ร้อยรักปักดวงใจ – ตอนที่ 456 ขว้างหิน (ต้น)

ตอนที่ 456 ขว้างหิน (ต้น)

“​ให้​โรง​เย็บปักถักร้อย​ช่วย​ปัก​นกกระสา​สีขาว​ลง​บน​ม่าน​ผ้าไหม​ทอ​สีน้ำเงิน​หิน​หรือ​”​ ​หยาง​อี๋​เหนียง​หยุด​ฝี​เข็ม​ใน​มือ​ลง​ ​จ้องมอง​ไป​ยัง​ป้า​หยาง​ด้วย​สีหน้า​ที่​แปลกใจ

“​เจ้าค่ะ​!​”​ ​ป้า​หยาง​พยักหน้า​เบา​ๆ​ ​“​โรง​เย็บปักถักร้อย​หยุดงาน​ใน​มือ​ทุก​งาน​ ​แม้แต่​ชุด​อ่าว​เล็ก​ที่​กำลัง​ทำให้​ซิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​ของฮู​หยิน​ห้า​ก็​ถูก​หยุด​ปัก​ไป​ด้วย​ ​ช่าง​ปัก​เย็บ​ต่าง​ก็​พากั​นรีบ​ปัก​ม่าน​ให้​กับฮู​หยิน​ ​ได้ยิน​มา​ว่าฮู​หยิน​เป็น​คน​ออกแบบ​และ​วาด​ลาย​ของ​ผ้าม่าน​เอง​กับ​มือ​เลย​เจ้าค่ะ​”

หยาง​อี๋​เหนียง​มักจะ​เย็บปักถักร้อย​อยู่​เสมอ​ ​เวลา​ที่​อุปกรณ์​ขาด​ไป​ ​ป้า​หยาง​ก็​จะ​ไป​ยืม​ด้าย​ ​ยืม​เข็ม​ ​ปลอก​นิ้ว​เย็บผ้า​หรือ​อื่นๆ​ ​ที่​โรง​เย็บปักถักร้อย​เสมอ​ ​จน​คุ้นเคย​กับ​คนใน​โรง​เย็บปักถักร้อย​ไม่น้อย

“​คนใน​โรง​เย็บปักถักร้อย​เล่า​ว่าฮู​หยิน​ย้าย​เตียง​สีดำ​เงา​ฝัง​ด้วย​แร่​หิน​กลีบ​ขาว​ที่​ช่วย​ใน​เรื่อง​สม​ดังปรารถนา​ไป​ไว้​ที่​ห้อง​คลอด​”​ ​ป้า​หยาง​เล่า​ต่อไป​ว่า​ ​“ฮู​หยิน​ก็​เลย​ใช้​ม่าน​สีน้ำเงิน​หิน​เพื่อให้​เข้ากัน​ ​แต่​มัน​ดู​โล่ง​ๆ​ ​ไม่​ค่อย​มี​ลวดลาย​ ​จึง​ได้​ให้​ช่าง​ปัก​ช่วย​ปัก​ลาย​นกกระสา​สีขาว​ลง​ไป​หนึ่ง​แถว​เจ้าค่ะ​”

หยาง​อี๋​เหนียง​อด​ไม่ได้​ที่จะ​เม้มปาก​แน่น​ ​“​ท่าน​โหว​รู้เรื่อง​แล้ว​หรือยัง​”

“​รู้เรื่อง​แล้ว​เจ้าค่ะ​”​ ​ป้า​หยาง​ตอบกลับ​เสียง​เบา​ ​“​ได้ยิน​มา​ว่า​ท่าน​โหว​ยัง​ให้​จี้​ถิง​ย้าย​กระถาง​ดอก​เบญจมาศ​ที่​มีชื่อเสียง​ไป​เรียง​ไว้​บน​ขอบ​หน้าต่าง​ด้วย​เจ้าค่ะ​”

หยาง​อี๋​เหนียง​ก้มหน้า​ลง​ไป​มอง​ลาย​ปัก​รูป​เด็กน้อย​ที่​กำลัง​ปัก​ถึง​ช่วง​ท้องที่​กลม​โต​ ​ไม่ได้​พูด​อะไร​ต่อ

อีก​ไม่​กี่​วัน​สือ​อี​เหนียง​ก็​จะ​เป็น​แม่​คน​แล้ว​ ​และ​บางที​อาจจะ​ให้กำเนิด​บุตร​เอก​เสียด​้วย​ซ้ำ​…​หาก​เป็น​เช่นนี้​ ​ก็​ไม่ต้อง​ไป​พูดถึง​ว่า​ไท่ฮู​หยิน​และ​ท่าน​โหว​จะ​ยินดี​ปรีดา​แค่ไหน​ ​และ​ถึงแม้ว่า​จะ​เป็น​บุตรสาว​ ​สำหรับ​ท่าน​โหว​ที่​ค่อนข้าง​ขาดแคลน​ทายาท​แล้ว​ ​ก็​ถือว่า​เป็นเรื่อง​ที่​น่ายินดี​ไม่​แพ้​กัน​เลย​ ​ถึง​เวลา​นั้น​ ​เกรง​ว่า​ท่าน​โหว​จะ​ยิ่ง​โปรดปราน​และ​เอาใจ​สือ​อี​เหนียง​เข้าไป​ใหญ่​ ​ดู​จาก​ฝีไม้ลายมือ​ของ​สือ​อี​เหนียง​แล้ว​ ​ผ่าน​ไป​อีก​สัก​สาม​ถึง​ห้า​ปีก​็​คงจะ​ไม่มี​ผู้ใด​เทียบ​เทียม​ได้​อีก

ทั้งๆ​ ​ที่​ตน​อายุ​น้อยกว่า​สือ​อี​เหนียง​เพียงแค่​ห้า​เดือน​เท่านั้น

เมื่อ​นึกถึง​ตรงนี้​ ​ใน​หัว​ของ​หยาง​อี๋​เหนียง​ก็​ปรากฏ​ใบหน้า​ที่​งดงาม​และ​ดวงตา​ที่​กลม​โตสุก​ใส​ของ​ซิ่ว​เหลียน​ขึ้น​มา

ผ่าน​ไป​อีก​สัก​สาม​ถึง​ห้า​ปี​ ​ตน​ก็​จะ​กลายเป็น​สาวแก่​แล้ว

ถึง​ตอนนั้น​หาก​สือ​อี​เหนียง​ยัง​ทิ้ง​ตน​ให้​เหี่ยวเฉา​เช่นนี้​ต่อไป​ ​อายุ​ของ​นาง​ก็​จะ​เพิ่มมากขึ้น​เรื่อยๆ​ ​แล้ว​นาง​จะ​ทำ​อย่างไร​ดี​ ​ถึงแม้ว่า​เวลา​นั้น​นาง​จะ​สามารถ​ทำให้​สือ​อี​เหนียง​ใจอ่อน​ลง​ได้​ ​ยอมให้​นาง​ปรนนิบัติ​รับใช้​ท่าน​โหว​ ​แต่​นาง​ก็​ไม่มี​ความดี​ความชอบ​ใน​การ​เลี้ยงดู​ผู้บังเกิดเกล้า​ทั้งสอง​ของ​ท่าน​โหว​ ​อีกทั้ง​ยัง​ไม่มี​สายสัมพันธ์​ของ​การให้กำเนิด​บุตรชาย​และ​บุตรสาว​ที่​แน่นแฟ้น​ ​ต้อง​อาศัย​เพียงแค่​ความเสน่หา​เท่านั้น​ ​นาง​จะ​สามารถ​มัดใจ​ท่าน​โหว​ได้​หรือไม่​นั้น​ก็​ยัง​ไม่​อาจ​คาดเดา​ได้​ ​ก็​อย่า​ไป​พูดถึง​เรื่อง​ที่จะ​มีบุ​ตร​ชาย​และ​บุตรสาว​เลย

หยาง​อี๋​เหนียง​พลัน​นึกถึง​ฉิน​อี๋​เหนียง​ที่​เสีย​ไป​ขึ้น​มา

หาก​ไม่ใช่​เพราะ​นาง​วาสนา​ดี​คลอด​บุตรชายคนโต​ได้​ ​นาง​จะ​มีสิทธิ์​ขึ้น​มานั​่ง​เสมอ​กับ​เหวิ​นอี​๋​เหนียง​ที่​ทั้ง​ฉลาด​หลักแหลม​และ​มากความ​สามารถ​ได้​อย่างไร​กัน

เมื่อ​นึกถึง​ตรงนี้​ ​นาง​ก็​รู้สึก​กระวนกระวายใจ​ขึ้น​มา​ ​จึง​วาง​ผ้า​ปัก​ใน​มือ​ลง

ตน​อายุ​ยังน้อย​ ​หน้าตา​สะสวย​ ​ร้องรำทำเพลง​ก็ได้​ ​อีกทั้ง​ยัง​ถูก​พระราชทาน​จาก​ไท​เฮา​ ​หาก​เปลี่ยน​ให้​นาง​ไป​นั่ง​อยู่​บน​ตำแหน่ง​ของ​สือ​อี​เหนียง​แทน​ ​เกรง​ว่า​ก็​คงจะ​ต้อง​คิด​หาวิ​ธี​ทิ้ง​อี๋​เหนียง​เหล่านั้น​ให้​เหี่ยวเฉา​ก่อน​ ​รอ​ให้​ดอก​มัน​เฉา​แล้ว​ค่อย​เอา​ไป​แช่น้ำ​ ​ถึง​เวลา​นั้น​ ​ดอก​มัน​ก็​จะ​ไม่​สามารถ​ออกดอกออกผล​ได้​อีก​ ​ยิง​ทีเดียว​ได้​นก​สอง​ตัว​ ​ผลพลอยได้​ดี​ถึงขนาด​นี้​แล้ว​เหตุใด​จะ​ไม่​ไป​ลงมือทำ​เล่า

ป้า​หยาง​ที่​กำลัง​นั่ง​ปัก​ผ้า​อยู่​ข้างๆ​ ​เมื่อ​เห็น​สีหน้า​ของ​หยาง​อี๋​เหนียง​ที่​ไม่​ค่อย​ดี​เท่าไร​นัก​ ​จึง​เรียก​นาง​เสียง​เบา​ด้วย​ความระมัดระวัง​ว่า​ ​“​อี๋​เหนียง​!​”​ ​แววตา​ของ​นาง​เต็มไปด้วย​ความกังวลใจ

ตั้งแต่​อี๋​เหนียง​เอาแต่​ก้มหน้าก้มตา​ปัก​ผ้า​ห่อ​ตัว​ให้​กับฮู​หยิน​ทั้งวันทั้งคืน​ด้วย​ความแน่วแน่​ ​อารมณ์​จิตใจ​ของ​อี๋​เหนียง​ก็​ยิ่ง​อยู่​ยิ่ง​เปราะบาง​และ​ใจร้อน​เป็นอย่างมาก​ ​ไม่​สุขุม​และ​หนักแน่น​เหมือนเช่น​ที่ผ่านมา

“​เรื่อง​บาง​เรื่อง​ก็​รีบ​ไม่ได้​เจ้าค่ะ​”​ ​ป้า​หยาง​ครุ่นคิด​อยู่​ครู่หนึ่ง​ ​จากนั้น​ก็​หันไป​มอง​หยาง​อี๋​เหนียง​ด้วย​ความ​งุ่มง่าม​ ​“​ตอนนั้น​ไท​เฮา​ทรง​มอบ​อี๋​เหนียง​ให้​กับ​ท่าน​โหว​โดยที่​ไม่​ทรง​ตรัส​กับฮู​หยิน​สัก​คำ​ ​นาง​เป็น​ถึง​ภรรยา​เอก​ ​ก็​ย่อม​ไม่​ชอบใจ​เป็นธรรมดา​ ​แถม​ท่าน​โหว​และ​ตระกูล​ของ​เรา​ก็​เคย​มี​ความบาดหมาง​อยู่​ด้วย​ ​ก็​ย่อม​ไม่​ช่วย​ท่าน​พูด​เข้าไป​ใหญ่​ ​คำพูด​เหล่านี้​ล้วน​เป็น​คำพูด​ที่​ท่าน​เคย​พูด​กับ​บ่าว​เมื่อ​ตอนที่​เพิ่ง​เข้ามา​อยู่​ใน​จวน​ ​ท่าน​ยัง​จำ​มัน​ได้​หรือไม่​”

หยาง​อี๋​เหนียง​ชะงัก​ไป​ชั่วขณะ

ป้า​หยาง​พูด​ต่อไป​ว่า​ ​“​หาก​จะ​ให้​พูด​เป็นหลัก​เป็นการ​บ่าว​ก็​พูด​ไม่​เป็น​ ​แต่​บ่าว​รู้สึก​ว่า​หัวใจ​ของ​คนเรา​มัน​ทำ​มาจาก​เลือดเนื้อเชื้อไข​ ​ตั้งแต่​ก้าว​เข้ามา​ใน​จวน​สกุล​สวี​ ​ท่าน​ก็​ควร​ทำตาม​กฎเกณฑ์​ของ​ที่นี่​ ​ให้เกียรติ​และ​อ่อนน้อม​ถ่อมตน​เสมอ​ ​เมื่อ​เวลา​ผ่าน​ไป​นาน​วัน​เข้า​ ฮู​หยิน​ก็​จะ​ค่อยๆ​ ​สนิทสนม​กับ​ท่าน​ขึ้น​มา​ ​ท่าน​ดู​อย่าง​เหวิ​นอี​๋​เหนียง​!​ ฮู​หยิน​มอบหมาย​บัญชี​ทั้งหมด​ของ​เรือน​ชั้นใน​ให้​นาง​เป็น​คนดู​แล​ ​อีกทั้ง​ยัง​ปฏิบัติ​ต่อ​คุณหนู​ใหญ่​ราวกับว่า​เป็น​ลูก​แท้ๆ​ ​ของ​นาง​เอง​ ​หาคู่​ครอง​ที่​ดี​ให้​ก็​ไม่ต้อง​พูดถึง​แล้ว​ ​ยัง​ช่วย​คุณหนู​ใหญ่​ไป​ขอ​ค่า​สินเดิม​จาก​ท่าน​โหว​อีกด้วย​ ​บอกว่า​บุตรสาว​แต่งงาน​ออกเรือน​นั้น​ไม่​เหมือนกับ​บุตรชาย​ ​บุตรชาย​ให้ความสำคัญ​กับ​การ​สร้าง​ฐานะ​และ​อาชีพ​การงาน​ ​ดูแล​และ​ปกป้อง​วงศ์ตระกูล​ ​มีศักดิ์ศรี​ ​มี​ความมุ่งมั่น​และ​ความทะเยอทะยาน​ไม่​ขอ​เงินทอง​จาก​บิดา​มารดา​ ​บุตรสาว​แต่งงาน​ออกเรือน​ไป​อยู่​บ้าน​ของ​คนอื่น​ ​ไม่​สามารถ​ออก​ไป​พบปะ​ผู้คน​หรือ​ออกมา​จัดการ​เรื่อง​ทั่วไป​ได้​อย่าง​อิสระ​ ​หาก​ใน​มือ​ไม่มี​เงิน​ส่วนตัว​สัก​ก้อน​ ​ล้วน​ต้อง​อาศัย​สามี​ทั้งสิ้น​ ​ก็​จะ​ต้อง​คอย​รับ​สีหน้า​และ​อารมณ์​ของ​ผู้อื่น​ ​แล้ว​จะ​เดิน​เชิดหน้าชูตา​อย่าง​สง่าผ่าเผย​ได้​อย่างไร​กัน​ ​ท่าน​โหว​ฟัง​แล้วก็​ตัดสินใจ​เพิ่มสิน​เดิม​ให้​กับ​เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​อีก​หนึ่ง​หมื่น​ตำลึง​เงิน​ ​ทุกอย่าง​ล้วน​เกิด​จาก​การ​ที่​เหวิ​นอี​๋​เหนียง​ปฏิบัติ​ต่อฮู​หยิน​ด้วย​ความระมัดระวัง​และ​ถ่อม​เนื้อ​ถ่อมตัว​เสมอมา​ ​รวมไปถึง​ไมตรี​ที่ฮู​หยิน​มอบให้​กับ​เหวิ​นอี​๋​เหนียง​ ​อี๋​เหนียง​ควร​ทำใจ​ให้​กว้าง​ ​รอ​ให้ฮู​หยิน​รู้ตัว​ตน​ที่แท้​จริง​ว่า​ท่าน​เป็น​คน​อย่างไร​แล้ว​ ฮู​หยิน​ก็​จะ​ปฏิบัติ​ต่อ​อี๋​เหนียง​ดีขึ้น​กว่า​เดิม​อย่างแน่นอน​เจ้าค่ะ​”

หยาง​อี๋​เหนียง​รู้ดี​ว่า​ป้า​หยาง​ของ​ตน​เป็น​คนที​่​ค่อนข้าง​ซื่อสัตย์​ ​เรื่อง​บาง​เรื่อง​ถึงแม้​จะ​อธิบาย​ให้​นาง​ฟัง​นาง​ก็​ไม่เข้าใจ​อยู่ดี​ ​จึง​ได้​แต่​พยักหน้า​รับรู้​เบา​ๆ​ ​จากนั้น​ก็​ให้​นาง​ไป​ช่วย​ริน​น้ำชา​มา​ให้​ตัวเอง​ ​แล้ว​หันไป​มอง​ต้นไม้ใบหญ้า​ใน​ลาน​สวน​ที่​ยังคง​เขียวชอุ่ม​เหมือนเช่น​เคย​ด้วย​อาการ​เหม่อลอย

ผ่าน​ไป​เพียง​ไม่นาน​ ​ต้นไม้ใบหญ้า​เหล่านั้น​ก็​ค่อยๆ​ ​เริ่ม​เหลือง​ ​แห้งเหี่ยว​และ​ร่วงโรย​…​จากนั้น​ก็​ถูก​เหยียบย่ำ​อยู่​ใต้​ฝ่าเท้า​ ​หลังจากที่​ฤดูใบไม้ร่วง​และ​ฤดูฝน​ผ่าน​ไป​ ​ในที่สุด​ก็​จะ​ค่อยๆ​ ​ย่อยสลาย​ไป​กับ​ดิน​ธุลี

*****

บน​เตียง​เตา​ใหญ่​ริม​หน้าต่าง​ถูก​ปู​ทับ​ด้วย​เบาะ​รอง​นั่ง​สีน้ำเงิน​ ​ขอบ​หน้าต่าง​ประดับ​ด้วย​กระถาง​ดอก​เบญจมาศ​สีแดง​หนึ่ง​กระถาง​และ​สี​เหลือ​หนึ่ง​กระถาง​ ​หลังคา​เตียง​หก​เสา​ที่ตั้ง​ชิด​กับ​ผนังห้อง​ ​ปกคลุม​ด้วย​ม่าน​เตียง​สีน้ำเงิน​ ​บน​ผ้าม่าน​ปัก​ด้วย​ลาย​นกกระสา​ ​ตะขอ​รูป​ดอก​ไห่​ถัง​สีเงิน​เกี่ยวกับ​ม่าน​ของ​แต่ละ​เอา​ฝั่ง​ไว้​ ​ตรงข้าม​กับ​เตียง​มี​เก้าอี้​ไท่​ซือ​วาง​ไว้​สอง​ตัว​ ​ส่วน​ด้าน​ข้าง​เป็น​ฉาก​บานพับ​ ​ด้านหลัง​ของ​ฉาก​บานพับ​คือ​ห้อง​ชำระ​ขนาดเล็ก

สือ​อี​เหนียง​พยักหน้า​เบา​ๆ​ ​จากนั้น​ก็​ชี้​ไป​ยัง​ผนัง​กำแพง​ปูนขาว​ที่อยู่​ระหว่าง​เตียง​และ​เตียง​เตา​ ​“​แขวน​ฉาก​ภาพวาด​สี่​ฉาก​ไว้​ตรง​ผนังห้อง​ ​เอา​โต๊ะ​วาง​แจกัน​มา​วาง​ต้น​หมี่​หลาน​หนึ่ง​ตัว​ ​แล้วก็​เอา​โต๊ะ​วาง​แจกัน​มา​อีก​จำนวน​หนึ่ง​ไว้​วาง​ต้น​ตง​ชิง​ ​เพิ่ม​เก้าอี้​จิ​่​นอู​้​อีก​จำนวน​หนึ่ง​ด้วย​ ​ถึง​เวลา​นั้น​พอ​มี​คน​มา​เยี่ยม​ ​ก็​จะ​ได้​มีที​่​ทาง​ให้​นั่ง​”

สะใภ้​จี้​ถิง​ยิ้ม​พร้อมกับ​ขานรับ​ว่า​ ​“​เจ้าค่ะ​”​ ​จากนั้น​ก็​พา​เหล่า​บรรดา​ป้า​รับใช้​ไป​ขน​ต้น​หมี่​หลาน​และ​ต้น​ตง​ชิง

จู๋​เซียง​พา​เหล่า​บรรดา​สาวใช้​น้อย​ไป​เปิด​โรง​เก็บของ​เพื่อ​ขน​ฉาก​ภาพวาด​แขวน​ผนัง​ ​โต๊ะ​วาง​แจกัน​และ​เก้าอี้​จิ​่​นอู​้

ส่วน​สือ​อี​เหนียง​และ​ป้า​ซ่ง​ก็​ไป​ยัง​เรือน​หลัก

หมอตำแย​ทั้งสอง​ที่มา​จาก​วัง​ก็ได้​พูด​กับ​หมอตำแย​ที่​ไท่ฮู​หยิน​ว่าจ้าง​มา​ว่า​ท้อง​ของ​สือ​อี​เหนียง​ลง​ต่ำ​แล้ว​ ​เกรง​ว่า​คงจะ​คลอด​เร็ว​ๆ​ ​นี้​ ​สือ​อี​เหนียง​ก็​เอาแต่​จ้องมอง​หน้า​กระจก​อยู่นาน​สอง​นาน​ ​แต่​ก็​มอง​ไม่​ออก​ว่า​มัน​แตกต่าง​กัน​อย่างไร

ป้า​ซ่ง​ประคอง​สือ​อี​เหนียง​ขึ้นไป​นั่ง​บน​เตียง​เตา​ ​จากนั้น​สือ​อี​เหนียง​ก็ได้​ถามไถ่​ถึง​เรื่อง​งานแต่ง​ของ​ลี่ว​์​อวิ​๋​นขึ​้​นมา

“​ฟัง​จาก​น้ำเสียง​ของ​เจ้า​แล้ว​ ​ถือว่า​เป็น​ตระกูล​ที่​ค่อนข้าง​มี​ฐานะ​”

ป้า​ซ่ง​ชง​น้ำชา​มา​ให้​สือ​อี​เหนียง​ด้วยตัวเอง​ ​ยิ้ม​พร้อมกับ​พูด​ขึ้น​ว่า​ ​“​หากว่า​ไม่ดี​ ​บ่าว​ก็​ไม่กล้า​เอ่ย​กับฮู​หยิน​หรอก​เจ้าค่ะ​”

สือ​อี​เหนียง​พูด​ขึ้น​ด้วย​รอยยิ้ม​ ​“​เช่นนั้น​ก็​เรียก​มารดา​ของ​ลี่ว​์​อวิ​๋​นมา​ปรึกษาหารือ​ก็แล้วกัน​”

ป้า​ซ่ง​จึง​ขานรับ​ด้วย​สีหน้า​ที่​ยิ้มแย้ม​ ​มีสาว​ใช้​เข้ามา​รายงาน​ว่า​ ​“ฮู​หยิน​ ​หยาง​อี๋​เหนียง​มา​ขอ​พบ​เจ้าค่ะ​!​”

ช่วงนี้​หยาง​อี๋​เหนียง​ขยัน​ไปมาหาสู่​ที่​เรือน​ของ​สือ​อี​เหนียง​ค่อนข้าง​บ่อย​ ​นาง​มักจะ​มาช​วน​คุย​เรื่อง​ทั่วไป​ ​ช่วงแรก​ๆ​ ​นาง​ก็​พูดคุย​เกี่ยวกับ​เรื่อง​ทั่วไป​ของ​ครอบครัว​นาง​เท่านั้น​ ​หลาย​วัน​มานี​้​ ​หยาง​อี๋​เหนียง​กลับ​เอาแต่​พูดถึง​เรื่อง​ยากจน​สมัย​ตอนที่​นาง​ยัง​เป็น​เด็ก​หรือ​เรื่อง​ที่มา​รดา​รัก​และ​เอาใจ​น้องชาย​ของ​นาง​มาก​ขนาด​ไหน

ช่วงนี้​ธุระ​ใน​จวน​ก็​มากมายก่ายกอง​อยู่​แล้ว​ ​สือ​อี​เหนียง​จึง​ไม่​สามารถ​จะ​ไปร​่ว​มรู​้​สึก​สงสาร​และ​เห็นอกเห็นใจ​ ​‘​เรื่องเศร้า​สลด​’​ ​ของ​นาง​ ​สือ​อี​เหนียง​ฟัง​นาง​เล่า​เพียง​ไม่​กี่​คำ​ก็​ยก​ถ้วย​น้ำชา​ขึ้น​มา​จิบ​เพื่อให้​นาง​กลับ​เรือน​ไป

อาจารย์​เจี่ยน​และ​ชิวจ​วี​๋​ก็​เข้ามา​หา​พอดี

ทั้งสอง​ถือ​ถุง​ผ้าใบ​ใหญ่​มาด​้ว​ยส​อง​ห่อ

“​ร้านค้า​ของ​เรา​มี​ช่าง​ปัก​ผ้า​ตั้ง​ห้าสิบ​คน​ ​จะ​ให้​หญิง​ท้องแก่​อย่าง​เจ้า​ลงมือ​ตัดเย็บ​เสื้อผ้า​ด้วยตัวเอง​กระนั้น​หรือ​”​ ​อาจารย์​เจี่ย​นพูด​ขึ้น​พลาง​ให้​ชิวจ​วี​๋​เปิด​ถุง​ผ้า​ออก​ ​ทั้ง​เตียง​เตา​พลัน​เต็มไปด้วย​เสื้อผ้า​เด็ก​ ​ไม่ต้อง​พูดถึง​เรื่อง​ฝีไม้ลายมือ​ที่​ละเอียดอ่อน​ ​แค่​สีสัน​ที่​แพรวพราว​ ​ทั้ง​โดดเด่น​และ​ตระการตา​ ​เมื่อม​อง​ดูแล​้​วก​็​พลอย​ทำให้​ตาลาย​ไป​หมด

“​ใช้​จนถึง​ห้า​ขวบ​เลย​กระมัง​”​ ​ชิวจ​วี​๋​ได้ยิน​แล้วก็​ยก​แขน​เสื้อ​ขึ้น​มาปิด​ปาก​พร้อมกับ​หัวเราะ​ออกมา​เบา​ๆ

ชิวจ​วี​๋​ตัว​สูง​ขึ้น​ไม่น้อย​ ​ใบหน้า​และ​แววตา​ของ​นาง​ไร้​ซึ่ง​ความหวาดกลัว​เหมือน​ตอนที่​เป็นสาว​ใช้​ ​สีหน้า​ของ​นาง​แลดู​ผ่องใส​เป็นอย่างมาก

นาง​กำลัง​อยู่​ใน​ขั้นตอน​เจรจา​การ​หมั้น​และ​การสู่ขอ​ ​ฝ่าย​ชาย​เป็น​สหาย​คนสนิท​ของ​อาจารย์​เจี่ยน​ ​อาศัย​อยู่​ที่​เจียง​หนาน​ ​ที่​บ้าน​เปิดร้าน​ผ้า​ปัก​เล็ก​ๆ​ ​อยู่​ที่​หู​โจว​ ​ทั้งสอง​ถือว่า​เป็น​คู่​ที่​เหมาะสม​กัน​เป็นอย่างมาก​ ​อาจารย์​เจี่ยน​ยื่นข้อเสนอ​ให้​ทาง​ฝ่าย​ชาย​แต่ง​เข้า​บ้าน​ฝ่าย​หญิง​ ​ทาง​ครอบครัว​ฝ่าย​ชาย​ค่อนข้าง​ลังเลใจ​เล็กน้อย​ ​เรื่อง​นี้​จึง​ส่งผล​ให้​งานแต่ง​ล่าช้า​ไป

สือ​อี​เหนียง​เห็น​แล้วก็​ตกตะลึง​ ​ยิ้ม​พร้อมกับ​พูด​ขึ้น​ว่า​ ​“​คงจะ​ไม่ได้​ทิ้ง​การ​ทิ้ง​งาน​แล้ว​หันมา​ตั้งหน้าตั้งตา​เสียเวลา​ทำ​ของ​เหล่านี้​หรอก​กระมัง​”

อาจารย์​เจี่ยน​จึง​พูด​ขึ้น​ด้วย​รอยยิ้ม​ว่า​ ​“​ชิวจ​วี​๋​เป็น​คน​ช่วย​ทำ​ทั้งหมด​”​ ​สีหน้า​ของ​นาง​เต็มไปด้วย​ความภาคภูมิใจ​ ​“​ไม่แน่​บางที​อนาคต​เรา​อาจจะ​ทำ​เสื้อผ้า​เด็ก​ออกมา​ขาย​โดยเฉพาะ​ก็​เป็นได้​”

ทุกคน​ได้ยิน​แล้ว​ต่าง​ก็​พากัน​หัวเราะ​ขึ้น​มา

คำพูด​ของ​อาจารย์​เจี่ยน​สามารถ​เป็นจริง​ได้​ใน​อีก​ไม่​กี่​ศตวรรษ​ข้างหน้า​ ​แต่​ตอนนี้​กลับ​ยัง​ทำไม​่​ได้

คนที​่​มี​กำลังซื้อ​มาก​พอก​็​ล้วน​มี​โรง​เย็บปักถักร้อย​เป็น​ของ​ตัวเอง​อยู่​แล้ว​ ​ส่วน​คนที​่​ไม่มี​กำลังซื้อ​ก็​จะ​นำ​เอา​เสื้อผ้า​ที่​คนโต​เคย​ใส่​มา​ให้​คนเล​็ก​ใส่​ต่อ​ ​ยิ่งไปกว่านั้น​ยัง​มีคำ​พูด​ที่ว่า​ ​‘​เด็กเล็ก​ยัง​ไม่รู้​ความ​สวมใส่​อะไร​ก็​ย่อม​ได้​ ​พอ​โต​แล้ว​รักสวยรักงาม​เป็น​ก็​ค่อย​มา​แต่งเนื้อแต่งตัว​’

จู๋​เซียง​ให้​ชิว​อวี​่​ไป​ยก​หีบ​มาส​อง​ใบ​ ​เพื่อ​จัดเก็บ​เสื้อผ้า​ทารก​เหล่านี้

อาจารย์​เจี่ยน​ถามไถ่​ถึง​สถานการณ์​ของ​สือ​อี​เหนียง​ ​จากนั้น​ก็​พูดคุย​เรื่อง​เกี่ยวกับ​ทาง​ร้าน​ ​เมื่อ​เห็น​ว่า​เวลา​ผ่าน​มาสัก​พัก​แล้ว​ ​จึง​บอกว่า​ที่​ร้าน​ยัง​มี​งาน​ที่​ต้อง​จัดการ​ ​ก็​เลย​ขอตัว​กลับ​ไป​พร้อมกับ​ชิวจ​วี​๋

เดี๋ยวนี้​อาจารย์​เจี่ยน​ไม่​ค่อย​ปัก​ผ้า​แล้ว​ ​แต่งาน​ปัก​ทุก​ผืน​จะ​ต้อง​ผ่าน​การ​ตรวจสอบ​จาก​นาง​ก่อนที่จะ​ออก​ขาย​ ​เวลานี้​เป็นเวลา​ตรวจสอบ​งาน​ปัก​พอดี​ ​สือ​อี​เหนียง​จึง​ไม่ได้​รั้ง​ให้​นาง​อยู่​ต่อ​ ​ให้​จู๋​เซียง​ออก​ไป​ส่ง​นาง​ที่​ประตู​ฉุยฮ​วา​ ​แล้ว​หันไป​เรียก​ชิว​อวี​่​ ​ซิ่ว​เหลียน​ ​อวี​้​เหมย​และ​คนอื่นๆ​ ​มาช​่ว​ยกัน​เก็บ​เสื้อผ้า

ไม่นาน​ ​เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​ก็​เข้ามา​คารวะ​สือ​อี​เหนียง​พอดี

เป็น​เด็กผู้หญิง​ ​ไหน​เลย​จะ​ไม่​ชอบ​ของ​ชิ้นเล็กชิ้นน้อย​เหล่านี้​กัน

นาง​ค่อนข้าง​ประหลาดใจ​เป็นอย่างมาก​ ​อีกทั้ง​ยัง​ช่วย​ชิว​อวี​่​พับผ้า​ไป​หลาย​ตัว

สวี​ซื่อ​จุน​และ​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​เลิกเรียน​กลับมา​พอดี​ ​ทั้งสอง​ดู​ตื่นเต้น​และ​สนอกสนใจ​เป็นอย่างมาก​ ​สวี​ซื่อ​เจี​้​ยถาม​ขึ้น​ด้วย​สีหน้า​ที่จริง​จัง​ว่า​ ​“​น้องชาย​ยัง​ไม่​คลอด​เลย​ ​หาก​เสื้อผ้า​ตัวเล็ก​เกินไป​จะ​ทำ​อย่างไร​หรือ​ขอรับ​”

สือ​อี​เหนียง​เอง​ก็​ตอบ​ไม่​ถูก​เหมือนกัน​ ​ขณะที่​กำลัง​ครุ่นคิด​อยู่​นั้น​ ​สวี​ซื่อ​จุน​ก็ได้​พูด​ขึ้น​ว่า​ ​“​ดังนั้น​จึง​ทำ​ทั้งตัว​เล็ก​และ​ตัว​ใหญ่​มามาก​มาย​ขนาด​นี้​ ​ถึง​ได้​เรียกว่า​กัน​ไว้​ดีกว่า​แก้​อย่างไรเล่า​”

สวี​ซื่อ​เจี​้ย​ได้ยิน​แล้วก็​พยักหน้า​ด้วย​สีหน้า​ที่จริง​จัง​ ​“​พี่​สี่​ฉลาด​จัง​เลย​”

ทำเอา​สือ​อี​เหนียง​ขำ​จน​ตัว​โยน​ ​น้ำตา​เล็ด​ไป​หมด

เมื่อถึง​เวลา​ไป​ทานอาหาร​ที่​เรือน​ของ​ไท่ฮู​หยิน​ ​เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​ก็ได้​เล่าเรื่อง​นี้​ให้​ไท่ฮู​หยิน​ฟัง​ ​พลอย​ทำให้​ไท่ฮู​หยิน​และฮู​หยิน​ห้า​หัวเราะ​จน​หยุด​ไม่ได้​ ​แม้แต่ฮู​หยิน​สอง​เอง​ก็​ยัง​แอบ​เผย​รอยยิ้ม​ออกมา​ด้วย

ชั่วประเดี๋ยว​เดียว​เวลา​ก็​ผ่านพ้น​มา​จนถึง​ต้นเดือน​สิบ​ ​คนใน​จวน​ก็​เริ่ม​รู้สึก​ตื่นเต้น​ไป​ตาม​ๆ​ ​กัน​ ​ไท่ฮู​หยิน​เอง​ก็ได้​ไป​จุด​ธูป​แรก​ใน​เช้า​ของ​วันหนึ่ง​ค่ำ​ที่​วัด​ฉือ​หยวน

ไม่รู้​ว่า​เป็น​เพราะ​อยู่​ใน​ช่วง​ใกล้​คลอด​หรือว่า​เป็น​เพราะ​การกระทำ​ของ​คน​รอบข้าง​ ​ส่งผล​ให้​สือ​อี​เหนียง​เริ่ม​กระวนกระวาย​ขึ้น​มา

กลางดึก​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ก็​ถูก​สือ​อี​เหนียง​ที่​พลิกตัว​ไปมา​ไม่​หยุด​จน​ทำให้​ตื่น​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​เลย​กอด​นาง​ไว้​ใน​อ้อมแขน​ ​“​เป็น​อะไร​ไป​”

สือ​อี​เหนียง​ไม่รู้​ว่า​ควรจะ​พูด​อย่างไร​ดี

การ​ที่จะ​พูด​ออกมา​ว่า​กลัว​ลูก​คลอด​ออกมา​ไม่มี​แขน​ไม่มี​ขา​ ​หรือ​กลัว​ว่า​ลูก​ของ​ตัวเอง​จะ​เกิด​ภาวะ​ปัญญาอ่อน​เพราะ​ขาด​ออกซิเจน​ระหว่าง​การ​คลอด​…​ก็​ล้วนแล้วแต่​ไม่​เป็น​สิริมงคล​ทั้งนั้น​ ​แต่กลับ​ไม่​สามารถ​เอา​ความคิด​เหล่านี้​ออก​ไป​จาก​หัว​ได้​ ​โดยเฉพาะ​ตอนที่​เห็น​หมอตำแย​ที่มา​จาก​วัง​ให้​ป้า​ซ่ง​เตรียม​กรรไกร​เล่ม​ใหม่​ ​นาง​เคย​อ่านหนังสือ​เล่ม​หนึ่ง​ ​สมัยโบราณ​มี​เด็กทารก​เสียชีวิต​จาก​การ​ใช้​กรรไกร​ไป​ตัด​สายสะดือ​แล้ว​เกิด​การติด​เชื้อ​จำนวนมาก

สวี​ลิ่ง​อี๋​เห็น​ว่านาง​เงียบ​ไป​ ​เลย​ไม่ได้​พูด​อะไร​ต่อ​ ​เขา​กอด​นาง​อย่าง​เงียบๆ​ ​หอม​หน้าผาก​ของ​นาง​เบา​ๆ​ ​เพื่อ​ปลอบโยน​นาง

ด้วย​อ้อมกอด​ที่​อบอุ่น​ ​สือ​อี​เหนียง​จึง​ค่อยๆ​ ​ผล็อย​หลับ​ไป

ร้อยรักปักดวงใจ

ร้อยรักปักดวงใจ

Status: Ongoing

เมื่อจวนสกุลหลัว มีภรรยาเอกหนึ่งคนและอนุภรรยาอีกหกคน จึงตามมาด้วยพี่น้องต่างมารดามากมาย

หลัวหยวนเหนียง บุตรีคนโตจากนายหญิงใหญ่ ได้แต่งเป็นภรรยาเอกของ สวีลิ่งอี๋ ที่มีบรรดาศักดิ์เป็นถึงหย่งผิงโหว แม่ทัพใหญ่

ทว่า ช่างโชคร้ายที่หลัวหยวนเหนียงล้มป่วนหนักและรู้ดีว่าใกล้ถึงวาระสุดท้าย นางจึงวางแผนการใหญ่กับมารดา

นั่นคือ การเลือกหนึ่งในหญิงสาวพี่น้องสกุลหลัวที่ยังไม่ได้ออกเรือนมาคอยดูแล จุนเกอ บุตรชายสุดที่รักเพียงคนเดียว และ...

คอยรักษาอำนาจของสกุลหลัวไว้ในฐานะภรรยาเอก โดยการแต่งงานกับหย่งผิงโหวเพื่อเป็นภรรยาตัวแทน!

สุดท้าย ผู้ถูกเลือกนั้นกลับกลายเป็นบุตรีของอนุภรรยา คุณหนูสิบเอ็ดผู้รักความสงบอย่าง สืออีเหนียง

แม้ไม่อาจหนีพ้นชะตากรรมที่มีผู้กำหนดมาให้ มีแต่ต้องเผชิญกับความวุ่นวายตรงหน้าต่อไป

ทักษะการปักผ้า ไหวพริบที่ติดตัวมา และเสน่ห์สุขุมดั่งน้ำนิ่ง อาจนำไปสู่กระแสน้ำพัดพาเหนือใครจะคาดเดา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท