ!
ด้านหวังเป่าเล่อในตอนนี้แบ่งร่างแยกออกมาเป็นร้อยๆ ร่าง แล้วกระจายไปทั่วทุกที่เพื่อนั่งทำสมาธิอยู่ที่ขอบนอกของระบบสุริยะ เป็นการป้องกันอุบัติเหตุและการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้น ส่วนร่างจริงยังคงนั่งอยู่ภายในดวงอาทิตย์ดารานิรันดร์ เป็นประธานในการผสานรวมครั้งนี้
ดังนั้นในไม่ช้า ประชาชนทั่วทั้งสหพันธรัฐก็ล้วนมองเห็นว่าบนฟ้ามีดารานิรันดร์ที่ใหญ่ยิ่งกว่าพระอาทิตย์อยู่ดวงหนึ่ง มันค่อยๆ เผยตัวออกมาท่ามกลางความพร่าเลือน รอบตัวมันมีอุกกาบาตจำนวนนับไม่ถ้วน ราวกับกำลังดึงและผลัก และเหมือนกับกำลังหนุนนำให้ดารานิรันดร์แปลกหน้าดวงนี้ค่อยๆ เข้ามาใกล้กับดวงอาทิตย์
ตลอดกระบวนการดำเนินไปเป็นเวลาสิบสี่วัน ในช่วงเจ็ดวันแรก อุณหภูมิในระบบสุริยะพุ่งสูงขึ้นมหาศาล ปราณวิญญาณก็พุ่งทะยานขึ้นด้วย ประชาชนทุกคนเห็นเหตุการณ์จริงทั้งหมดผ่านการออกอากาศจากวงแหวนปราณของระบบสุริยะ
ทุกคนต่างตื่นเต้น อารยธรรมดวงเนตรสววรค์ก็เช่นกัน เพราะสำหรับพวกเขาแล้ว การผสานรวมของครามทองคำจะทำให้ระดับชีวิตของพวกเขาเพิ่มสูงขึ้น พลังฝึกปรือก็จะเพิ่มพูนขึ้นในพริบตา เช่นเดียวกับวังเต๋าไพศาล พวกเขาถึงขนาดตั้งตารอยิ่งกว่าใคร เพราะทันทีที่ผสานรวมแล้ว อาการบาดเจ็บของพวกเขาก็ถูกบังคับให้ฟื้นตัวขึ้นมาอย่างมากในชั่วพริบตา แม้ว่าเดิมทีอาการบาดเจ็บบางอย่างก็ไม่ได้สาหัสมาก แต่ก็สามารถหายเป็นปกติได้ทันที
นี่ก็คือกฎเกณฑ์และกฎเวทแห่งอวกาศของโลกแห่งศิลา ไม่ว่าจะเป็นสำนักแห่งความมืดหรือเต๋าสวรรค์ หรือกระทั่งเต๋าสวรรค์ไม่รู้สิ้น ล้วนเป็นเต๋าที่ประกอบอยู่ในกฎนี้ทั้งนั้น
การผสานอารยธรรม ยกระดับชั้น ตอบแทนให้กับสรรพชีวิต ราวกับเปลี่ยนฟ้าแลกชะตา ส่งผลต่อพรสวรรค์ตามธรรมชาติ ทำให้พลังฝึกตนเพิ่มขึ้น!
จนกระทั่งวันที่แปดมาถึง ดวงอาทิตย์ของสหพันธรัฐและดารานิรันดร์ของครามทองคำก็สัมผัสกันโดยสมบูรณ์ ทั้งสองดวงล้วนแผ่ไอหมอกจำนวนมากออกมาแล้วผสานเข้าด้วยกันอย่างช้าๆ ภายใต้แรงกดดันควบคุมของปรมาจารย์ครามทองคำและหวังเป่าเล่อ
มองจากไกลๆ จะเห็นว่าดวงอาทิตย์นั้นเล็กมาก ดารานิรันดร์ครามทองคำก็ใหญ่มาก แต่ระหว่างการผสาน ดวงอาทิตย์ของสหพันธรัฐกลับเป็นฝ่ายดูดซับ ส่วนดารานิรันดร์ครามทองคำก็มอบให้ ทั้งกระบวนการนี้ดำเนินอยู่เป็นเวลาสิบวัน
สำหรับสหพันธรัฐแล้ว เจ็ดวันครั้งที่สองนี้คล้ายกับการเปลี่ยนฟ้าแลกดิน ความยิ่งใหญ่ของการเปลี่ยนแปลงสั่นคลอนจิตใจของคนทุกคน!
เขตแดนของสหพันธรัฐขยายขึ้นในพริบตา มากยิ่งกว่าเดิมถึงสิบเท่า!
ปราณวิญญาณภายในดาวพระเคราะห์ดั้งเดิมของอารยธรรมดวงเนตรสววรค์และของระบบสุริยะภายในจักรวาลของสหพันธรัฐทั้งสิบกว่าดวงนี้ล้วนระเบิดออกมาทันที จนเกินกว่าร้อยเท่าแบบที่ผ่านมา
อุณหภูมิของจักรวาลพุ่งสูงถึงระดับที่น่าตกใจ แต่ภายใต้การคุ้มครองของหวังเป่าเล่อ มันกลับไม่ส่งผลต่อดาวพระเคราะห์และไม่ทำร้ายผู้คนแม้แต่นิด ขณะเดียวกันเมื่ออุณหภูมิและปราณวิญญาณเข้มข้นขึ้น ทั่วทั้งระบบสุริยะก็พร่ามัว
ยิ่งพร่ามัวมากเท่าใด ก็เกิดวิญญาณไร้สติสัมปชัญญะส่วนหนึ่งขึ้นเลือนราง วิญญาณเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งมีชีวิตแต่กำเนิดที่เกิดมาพร้อมกับปราณวิญญาณ มีลักษณะแตกต่างกัน และกำลังร่ายรำอยู่กลางจักรวาล ทำให้ผู้ที่มองเห็นทุกคนต่างตกตะลึง
ดาวพระเคราะห์ที่เป็นของอารยธรรมครามทองคำราวกับถูกฉุดรั้งให้มาปรากฏตัวขึ้นยังบริเวณภายในระบบสุริยะที่ถูกกำหนดเอาไว้ก่อนหน้านี้ ถึงแม้มันจะพร่ามัว แต่การปรากฏตัวของพวกมันก็ทำให้ระบบสุริยะเริ่มเกิดลมพายุ ทุกที่ที่พายุพัดผ่าน ปราณวิญญาณก็จะระเบิดอีกครั้ง
ทุกคนในอารยธรรมดวงเนตรสววรค์ ทุกชีวิตในสหพันธรัฐ และผู้ฝึกตนในวังเต๋าไพศาลล้วนตัวสั่นสะท้านรุนแรงขึ้นมาและในชั่วขณะนี้เอง กลิ่นอายแต่ละสายก็พวยพุ่งออกมาตามๆ กันจากทุกทิศทางหลากตำแหน่ง พวกมันคือการทะลวง มันคือการเลื่อนระดับ!
วันที่เจ็ด…ดารานิรันดร์ครามทองคำได้ผสานเข้ากับดวงอาทิตย์ของสหพันธรัฐโดยสมบูรณ์ ทำให้ขอบเขตของจักรพิภพสหพันธรัฐขยายใหญ่ขึ้นอีกครั้งจนมีขนาดหลายร้อยเท่าจากของเดิม มีดาวพระเคราะห์หลายร้อยดวงของสหพันธรัฐอยู่ภายในนั้น ที่บริเวณขอบก็มีอารยธรรมขนาดเล็กจำนวนหลายร้อยล้อมรอบอยู่ ภายในอารยธรรมขนาดเล็กทุกแห่งล้วนมีดาวพระเคราะห์แตกต่างกันสิบดวงสถิตอยู่
มองจากที่ไกลๆ จะเห็นว่าภายในจักรวาลนี้…ระบบสุริยะได้หายไปจากตำแหน่งเดิมของมันแล้ว สิ่งที่เข้ามาแทนที่ก็คือ…วังวนดวงดาวหลายรูปร่างที่มีขอบเขตใหญ่ยิ่งกว่า!
ตอนนี้เอง ภายในจักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แห่งเต๋าฝั่งซ้าย ตระกูลและสำนักทั้งหลายต่างก็สัมผัสได้แล้ว สายตาแต่ละสายจากทุกทิศทางภายในจักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แห่งเต๋าฝั่งซ้ายล้วนมองไปยัง…จุดที่ระบบสุริยะตั้งอยู่!
……………………………………
หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting

Status: Ongoing

เรื่อง : หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา (三寸人间)ผู้เขียน : เอ่อร์เกิน (耳根) ผู้แปล : Thunderbird Translators ค.ศ. 3029 วิทยาการบนโลกมนุษย์พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว จนแต่ละประเทศไม่มีเขตพรมแดนกั้นอีกต่อไป โลกได้ผสานรวมกลายเป็นหนึ่งเดียว เริ่มต้นยุคสมัยแห่งสหพันธรัฐ ตอนนั้นเอง กระบี่ยักษ์เล่มหนึ่งตกลงมาจากห้วงอวกาศ ปักเข้าใจกลาง ดวงอาทิตย์ ฝักกระบี่แตกออกเป็นเศษชิ้นส่วนจำนวนมาก กระจัดกระจายไปทั่ว ทั้งจักรวาลรวมถึงบนโลก และก่อให้เกิดแหล่งพลังงานรูปแบบใหม่อันไร้ขีดจำกัด พลังงานนี้มีชื่อเรียกกันว่า ปราณวิญญาณ ‘หวังเป่าเล่อ’ หนุ่มร่างท้วมผู้ทะเยอทะยาน ใฝ่ฝันจะได้เป็นผู้นำสหพันธรัฐ ด้วยหวังว่าจะไม่มีใครมารังแกเขาได้อีกต่อไป และเมื่อเดินทางเข้ามาศึกษาใน สำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ใช้ความรู้เหล่านั้นบวกกับความหน้าหนาหน้าทน ของตัวเอง วางกลยุทธ์อันฉลาดล้ำกำราบศัตรูคนแล้วคนเล่า ใครหน้าไหนก็ไม่อาจมาขัดขวางเส้นทางสู่การเป็นหนึ่งในใต้หล้าของชายอ้วนผู้นี้ได้ เว้นเสียแต่คำสาปประจำตระกูล ที่บอกไว้ว่าหวังเป่าเล่อจะต้องตาย หากเขาไม่ผอมลงก่อนอายุสามสิบปี ในเมื่อบรรพบุรุษร่างจ้ำม่ำมายืนรอให้เขาไปอยู่ด้วยขนาดนี้ ชายหนุ่มจึงต้องทั้งฝึกตนและลดน้ำหนักไปพร้อมๆ กัน!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท