การปรากฏตัวของจางเหยาทำให้คนประหลาดใจอย่างมาก องค์หญิงจินเหยามองทหารและขุนนางรอบด้าน อีกทั้งยังมีราษฎรที่มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตรงนี้ไม่ใช่เวลาและสถานที่ในการพูดคุย
“จางเหยา เจ้าพักอยู่ตรงนี้ก่อน” องค์หญิงจินเหยาพูด พลันรับสั่งขุนนางด้านข้าง “เตรียมที่พักให้นายน้อยจาง ไม่ใช่ ใต้เท้าจาง” นางเกรงว่าขุนนางผู้นี้จะไม่รู้จักจางเหยาแล้วปฏิบัติต่อเขาไม่ดี “ผู้นี้คือจางเหยา เจ้ารู้ใช่หรือไม่ เขาถูกฝ่าบาททรงชื่นชมว่าเป็นขุนนางผู้มีความสามารถด้านการจัดการน้ำ”
ขุนนางผู้นี้ย่อมรู้จักจางเหยา เพียงแต่เขาถูกฝ่าบาททรงชื่นชมว่าเป็นขุนนางผู้มีความสามารถก็แล้วไป แต่เขายังเป็นที่โปรดปรานของเฉินตันจู เฉินตันจูอาละวาดกั๋วจื่อเจี้ยนเพื่อชายผู้นี้ ส่วนเรื่องการจัดการน้ำ ได้ยินว่าสำเร็จได้เพราะมีการชี้แนะจากขุนนางทั้งหลาย
ไม่รอขุนนางตอบรับ จางเหยาก็รีบโบกมือ “ไม่ต้องๆ กระหม่อมมาพบองค์หญิงต่างหาก”
องค์หญิงจินเหยาพูด “ข้ารู้ แต่เวลานี้ข้าจะเดินทางไปข้างนอก เจ้ารอข้ากลับมาก่อน”
จางเหยายังคงโบกมือ “องค์หญิงจะเสด็จไปซีเหลียงใช่หรือไม่ กระหม่อมมาเพื่อไปกับองค์หญิงพ่ะย่ะค่ะ”
ไปกับนางหรือ องค์หญิงจินเหยาผงะ ก่อนจะยิ้มออกมา “คุณหนูเวยเวยหรือตันจูกำชับเจ้าหรือ” จากนั้นนางก็ไม่เกรงใจ เชิญจางเหยาขึ้นรถมาพูดคุย
จางเหยาก็ไม่เกรงใจ เขาแบกชั้นวางตำราของตนเองขึ้นรถไป
บรรดาขุนนางต่างมองหน้ากัน หนึ่งคือยังไม่ทันตั้งตัว สองคือไม่รู้จะห้ามอย่างไร
รถม้าเดินหน้าต่อไป จางเหยาวางชั้นตำราลง ภายในชั้นตำราแน่นเอียด อีกทั้งยังมีบันทึกบางส่วนหล่นลงมา องค์หญิงจินเหยาเก็บขึ้นมาส่งให้เขาด้วยรอยยิ้ม
“เจ้ามาได้อย่างไร” นางถาม “เจ้าไม่ได้อยู่แคว้นเปี้ยนหรือ”
จางเหยาพูด “เขื่อนเปี้ยนทางนั้นเสถียรแล้ว เวลานี้กระหม่อมตรวจดูเขื่อนไป๋ในพื้นที่จิงหยางและซานหยวน ได้รับจดหมายจากน้องหญิงหลิวเวย จึงรู้เรื่องในเมืองหลวงพ่ะย่ะค่ะ”
องค์หญิงจินเหยาพยักหน้า
“เวยเวยบอกเรื่องขององค์หญิง คุณหนูตันจูถูกกักขัง นางกับหลี่เหลียนไม่อาจออกจากเมืองหลวงได้ จึงไหว้วานให้กระหม่อมมาพบองค์หญิงระหว่างทาง อย่างน้อยกระหม่อมก็เป็นคนที่เคยพบองค์หญิงมาก่อน ให้องค์หญิงมีคนที่รู้จักพูดคุย” จางเหยาพูดต่อ “กระหม่อมได้รับจดหมายจึงเร่งเดินทางมาถึงเมืองซีจิง”
พูดถึงตรงนี้ก็ยิ้มออกมา
“คราวนี้ระยะทางใกล้กับซีจิงมากกว่าเมืองหลวงมาก กระหม่อมจึงมาทัน ไม่ได้เหนื่อยจนไม่อาจพูดได้เหมือนครั้งก่อน มิฉะนั้นคงจะเสียเที่ยว”
องค์หญิงจินเหยาหัวเราะร่า รู้ว่าเรื่องครั้งก่อนที่เขาพูดถึงคือครั้งที่เฉินตันจูสังหารเหยาฝู หลังจากเกิดเรื่องตันจูได้เล่าให้นางฟัง จางเหยาเร่งเดินทางจนเสียงหายเพื่อพบหน้านางเป็นครั้งสุดท้าย
“เสียงหายก็ไม่กลัว” นางหยอกล้อ “หยวนไต้ฟูที่รักษาเจ้าครั้งก่อนอยู่ในเมืองซีจิง”
จางเหยาหัวเราะขึ้นมา “หยวนไต้ฟูอยู่ซีจิงหรือ เมื่อถึงเวลากระหม่อมจะไปเยือนเขา”
องค์หญิงจินเหยาชี้บอกเขาด้วยรอยยิ้ม “ทางนี้มีผ้าเช็ดหน้า กะละมัง น้ำชา และของว่าง เจ้าทำตัวตามสบาย ถึงแม้เสียงจะไม่แหบ แต่เดินทางมาก็คงเหนื่อยแย่แล้ว”
ข้างกายขององค์หญิงจินเหยายังคงไม่มีนางใน ดังนั้นจึงไม่อาจให้องค์หญิงรินชาให้ตนเองได้ จางเหยาพับแขนเสื้อ ล้างมือด้วยความไม่เกรงใจ รินชาให้ตนเอง ก่อนจะหยิบของว่างขึ้นมา “กระหม่อมไม่ได้อยู่ในป่าก็อยู่ริมน้ำ ได้รับข่าวเมื่อสายแล้ว มาถึงทางนี้ องค์หญิงก็จะไปแล้ว เฮ้อ…”
ดังนั้นจึงอยู่เป็นเพื่อนองค์หญิงที่ต้องออกเรือนไปซีเหลียงไม่ได้นานอย่างนั้นหรือ องค์หญิงจินเหยาเม้มปากยิ้ม “เจ้าได้รับข่าวสายเกินไปจริง ดังนั้นจึงไม่รู้ข่าวใหม่ล่าสุด”
จางเหยากินของว่างพลางมองนางด้วยความฉงน
“เสด็จพ่อทรงหายดีแล้ว ข้าไม่ต้องออกเรือนไปซีเหลียงแล้ว” องค์หญิงจินเหยาพูดด้วยรอยยิ้ม “เวลานี้ข้าเดินทางไปถ่ายทอดพระราชโองการของเสด็จพ่อในฐานะทูต”
จางเหยาถลึงตากลืนของว่างอย่างออกแรง พลันปรบมือ “ดีเสียจริง ดีเสียจริง กระหม่อมรู้อยู่แล้วว่าองค์หญิงเป็นผู้มีบุญ” ก่อนจะพนมมือไว้ด้านหน้าพึมพำขอบคุณเทวดา
องค์หญิงจินเหยามองเขาด้วยรอยยิ้ม ถึงแม้นางตัวคนเดียวจะไม่โดดเดี่ยวหรือหวาดกลัว แต่มีคนอยู่ด้วยย่อมดีใจมากกว่า
“ดังนั้นเจ้าไม่ต้องมาส่งข้า” นางพูดด้วยรอยยิ้ม “เจ้ากลับไปพักผ่อนในซีจิงเถิด หากไม่รีบร้อนที่จะไป ก็รอข้ากลับมา พวกเราค่อยพบกัน”
จางเหยาโบกมืออีกครั้ง “ถึงแม้องค์หญิงไม่ต้องไปซีเหลียงแล้ว แต่องค์หญิงยังต้องไปพบคนซีเหลียง ยังคงตัวคนเดียว กระหม่อมไปกับองค์หญิงดีกว่าพ่ะย่ะค่ะ” พูดถึงตรงนี้ก็ถามขึ้นอีกครั้ง “องค์หญิงพบคนซีเหลียงที่ใด”
องค์หญิงจินเหยาหยิบแผนที่ออกมาจากลิ้นชักด้านข้าง
“องค์หญิงก็ทรงชอบดูแผนที่หรือ ดีเสียจริง” จางเหยาชื่นชม
เดิมทีนางไม่ได้ชอบมากนัก แต่หลังจากออกจากเมืองหลวง นางก็อดไม่ได้ที่จะดูมันทุกวัน ดูว่าเมื่อเดินทางถึงซีเหลียงแล้วห่างไกลจากบ้านมากเพียงใด…ดูไปดูมาจนคุ้นชิน สิ่งที่คิดก็ไม่ใช่เพียงแค่บ้าน หากแต่เป็นต้าเซี่ยกว้างใหญ่มาก นางตัวเล็กเหลือเกิน ไม่เคยไปที่ใดมาก่อน เมื่อคนไปไม่ได้ก็ลองจินตนาการดู
“ปากอาบน้ำผึ้งเหมือนตันจู ชื่นชมได้ทุกเรื่อง” องค์หญิงจินเหยาพูดด้วยรอยยิ้ม ชี้ไปยังจุดหนึ่งบนแผนที่ “หารือที่ตรงนี้ เมืองเฟิ่ง”
จางเหยาปรบมือ “ดีเสียจริง กระหม่อมกำลังอยากไปดูทางน้ำโบราณหวงเหอในเมืองเฟิ่งพอดี”
องค์หญิงจินเหยาหัวเราะร่า “ข้าจะให้ความสะดวกแก่เจ้า”
เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะที่มาจากรถม้า บรรดาขุนนางที่อยู่นอกรถม้าต่างมองหน้ากัน แลกเปลี่ยนสายตาหมดหนทางซึ่งกันและกัน จางเหยาผู้นี้มีความสามารถ ไม่เพียงทำให้เฉินตันจูอาละวาดกั๋วจื่อเจี้ยนให้เขา ยังทำให้องค์หญิงทรงดีใจได้เพียงนี้
แต่จะทำอย่างไรได้ องค์หญิงไม่ทรงเปิดปากไล่คนออกไป พวกเขาก็ไม่อาจพูดสิ่งใดได้ เวลานี้อยู่ห่างไกลจากฮ่องเต้ ดังนั้นองค์หญิงใหญ่ที่สุด
จางเหยานั่งรถม้าขององค์หญิงเดินทางไป ถึงแม้ทั้งสองจะไม่คุ้นเคยกัน แต่ก็ไม่ได้อึดอัดจนไร้เรื่องที่จะพูด จางเหยานำบันทึก ภาพวาดที่ตนเองสำรวจเทือกเขาลำธารออกมาให้องค์หญิงจินเหยาดู องค์หญิงจินเหยาดูอย่างสนใจ
ระยะทางเจ็ดแปดวันถึงอย่างรวดเร็ว
บนพื้นที่ร้างนอกเมืองเฟิ่ง สามารถมองเห็นค่ายของคนซีเหลียงแต่ไกล
“เหตุใดจึงมีกระโจมมากเพียงนี้” จางเหยามอง พลันถามด้วยความตะลึง
ถึงแม้ว่าบรรดาขุนนางของเมืองเฟิ่งที่ออกมาต้อนรับไม่รู้ว่าชายที่นั่งในรถม้าขององค์หญิงคือผู้ใด…แต่พวกเขายังคงตอบด้วยความเคารพ “องค์รัชทายาทแห่งซีเหลียงเสด็จมาด้วยพระองค์เอง ย่อมต้องนำผู้ติดตามมามาก แต่สิ่งที่มากกว่าคือของขวัญ มีหลายสิบคันรถ อีกทั้งยังมีวัวและแกะ”
อย่างนี้หรือ จางเหยาไม่ถามแล้ว
องค์หญิงจินเหยาถามเขา “ต้องเตรียมขุนนางในท้องที่ให้เจ้าด้วยหรือไม่”
จางเหยาโบกมือ “ไม่ต้อง อย่างนั้นยิ่งไม่สะดวก เสียเวลาอย่างมาก องค์หญิงทรงเตรียมม้าให้กระหม่อมตัวหนึ่งก็พอพ่ะย่ะค่ะ”
องค์หญิงจินเหยาให้คนข้างกายเตรียมม้าตัวหนึ่งให้จางเหยา อีกทั้งนำของกินดื่มให้เขา “ราวสองสามวันก็จบสิ้นแล้ว แต่ว่าสามารถรอเจ้าสำรวจเสร็จแล้วกลับไปพร้อมกัน”
จางเหยาตอบรับอย่างไม่เกรงใจ ก่อนจะขี่ม้าจากไปพร้อมสัมภาระ
คนในค่ายซีเหลียงทราบข่าวจึงมาต้อนรับ องค์รัชทายาทแห่งซีเหลียงเห็นชายหนุ่มผู้หนึ่งลงมาจากราชรถขององค์หญิง จากนั้นบอกลาองค์หญิงอย่างอาลัยอาวรณ์
“ได้ยินว่าบรรดาองค์หญิงของที่ราบกลางมักนิยมเลี้ยงทาสรักไว้” เขาพูดกับบรรดาผู้ติดตามข้างกาย “วันนี้ได้เห็น สมดั่งคำร่ำลือ”
คำพูดนี้ทำให้บรรดาขุนนางของต้าเซี่ยต่างมีสีหน้ากระอักกระอ่วน อยากจะอธิบาย แต่ก็ยากที่จะอธิบาย…ทำได้เพียงบอกว่าจางเหยาเป็นขันที
องค์หญิงจินเหยาไม่โกรธ นางยิ้มพลางปรามบรรดาขุนนาง ให้รถม้าเดินเข้าใกล้ทางนี้ นางพินิจองค์รัชทายาทแห่งซีเหลียง ราวกับสงสัยและพอใจ “หม่อมฉันก็ไม่เคยพบเห็นบุรุษเหมือนองค์รัชทายาทซีเหลียง ดูแล้วประหลาดไปอีกแบบ”
คราวนี้กลายเป็นบรรดาขุนนางของซีเหลียงกระอักกระอ่วน องค์รัชทายาทแห่งซีเหลียงผงะ ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นเสียงหัวเราะ เขาพูดต่อองค์หญิงจินเหยา “ขอบคุณคำชมขององค์หญิง” จากนั้นยื่นมือทำท่าเชิญ “เชิญองค์หญิงเข้าค่าย”
องค์หญิงจินเหยาพยักหน้า “เจ้าบ้านมาสาย ขอองค์รัชทายาทโปรดอภัย”
ที่นี่คือพื้นที่ของต้าเซี่ย ถึงแม้จะเดินเข้าค่ายของคนซีเหลียง พวกเขาก็ยังเป็นเจ้าบ้าน องค์หญิงจินเหยาตอบเช่นนี้ ไม่มีข้อผิดพลาดแม้แต่น้อย วาจาคมคาย บรรดาขุนนางที่ติดตามทั้งโล่งใจทั้งภูมิใจ ไม่คิดว่าองค์หญิงที่ถูกเลี้ยงดูอย่างตามใจ อีกทั้งยังถูกบังคับมาสานสัมพันธไมตรีจะร้ายกาจเพียงนี้
เมื่อดูเช่นนี้ องค์รัชทายาทยอมตกลงสานสัมพันธไมตรีกับซีเหลียงเป็นแค่ภาพลวงตา ความจริงแล้วมีความหมายแอบแฝง
ทั้งสองฝ่ายเดินเข้าไปในค่าย องค์หญิงจินเหยาปฏิเสธข้อเสนอในการพักผ่อนและจัดเลี้ยงขององค์รัชทายาทซีเหลียง
“หม่อมฉันไม่เหนื่อย ถึงแม้หม่อมฉันจะเดินทางไกลเช่นนี้เป็นครั้งแรก แต่อย่างไรก็อยู่บ้านของตนเอง” องค์หญิงจินเหยาพูดด้วยรอยยิ้ม “ส่วนเรื่องงานเลี้ยง รอพวกเราเจรจาเรื่องจบสิ้นก่อน ค่อยมาฉลองร่วมกัน”
องค์รัชทายาทซีเหลียงทำได้เพียงตอบรับ ทั้งสองฝ่ายนั่งอยู่ตรงกลางของค่าย บรรดาขุนนางจากวัดต้าหงหลูถ่ายทอดข่าวดีที่ฮ่องเต้ทรงหายดีให้แก่คนซีเหลียง
ข่าวนี้ทำให้คนซีเหลียงตกตะลึงเล็กน้อย แต่เรื่องที่ทำให้พวกเขาตกตะลึงมากกว่าคือฮ่องเต้ทำลายสัญญาหมั้นหมาย
“ถึงแม้เวลานั้นผู้พูดคือองค์รัชทายาท แต่เวลานั้นองค์รัชทายาทก็เป็นตัวแทนของฮ่องเต้ พวกท่านจะกลับคำได้อย่างไร” บรรดาขุนนางซีเหลียงตำหนิด้วยความขุ่นเคือง
ขุนนางวัดต้าหงหลูกล่าว “เพราะรักษาสัญญาจึงไม่อาจทำเช่นนี้ได้ ฮ่องเต้ทรงหมั้นหมายให้องค์หญิงแล้ว แต่พวกท่านก็ไม่ต้องโกรธเคืองไป เพียงแค่องค์หญิงจินเหยาไม่อาจอภิเษกกับองค์รัชทายาท แต่ฝ่าบาททรงยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะให้องค์หญิงของพวกท่านอภิเษกมา อย่างนี้พวกเรายังสามารถปรองดองกันได้”
องค์หญิงจินเหยานั่งอยู่ตรงกลาง พูดด้วยรอยยิ้ม “ได้ยินว่าองค์รัชทายาทนำของขวัญมาให้หม่อมฉันจำนวนมาก”
องค์รัชทายาทซีเหลียงพยักหน้า “ใช่ ข้าอยากจะควักหัวใจของข้าออกมาให้องค์หญิงเสียจริง”
องค์หญิงจินเหยาพูดด้วยรอยยิ้ม “ไม่เป็นอันใด ของขวัญเหล่านี้ถือเป็นสินสอดขององค์หญิงพวกท่าน น้ำใจขององค์รัชทายาท น้องหญิงของท่านและต้าเซี่ยล้วนสัมผัสได้”
…
การเจรจานี้ สำหรับคนซีเหลียงแล้ว แยกย้ายกันด้วยความไม่พอใจแต่ก็หมดหนทาง
องค์หญิงแห่งต้าเซี่ยไม่ได้กลับไปพักผ่อนในเมืองที่ใกล้ที่สุด หากแต่ปักหลักอยู่ทางนี้ กลายเป็นนายของที่นี่
องค์รัชทายาทซีเหลียงกลับกระโจมของตนเองภายใต้การรายล้อมของผู้ติดตาม เมื่อเทียบกับความขุ่นเคืองของผู้ติดตาม สีหน้าของเขากลับมีความสุขอย่างมาก
บรรดานางในเปิดม่านขึ้น องค์รัชทายาทซีเหลียงเดินเข้าไป ปลดเปลื้องเสื้อผ้าออก
“องค์หญิงแห่งต้าเซี่ยช่างโดดเด่นเหมือนอัญมณี” เขาพูด “ช่างทำให้ข้าหวั่นไหวยิ่งนัก”
ผู้ติดตามและนางในต่างไม่ได้ตามเข้ามา แต่องค์รัชทายาทซีเหลียงไม่ได้พึมพำกับตนเอง บนที่นั่งในกระโจม มีบุรุษที่สวมเสื้อผ้าหนาเตอะกึ่งนอนอยู่ผู้หนึ่ง เขาดูเหมือนคนแก่ชราอย่างมาก ผมของเขาเป็นสีขาว สีหน้าซีดเซียว สายตาขุ่นมัว
“ใช่” เมื่อได้ยินคำพูดขององค์รัชทายาทซีเหลียง เขาก็ยิ้มออกมา “ฮ่องเต้ผู้เป็นน้องชายของข้าคนนี้ล้วนมีบุตรที่ร้ายกาจมาก”