“ฆาตกรคือเขาเหรอเนี่ย!”
ในเวลาเดียวกัน ในออฟฟิศของหลินเยวียน จินมู่ซึ่งเพิ่งอ่านนิยายจบก็ร้องออกมาเสียงดัง!
ในตอนนั้นหลัวเวยเลิกงานแล้ว
หลินเยวียนกำลังจะกลับบ้าน ฝีเท้าก็ชะงักลงทันทีที่ได้ยินเสียงร้องของจินมู่
เขาคิดว่าจินมู่มีอะไรจะพูด
ความจริงก็เป็นเช่นนั้น จินมู่มีเรื่องจะพูดจริงๆ คำพูดอัดแน่นเต็มอก ทว่าท้ายที่สุดเขาก็ทำให้เรียบง่ายขึ้นโดยเอ่ยถามเพียงใจความสำคัญ
“หัวหน้า นิยายสืบสวนสอบสวนเล่มนี้น่าทึ่งมากเลยครับ ฆาตกรคือเชปเพิร์ดซึ่งเป็นมุมมองบุคคลที่หนึ่ง เหลือเชื่อสุดๆ ไปเลยครับ! หัวหน้าคิดวิธีเขียนแบบนี้ได้ยังไง…”
“ผู้เล่าเรื่องที่เชื่อถือไม่ได้” หลินเยวียนตอบ
“อะไรนะครับ” จินมู่งุนงง
“กลอุบายในการบรรยายแบบที่เราเชื่อถือผู้เล่าเรื่องไม่ได้ เป็นเทคนิคที่ใช้ในเรื่องฆาตกรรมโรเจอร์ แอ็กครอยด์น่ะครับ”
จินมู่อ้าปากพะงาบ
ผ่านไปนานโข กว่าเขาจะพึมพำออกมา “ผู้เล่าเรื่องที่เชื่อถือไม่ได้…เราเชื่อถือผู้เล่าเรื่องไม่ได้ เป็นเพราะในเรื่องใช้เทคนิคนี้ ผู่อ่านเลยตกหลุมพรางได้ง่ายตั้งแต่เปิดเรื่องสินะครับ แต่นี่ก็ไม่ได้เป็นการเล่นคำหรือสำบัดสำนวนโดยตรง สมแล้วที่เป็นฉู่ขวง…”
มีนิยายสืบสวนสอบสวนซึ่งใช้กลอุบายผู้เล่าเรื่องที่เชื่อถือไม่ได้ ใช้การเล่นกับคำโดยตรงเพียงอย่างเดียว
แต่ไม่ใช่กับเรื่องฆาตกรรม โรเจอร์ แอ็กครอยด์ ในฐานะนิยายซึ่งใช้เทคนิคผู้เล่าเรื่องที่เชื่อถือไม่ได้เรื่องแรกๆ ผลงานชิ้นนี้จึงใช้เพียงความเข้าใจผิดของผู้อ่าน ทว่าเงื่อนงำไม่ได้ถูกเก็บซ่อน เพราะฉะนั้นจึงมีนักอ่านบางส่วนเดาได้ก่อนว่าฆาตกรเป็นใคร
แน่นอน
ถ้าหากเป็นคนที่ไม่เคยสัมผัสกับเทคนิคผู้เล่าเรื่องที่เชื่อถือไม่ได้มาก่อน ลำพังไขคดีจากเงื่อนงำที่มีอยู่ในนิยาย ความเป็นไปได้ที่จะเดาตัวฆาตกรนั้นมีน้อยเหลือเกิน
นอกเสียจากว่าจะได้รับคำใบ้ซึ่งเน้นย้ำอย่างชัดเจนในทำนองว่า ‘คุณไม่มีทางเดาตัวฆาตกรในคดีนี้ได้’
“เข้าใจแล้วครับ”
หลังจากที่หลินเยวียนออกไป จินมู่ลุกขึ้นยืนด้วยความตื่นเต้น ติดต่อคลังหนังสือซิลเวอร์บลูไป เพื่อเจรจาเรื่องการตีพิมพ์นิยายเรื่องใหม่
และหลังจากการเจรจาระหว่างจินมู่กับคลังหนังสือซิลเวอร์บลู ทางนั้นก็ได้ศึกษากลยุทธ์การโปรโมตเรื่องฆาตกรรมโรเจอร์ แอ็กครอยด์ในคืนนั้นทันที
ไม่ต้องสงสัยเลย
ในฐานะหนึ่งในสามเสาหลักของคลังหนังสือซิลเวอร์บลู ผลงานแนวสืบสวนสอบสวนชิ้นใหม่จากนักเขียนระดับมหาเทพอย่างฉู่ขวงย่อมได้รับจัดสรรการโปรโมตระดับสูงสุด
นี่แหละที่เรียกว่ามีหน้ามีตา!
ในวันถัดมา การโปรโมตของคลังหนังสือซิลเวอร์บลูก็ได้เปิดฉากขึ้น!
บนแบนเนอร์อันสวยงามด้านบนสุดของเว็บไซต์ทางการ มีข้อความโปรโมตซึ่งสอดคล้องกับสไตล์หนังสือเรื่องใหม่ของฉู่ขวง ยังคงความเล่นใหญ่เฉกเช่นที่ผ่านมา เป็นคำโปรโมตหนังสือหนังสือเรื่องใหม่ของฉู่ขวงโดยเฉพาะ
[ในนามของนิยายสืบสวนสอบสวน ขอประกาศสงครามครั้งใหม่กับผู้อ่าน หนังสือเรื่องใหม่ ‘ฆาตกรรมโรเจอร์ แอ็กครอยด์’ ฉู่ขวงบุกเบิกผลงานแนวใหม่อีกครั้ง!]
เมื่อกดแบนเนอร์เข้าไป เนื้อหาทุกบรรทัดล้วนลงท้ายด้วยเครื่องหมายอัศเจรีย์
‘นิยายสืบสวนสอบสวนเรื่องใหม่ของฉู่ขวงมาสะท้านวงการ!’
‘ตอนจบของนิยายจะทำให้คุณตะลึงจนตาค้าง!’
‘ล้มล้างทุกความเข้าใจต่อนิยายสืบสวนสอบสวนที่คุณเคยมี!’
‘บุกเบิกรูปแบบใหม่ของวรรณกรรมสืบสวนสอบสวน!’
‘ฉู่ขวง: ถูกเลียนแบบได้ แต่ไม่มีวันถูกก้าวข้าม!’
ดูเอาก็แล้วกัน ทั้ง ‘บุกเบิก’ ‘สะท้าน’ ‘ตะลึง’ ‘ล้มล้าง’ ‘ถูกเลียนแบบได้ แต่ไม่มีวันถูกก้าวข้าม’ …
คำอธิบายเหล่านี้ ออกจะอวดเบ่งไปหน่อยไหม?
โดยเฉพาะประโยคสุดท้าย ‘ถูกเลียนแบบได้ แต่ไม่มีวันถูกก้าวข้าม’ นี่เป็นการสะท้อนสถานะที่แท้จริงของฉู่ขวงในอุตสาหกรรมนิยาย
เพราะประเภทของนิยายที่เขาสรรสร้างและนำพามา ทำให้นักเขียนหลายคนมีข้าวกิน
เพราะฉะนั้น…
ต่อให้ใช้ภาษาที่ฟังดูเย่อหยิ่งไปสักหน่อย ต่อให้คำโฆษณาจะคุยโว หรือพบเห็นโฆษณาหลังสือเรื่องใหม่ทั่วทุกแห่งหน ผู้อ่านก็ไม่ได้รู้สึกว่าไม่เหมาะสม
ในทางกลับกัน
หลายคนคาดหวังกับหนังสือเล่มนี้ไว้สูงมาก
‘ฉู่ขวงจะเขียนนิยายสืบสวนสอบสวน? ไม่ต้องพูดแล้ว ฉันซื้อแน่นอน’
‘ฉันไม่สนใจนิยายสืบสวนสอบสวน แต่ฉันสนใจฉู่ขวง พูดมากไม่ได้ หนังสือจะวางแผงแล้ว~’
‘ในฐานะคนฉู่ เพิ่งอ่านเรื่องบะหมี่หยางชุนหนึ่งชามจบ ต่อให้มาเพราะนิยายเรื่องนี้ ก็ควรอ่านนิยายเรื่องใหม่ของฉู่ขวง ยิ่งไปกว่านั้นผมเป็นคนหนึ่งที่ชื่นชอบนิยายสืบสวนสอบสวน คนฉู่อย่างพวกผมชอบอ่านนิยายสืบสวนสอบสวนที่สุด!’
‘นิยายสืบสวนสอบสวน? ไปไกลๆ เลย ฉันไม่อ่าน…อ้อ ฉู่ขวงเขียนเหรอ จะไปซื้ออ่านเดี๋ยวนี้แหละ’
‘ฮ่าๆๆ ที่จริงฉู่ขวงได้ทำลายขีดจำกัดของประเภทของหนังสือไปอย่างสิ้นเชิง ไม่ว่าเขาจะเขียนอะไร คนก็ซื้อทั้งนั้น’
‘ประเด็นสำคัญก็คือ ต่อให้เปลี่ยนแนวอยู่ตลอด แต่ความเก่งกาจของฉู่ขวงก็ยังเหมือนเดิม นิยายทุกแนวของเขาเขียนได้ยอดเยี่ยมมากจริงๆ!’
‘ว้าว ประโยคนี้เล่นใหญ่ไปอีก ถูกเลียนแบบได้ แต่ไม่มีวันถูกก้าวข้าม เจ้าแก่ฉู่ขวงนี่น่าเกรงขามจริงๆ!’
‘…’
ผู้อ่านไม่รู้เลยว่า
ในอีกโลกหนึ่งซึ่งไกลออกไป คำวิจารณ์ที่วงการนิยายมีต่อคุณย่า ก็คือประโยคที่ว่า ‘ถูกเลียนแบบได้ แต่ไม่มีวันถูกก้าวข้าม’
เซอร์ อาเธอร์ โคนัน ดอยล์สรรสร้างเค้กซึ่งมีชื่อว่านิยายสืบสวนสอบสวน ให้ชีวิตแก่บุคคลอันดับหนึ่งในโลกของนิยายสืบสวนสอบสวนอย่างโฮล์มส์!
และผลงานของคุณย่าก็กลายเป็นผลงานขายดีทั่วโลก ทำให้ผู้อ่านได้ลิ้มลองรสชาติของเค้กก้อนนี้ ทั้งยังให้กำเนิดบุคคลอันดับสองของโลกนิยายสืบสวนสอบสวนขึ้นมา นั่นก็คือปัวโรต์!
ดังจะเห็นได้จากข้อเท็จจริงที่ว่าผลงานของนักเขียนในแวดวงวรรณกรรมสืบสวนสอบสวนได้รับอิทธิพลมาจากผลงานของคุณย่า
อาเธอร์ โคนัน ดอยล์ และอกาธา คริสตีเป็นผู้บุกเบิกโลกแห่งนิยายสืบสวนสอบสวนอย่างแท้จริง
ถ้าบอกว่าคนแรกเป็นราชา อีกคนหนึ่งย่อมต้องเป็นราชินี
อย่างไรก็ตาม ในวงการนิยาย กลับมีนักอ่านจำนวนมากซึ่งยังไม่ปักใจเชื่อเรื่องนี้เสียทีเดียว
ฉู่ขวงชื่อเสียงโด่งดัง ทุกคนย่อมรู้ว่าคนคนนี้สันทัดการบุกเบิกประเภทใหม่ เรื่องนี้มีความจริงเป็นประจักษ์อยู่แล้ว
แต่เพราะผู้อ่านนิยายสืบสอบสวนต่างก็มีทัศนะต่อนิยายประเภทนี้ไปในทางเดียวกัน เพราะฉะนั้นจึงเป็นเรื่องยากสำหรับพวกเขาที่จะจินตนาการว่าจะสร้างสรรค์นิยายสืบสวนสอบสวนรูปแบบใหม่ได้อย่างไร
แม้แต่คาเธอร์ซึ่งเป็นปรมาจารย์แห่งวงการนิยายสืบสวนสอบสวนของที่นี่ ก็ยังไม่กล้าบอกว่าตนสร้างสรรค์ผลงานรูปแบบใหม่เลยล่ะมั้ง?
ความสงสัยในลักษณะเดียวกันก็เกิดขึ้นในใจของนักเขียนนิยายสืบสวนสอบสวน
หลายคนถกเถียงกันส่วนตัว
“หนังสือเรื่องใหม่ของฉู่ขวงเขียนแนวสืบสวนสอบสวน แถมยังประกาศอีกว่าบุกเบิกนิยายสืบสวนสอบสวนแนวใหม่ พวกคุณคิดว่ายังไงกัน”
นิยายสืบสวนสอบสวนกับนิยายแฟนตาซีนั้นเป็นคนละประเภทกันอย่างสิ้นเชิง แต่ยอดขายของฉู่ขวงก็สูงอยู่แล้ว!
สูงถึงขนาดที่นักเขียนหลายคนในแวดวงนิยายสอบสวนสืบสวนล้วนคุ้นเคยกับชื่อนี้เป็นอย่างดี!
“ฉันเปิดคอมรออ่านแล้วเนี่ย”
“ผมเตรียมโทรศัพท์ รอนอนอ่าน”
“พวกแกนี่ก็จริงๆ เลย…ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่น ถ้าพูดแบบนี้ ฉันก็คงตบปากไปแล้ว แต่ถ้าเป็นฉู่ขวง ฉันยอมรับความเห็น”
มีบางคนเอ่ยอย่างไม่แน่ใจ
ทันใดนั้นก็มีคนมากล่าวต่อ “รอดูก็แล้วกัน ถ้าฉู่ขวงบุกเบิกนิยายสืบสวนสอบสวนแนวใหม่ได้จริง งั้นฉู่ขวงก็จะสร้างคุณูปการที่ยิ่งใหญ่ต่อวงการนิยายสืบสวนสอบสวนได้เลยล่ะ”
“คงจะมีการสร้างสรรค์อะไรใหม่ๆ จริงๆ นั่นแหละ”
คำวิจารณ์ของนักเขียนนิยายสืบสวนสอบสวนนั้นนับว่าค่อนข้างเป็นกลาง
“อาจไม่ถึงขั้นบุกเบิกหมวดหมู่ใหม่หรอก แต่จะต้องมีการคิดค้นอะไรใหม่ๆ ขึ้นมา ไม่งั้นพวกเขาไม่โปรโมตซะอลังการแบบนี้หรอก ยังไงก็ต้องคำนึงถึงกรณีที่อาจจะหน้าแตกด้วย”
ด้วยขนบธรรมเนียมของการโปรโมต การสร้างสรรค์เล็กๆ น้อยๆ แต่นำมาป่าวประกาศว่า ‘บุกเบิกผลงานแนวใหม่’ นั้นไม่ปัญหา
ถึงอย่างไรความจริงข้อหนึ่งซึ่งคนในอุตสาหกรรมนี้เห็นพ้องต้องกันก็คือ…
การโปรโมตคือการโอ้อวดสรรพคุณอย่างหนึ่งซึ่งอยู่บนพื้นฐานของคุณภาพผลงาน
ตอนนี้ทุกคนต่างสงสัย ว่าการโปรโมตครั้งนี้ มีเนื้อเท่าไหร่ และน้ำเท่าไหร่กันแน่
ตราบใดที่มีการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ขึ้นมา ย่อมไม่มีใครมานั่งจับผิดหรอกว่าคำคุยโวนี้หลอกลวงประชาชน นี่เป็นฉันทามติที่คนทั่วทั้งอุตสาหกรรมมีร่วมกัน
ไม่เช่นนั้นก็เท่ากับว่ากำลังทุบหม้อข้าวของทุกคน
เพราะท้ายที่สุดแล้ว นักเขียนทุกคนทำการโปรโมตก็เพื่อทำให้ตนเองดูดีขึ้นมาอีกระดับ กล่าวให้เข้าใจง่ายสักหน่อยก็คือการโอ้อวดสรรพคุณนั่นละ
ขอเพียงไม่โอ้อวดสรรพคุณจนเกินจริงก็นับว่าใช้ได้
ถ้าวันนี้ฉันไม่ยอมให้คุณโอ้อวดสักหน่อย แล้วต่อไปคุณไม่ให้ฉันโอ้อวดบ้างจะทำยังไงล่ะ
มีปรากฏการณ์ที่คนสายวรรณกรรมดูถูกกันและกัน
ก็ย่อมมีปรากฏการณ์ที่ต่างคนต่างผลัดกันโอ้อวดเช่นกัน
เพราะฉะนั้น คนที่มีสติปัญญาสักหน่อยย่อมรู้ดีว่า เรื่องทำนองนี้ไม่ควรด่วนสรุป
แต่อย่างว่า!
บนโลกเต็มไปด้วยผู้คนซึ่งชอบด่วนสรุปก่อนจะได้เห็นผลงาน ถึงได้มีการหักหน้ากันอะไรเทือกนั้นเกิดขึ้น
ครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน
ยามที่คลังหนังสือซิลเวอร์บลูประกาศออกไปว่าฉู่ขวงจะเขียนผลงานแนวสืบสวนสอบสวน ขณะที่ผู้คนส่วนมากในวงการกำลังรอดูท่าที ก็มีคนเริ่มหาข้อสรุปล่วงหน้าตามความเคยชิน
อย่าเข้าใจผิด
ครั้งนี้ไม่ได้เหยียบย่ำ แต่เป็นการอวยยศต่างหาก!
‘วันนี้เข้าอินเทอร์เน็ต ถึงได้ทราบเรื่องที่อาจารย์ฉู่ขวงเขียนนิยายสืบสวนสอบสวน หลังจากนั้นก็เห็นว่ามีคนบอกว่าที่ผ่านมาฉู่ขวงไม่เคยเขียนนิยายสืบสวนสอบสวนมาก่อน ในผลงานไม่เคยมีแม้แต่เศษเสี้ยวความเป็นสืบสวนสอบสวน จึงสงสัยว่าการโปรโมตหนังสือแนวสืบสวนสอบสวนเรื่องใหม่ของฉู่ขวงนั้นอาจมีแต่น้ำไม่มีเนื้อ ผมเลยคิดว่าตัวเองควรลุกขึ้นมาพูดประโยคหนึ่งว่า หนังสือแนวสืบสวนสอบสวนของฉู่ขวงน่ะ ไม่มีทางแย่หรอก!’
‘เหตุผลนั้นเรียบง่ายมาก’
‘คนที่ยังสงสัยในตัวฉู่ขวง ต้องไม่รู้จักฉู่ขวงอย่างแน่นอน ก่อนหน้านี้ผมเองก็ไม่รู้เรื่อง ช่วงที่ผ่านมาเพิ่งอ่านผลงานทั้งหมดของฉู่ขวงจบ หลังจากถูกเบิกเนตรมาแล้วก็อยากบอกว่า ในนิยายขนาดยาวของฉู่ขวงเรื่องคนขุดสุสานก็มีความเป็นสืบสวนสอบสวนอยู่ในระดับหนึ่งนะครับ เกี่ยวโยงไปถึงความรู้หลายแขนงและองค์ประกอบในการเขียนหลายอย่าง ถ้าให้ผมยกตัวอย่างก็เกินเจ็ดแปดอย่างได้!’
‘ยังมีคนบอกอีกว่า ต่อให้หนังสือเรื่องก่อนหน้านี้ของฉู่ขวงมีองค์ประกอบของแนวสืบสวนสอบสวนเล็กน้อย ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาเขียนแนวสืบสวนสอบสวนได้ดี’
‘ผิดมหันต์! ดูจากผลงานที่ผ่านมาทั้งหมดของฉู่ขวง ไม่ต้องสนใจว่าเขาเคยเขียนประเภทไหนมาบ้าง ขอแค่เขายินดีเขียน จะประเภทไหนก็ประสบความสำเร็จ! คนที่เขียนนิยายขุดสุสานได้ จะเขียนแนวสืบสวนสอบสวนไม่ได้เชียวหรือ’
‘ฉู่ขวงเป็นอันดับหนึ่งในใต้หล้า! คนเก่งยังไงก็เก่ง!’
บทความขนาดยาวนี้ถูกโพสต์บนปู้ลั่ว และผู้ที่โพสต์บทความนี้มีชื่อว่าเซินเจียรุ่ย
นักเขียนเรื่องสั้นผู้มีชื่อเสียง!
นักเขียนเรื่องสั้นอาจไม่มีสิทธิ์วิจารณ์เรื่องนี้มากนัก แต่เซินเจียรุ่ยมีสิทธิ์วิจารณ์เรื่องนี้อย่างเต็มที่ เพราะเรื่องสั้นของเขาล้วนเป็นแนวสืบสวนสอบสวน!
เพราะฉะนั้น อันที่จริงเซินเจียรุ่ยจึงเป็นนักเขียนแนวสืบสวนสอบสวนซึ่งสันทัดการเขียนเรื่องสั้น!
ในอุตสาหกรรมนี้ เขามีหน้ามีตาในระดับหนึ่ง
ความเห็นของเขา สามารถสรุปออกมาได้เป็นหนึ่งคำ ‘อวย!’
ส่วนเหตุผลว่าทำไมเซินเจียรุ่ยถึงอวยอย่างหนักหน่วงถึงขนาดนี้ เป็นเพราะก่อนหน้านี้ในการประลองสังเวียนเรื่องสั้น เขาปราชัยให้กับเรื่องบะหมี่หยางชุนหนึ่งชามของฉู่ขวง
หลังจากพ่ายแพ้แล้ว เซินเจียรุ่ยก็อ่านผลงานทั้งหมดของฉู่ขวง ยิ่งอ่านยิ่งชื่นชอบ ยิ่งอ่านยิ่งเพลิดเพลิน!
โดยเฉพาะหลังจากเสพผลงานเรื่องคนขุดสุสาน เซินเจียรุ่ยก็ตกตะลึงกับฉู่ขวง!
‘ฉู่ขวงเป็นนักเขียนเปี่ยมพรสวรรค์ตัวจริง บางทีบนโลกนี้อาจไม่มีนิยายประเภทไหนที่ฉู่ขวงเขียนไม่ได้!’
นี่คือข้อสรุปของเซินเจียรุ่ยหลังจากอ่านผลงานทั้งหมดของฉู่ขวง
คนคนนี้คือปีศาจ!
ดังนั้นในตอนนี้ เซินเจียรุ่ยจึงกลายเป็นแฟนคลับตัวยงของฉู่ขวง กล่าวอีกอย่างหนึ่งก็คือเป็นสาวกฉู่ขวง!
ในสายตาของสาวก ไม่มีที่ว่างสำหรับผู้ที่ตั้งคำถามกับฉู่ขวง ดังนั้นจึงเกิดบทความขนาดยาวเช่นนี้ขึ้นมา
หลังจากเผยแพร่บทความนี้ออกไปแล้ว พื้นที่แสดงความคิดเห็นของเซินเจียรุ่ยก็ระเบิดเป็นที่เรียบร้อย
‘ฉันยินดียกตำแหน่งสาวกฉู่ขวงให้กับคุณ!’
‘ฮ่าๆๆๆๆ สาวกฉู่ขวงรายงานตัว’
‘เซินเจียรุ่ย: ไปให้พ้น ผมไม่ได้ว่าใครสักหน่อย ผมแค่หมายถึงทุกคน ยกเว้นฉู่ขวง’
‘คุณเป็นแฟนบอยฉู่ขวงสินะ’
‘ผมนี่อึ้งไปเลย อาจารย์เซินเป็นมือฉมังของวงการนิยายสืบสวนสอบสวน มาอวยเด็กใหม่คนนี้ซะแล้ว?’
‘…’
สมญานามว่าสาวกฉู่ขวงของเซินเจียรุ่ยนับว่ากลายเป็นความจริง แต่ก็เป็นเพราะการยกยอปอปั้นครั้งนี้ของเขาเอง ที่ทำให้ความสนใจของผู้คนในวงการวรรณกรรมสืบสวนสอบสวนต่อหนังสือเรื่องใหม่ของฉู่ขวงยกระดับขึ้นอีกขั้น!
…………………………………………………..
สาวกอันดับ1อวยเอง555+ รออ่านตอนต่อไปนะคะไร