ตอนที่ 400 ทะลวงค่ายกล พวกเจ้าเป็นใครมาจากไหนกัน!
บททดสอบนภาดารา ดาวราชันจักรพรรดิ
ฟ้าว!
ทั้งสามข้ามผ่านความว่างเปล่ามาด้วยฝีมือซวีคุน มุ่งหน้าสู่ดาวราชันจักรพรรดิ
“โห! สองคนกับหนึ่งตัว นี่มันอัจฉริยะแบบไหนกัน?”
“หืม? อสูรร้ายนั่นใช่อสูรซวีคงตามข่าวลือหรือไม่?”
“มันคืออสูรซวีคง! ตำนานกล่าวไว้ว่าอสูรซวีคงเกิดมาเพื่อควบคุมมหาวิถีแห่งความว่างเปล่า ขอเพียงไม่มีอะไรผิดพลาด พวกเขาจะต้องกลายเป็นผู้รู้แจ้งที่ต่างออกไปในอนาคตอย่างแน่นอน!”
“ส่วนคนร่างใหญ่ผมสีม่วงคนนั้น หรือว่าเขาจะหลอมเมล็ดพันธุ์ปราณม่วงบุกเบิกฟ้าดินเข้าไป?!”
“สวรรค์! พลังธรรมชาติของชายผู้นี้กับอสูรร้ายหนึ่งตัวไม่ด้อยไปกว่าสิบยอดฝีมืออัจฉริยะสูงสุด หรืออาจแข็งแกร่งมากกว่านั้นก็ได้!”
“ส่วนผู้ชายชุดคลุมราบเรียบ อยู่ขอบเขตกึ่งราชันจักรพรรดิสวรรค์ขั้นสาม ดู…ธรรมดาไปหน่อย!”
“หรือว่าพวกเขาสามคนจะจัดการสิบยอดฝีมืออัจฉริยะสูงสุด เพื่อเป็นผู้นำในดาวราชันจักรพรรดิหรือเปล่า?”
“เหอะ! ก็ไม่แน่! อยากเป็นผู้นำดาวราชันจักรพรรดิ มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกนะ!”
“…”
ขณะที่ฝูงชนภายนอกกำลังสนทนาอย่างเผ็ดร้อน พวกหนิงฝานกำลังมองดาวราชันจักรพรรดิที่อยู่ตรงหน้า!
ดาวราชันจักรพรรดิเจิดจ้า เสมือนดวงอาทิตย์ดวงใหญ่ ส่องแสงสุกสกาว แสงสว่างของดวงดาวหนึ่งดวงกลืนกินดวงดาวไปถึงสามพันดวง!
“ยึดครอง!” หนิงฝานถ่ายทอดคำสั่ง
เหลยเหมิงและซวีคุนต่างพยักหน้า ก่อนพุ่งเข้าสู่ดาวราชันจักรพรรดิที่เป็นตัวแทนผู้นำของการทดสอบ!
ตู้ม!
ทว่าเมื่อเหลยเหมิงและซวีคุนลงมือ เสียงอึกทึกพลันดังขึ้นจากดาวราชันจักรพรรดิตรงหน้า จากนั้น ดาวราชันจักรพรรดิหันมา ลวดลายไร้ที่สิ้นสุดกลายเป็นมังกรและงูนับไม่ถ้วนก่อนพุ่งออกมา เกิดเป็นค่ายกลอันงดงามในพริบตา พลังของมันมากพอที่จะสังหารยอดฝีมือขอบเขตกึ่งราชันจักรพรรดิสวรรค์ขั้นสามหรือสี่!
ตู้มฟิ้ว! ตู้มฟิ้ว!
เมื่อค่ายกลถูกใช้งาน แสงสว่างสังหารสองสายพุ่งทะยานออกไปทันที โจมตีเข้าใส่เหลยเหมิงและซวีคุน
“หืม?”
“แย่แล้ว!”
สีหน้าของเหลยเหมิงและซวีคุนเปลี่ยนไปทันที จากนั้นหนึ่งในพวกเขาใช้งานปราณม่วงบุกเบิกฟ้าดิน อีกคนใช้มหาวิถีแห่งความว่างเปล่า ขัดขวางแสงสว่างสังหารศักดิ์สิทธิ์ที่พุ่งมาหาเขา!
ปัง! ปัง!
ลมหายใจต่อมา ขณะพละกำลังทั้งสองปะทะกับแสงสว่างสังหาร เสียงปังอึกทึกดังขึ้นทันที จากนั้นพลังกระแทกสวนกลับสองกลุ่มผลักเหลยเหมิงและซวีคุนไปในอากาศธาตุทันที หนึ่งคนหนึ่งอสูรร้ายกระเด็นออกไปนับพันจั้ง ก่อนจะหาทางลุกขึ้นยืนได้อย่างมั่นคง
“หืม?!”
“นี่มันค่ายกลอะไรกัน ทรงพลังยิ่งนัก!”
ตอนนี้ ทั้งเหลยเหมิงและซวีคุนสายตาพลันกลายเป็นเคร่งขรึม ต้องรู้ว่า พวกเขาทั้งสองมีรากฐานบ่มเพาะอยู่ที่ขอบเขตกึ่งราชันจักรพรรดิสวรรค์ขั้นสี่ สามารถควบคุมเจตจำนงวิถีบุกเบิกฟ้าดินกับเจตจำนงวิถีแห่งความว่างเปล่าได้ แต่ถึงอย่างนั้น ก็ยังไม่สามารถขัดขืนค่ายกลจัตุรัสนี้ได้!
“นายท่าน!”
“ลูกพี่!”
หนึ่งคนหนึ่งอสูรร้ายมองหนิงฝาน
ชายหนุ่มจ้องมองค่ายกล สังเกตการณ์อยู่ครู่หนึ่ง สีหน้าของเขาพลันดีขึ้นมา “นี่คือค่ายกลดาราแปดเหลี่ยม มีดวงตาทั้งสิ้นแปดด้าน ขอเพียงทำลายมันได้ ค่ายกลจะถูกทำลายโดยไม่ได้ทำการโจมตี!”
สิ้นเสียงดังกล่าว หนิงฝานชี้ไปทั้งแปดด้านทันที
“โจมตี!”
ขณะหนิงฝานกล่าว เหลยเหมิงและซวีคุนมองหน้ากัน ก่อนจะระเบิดความบ้าคลั่งอีกครั้ง โจมตีใส่ทั้งแปดด้านที่หนิงฝานชี้ทันที!
ตู้ม!
กลิ่นอายเมล็ดพันธุ์ปราณม่วงบุกเบิกฟ้าดินในหว่างคิ้วของเหลยเหมิงพวยพุ่งออกมาเป็นคลื่นกลิ่นอายสีม่วงโอ่อ่า ทำให้กลุ่มดวงตาแตกสลายในทันที!
ปัง!
เมื่อค่ายกลดวงตาแตกสลาย ดาวราชันจักรพรรดิที่กำลังหมุนไปมาชะงักอย่างเห็นได้ชัด หลังจากนั้นกลิ่นอายของค่ายกลอ่อนกำลังลงไปมาก
“โห! ได้ผลจริงด้วย!”
เมื่อเห็นเช่นนี้ เหลยเหมิงบังเกิดความยินดีขึ้นมา ในเวลาเดียวกันนั้นความนับถือของเขาที่มีต่อหนิงฝานก็เพิ่มมากขึ้น!
ถึงอย่างไร การที่สามารถมองเห็นจุดอ่อนของค่ายกลที่คงอยู่มานานได้ หากไม่มีความสำเร็จระดับสูงเกี่ยวกับค่ายกล ย่อมไม่มีทางทำได้!
ฟ้าว!
ลมหายใจต่อมา เหลยเหมิงพุ่งเข้าหาค่ายกลต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง
อีกด้าน ซวีคุนรวดเร็วยิ่งกว่า หลังจากสำแดงอำนาจวิเศษแห่งความว่างเปล่า ค่ายกลดวงตาพลันแตกสลายทันที
ฟิ้ว! ฟิ้ว!
ก่อนค่ายกลจะถูกสังหารจนสิ้น ร่างของมันวูบไหว พุ่งไปยังค่ายกลดวงตาถัดไป!
สองด้าน!
สี่ด้าน!
หกด้าน!
ทุกด้าน!
หลังจากผ่านไปในระยะเวลาอันสั้น ค่ายกลดวงตาแปดเหลี่ยมล้วนถูกห้อมล้อมโดยเหลยเหมิงและซวีคุน ก่อนถูกทำลายจนสิ้น!
ปัง!
เมื่อค่ายกลดวงตาแปดเหลี่ยมพังทลาย ดาวราชันจักรพรรดิตรงหน้าหยุดหมุนทันที ค่ายกลก็สลายไปเช่นกัน!
ฟ้าว!
ด้วยการทะลวงค่ายกล ทำให้เกิดเสียงอึกทึกจากโลกภายนอก
“โห! พวกเขาถึงกับทะลวงค่ายกลดาวราชันจักรพรรดิได้อย่างง่าย ๆ เลย!”
“จุ๊ ๆ! เหมือนจะเข้าใจผิดไปบ้าง ถึงแม้ผู้ชายชุดคลุมราบเรียบจะมีการฝึกฝนอ่อนแอ แต่เขามีความสำเร็จด้านค่ายกลไม่น้อย”
“สามพันมหาวิถี วิถีค่ายกลก็คือหนึ่งในนั้น!”
“ทันทีที่ค่ายกลดาวราชันจักรพรรดิพังทลาย สองคนกับหนึ่งตัวนี้จะสามารถยึดครองดาวราชันจักรพรรดิได้อย่างง่ายดาย!”
“…”
ตอนนี้ เบื้องหน้าดาวราชันจักรพรรดิ
ทันทีที่ค่ายกลแตกสลาย หนิงฝานพยักหน้าเช่นกัน จากนั้นนำเหลยเหมิงและซวีคุนเพื่อยึดครองดาวราชันจักรพรรดิ!
ทว่า สองคนกับหนึ่งตัวเพิ่งจะเริ่มลงมือ!
“ช้าก่อน!”
“หยุด!”
“เคี๊ยกเคี๊ยกเคี๊ยก!”
“ดาวราชันจักรพรรดิเป็นของข้า ใครก็ตามที่กล้าแย่งมันไปจากข้า ข้าจะทำลายให้สิ้น!”
“…”
ตู้ม! ฟิ้ว!
สิ้นเสียงตะโกนครั้งแล้วครั้งเล่า แสงสว่างสายรุ้งสิบสายข้ามผ่านความว่างเปล่า จนมาถึงดาวราชันจักรพรรดิแทบจะในเวลาเดียวกัน ท้องนภาปั่นป่วน หอกมังกรร่ายรำ ปราณปีศาจกล้าแกร่ง… สิบยอดฝีมืออัจฉริยะสูงสุดมาถึงแล้ว!
“สิบยอดฝีมืออัจฉริยะสูงสุดมาถึงแล้ว ทีนี้จะมีการแสดงดี ๆ ให้ได้รับชมแล้ว!”
เมื่อเห็นฉากนี้ ฝูงชนภายนอกตกตะลึงทันที จากนั้นก็จับจ้องไปที่การทดสอบอย่างตั้งใจ
แน่นอนว่า การมาถึงของสิบยอดฝีมืออัจฉริยะสูงสุด ทำให้สายตาของทุกคนจับจ้องมายังพวกหนิงฝานทันที
ในบรรดาพวกเขา เฝินเลี่ยเป็นคนแรกที่ก้าวออกมา ตะโกนใส่พวกหนิงฝานอย่างเย็นชา “เจ้าคนต่ำต้อยทั้งสามมาจากที่ไหนกัน ข้าเฝินเลี่ยเป็นผู้ปกครองดาวราชันจักรพรรดิ หากไม่อยากถูกแผดเผาเป็นเถ้าถ่านเพราะเปลวเพลิงร้อนแรงของข้า จงไสหัวไปซะ!!”
สิ้นเสียงของเขา เปลวเพลิงร้อนแรงในมือซ้ายของเขาทะยานขึ้นท้องนภาสามหมื่นลี้ อุณหภูมิของท้องนภาดาราพลันเพิ่มขึ้น สวรรค์ ปฐพีและความว่างเปล่ารอบข้างกำลังหลอมละลาย เปลวเพลิงลุกท่วม!
“เหอะ! ดาวราชันจักรพรรดิยึดครองได้สูงสุดสามคน หนึ่งในที่ว่างนั่น จะต้องมีข้าผู้นี้อยู่ด้วย หาไม่แล้ว อย่าโทษหอกมังกรข้าที่จะถูกย้อมไปด้วยโลหิต!”
ปัง!
หลังจากเฝินเลี่ยกล่าวจบ เฟิงปู๋ลั่วกวัดแกว่งหอกมังกร เจตจำนงหอกอันน่าสะพรึงทำให้ท้องนภาดาราที่เป็นด่านทดสอบเดือดพล่าน!
“เคี๊ยกเคี๊ยก! ไม่ว่าพวกเจ้าจะทำอะไร พวกข้าสองพี่น้องจะต้องช่วงชิงผู้นำการทดสอบมาให้จงได้!”
ตอนนี้เอง เด็กสองคนกลายเป็นวานรยักษ์สองตัวนามว่าไท่อีกับไท่เอ้อร์ พวกเขาหัวเราะแล้วกล่าวเช่นกัน
“แล้วข้าโม๋เจี๋ยไม่สมควรยึดครองดาวราชันจักรพรรดิงั้นหรือ?”
“เหอะ! วิญญาณสูงสุดของข้าอยู่ที่นี่ พวกเจ้ากล้ามาสู้กับข้าหรือไม่!”
“ดาวราชันจักรพรรดิ! ข้าต้องเอามาครองให้ได้!”
“…”
หลังจากนั้น ยอดฝีมืออัจฉริยะสูงสุดพูดขึ้นคนแล้วคนเล่า ทุกคนต่างแสดงสีหน้าว่าพวกเขาจะต้องได้ดาวราชันจักรพรรดิมาครอง!
เมื่อเห็นเช่นนี้ สีหน้าของหนิงฝานยังคงสงบ
เหลยเหมิงกับซวีคุนยิ้มเผยเย็นชา
“เหอะ! ถ้าอยากยึดครองดาวราชันจักรพรรดินัก ก็ต้องผ่านข้าเหลยเหมิงไปให้ได้ก่อน!”
“สิบยอดฝีมืออัจฉริยะสูงสุดอะไรกัน ในสายตาของข้า พวกเจ้าเป็นใครมาจากไหนกัน!!”