หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting – บทที่ 1200 แก่นเต๋าแจ่มชัด!

บทที่ 1200 แก่นเต๋าแจ่มชัด!
จักรพิภพคืออะไร
หวังเป่าเล่อมีความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องนี้หลายอย่างมาก่อนแล้ว ช่วงแรกสุด ตอนที่เขายังไม่ได้บรรลุถึงระดับดาวพระเคราะห์นั้น เขาคิดว่านี่คือระดับขั้นที่สูงส่งล้ำลึกมาก เป็นระดับขั้นที่ผู้ฝึกตนใฝ่ฝันและอยากจะบรรลุให้ได้ในหนึ่งชีวิต
ต่อมาเมื่อเขาเลื่อนขั้นดาวเคราะห์เต๋าเป็นนิรันดร์แล้วก้าวเข้าสู่ระดับดารานิรันดร์ ความคิดของเขาก็เปลี่ยนไป ในความเข้าใจของหวังเป่าเล่อ ระดับจักรพิภพและจักรพิภพในจักรวาลนั้น โดยพื้นฐานแล้วไม่มีความแตกต่าง ล้วนประกอบด้วยดาราจักรมากมาย จากนั้นก็รวมเข้าด้วยกันและก่อตัวเป็นทะเลดวงดาวอันกว้างใหญ่ไพศาล
เนื่องจากจำนวนดาราจักรและขนาดของมันที่ประกอบอยู่ในจักรพิภพแตกต่างกัน จักรพิภพจึงมีการแบ่งเล็กใหญ่ และถ้าหากเทียบจักรพิภพเหล่านี้กับสิ่งมีชีวิต เช่นนั้นก็เป็นระดับขั้นจักรพิภพแล้ว
แต่ตอนนี้ ความคิดของเขาได้เปลี่ยนไปอีกครั้ง การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เกิดจากการระลึกอดีตชาติบนดาวเคราะห์ชะตา เกิดจากน้ำตาและการคุกเข่าคำนับอย่างน่าอับอายในแม่น้ำแห่งความมืดของนพภูมิ ในความเข้าใจของเขา ระดับจักรพิภพไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แค่ทำให้ทะเลดวงดาวผืนหนึ่งภายในจักรวาลมีชีวิตจิตใจเท่านั้น
แต่เป็น…เต๋า!
ค้นหาเต๋าของตน รวมถึงผลักดันเต๋าสายนั้นไปถึงจุดสูงสุด เดินไปถึงปลายสุด จนกระทั่งสุดท้ายทำให้เต๋าสายนี้อยู่ระดับชั้นมหาวัฏจักร นี่…นี่สิถึงจะเป็นแก่นแท้ของผู้ฝึกตนระดับจักรพิภพ
ความจริงแล้วจักรพิภพทุกคนล้วนประกอบด้วยเต๋าของตนที่แตกต่างจากของคนอื่น บางคนมีสายเดียว บางคนมีหลายสาย ยากจะแยกแยะความแข็งแกร่งอ่อนแอ ต้องดูที่ความเข้าใจเกี่ยวกับเต๋า
ตัวอย่างเช่นปรมาจารย์แห่งไฟ นั่นคือการผสานรวมระหว่างเต๋าแห่งคำสาปและเต๋าแห่งเปลวไฟ เช่นเดียวกับจักรพิภพคนอื่นๆ ที่หวังเป่าเล่อเคยพบเจอก็เหมือนกัน ถึงแม้ทั่วทั้งจักรวาลจะมีข่าวลือว่ามหาเต๋ามีสามพัน แต่ความจริงแล้วเต๋าไม่ได้คงที่ ไม่ได้หยุดอยู่แค่จำนวนสามพันอย่างที่กล่าวมา
รายละเอียดว่ามีมากแค่ไหนนั้นหวังเป่าเล่อไม่กระจ่าง แต่เขารู้ชัดเจนว่า เต๋าที่ตนเดินอยู่ในปัจจุบันนี้ คืออิสรเสรี
เจตจำนงเต๋าสงบ จิตใจเต็มเปี่ยม
นี่คือ…แก่นเต๋าแจ่มชัด
“คุณธรรม” หวังเป่าเล่อที่นั่งขัดสมาธิอยู่ภายในดวงอาทิตย์ดารานิรันดร์แย้มยิ้มเล็กน้อย ดวงตาปิดลงอีกครั้ง หลังจากเริ่มดูดซับแผ่นเลื่อนระดับโลกาที่ผสานเข้ามาแล้ว เขาก็ดูดซับปราณวิญญาณอันทรงพลังไร้ที่สิ้นสุดที่มาจากทั่วทั้งจักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แห่งเต๋าฝั่งซ้ายด้วย
บทบาทของปราณวิญญาณเหล่านี้คือ พวกมันไม่ได้มอบสารอาหารที่ทำให้ดวงดารานับหมื่นของจักรพิภพภายในร่างของหวังเป่าเล่อเลื่อนขั้นเป็นดารานิรันดร์ทั้งหมด เพราะดวงดาราทั้งหมดของเขาอยู่เหนือขั้นตอนนี้นานแล้ว พวกมันบรรลุถึงระดับที่เรียกว่าดารานิรันดร์ชั้นมหาวัฏจักรไปแล้ว
แต่ผลของปราณวิญญาณคือ…จุดประกายให้ดารานิรันดร์นับหมื่นภายในร่างของหวังเป่าเล่อสว่างไสวขึ้นมา ทำให้เต๋าของดารานิรันดร์ทั้งหมดปรากฏขึ้นในใจของเขา ทำให้เต๋าเหล่านี้หลอมรวมกันในที่สุด จากนั้นก็ก่อตัวเป็นอิสรภาพที่เขาตามหา
เพราะต้องการอิสระ ดังนั้นหวังเป่าเล่อจึงต้องแข็งแกร่งยิ่งกว่าคนอื่น!
เพราะต้องการเสรี ดังนั้นเต๋าแห่งการตระหนักรู้ของหวังเป่าเล่อต้องครอบคลุมรอบด้านยิ่งกว่านี้!
และกระบวนการเลื่อนระดับดารานิรันดร์ชั้นมหาวัฏจักรจากขั้นแรกไปจนถึงขั้นที่หนึ่งร้อย ก็คือเส้นทางแสวงหาอิสรภาพในเต๋าสายนี้ของเขา
ตอนนี้มาถึงขั้นที่สิบห้าแล้ว ยังต้องไปต่อ
ขณะที่เสียงเลื่อนลั่นดังกึกก้อง วังน้ำวนที่เกิดจากปราณวิญญาณก็ปกคลุมทั่วทั้งรอบนอกของดวงอาทิตย์ดารานิรันดร์ และยังแผ่ขยายไปทั่วทุกทิศ ภายในช่วงเวลาไม่กี่อึดใจ มันก็แผ่ขยายไปถึงครึ่งหนึ่งของระบบสุริยะใหม่ในปัจจุบัน ทำให้ในชั่วพริบตานี้เอง ขณะที่ผู้แข็งแกร่งภายในจักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แห่งเต๋าฝั่งซ้ายที่กำลังให้ความสนใจสถานที่แห่งนี้และสังเกตเห็นว่าที่แห่งนี้มีสมบัติชั้นสูงสยบไว้นั้น พวกเขาก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของหวังเป่าเล่อเช่นกัน!
“ศิษย์ของปรมาจารย์แห่งไฟหวังเป่าเล่อ!”
“กลิ่นอายนี้คือเขาไม่ผิดแน่ เขากำลังเลื่อนขั้นเป็นจักรพิภพ!”
“นี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร สมบัติชั้นสูงที่สามารถสยบระบบสุริยะได้สิถึงจะเป็นส่วนที่สำคัญ!”
“ตอนนี้ตระกูลไม่รู้สิ้นและสำนักแห่งความมืดกำลังเริ่มทำสงครามกัน ถ้าหากข้าสามารถครอบครองสมบัติชั้นสูงเช่นนี้ได้ จะต้องสามารถมั่นคงสงบสุขท่ามกลางภัยพิบัติครั้งนี้อย่างยิ่งแน่!”
ความคิดมากมายผุดวาบขึ้นในใจของสำนักและตระกูลต่างๆ ในจักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แห่งเต๋าฝั่งซ้ายทันที แต่พลังที่สหพันธรัฐเปิดเผยออกมาข้างนอกตอนนี้ก็ยังสามารถกำจัดคนที่มีความโลภไปได้ไม่น้อย แต่…สำหรับเต๋าเก้ารัฐและสำนักห้าอันดับแรกภายในจักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แห่งเต๋าฝั่งซ้ายแล้ว พริบตาที่สังเกตเห็นสมบัติชั้นสูง ความโลภก็ผุดขึ้นในใจแล้ว
แม้จะรู้อยู่แก่ใจว่าเบื้องหลังของหวังเป่าเล่อมีปรมาจารย์แห่งไฟอยู่ แต่พวกเขาก็ยังโคจรเคล็ดวิชาลับของสำนักและตระกูลของตนอย่างไม่เสียดายอะไรทั้งสิ้น สัมผัสสวรรค์ก็ถูกการร่ายเวทอันแรงกล้าแผ่ขยายตัดผ่านความว่างเปล่าเข้ามาจากทั่วทุกทิศทางผ่านวิธีการต่างๆ เพราะต้องไปดูด้วยตาของตนเองว่าที่แท้แล้วสมบัติชั้นสูงนั่นคืออะไรกันแน่
ถ้าหากไม่ใช่ของที่มีชื่อเสียงหรือมีอานุภาพด้อยกว่าที่พวกเขาประเมินไว้ หรือว่าวันนี้มันถึงขีดสุดไปแล้วล่ะก็ เช่นนั้นถึงแม้ในใจของพวกเขาจะมีความโลภ แต่สุดท้ายก็ต้องชั่งน้ำหนักได้เสียอยู่ดี
ดังนั้นในพริบตา ด้านนอกของระบบสุริยะ ขณะที่อวกาศบิดเบี้ยว ดวงจิตเทพจากทั้งแปดทิศก็มารวมตัวกันทีละดวงๆ แล้วมองไปยังระบบสุริยะ
เพียงแต่…ขณะที่วิชาลับของแต่ละสำนักถูกใช้งานและมองเข้าไปจนเห็นแผ่นเลื่อนระดับโลกาและเงาร่างที่นั่งขัดสมาธิอยู่ภายในระบบสุริยะ ความเงียบงันก็เกิดขึ้นในช่วงสั้นๆ ทันที จากนั้นเสียงอุทานเหลือเชื่อมากมายพร้อมกับลมหายใจอันหนักหน่วงก็ระเบิดขึ้นทันใดภายในสำนักของดวงจิตเทพที่เข้าไปตรวจสอบเหล่านี้
“นั่นมัน…นั่นมัน…”
“แผ่นเลื่อนระดับโลกา!! กลับเป็นแผ่นเลื่อนระดับโลกาที่ตำนานบอกว่าแตกสลายไปแล้ว นี่มันเป็นไปไม่ได้!”
“แผ่น! เลื่อนระดับ! โลกา!!”
ความโกลาหลเกิดขึ้นทั่วทุกทิศ ภายในเต๋าเก้ารัฐมีกลิ่นอายของจักรพิภพสิบกว่าสายระเบิดออกมาทันใด สำนักอื่นๆ อีกสี่แห่งในห้าอันดับแรกก็เช่นเดียวกัน แต่ละกลิ่นอายพากันกู่ร้องออกมาในตอนนี้เอง
สิ่งล่อใจอย่างแผ่นเลื่อนระดับโลกามันยิ่งใหญ่เกินไป!
และขณะที่ภายในใจของผู้แข็งแกร่งของทุกสำนักสั่นสะเทือนและกำลังจะลงมือนั้น ประมุขซิงอี้จากวังเต๋าไพศาลภายในระบบสุริยะก็ลืมตาโพลงทันที ดวงจิตเทพแผ่ออกมาอย่างไม่ลังเลแล้วกวาดไปยังด้านนอกระบบสุริยะ ก่อตัวเป็นพลังสยบขึ้นมา
ทั้งยังมีการแค่นเสียงเย็นชาคล้ายดังมาจากที่ไกลๆ สะท้อนขึ้นในใจของผู้เยี่ยมยุทธ์แต่ละสำนักที่ใช้วิชาลับมาตรวจสอบดูที่แห่งนี้ เสียงนี้…แฝงไว้ซึ่งพลังแห่งเปลวไฟ แฝงไว้ซึ่งวิชาคำสาป นั่นก็คือปรมาจารย์แห่งไฟ
ซิงอี้ยังไม่เท่าไร เขาเป็นเพียงจักรพิภพทั่วไปเท่านั้น แต่ปรมาจารย์แห่งไฟนั้นไม่ใช่แล้ว การแค่นเสียงเย็นชาของเขาทำให้ผู้เยี่ยมยุทธ์จากสำนักและตระกูลไม่น้อยใจสั่นสะเทือนทันที
ความจริงก็เดาได้แล้วว่าปรมาจารย์แห่งไฟจะมาแน่ แต่ก็ไม่เหมือนกับสัมผัสได้ถึงการมาของอีกฝ่ายด้วยตัวเองเช่นนี้
เวลาเดียวกันนั้น ภายในใจของหวังเป่าเล่อก็มีเสียงของปรมาจารย์แห่งไฟดังขึ้นมา
“เป่าเล่อ เลื่อนระดับให้สบายใจ ความผิดทั้งหมด อาจารย์จะช่วยเจ้ารับไว้เอง ข้าอยากจะเห็นนักว่าใครจะกล้ามารบกวนการเลื่อนขั้นของศิษย์ข้า!”
“อาจารย์…ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้” หวังเป่าเล่อลืมตาขึ้น ในใจอบอุ่น พร้อมเอ่ยพูดเสียงเบา
สำหรับดวงจิตเทพของผู้เยี่ยมยุทธ์จากสำนักตระกูลต่างๆ ในจักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แห่งเต๋าฝั่งซ้ายที่เข้ามาใกล้นั้น หวังเป่าเล่อจะไม่สังเกตเห็นได้อย่างไร แม้ว่าวันนี้เขาจะอยู่ในห้วงตระหนักรู้เลื่อนระดับ แต่ก็ยังสามารถรับรู้ทุกอย่างได้
เพราะว่าเดิมทีนี่ก็อยู่ในการคาดเดาของเขาก่อนหน้านี้แล้ว
หวังเป่าเล่อย่อมเข้าใจถึงความหมายของแผ่นเลื่อนระดับโลกาดี เขายิ่งเข้าใจถึงการทะยานขึ้นของสหพันธรัฐ โดยเฉพาะการเลื่อนระดับของตนเอง มันเท่ากับการแบ่งอาณาเขตจักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แห่งเต๋าฝั่งซ้ายใหม่อีกครั้งเลย ดังนั้นย่อมตกเป็นเป้า ย่อมถูกจับตาดู ถึงขั้นอาจถูกขัดขวางได้
แต่ก็ไม่จำเป็นต้องกังวลว่าจะถูกขัดขวางจนตกเป็นเป้าแล้วไม่กล้าก้าวจากจุดเดิมไปข้างหน้า ขณะเดียวกันเขาก็คิดจะใช้โอกาสนี้ชักนำผู้เยี่ยมยุทธ์ของแต่ละสำนักตระกูลของจักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แห่งเต๋าฝั่งซ้ายให้เคลื่อนไหว แล้วสร้างโอกาสวางอำนาจให้กับตน…ณ ที่นี้
การวางอำนาจครั้งนี้จะตัดสินตำแหน่งสถานะของสหพันธรัฐ และจะตัดสินว่าหวังเป่าเล่อจะเป็นอิสระหลีกห่างได้ในอนาคตหรือไม่ ขณะเดียวกัน…สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือ นี่ก็เป็นการป้องกันเหตุของเขา เป็นการส่งเสริมการเลื่อนระดับสู่จักรพิภพที่เหลือเอาไว้!
ถึงอย่างไร สุดท้ายแล้วแผ่นเลื่อนระดับโลกาก็ขาดไปมุมหนึ่ง
ดังนั้นหลังจากสังเกตเห็นว่าดวงจิตเทพเหล่านั้นลังเลและได้ยินเสียงของอาจารย์ดังขึ้น หวังเป่าเล่อจึงเอ่ยเช่นนี้ออกมา
“เจ้ามั่นใจหรือ” ดวงจิตเทพของปรมาจารย์แห่งไฟดังมา
“ไม่กล้าบอกว่าทั้งหมด แต่ก็มั่นใจอยู่บางส่วน ถ้าหากผิดปกติ…อาจารย์ช่วยข้าปราบไว้สักพักหน่อยได้หรือไม่ขอรับ”
“ได้!”
เมื่อได้ยินคำพูดของอาจารย์ หวังเป่าเล่อก็แย้มยิ้มบางๆ กระแสเต๋าของเขาแผ่กระจายทันที พริบตาก็แผ่ออกไปนอกระบบสุริยะแล้ว ท่ามกลางความลังเล เขาก็ทำให้ดวงจิตเทพที่มาเยือนและอยู่นอกระบบสุริยะเหล่านั้นมองเห็นสภาวะร่างจริงของหวังเป่าเล่อที่อยู่ภายในระบบสุริยะ!
ชั่วพริบตา…ดวงจิตเทพเหล่านั้นก็ตื่นตระหนกรุนแรงขึ้นมาอีกครั้ง!
“วิญญาณเทพร้อยก้าวสู่จักรพิภพ! กายเนื้อร้อยก้าวสู่จักรพิภพเช่นกัน! พลังฝึกปรือดารานิรันดร์ชั้นมหาวัฏจักร…เป้าหมายคือร้อยก้าวสู่จักรพิภพเหมือนกัน!?”
“นี่…นี่…ไม่เคยมีมาก่อน นี่คือร่างเต๋าแรกเริ่มในตำนาน!”
“เมื่อสำเร็จก็จะเป็นจักรพิภพที่แข็งแกร่งที่สุดรองจากจักรพรรดิสวรรค์ ถ้าหากเลื่อนขั้นเป็นจักรพิภพชั้นกลาง…ก็สามารถต่อสู้กับจักรพรรดิสวรรค์ได้!!”
“จักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แห่งเต๋าฝั่งซ้าย จะมีเจ้าปกครองแล้วหรือ!!”
………………….
หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting

Status: Ongoing

เรื่อง : หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา (三寸人间)ผู้เขียน : เอ่อร์เกิน (耳根) ผู้แปล : Thunderbird Translators ค.ศ. 3029 วิทยาการบนโลกมนุษย์พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว จนแต่ละประเทศไม่มีเขตพรมแดนกั้นอีกต่อไป โลกได้ผสานรวมกลายเป็นหนึ่งเดียว เริ่มต้นยุคสมัยแห่งสหพันธรัฐ ตอนนั้นเอง กระบี่ยักษ์เล่มหนึ่งตกลงมาจากห้วงอวกาศ ปักเข้าใจกลาง ดวงอาทิตย์ ฝักกระบี่แตกออกเป็นเศษชิ้นส่วนจำนวนมาก กระจัดกระจายไปทั่ว ทั้งจักรวาลรวมถึงบนโลก และก่อให้เกิดแหล่งพลังงานรูปแบบใหม่อันไร้ขีดจำกัด พลังงานนี้มีชื่อเรียกกันว่า ปราณวิญญาณ ‘หวังเป่าเล่อ’ หนุ่มร่างท้วมผู้ทะเยอทะยาน ใฝ่ฝันจะได้เป็นผู้นำสหพันธรัฐ ด้วยหวังว่าจะไม่มีใครมารังแกเขาได้อีกต่อไป และเมื่อเดินทางเข้ามาศึกษาใน สำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ใช้ความรู้เหล่านั้นบวกกับความหน้าหนาหน้าทน ของตัวเอง วางกลยุทธ์อันฉลาดล้ำกำราบศัตรูคนแล้วคนเล่า ใครหน้าไหนก็ไม่อาจมาขัดขวางเส้นทางสู่การเป็นหนึ่งในใต้หล้าของชายอ้วนผู้นี้ได้ เว้นเสียแต่คำสาปประจำตระกูล ที่บอกไว้ว่าหวังเป่าเล่อจะต้องตาย หากเขาไม่ผอมลงก่อนอายุสามสิบปี ในเมื่อบรรพบุรุษร่างจ้ำม่ำมายืนรอให้เขาไปอยู่ด้วยขนาดนี้ ชายหนุ่มจึงต้องทั้งฝึกตนและลดน้ำหนักไปพร้อมๆ กัน!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท