จักรพิภพผู้ใดก็ตามล้วนถือว่าเป็นเจ้าปกครอง!
ตัวอย่างเช่น ภายในเต๋าเก้ารัฐ เบื้องหน้ามีจักรพิภพอยู่สิบกว่าคนชัดๆ แต่ขุมพลังเบื้องพลังของพวกเขาล้ำลึกยิ่ง และยังเก็บซ่อนบางส่วนเอาไว้อย่างลับๆ อีก ถึงขั้นที่ระดับจักรพิภพชั้นมหาวัฏจักรก็เป็นเช่นนี้เหมือนกัน
และถ้าหากนำจำนวนของจักรพิภพในห้าสำนักแรกของจักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แห่งเต๋าฝั่งซ้ายมารวมกัน เบื้องหน้าก็จะมีอยู่เกือบห้าสิบคน!
หากนำจอมพลังระดับจักรพิภพของห้าสำนักแรกและทุกพื้นที่มารวมกัน ก็ไม่เกินกว่าจำนวนนี้เช่นกัน เมื่อคำนวณแบบนี้ พลังเช่นนี้แข็งแกร่งอย่างยิ่ง นี่ก็คือความน่ากลัวของจักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แห่งเต๋าฝั่งซ้าย แม้ว่าจะเทียบกับจักรพิภพใจกลางของไม่รู้สิ้นไม่ได้ แต่ก็ไม่ต่างจากจักรพิภพสำนักเสริมนัก
มีเพียงอย่างเดียวคือ…ภายในจักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แห่งเต๋าฝั่งซ้าย ไม่มีระดับจักรพรรดิสวรรค์!
ก่อนหน้านี้คนเดียวที่พอจะครอบครองพลังของจักรพรรดิสวรรค์ก็มีเพียงปรมาจารย์แห่งไฟเท่านั้น เพียงแต่ทันทีที่คำสาปของปรมาจารย์แห่งไฟถูกใช้งานออกมาเต็มที่ ตัวเขาก็จะตายตามไปด้วย ดังนั้นถึงแม้เขาจะเรียกได้ว่ามีพลังต่อสู้อย่างจักรพรรดิสวรรค์ แต่ก็มีเพียงครั้งเดียวเท่านั้น
ด้วยกลยุทธ์จำนวนคน การสังเวยจอมพลังสูงสุดของระดับจักรพิภพชั้นมหาวัฏจักรสักหลายคนจึงไม่ได้แก้ปัญหานี้ แค่ไม่จำเป็นต้องไปเสี่ยง เพราะถึงจะจัดการเขา ปรมาจารย์แห่งไฟก็ยังเป็นผู้เยี่ยมยุทธ์อันดับหนึ่งของจักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แห่งเต๋าฝั่งซ้ายอยู่ดี
ทว่าตอนนี้ไม่เหมือนกันแล้ว กระแสเต๋าที่หวังเป่าเล่อเผยออกมาได้ทำให้จอมพลังของทุกสำนักเกิดคลื่นลูกใหญ่ถาโถมอยู่ในใจหลังจากได้เห็นได้สัมผัส
เพราะร่างเต๋าแรกเริ่มคือสิ่งที่มีอยู่แต่ในตำนาน เป็นสภาวะสูงสุดอย่างหนึ่งที่แทบจะไม่มีทางปรากฏขึ้นได้เลย จักรพิภพทั่วไปที่มีชั้นมหาวัฏจักรหนึ่งร้อยขั้นหนึ่งครั้งก็นับว่าเป็นสุดยอดในสุดยอดแล้ว หากมีสองครั้งล่ะก็ นั่นคือปีศาจแล้ว
ส่วนสามครั้งก็เช่นกัน เรื่องเช่นนี้ขัดกับสวรรค์ ไม่ว่าจะตัดสินหรือประเมินจากตำราหรือความรู้ในอดีต ก็ล้วนมอบคำตอบแบบนี้ทั้งนั้น
ระดับจักรพิภพชั้นต้นของร่างเต๋าแรกเริ่มสามารถต่อสู้กับจักรพิภพชั้นมหาวัฏจักรได้ เรียกได้ว่าเป็นจักรพิภพไร้พ่าย ถ้าหากร่างเต๋าแรกเริ่มเลื่อนขั้นเป็นจักรพิภพชั้นกลาง ก็สามารถต่อสู้แบบไม่ตายไม่เลิกรากับจักรพรรดิสวรรค์ได้ ถึงขั้นที่ถ้าคาดเดาต่อไป หากร่างเต๋าแรกเริ่มเลื่อนขั้นเป็นจักรพิภพชั้นปลายแล้วเผชิญหน้ากับจักรพรรดิสวรรค์ แม้ว่าจะสังหารได้ยาก แต่ก็เอาชนะได้ไม่ยากเลย
ถึงขนาดที่ว่าถ้าหากร่างเต๋าแรกเริ่มมาถึงจักรพิภพชั้นมหาวัฏจักร ก็สามารถสังหารจักรพรรดิสวรรค์ได้และทำให้เลือดของจักรพรรดิสวรรค์สาดกระเซ็นไปในจักรวาล!
จุดนี้ต่อให้เป็นอดีตศิษย์พี่ของหวังเป่าเล่ออย่างเฉินชิงจื่อสมัยอยู่ในระดับจักรพิภพก็ไม่อาจทำได้ มากที่สุดเขาก็แค่ทำให้จักรพรรดิสวรรค์พ่ายแพ้ และการสังหารจักรพรรดิสวรรค์สองครั้งนั้น ความจริงเป็นเพราะการฝึกตนของตัวเขาเอง ซึ่งเขาได้ก้าวเข้าสู่ระดับจักรพรรดิสวรรค์ในเขตแดนนพภูมิโดยที่โลกภายนอกไม่มีใครรู้
ดังนั้น ตอนนี้เมื่อเห็นว่าเส้นทางที่หวังเป่าเล่อจะเดินไปกลับเป็นเส้นทางนี้ สำนักและตระกูลส่วนใหญ่ภายในจักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แห่งเต๋าฝั่งซ้ายก็ใจสั่นสะท้านรุนแรงขึ้นมา ผู้เยี่ยมยุทธ์จำนวนไม่น้อยที่ใช้วิชาลับแผ่ดวงจิตเทพเข้ามาและถูกการสั่นคลอนของปรมาจารย์แห่งไฟทำให้ตกใจอยู่แล้วก็ยิ่งตกตะลึงเข้าไปใหญ่ จึงพากันถอนตัวแล้วออกจากที่แห่งนี้ไปไกล
พวกเขากังวลว่าทันทีที่หวังเป่าเล่อเลื่อนขั้นสำเร็จ เช่นนั้นเกรงว่าไม่จำเป็นต้องใช้สงครามระหว่างไม่รู้สิ้นกับสำนักแห่งความมืดหรอก เพราะหวังเป่าเล่อจะมาหาเรื่องแก้แค้นด้วยตัวเขาเอง
สิ่งที่ต้องแลกมากเกินไป ไม่คุ้มให้แลกเพื่อแผ่นเลื่อนระดับโลกา ล่วงเกินศัตรูตัวใหญ่เช่นนี้ แม้ว่าแผ่นเลื่อนระดับโลกาจะเป็นสมบัติชั้นเลิศในหมู่สมบัติชั้นเลิศ แต่ท่ามกลางความเป็นความตาย มันจะสร้างโอกาสวาสนาหรือจะหายนะถึงชีวิตก็ยากจะพูด
แต่ว่าถึงแม้สำนักตระกูลส่วนใหญ่เลือกที่จะล่าถอย ทว่าสำหรับเต๋าเก้ารัฐและสำนักใหญ่ทั้งสี่ในห้าอันดับแรกของจักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แห่งเต๋าฝั่งซ้ายนั้น พวกเขา…ถอยไม่ได้!
ความจริงแล้วแม้ว่าหวังเป่าเล่อจะไม่เปิดเผยร่างเต๋าแรกเริ่มของเขา พวกเขาก็ยังเลือกจะลงมือหลังจากชั่งน้ำหนักแล้วอยู่ดี แม้ปรมาจารย์แห่งไฟจะขัดขวาง พวกเขาก็ยังอยากลองดูว่าจะแย่งชิงแผ่นเลื่อนระดับโลกามาได้หรือไม่
แต่ตอนนี้ ร่างเต๋าแรกเริ่มของหวังเป่าเล่อยิ่งทำให้ในใจของพวกเขาเกิดจิตสังหารขึ้นมา เพราะทันทีที่หวังเป่าเล่อเลื่อนขั้นสำเร็จ เช่นนั้น…สหพันธรัฐที่มีหวังเป่าเล่อและปรมาจารย์แห่งไฟจะต้องทำให้สถานการณ์ของจักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แห่งเต๋าฝั่งซ้ายเกิดการเปลี่ยนแปลงใหญ่หลวงชนิดพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดินได้แน่นอน
เต๋าเก้ารัฐและสำนักห้าอันดับแรกแห่งอื่นๆ รวมไปถึงสำนักอันดับหลังๆ ล้วนสัมผัสได้ถึงภัยคุกคามรุนแรง ภัยคุกคามเช่นนี้เกี่ยวข้องกับอนาคตของสำนัก
ดังนั้นพริบตาต่อมา ภายในประตูภูเขาของเต๋าเก้ารัฐก็มีเสียงแก่ชรากล่าวคำสั่งการ
“ภายในเขตแดนทั้งสิบเก้า มีอารยธรรมสูญสิ้นคุณธรรม ด้วยคำสั่งของเต๋าเก้ารัฐ ให้ทุกเขตแดนร่วมกำจัดทันที!”
เมื่อเสียงนี้ดังขึ้น กลิ่นอายสายแล้วสายเล่าก็ระเบิดออกมากะทันหัน ทั้งหมดมีสิบสี่สาย ล้วนแต่เป็นระดับจักรพิภพทั้งนั้น สายหนึ่งในนั้นยังแผ่ความผันผวนของจักรพิภพชั้นมหาวัฏจักรออกมาด้วย ล้วนแต่พุ่งทะยานไปยัง…สหพันธรัฐ!
ไม่ใช่แค่เต๋าเก้ารัฐที่เป็นเช่นนี้ ตอนนี้สำนักและตระกูลอีกสี่แห่งที่อยู่ในห้าอันดับแรกต่างก็ตอบรับกัน แต่ละแห่งล้วนมีระดับจักรพิภพบินออกมาแล้วพุ่งไปยังสหพันธรัฐ
ส่วนหมื่นสำนักและตระกูลแห่งอื่นๆ แม้ว่าจะจนปัญญา แต่ก็ไม่อาจไม่ออกมาได้ ทว่าความเร็วกลับช้าลงไปอย่างชัดเจน
ตอนนี้ภายในอวกาศของจักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แห่งเต๋าฝั่งซ้ายมีเงาร่างหลายสายที่พลานุภาพเหมือนสายรุ้ง บ้างก็อาละวาดสะเปะสะปะ บ้างก็พุ่งตรงตัดผ่านความว่างเปล่า บ้างก็อัญเชิญอาวุธเวทพาหนะเดินทางมาจากทุกทิศ เข้าใกล้สหพันธรัฐมากขึ้นเรื่อยๆ
ถ้าหากสามารถก้มหน้ามองไปทั่วทั้งจักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แห่งเต๋าฝั่งซ้ายได้จากที่สูงก็จะมองเห็นจักรพิภพสิบกว่าตนจากเต๋าเก้ารัฐมารวมตัวกันในตอนนี้ พร้อมกับที่มีโซ่ขนาดใหญ่อยู่บนร่างของพวกเขารางๆ
โซ่เก้าเส้นนี้ก็คือมหาเต๋าเก้าเส้นของเต๋าเก้ารัฐ พลังอานุภาพน่าตกตะลึง ส่วนอีกสี่ทิศทางก็เช่นเดียวกัน มีทั้งขวานแยกฟ้าหนึ่งด้าม สะเก็ดดาวขนาดเท่ากับดาราจักรหนึ่งดวง หม้อยักษ์สีโลหิตหนึ่งหม้อและยักษ์ลวงตาที่รูปร่างสูงใหญ่มโหฬารเทียบเท่ากับดวงดาว
สิ่งเหล่านี้ก็คือมหาเต๋าของแต่ละสำนักที่แปลงมา และความผันผวนที่สาดซัดจากการเคลื่อนไหวของพวกเขาได้ดึงดูดความสนใจของจักรพิภพสำนักเสริมและจักรพิภพไม่รู้สิ้นกึ่งกลางได้ทันที
ฝ่ายหลังจ้องมองมาแต่กลับไม่ได้กระทำการบุ่มบ่าม เพราะความสนใจและพลังสยบจากสำนักแห่งความมืดนั้นแข็งแกร่ง ทันทีที่ตระกูลไม่รู้สิ้นเคลื่อนไหวก็จะเป็นการมอบโอกาสให้สำนักแห่งความมืด กลัวแต่ว่าสงครามจะเริ่มขึ้นทันที และตอนนี้ทั้งสองฝ่ายก็ยังไม่ได้เตรียมพร้อมอย่างสมบูรณ์
ส่วนจักรพิภพสำนักเสริมนั้น เพราะว่าอยู่ห่างไกลเกินไป และหากข้ามเขตแดนไปแล้วก็จะทำให้เกิดความเข้าใจผิดได้ง่ายและทำให้เกิดสงครามใหญ่ยิ่งกว่านั้นอีก ดังนั้นตอนนี้จึงกำลังจับตาดู
เพราะเหตุนี้ ท่ามกลางการจับจ้องของจักรพิภพในกลางไม่รู้สิ้นและจักรพิภพสำนักเสริม ผู้ฝึกตนระดับจักรพิภพของแต่ละสำนักตระกูลจึงเข้าใกล้สหพันธรัฐมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว
ตอนนี้ประมุขซิงอี้ที่อยู่ภายในวังเต๋าไพศาลเงียบงันไปหลายอึดใจ เขาลุกขึ้นยืนแล้วคำนับไปยังทิศที่หวังเป่าเล่อนั่งทำสมาธิก่อน จากนั้นก็ก้าวออกไปหนึ่งก้าว ตรงไปยังด้านนอกระบบสุริยะ นั่งลงบนอวกาศ ด้านหลังมีเงาร่างมหึมาก่อตัวกันราวกับเทพเจ้าที่สูงตระหง่านกลางอวกาศ
อีกด้านหนึ่ง เสียงหัวเราะยาวเบิกบานใจเสียงหนึ่งก็ดังมาจากทุกทิศทางภายในทะเลเพลิง หญิงสาวคนหนึ่งเดินออกมาจากทะเลเพลิง หญิงสาวผู้นี้สวมเกราะสงคราม ดวงตาแฝงไอพิฆาต มุมปากยิ้มเย็น หลังปรากฏตัวขึ้นก็นั่งขัดสมาธิอยู่นอกระบบสุริยะแล้วเอ่ยขึ้นมา
“ศิษย์น้องเล็กไม่ต้องกลัว ศิษย์พี่หญิงใหญ่มาปกป้องเจ้าแล้ว!”
ผู้ที่มาก็คือศิษย์พี่ใหญ่ของหวังเป่าเล่อ และเป็น…หนึ่งในร่างแรกของปรมาจารย์แห่งไฟ ส่วนพลังฝึกปรือก็บรรลุระดับจักรพิภพเช่นกัน
นอกจากศิษย์พี่หญิงใหญ่แล้ว เงาเลือนรางของเทพวัวตัวหนึ่งก็ปรากฏออกมาจากอีกด้านหนึ่ง มันร้องคำรามขึ้นฟ้า เปลวเพลิงพวยพุ่งท้องฟ้าทันที
“เจ้าหนู วัวเฒ่ามาช่วยเจ้าแล้ว!”
หวังเป่าเล่อเผยรอยยิ้มออกมาแล้วถอนหายใจอีกครั้ง เขาคิดว่าอาจารย์จะต้องเข้าถึงบทบาทล้ำลึกเกินไปแล้วแน่ๆ…
ยังไม่ทันทีที่รอยยิ้มของหวังเป่าเล่อจะสลายไป กลิ่นอายของเปลวธูปก็แผ่ออกมาจากจากทั้งสี่ทิศ ชายวัยกลางคนผู้มีใบหน้าอ่อนโยนงามสง่าเดินออกมาจากความว่างเปล่า ร่างกายเดี๋ยวจริงเดี๋ยวเลือนราง หลังจากปรากฏตัวออกมา เขาก็ยิ้มบางๆ ไปให้ทางหวังเป่าเล่อที่นั่งขัดสมาธิอยู่ ไม่ได้เอ่ยอะไร จากนั้นก็นั่งลงขัดสมาธิ พลังแห่งเปลวธูปทั่วร่างเขย่าอวกาศ
นี่ก็คือ…ศิษย์พี่รองผู้ฝึกฝนเต๋าเปลวธูปและเป็นคนเดียวที่มีตัวตนจริงๆ ของปรมาจารย์แห่งไฟนอกจากหวังเป่าเล่อ
หวังเป่าเล่อไม่อาจลุกขึ้นได้ แต่ในใจยิ่งอบอุ่นมาก หลังจากทอดมองไปยังเงาร่างทั้งสี่จากสี่ทิศ เขาส่งเสียงออกมาทันทีแล้วหลับตาลง พลังฝึกปรือในร่างกระโดดจากสิบห้าขั้นของดารานิรันดร์ชั้นมหาวัฏจักรไปถึงห้าสิบขั้น!
………………………