ตอนที่ 398 บททดสอบ ยอดฝีมือทั้งสิบ!
เมื่อเสียงระฆังดังขึ้น เมืองที่แต่เดิมเต็มไปด้วยเสียงวุ่นวาย พลันตกอยู่ในความเงียบงันทันทีจนสามารถได้ยินเสียงเข็มหล่น!
จากนั้นก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น “การทดสอบด่านที่สองได้เริ่มขึ้นแล้ว ทุกคนที่เข้าร่วมการทดสอบโปรดไปที่จัตุรัสกลางเมือง!”
“โอ้!”
“การทดสอบกำลังจะเริ่มแล้ว!”
“จุ๊จุ๊! มีเรื่องสนุกให้ได้ดูอีกแล้ว!”
“ถูกต้อง! เมื่อเร็ว ๆ นี้เรามียอดฝีมือมากมายมาที่ด่านที่สองของเรา!”
“ว่ากันว่ายมโลกในหมื่นอาณาจักรพังทลายลง ทำให้ยอดฝีมือมากมายที่เสียชีวิตฟื้นคืนชีพจากความตายโดยไม่ได้คาดคิด แม้แต่ปีศาจชั่วร้ายจากเมื่อหลายปีก่อนก็กลับมามีชีวิตอีกครั้ง เส้นทางราชันจักรพรรดิที่ผ่านมามีชีวิตชีวาอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน!”
“….”
ทั้งเมืองพลันอึกทึกครึกโครมไปด้วยเสียงผู้คน ฝูงชนจำนวนมากเริ่มรวมตัวกันที่จัตุรัสกลางเมืองจากทั่วทุกสารทิศ
“ไป!”
ทันทีที่หนิงฝานเอ่ยปาก สองคนหนึ่งอสูรก็เดินตามฝูงชนไปที่จัตุรัสกลางเมือง
ไม่นานพวกเขาก็มาถึงจัตุรัสกลางเมือง ที่แห่งนี้เต็มไปด้วยผู้คนมากมาย ท้องฟ้าเหนือจัตุรัสมีชายวัยกลางคนผมสีดำนั่งขัดสมาธิ ด้วยใบหน้าที่น่าเกรงขาม สวมชุดคลุมสีหมึก และทั่วร่างแผ่ฐานการบ่มเพาะขนาดใหญ่ที่อยู่บนจุดสุดยอดของกึ่งจักรพรรดิสวรรค์ขั้นที่ห้า เขาคือทูตผู้พิทักษ์ด่านที่สอง!
นอกจากทูตผู้พิทักษ์แล้ว ยังมีผู้คุมกฎอีกแปดร้อยคนที่ยืนอยู่รอบจัตุรัส ทุกคนสวมชุดเกราะสีดำทองและดาบสีดำทอง เหลือเพียงดวงตาที่เปิดเผยภายใต้หมวกใบนั้นเต็มไปด้วยจิตสังหารรุนแรง!
เมื่อเห็นว่าฝูงชนมารวมตัวกันพอประมาณแล้ว ทูตผู้พิทักษ์ด่านที่สองก็ลืมตาขึ้นทันที นัยน์ตาอหังการมองไปรอบ ๆ แล้วพูดว่า “ทุกท่าน ข้าคือทูตผู้พิทักษ์ของด่านนี้ ตอนนี้ ยอดฝีมือที่ต้องการท้าทายการทดสอบจากด่านที่สอง โปรดก้าวเข้าไปในจัตุรัส!”
พรึ่บ! พรึ่บ! พรึ่บ!
ทันทีที่ทูตผู้พิทักษ์พูดจบ ร่างหลายร่างก็ก้าวออกมาจากฝูงชนในทุกทิศทาง ในหมู่พวกเขามีทั้งมนุษย์ มาร ปีศาจ รวมถึงเผ่าพันธุ์แปลก ๆ มากมาย
แม้จะมีเผ่าพันธุ์ที่แตกต่างกัน แต่ทุกคนที่กล้าเข้าร่วมการทดสอบล้วนเป็นยอดฝีมือผู้มีความสามารถ ระดับการฝึกฝนที่ต่ำที่สุดล้วนมีขอบเขตกึ่งจักรพรรดิสวรรค์ขั้นที่สอง ซ้ำยังมีผู้ฝึกยุทธ์กึ่งจักรพรรดิสวรรค์ขั้นที่สาม และกึ่งจักรพรรดิสวรรค์ขั้นที่สี่!
“โอ้ ฮ่าฮ่า!”
“ครั้งนี้ข้า เฝินเลี่ย จะชิงตำแหน่งผู้ชนะการทดสอบด่านที่สอง!”
เสียงหัวเราะดังขึ้นตามมาด้วยความร้อนแผดเผาพุ่งสูงขึ้นจากฝูงชน อุณหภูมิอันน่าสะพรึงกลัวทำให้ฝูงชนที่แออัดต่างหลีกทางกว้างสายหนึ่ง
เสียงเดาะลิ้นดังขึ้น
ภายใต้สายตาของทุกคน ชายหนุ่มผมสีแดงและเสื้อคลุมสีแดงก้าวออกมาข้างหน้า มือซ้ายควบคุมเปลวไฟไว้ เพลิงลุกโชนร้อนแรงจนแม้แต่ความว่างเปล่าก็ยังถูกแผดเผาโดยไม่ได้ตั้งใจ
“โอ้! เป็นเฝินเลี่ยผู้โด่งดัง!”
“หรือว่าเพลิงในมือซ้ายของเขาคือ เพลิงผลาญสวรรค์ที่เป็นหนึ่งในเก้าเพลิงสวรรค์อันยิ่งใหญ่?”
“ไม่ผิด มันคือเพลิงผลาญสวรรค์! ตำนานเล่าว่าไฟนี้มีพลังที่จะผลาญท้องฟ้าและทำลายโลก ผู้ใดก็ตามที่ต้องไฟนี้จะมอดไหม้กลายเป็นเถ้าถ่านในพริบตา!”
“…”
ภายใต้บทสนทนาดุเดือดของฝูงชน เฝินเลี่ยก้าวเข้ามาในจัตุรัสด้วยใบหน้าภาคภูมิ!
“เหอะ! ก็แค่ปีศาจเพลิงยังกล้ามากำเริบเสิบสานที่นี่!”
ทว่าในตอนนี้เอง มีเสียงหัวเราะเยาะดังกึกก้องมาจากฝูงชนอีกครั้ง ทุกคนอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ มีคนโชคร้ายกล้าแตะต้องเฝินเลี่ยแล้ว!
โฮก!
เสียงคำรามของมังกรทรงพลังดังขึ้น แล้วหอกมังกรเล่มหนึ่งก็พุ่งเข้ามา มันค่อย ๆ กลายเป็นมังกรทองที่ทรงพลังเหนือเวหา บนนั้นมีชายหนุ่มชุดดำยืนเอามือไพล่หลัง ทั่วร่างของเขาเต็มไปด้วยเจตจำนงแห่งหอก พุ่งตรงขึ้นไปบนท้องฟ้าทำให้เขาครอบครองอำนาจอยู่ยงคงกระพัน!
“หอกมังกร!!”
“นั่นหอกมังกร เฟิงปู๋ลั่ว!”
“ว่ากันว่าเมื่อเขามีหอกอยู่ในมือ ใต้หล้าจักตกเป็นของเขา ครั้งหนึ่งเขาเคยฆ่ามังกรด้วยหอกเล่มเดียว!”
“จุ๊จุ๊! ไม่แปลกใจเลยที่เขากล้าพูดเหิมเกริม เฟิงปู๋ลั่วผู้นี้นับว่ามีคุณสมบัติ!”
“…”
เฝินเลี่ยในตอนนี้มองไปที่เฟิงปู๋ลั่วเช่นกัน เขาไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด “เฟิงปู๋ลั่วเจ้าอยากลิ้มรสเพลิงผลาญสวรรค์ของข้ารึ?”
เคร๊ง!
เฟิงปู๋ลั่วลงมาที่จัตุรัส ด้ามหอกมังกรในมือเสียบทะลุพื้นจัตุรัสโดยตรง ปลายหอกชี้ฟ้าอย่างอหังการ แล้วเขาก็พูดอย่างเหยียดหยามว่า “หึหึ เจ้าน่ะหรือ? ไม่มีคุณสมบัติพอให้ข้าใช้หอกด้วยซ้ำ!”
“อวดดี!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เฝินเลี่ยเดือดดาลทันที เพลิงผลาญสวรรค์ในมือของเขาโหมซัดอย่างรุนแรง พร้อมกันนั้น หอกมังกรที่อยู่ใต้เท้าของเฟิงปู๋ลั่วก็ปล่อยเสียงที่น่าตกใจออกมาเช่นกัน!
เกิดสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างยอดฝีมือทั้งสอง!
“โอ้!”
“คนตั้งมากมาย เราสองคนพี่น้องก็มาร่วมสนุกด้วยแล้วกัน!”
จู่ ๆ เสียงที่ยังไม่ประสีประสาสองเสียงก็ดังขึ้น และทันใดนั้น เด็กสองคนที่ดูอายุเพียงสามหรือสี่ขวบก็จูงมือกันไปข้างหน้า ใบหน้าของพวกเขาอ้วนท้วน ดูน่ารักสมบูรณ์อย่างถึงที่สุด!
“เอ๋? เด็กสองคนนี้มาจากไหน น่ารักน่าชังนัก!”
เมื่อเห็นเด็กทั้งสองเดินจูงมือกันออกมา ก็มีใครบางคนพูดขึ้นด้วยความประหลาดใจ
แต่ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมา ผู้คนนับไม่ถ้วนก็แสดงอาการแปลกประหลาดและหวาดผวาทันที!
“หือ! น่ารัก? เกรงว่าเจ้าคงจะไม่รู้ตัวตนที่แท้จริงของพวกเขาสินะ!”
“สองคนนี้ คนหนึ่งชื่อไท่อีและอีกคนชื่อไท่เอ้อร์ เป็นเผ่าลิงยักษ์ไททันสัตว์ประหลาดยุคดึกดำบรรพ์!”
“แม้ว่าพวกเขาจะดูเหมือนสองสามขวบ แต่พวกเขามีอายุอย่างน้อยสองถึงสามพันปีแล้ว ยิ่งกว่านั้น ร่างกายที่แท้จริงของพวกเขาสามารถสูงได้ถึงหนึ่งหมื่นฟุต ไม่ว่าอย่างไร พวกมันก็ไม่น่ารัก!”
“อ๊า! ที่แท้เป็นลิงยักษ์ไททัน!!”
“…”
เมื่อรับรู้แล้ว คนที่อยู่ใกล้และอยากจะกอดพวกเขาต่างหลบออกไปด้วยท่าทางหวาดกลัวทันที
“คิกคิก!”
“คิกคิกคิก!”
ไท่อีและไท่เอ้อร์ลิงใหญ่ยักษ์ไททันสองตัวเดินเข้าไปในจัตุรัสด้วยใบหน้าหัวเราะ แม้แต่เฝินเลี่ยและเฟิงปู๋ลั่วที่ทำสงครามกันยังต้องหันมามองพวกเขาด้วยสายตาที่มืดครึ้ม!
“เคี๊ยกเคี๊ยกเคี๊ยก!”
“โอ้ ฮ่าฮ่า!”
“เราก็ด้วย!”
หลังจากไท่อีและไท่เอ้อร์ ยอดฝีมือที่ไม่ธรรมดาอีกห้าหกคนก็ก้าวออกมา
มีทั้งเผ่าปีศาจ นักพรต จิตวิญญาณ ฯลฯ ฐานบ่มเพาะของพวกเขาล้วนทรงพลังอย่างยิ่ง!
“โอ้! เฝินเลี่ย เฟิงปู๋ลั่ว ไท่อีไท่เอ้อร์ โม๋เจี๋ย… สิบสุดยอดฝีมือที่ไม่มีผู้ใดเทียบได้!”
“จุ๊จุ๊! ไม่ง่ายเลยที่จะได้เห็นยอดฝีมือระดับนี้สักคนสองคน ไม่คาดคิดเลยว่าวันนี้จะมาถึงสิบคน!”
“ใช่! ข้าแน่ใจว่าต้องมีสุดยอดฝีมือในสนามนี้ที่ยังไม่ได้เปิดเผยตัวอยู่แน่!”
“ไม่เลว! การทดสอบวันนี้จะต้องเป็นการต่อสู้ระหว่างพยัคฆ์และมังกรอย่างแน่นอน น่าตื่นเต้นสุด ๆ ไปเลย!”
“…”
ตอนนี้ ฝูงชนโดยรอบจัตุรัสทั้งหมดอดไม่ได้ที่จะระเบิดเสียงเซ็งแซ่
สายตาของคนหลายคนต่างจับจ้องไปที่สิบสุดยอดฝีมือ!
“เหอะ ๆ!”
หนิงฝานยังชำเลืองมอง จากนั้นก็ส่ายหัวพร้อมกับหัวเราะเบา ๆ ยอดฝีมือที่หาตัวจับยากเหล่านี้ไม่สามารถดึงดูดสายตาของเขาได้เลย
ไม่นานมานี้ เขาสู้กับหอเซียน ยมโลก และแม้แต่จักรพรรดิจุน กระทั่งราชันวิญญาณปัญจทิศอย่างจักรพรรดิเฟิงตู เมื่อเทียบกับพวกเขาแล้วพวกตัวตนที่เรียกว่า สุดยอดฝีมือเหล่านี้ไม่มีค่าควรแก่การกล่าวถึงทั้งสิ้น
“เหลยเหมิง ซวีคุน ไปกันเถอะ!”
หนิงฝานพูดขึ้น เหลยเหมิงและซวีคุน สองคนและหนึ่งอสูรก้าวเข้าไปในจัตุรัส!