ทุกสายตาจับจ้องไปยังองค์รัชทายาท
องค์รัชทายาท?
องค์รัชทายาท!
“เจ้า!” องค์รัชทายาทที่คุกเข่าอยู่บนพื้นก็มีสีหน้าตกตะลึงไม่แพ้กัน เขามองหมอหลวงด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ “หมอหลวงเผิง! เจ้าพูดจาเหลวไหลอันใดกัน”
ในเมื่อตะโกนชื่อองค์รัชทายาทออกมาแล้ว หมอหลวงเผิงที่ตัวสั่นอยู่บนพื้นก็ไร้ความกังวลอีกต่อไป
“องค์รัชทายาทใช้ภรรยาและบุตรบีบบังคับกระหม่อม กระหม่อมก็ไร้หนทาง” เขาพูดพลางร้องไห้
องค์รัชทายาทร้อนใจ “ข้าเคยบอกเจ้าว่าให้ดูยาที่ฝ่าบาทเสวยว่ามันเหมือนกับยาของหูไต้ฟูหรือไม่ ข้าบอกให้เจ้าเปลี่ยนยาเมื่อใดกัน” เขาหันหน้าคุกเข่าไปทางฮ่องเต้ “เสด็จพ่อ กระหม่อมไม่ใช่สัตว์เดรัจฉาน กระหม่อมจะทำเรื่องแบบนี้ได้อย่างไร เสด็จพ่อ พระองค์ทรงเป็นที่พึ่งของกระหม่อม มีคนต้องการใส่ร้ายกระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ”
พูดจบ เขาก็ฟุบตัวร้องไห้อยู่บนพื้น
“ระยะนี้กระหม่อมทำได้ไม่ดี ระบายอารมณ์อย่างไร้สาเหตุ กระหม่อมรู้ว่ามีคนเกลียดกระหม่อมมาก เสด็จพ่อ…”
“เหตุใดกระหม่อมต้องทำร้ายเสด็จพ่อ หากบอกว่ากระหม่อมอยากเป็นฮ่องเต้ แต่เสด็จพ่อจะทรงอยู่หรือไม่ กระหม่อมก็ยังเป็นฮ่องเต้องค์ต่อไป เหตุใดกระหม่อมจึงต้องทำเรื่องที่ไร้เหตุผลเช่นนี้”
“บอกว่ากระหม่อมทำร้ายเสด็จพ่อ เห็นได้ชัดว่าทำร้ายตัวกระหม่อมเอง!”
ภายในตำหนักเงียบสงัด องค์รัชทายาททรงปองร้ายฮ่องเต้ เรื่องนี้มีความเกี่ยวข้องกว้างมาก เวลานี้ได้ยินสิ่งที่องค์รัชทายาททรงเอ่ยออกมาก็มีเหตุผล เพียงแค่คำบอกกล่าวของหมอหลวงผู้นี้คงจะไม่เพียงพอ…บางทีอาจเป็นผู้อื่นที่หลอกใช้หมอหลวงผู้นี้ใส่ร้ายองค์รัชทายาทก็เป็นได้
ฮ่องเต้จะทรงอยู่หรือไม่ องค์รัชทายาทก็เป็นฮ่องเต้องค์ต่อไป แต่หากองค์รัชทายาททรงปองร้ายฮ่องเต้จริง มันก็สมควรเปลี่ยนคนเป็นองค์รัชทายาทแล้ว
สายตาของบรรดาขุนนางต่างมองไปทางท่านอ๋องทั้งสามและพระสนมทั้งสอง…
ท่านอ๋องฉีสีหน้าเรียบเฉย ท่านอ๋องเยียนสีหน้าซีดเผือด ท่านอ๋องหลูเหงื่อตก
“ไม่เกี่ยวกับข้า” ท่านอ๋องหลูพูดโพล่งออกมา “ใส่ร้ายองค์รัชทายาท ก็ไม่ถึงตาข้าเป็นองค์รัชทายาท”
คำพูดนี้ทำให้คนในห้องต่างมีสีหน้าชะงักไป เหลวไหล!
“เสด็จพ่อ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพวกเขา” องค์รัชทายาทพูดขึ้น พลันเงยหน้ามองฮ่องเต้ “เนื่องจากเรื่องของน้องหก กระหม่อมก็เฝ้าระวังพวกเขาเสมอมา กักขังพวกเขาไว้ในวังหลวง ไม่ให้พวกเขาเข้าใกล้เรื่องที่เกี่ยวกับเสด็จพ่อ…”
เขาเน้นหนักลงบนคำว่าน้องหก
ฮ่องเต้เข้าใจความหมายของเขา น้องหก ฉู่อวี๋หยงหรือ บุตรชายที่เคยเป็นแม่ทัพหน้ากากเหล็กมาก่อน เขามีเส้นสายและกำลังคนที่หลบซ่อนอยู่ในพระราชวังแห่งนี้ เขาเป็นคนที่มีความสามารถในการปองร้ายต่อฮ่องเต้ที่สุด อีกทั้งเวลานี้ก็ยังเป็นคนที่มีเหตุผลในการปองร้ายฮ่องเต้ที่สุดอีกด้วย
เพราะก่อนหน้านี้ฮ่องเต้ทรงบอกความจริงกับเขา อีกทั้งยังทรงบอกให้เขากำจัดฉู่อวี๋หยง
ไม่ว่าฮ่องเต้หรือบิดาต้องการให้ขุนนางหรือบุตรตาย แต่บุตรกลับไม่ยอมตาย…
ฮ่องเต้ไม่พูด แต่ดวงตาของเขาลุกวาว
องค์รัชทายาทสังเกตสีหน้าของฮ่องเต้อยู่ตลอดเวลา เห็นทีจึงยิ้มเย็นในใจ ฝูชิงรู้สึกว่าหมอหลวงผู้นี้ไม่น่าเชื่อถือ ใช่ หมอหลวงผู้นี้ไม่น่าเชื่อถือจริง แต่หากจะใช้หมอหลวงที่คบค้ามานับปีจะไม่น่าเชื่อถือยิ่งกว่า…เมื่อถูกจับได้ก็จะไร้โอกาสในการแก้ตัวอีก
หากใช้หมอหลวงที่สามารถสั่งการด้วยการข่มขู่ เมื่อสำเร็จก็แล้วไป หากเกิดความผิดพลาดขึ้นมา ก่อนหน้านี้ไร้ซึ่งการไปมาหาสู่กัน ย่อมหาหลักฐานใดไม่ได้
โชคดีที่เขาเคยชินกับการคำนึงถึงผลลัพธ์ที่เลวร้ายที่สุดก่อน มิฉะนั้นวันนี้…
เมื่อฮ่องเต้ไม่พูดสิ่งใด คนอื่นก็เริ่มพูด มีขุนนางซักถามหมอหลวงผู้นั้น มีขุนนางซักถามขันทีจิ้นจงว่าสืบคนผู้นี้ออกมาได้อย่างไร ภายในตำหนักวุ่นวายโกลาหล ความตึงเครียดก่อนหน้านี้สลายไป
“องค์รัชทายาท” เสียงหนึ่งดังขึ้น “หากหมอหลวงเผิงไม่เพียงพอต่อการชี้ความผิด แล้วหูไต้ฟูเล่า”
คำพูดนี้แทรกเข้ามาในหู แผ่นหลังขององค์รัชทายาทเย็นยะเยือก ผู้คนในตำหนักต่างมองไปตามต้นเสียง
คนที่พูดคือฉู่ซิวหยงที่ยืนอยู่ด้านข้าง สีหน้าของเขาเรียบเฉย น้ำเสียงอบอุ่น “เรื่องหูไต้ฟูประสบอุบัติเหตุ ทุกคนต่างรู้ดีใช่หรือไม่ แต่โชคดีคือหูไต้ฟูยังไม่ตาย”
หูไต้ฟูยังไม่ตายหรือ ทุกคนในตำหนักต่างตกตะลึง แต่ราวกับว่าหาร่างของเขาไม่เจอเสมอมา…พวกเขาก็ไม่ได้สนใจร่างของไต้ฟูที่ตายไปแล้ว
แต่ท่านอ๋องฉีรู้ได้อย่างไร
องค์รัชทายาทเหลือเชื่อ “น้องสาม เจ้าพูดเรื่องใด หูไต้ฟูยังไม่ตายหรือ เรื่องเป็นอย่างไร”
ฉู่ซิวหยงมองเขาพลางยิ้มเล็กน้อย “เรื่องเป็นอย่างไรก็ให้หูไต้ฟูพร้อมมาทูลต่อองค์รัชทายาทเองเถิด”
แม้แต่ม้าก็…สีหน้าขององค์รัชทายาทดำทะมึนอย่างปิดไม่มิด เขาต้องการพูดบางสิ่ง แต่ฮ่องเต้ก็ทรงเอ่ยขึ้นก่อน
“ดูท่าทางข้าจะถูกหูไต้ฟูท่านนี้รักษาหายเสียมากกว่า” เขาพูด “ไม่ใช่หมอหลวงจางปรุงยาออกมาได้”
หมอหลวงจางที่ยืนอยู่ด้านหลังสุดของเหล่าขุนนางคุกเข่าลงมา “โปรดทรงอภัยที่กระหม่อมปิดบัง ยาที่ฝ่าบาทเสวยในหลายวันนี้เป็นฝีมือของหูไต้ฟู เพียงแต่…”
“กระหม่อมให้หมอหลวงจางปิดบังเอง” ฉู่ซิวหยงพูด “เนื่องจากก่อนหน้านี้หูไต้ฟูประสบอุบัติเหตุ กระหม่อมรู้สึกว่าเรื่องนี้ผิดปกติ ดังนั้นจึงปิดบังเอาไว้ ไม่ให้เขาปรากฏตัวจนกว่าเสด็จพ่อจะทรงหายดี”
องค์รัชทายาทชี้เขา “ฉู่ซิวหยง เจ้า เจ้าบังอาจนัก…”
ไม่เพียงบังอาจ ยังมีความสามารถนัก! เขาช่วยหูไต้ฟูเอาไว้หรือ เขาทำได้อย่างไร
หรือเขาจะใช้ชื่อเสียงจากการสอบคัดเลือกขุนนางและบัณฑิต ชื่อเสียงไม่ใช่กำลังคนที่จะรู้แผนการของเขาอย่างไร้เสียงภายใต้คนของเขาและองครักษ์ลับของฮ่องเต้!
เขาต้องพูดอย่างไรจึงจะรับมือกับสถานการณ์ในเวลานี้ได้
มันเป็นสถานการณ์ที่เขาไม่เคยคำนึงถึงมาก่อน...
ทันใดนั้นความคิดขององค์รัชทายาทสับสน ไร้ซึ่งความสงบเหมือนก่อนหน้านี้
“พาเข้ามาเถิด” สายตาของฮ่องเต้มองผ่านองค์รัชทายาทไปทางประตู “ข้ายังคิดว่าไม่มีโอกาสได้พบหูไต้ฟูท่านนี้เสียอีก”
มือขององค์รัชทายาทที่ชี้ฉู่ซิวหยงคล้อยต่ำลงอย่างช้าๆ หัวใจของเขาก็ค่อยๆ หล่นลงมา
หูไต้ฟูถูกขันทีสองคนพยุงเดินเข้ามาด้วยท่าทางกระเผลก ด้านหลังมีองครักษ์หลายคนยกม้าตัวหนึ่งตามมา ม้ายังมีชีวิตอยู่ แต่ขาหัก
เมื่อเห็นฮ่องเต้ที่ทรงนั่งอยู่บนเตียง หูไต้ฟูก็รีบคุกเข่าลงพื้น “ฝ่าบาท! พระองค์ทรงฟื้นแล้ว!” พูดพลางร้องไห้ขึ้นมา
ฮ่องเต้พูด “ขอบใจเจ้ามากนะ นับแต่ใช้ยาของเจ้า ข้าจึงสามารถฟื้นขึ้นมาได้”
หูไต้ฟูพูดพลางร้องไห้ “ฝ่าบาททรงเป็นฮ่องเต้ผู้ถูกลิขิตจากสวรรค์ ทรงมีโชคบารมีอันยิ่งใหญ่…”
เมื่อได้ยินเขาจะพูดจาสะเปะสะปะต่อไป ฮ่องเต้ก็หัวเราะ พลันพูดขัดเขา “เอาเถิด เรื่องเหล่านี้ค่อยพูด เจ้าบอกข้ามาก่อน ผู้ใดจะทำร้ายเจ้า”
หูไต้ฟูเช็ดน้ำตา ยื่นมือชี้ไปทางองค์รัชทายาท “องค์รัชทายาทพ่ะย่ะค่ะ!”
เฮ้อ องค์รัชทายาทอีกแล้วหรือ ทุกสายตาภายในตำหนักจับจ้องไปยังองค์รัชทายาทอีกครั้ง ครั้งแล้วครั้งเล่า…
องค์รัชทายาทราวกับโกรธจนหัวเราะออกมา “ข้าอีกแล้วหรือ หลักฐานเล่า เจ้าไม่ได้ประสบอุบัติเหตุในวังหลวง…”
หูไต้ฟูพูดขัดเขา “คนของท่าน ขันทีของท่าน…” มือของเขาชี้ไปยังขันทีที่ยืนอยู่ด้านหลังองค์รัชทายาท
ขันทีผู้นั้นยืนอยู่ข้างฝูชิง แสดงให้เห็นถึงฐานะของเขาข้างกายองค์รัชทายาท คนในตำหนักมองตามมือของหูไต้ฟู คนกว่าครึ่งล้วนรู้จักเขา
ขันทีผู้นั้นสีหน้าซีดเผือด
“ฝูไฉ!” หูไต้ฟูเรียกด้วยความแค้น “ตอนนั้นเจ้าขี่ม้าอยู่ข้างข้า อีกทั้งยังทิ่มเข็มพิษใส่ม้าของข้า ตอนนั้นเจ้ายังยิ้มให้ข้า ปากของเจ้าบอกกับข้าว่าไปตายเสียเถิด ข้าจำได้อย่างชัดเจน!”
องค์รัชทายาทก็มองไปทางฝูไฉเช่นเดียวกัน เจ้าโง่ ลงมือก็ลงมือ เหตุใดต้องพูดมาก เพราะเขามั่นใจว่าหูไต้ฟูไม่มีโอกาสรอดชีวิตแล้วหรือ เจ้าโง่เอ๋ย เขาถูกคนโง่พวกนี้ทำลาย
ขันทีที่ถูกเรียกว่าฝูไฉคุกเข่าลงบนพื้น ตัวของเขาสั่นเทาเหมือนกับหมอหลวงก่อนหน้านี้
“ฝ่าบาท” เขาพูดเสียงสั่น “มัน มันเป็นการกระทำของกระหม่อมเพียงคนเดียว กระหม่อมมีความแค้นส่วนตัวกับหูไต้ฟู ไม่ ไม่เกี่ยวกับองค์รัชทายาทพ่ะย่ะค่ะ…”
พูดจบเขาก็พุ่งตัวเข้าใส่เสาด้านข้าง
ภายในตำหนักมีเสียงร้องตกใจดังขึ้น แต่นาทีถัดมาขันทีฝูไฉก็คุกเข่าลงบนพื้นพร้อมกับเสียงร้องโหยหวน เลือดไหลออกมาจากขาของเขา ปิ่นไม้สีดำอันหนึ่งปักอยู่บนหัวเข่าของเขาราวกับมีด
เพิ่มขนาดช่อง ดึงมุมขวามือลง