ก่อนอื่นขอแนะนำเรื่อง ‘ชีวิตอัศจรรย์ของพาย’
ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นผลงานซึ่งดัดแปลงจากหนังสือขายดีในชื่อเดียวกันบนโลก
นิยายเรื่องนี้ไม่เพียงได้รับรางวัลแมนบุ๊กอวอร์ด ยังติดอันดับหนังสือขายดีของนิวยอร์กไทม์สนานกว่าหนึ่งปีอีกด้วย!
เป็นหนังสือขายดีที่แท้จริง
และภาพยนตร์ในชื่อเดียวกันนี้ใช้เวลาเตรียมการนานหลายปีกว่าจะเริ่มถ่ายทำ
ต่อให้เทคโนโลยีการถ่ายทำของสตาร์ไลท์จะก้าวหน้า สามารถย่นระยะเวลาได้มาก ทว่าเป็นไปไม่ได้ที่ผลงานชิ้นนี้จะสร้างเสร็จและออกฉายได้รวดเร็วเท่ากับภาพยนตร์สองเรื่องก่อนหน้านี้ของหลินเยวียน
ขอกล่าวถึงความสำเร็จของผลงานชิ้นนี้อีกสักหน่อย…
เป็นผลงานชิ้นเอกซึ่งได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ทั้งหมด 11 สาขา!
อัง ลีได้รับรางวัลออสการ์สาขาผู้กำกับยอดเยี่ยมจากภาพยนตร์เรื่องนี้
นอกจากนั้น ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังได้รับรางวัลออสการ์สาขาเทคนิคพิเศษยอดเยี่ยม สาขาเพลงประกอบยอดเยี่ยม และสาขากำกับภาพยอดเยี่ยม
ใช้คำง่ายๆ มาอธิบายก็คือ
น่ากลัวมาก
กระบวนการคัดเลือกพายตัวเอกของภาพยนตร์ต้นฉบับนั้นใช้เวลาประมาณหกเดือน อัง ลีผู้กำกับจัดการออดิชันสามรอบ จนสุดท้ายเหลือผู้ผ่านการคัดเลือก 12 คน และคัดเลือกนักแสดงเป็นรายบุคคล
เรื่องนี้ หลินเยวียนจะโกงไม่ได้
เขาเองก็ต้องการคัดเลือกตัวละครอย่างจริงจังเช่นกัน
เพราะตัวละครเอกนี้ คัดเลือกยากเหลือเกิน!
และนี่เป็นเพียงหนึ่งในความยากทั้งหมดที่มีเท่านั้น
คัดเลือกนักแสดงอย่างไรเป็นหนึ่งในปัญหาใหญ่
หลินเยวียนมั่นใจว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ใช่สิ่งที่ผู้กำกับซึ่งเป็นผู้ช่วยงานจะรับมือได้!
เช่นเดียวกับเพลงซึ่งมีระดับความยากสูง ผู้ช่วยงานไม่มีทางรับมือได้
ต่อให้มีคำอธิบายโดยละเอียดในบทภาพยนตร์แล้ว ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่ผู้กำกับอย่างอี้เฉิงกงจะถ่ายทำรายละเอียดในบทให้ได้ผลลัพธ์ตรงกันอย่างแท้จริง
หากจะให้อี้เฉิงกงกำกับละก็ มีเพียงวิธีเดียว นั่นก็คือไอเท็มจากระบบปริมาณมหาศาล เพื่อเพิ่มความสามารถในการกำกับภาพยนตร์ของอี้เฉิงกง
สองคำง่ายๆ เปลืองเงิน!
ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงมาตรฐานสูงสุดซึ่งภาพยนตร์เรื่องนี้ต้องการจากฝ่ายต่างๆ ในกระบวนการถ่ายทำ
รวมไปถึงเงินลงทุนในภาพยนตร์!
ซ้ำยังมีความยากข้อหนึ่งซึ่งระบบได้จัดการให้เรียบร้อยแล้ว นั่นก็คือปัญหาเรื่องการดัดแปลงภาพยนตร์
ภาพยนตร์เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับศาสนาและความเชื่อบางอย่าง ถ้าหากให้หลินเยวียนดัดแปลงเอง หลินเยวียนคงทำอะไรไม่ถูก…
นอกเหนือจากนั้น…
สเปเชียลเอฟเฟ็กต์สเกลใหญ่และการเตรียมการซึ่งต้องใช้นั้นนับได้ว่าน่าตกใจทีเดียว
ภาพยนตร์ซึ่งถ่ายทำกับฉากเขียวตลอดทั้งกระบวนการนั้น แค่คิดก็รู้ว่าวุ่นวายขนาดไหน
เพราะฉะนั้นหลินเยวียนจึงมั่นใจว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้ ตนถ่ายทำไม่ไหว!
อย่างน้อยตนก็ถ่ายทำไม่ไหวภายใต้ระยะเวลาอันสั้น ทำได้เพียงส่งต้นฉบับให้บริษัทไปก่อน เพื่อให้บริษัทใช้เวลาที่มากพอในการเตรียมการ
“คัดเลือกนักแสดงให้เสร็จก่อน แล้วค่อยพาตัวเอกไปเรียนว่ายน้ำ…ถ้าตัวเอกว่ายน้ำได้อยู่แล้วก็ดีไป อีกอย่างกองถ่ายต้องไปสัมผัสฉากคลื่นจริงที่ทะเล…นี่เป็นสิ่งที่หลายคนไม่เคยสัมผัสมาก่อนในชีวิต ไม่เคยสัมผัสแล้วจะทำออกมาให้สมจริงได้ยังไง…”
โถ่เว้ย
ยิ่งคิดยิ่งยาก
ไม่ต้องคาดหวังให้หนังเรื่องนี้เสร็จภายในปีนี้เลย
และบทภาพยนตร์ระดับนี้ ระบบเก็บเงินไปแค่ 30 ล้าน เรียกว่ามีมโนธรรมมากทีเดียว
อาจเป็นเพราะระบบตระหนักดีถึงความยากในการสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ จึงลดราคาลงมา ถ้าหากตนทำแบบสุกเอาเผากิน รังแต่จะทำให้บทดีๆ สูญเปล่า
คุณภาพของบทนี้เหนือกว่าเรื่องนักปรับเสียงเปียโนมาก!
“กลับไปเตรียมการก่อนแล้วกัน”
หลินเยวียนพอจะมีความคิดบ้างแล้ว ภาพยนตร์เรื่องนี้อย่างน้อยปีหน้าถึงจะเปิดกล้องได้
ใช้เวลานานเหลือเกิน
เขาอยากสั่งผลิตบทใหม่จากระบบ
สั่งผลิตบทที่ถ่ายทำได้ทันทีและไม่ต้องยุ่งยาก
ถ่ายทำเสร็จแล้วค่อยถ่ายทำเรื่องชีวิตอัศจรรย์ของพาย
ไม่เช่นนั้น อย่างน้อยภายในหนึ่งปีนี้ เขาจะต้องไม่แตะภาพยนตร์เรื่องอื่น ซึ่งนั่นไม่เข้ากับนิสัยของหลินเยวียนเอาเสียเลย ต้องถ่ายทำภาพยนตร์โปรดักชันขนาดใหญ่ ส่วนภาพยนตร์ขนาดเล็กซึ่งระดับความยากต่ำกว่าก็ต้องทำเช่นเดียวกัน ถึงอย่างไรก็ไม่ควรใช้เงินลงทุนหรือฉากมาเป็นมาตรฐานในการตัดสินว่าหนังเรื่องไหนดีหรือแย่
มาพูดนอกเรื่องกันสักหน่อย
จากความสำเร็จของเรื่องชีวิตอัศจรรย์ของพาย อัง ลีแทบจะนับว่าเป็นผู้กำกับเบอร์ต้นๆ ของโลกจากแดนชานมไข่มุก ฝีมือร้ายกาจกว่าจางอี้โหมวเสียอีก
ถือโอกาสอธิบายสักหน่อย อัง ลีได้รับกรีนการ์ดของสหรัฐอเมริกาแล้ว ทว่ายังไม่ได้รับสัญชาติ เรื่องนี้จึงกลายเป็นประเด็นถกเถียงในระดับหนึ่ง
ระบบให้ความยากระดับสูงสุดกับตน
นี่เป็นบททดสอบใหญ่ที่สุดที่หลินเยวียนต้องเผชิญตั้งแต่ก้าวเข้ามาในอุตสาหกรรมภาพยนตร์
ดังนั้นหลินเยวียนจึงทั้งดีใจ และทั้งหดหู่
ได้รับบทภาพยนตร์ที่ดีเช่นนี้มา แต่กลับไม่ลงมือถ่ายทำทันที เพราะมันยากจริงๆ
……
หลินเยวียนรู้สึกหดหู่ใจ ทว่าความตกตะลึงที่เขานำมาสู่โลกภายนอกนั้นยังไม่จบเพียงเท่านี้
และนั่นเกี่ยวข้องกับเพลงของเฟิงซั่วและเซวียเหลียงซึ่งขึ้นไปติดสิบอันดับแรกของชาร์ตเพลงในฤดูกาลนี้
ในอุตสาหกรรมเพลงเกิดการถกเถียงอย่างดุเดือด ว่าสรุปแล้วลูกศิษย์ทั้งสองคนของหลินเยวียนได้รับการสอนสั่งจากหลินเยวียนจริงหรือไม่ พร้อมทั้งทำการขุดข้อมูลเพิ่มเติม
ถึงอย่างไรก็ไม่เคยมีเหตุการณ์ประเภทนี้เกิดขึ้นมาก่อน
ในทัศนะทั่วไปของผู้คน ถ้าอยากเป็นนักประพันธ์เพลงมือทอง ลำพังเพียงการสอนไม่พอหรอก ทำได้เพียงพึ่งพรสวรรค์ของตน
ปรากฏว่าเมื่อขุดข้อมูลลงไป หลายเรื่องก็กระจ่างขึ้นมา
‘ฉันหาเซวียเหลียง หรือนามปากกาว่าหลี่อวี๋เจอแล้ว เพลงที่เขาประพันธ์ที่ฉีโจวก่อนหน้านี้ เหมือนว่าครั้งก่อนก็มีคนขุดแล้ว…เมื่อก่อนผลงานของเขาถ้าบอกว่าไม่เข้าหูก็เว่อร์เกินไป แต่ฉันบอกได้แค่ว่าก่อนที่จะเจอเซี่ยนอวี๋ ระดับของเพลงของเซวียเหลียงไม่ดีสักเท่าไหร่!’
‘เพราะงั้นเซวียเหลียงเป็นคนที่เซี่ยนอวี๋สอนมากับมือ? พัฒนาจนมาอยู่ระดับนักประพันธ์เพลงมือทอง?’
‘ไม่ใช่แค่เซวียเหลียง ยังมีเฟิงซั่วอีก ผลงานเดบิวต์ของเฟิงซั่วน่าทึ่งมาก มองออกเลยว่ามีพรสวรรค์ยอดเยี่ยม แต่ก่อนที่เฟิงซั่วจะเป็นลูกศิษย์ของเซี่ยนอวี๋ เขาปล่อยผลงานมาทั้งหมดสี่เพลง มีที่โดดเด่นอยู่เพลงเดียว ส่วนอีกสามเพลงค่อนข้างธรรมดา บอกได้แค่ว่าคนคนนี้มีพรสวรรค์’
‘คุณหมายถึง เซี่ยนอวี๋ค้นพบพรสวรรค์ของเฟิงซั่ว?’
‘ดูจากตอนนี้เป็นแบบนั้นนะ เซวียเหลียงกับเฟิงซั่ว ซึ่งก็คือหลี่อวี๋กับหมัวกุ่ยอวี๋ เป็นนักประพันธ์เพลงมือทองที่เซี่ยนอวี๋ปั้น!’
‘ลูกศิษย์สองคนน่ากลัวขนาดนี้ งั้นฝีมือของเซี่ยนอวี๋อยู่ระดับไหนกันแน่นะ’
‘อยู่ได้แค่ระดับเดียวเท่านั้น ก็คือพ่อเพลง แถมเซี่ยนอวี๋ยังมีความสามารถในการสอนที่พ่อเพลงไม่มีด้วย!’
‘ผมว่าเซี่ยนอวี๋จะได้เป็นพ่อเพลงเมื่อไหร่ก็เป็นเรื่องของเวลาแล้ว ก็เหมือนกับลูกศิษย์ทั้งสองคน ถึงจะเป็นเพราะยังมีผลงานไม่มาก ยังแตะไม่ถึงมาตรฐานนักประพันธ์เพลงมือทอง แต่ฝีมือมีมากพอ ขอเพียงปล่อยเพลงเพิ่ม เพิ่มยอดขายอีกหน่อยก็ใช้ได้แล้ว’
‘…’
เพล้งๆๆ!
เสียงของทัศนะดั้งเดิมซึ่งแตกเป็นเสี่ยงๆ!
ที่แท้นักประพันธ์มือทองก็สอนกันได้!
เพราะหลี่อวี๋เซวียเหลียงเป็นตัวอย่างที่มีชีวิต
เฟิงซั่วยังเรียกได้ว่ามีพรสวรรค์สูง จึงบ่มเพาะได้ง่าย ทว่าเพลงเมื่อก่อนของเซวียเหลียง ไม่ว่าจะฟังอย่างไร ก็ไม่มีใครคิดว่าเขามีพรสวรรค์ที่ดี!
ถ้าไม่มีเซี่ยนอวี๋ ชั่วชีวิตนี้เซวียเหลียงอาจไม่ได้เป็นที่รู้จักในวงการเพลงในชื่อหลี่อวี๋เลยก็ได้!
และเมื่อเผชิญกับข้อถกเถียงเหล่านี้ เซี่ยนอวี๋ย่อมไม่มาตอบด้วยตนเอง
เฟิงซั่วกลับชอบเฉิดฉาย
เขาส่งเสียงผ่านปู้ลั่วในทันที ‘ในวงการกำลังขุดข้อมูลของผมและศิษย์พี่ของผม ไม่มีประโยชน์หรอกครับ ในฐานะผู้ถูกเอ่ยถึง ผมขอบอกทุกคนไว้ตรงนี้ ว่าผมกับศิษย์พี่เป็นลูกศิษย์ที่อาจารย์สอนมาเองกับมือ นอกจากนั้นผมยังอยากบอกว่า อาจารย์ของพวกเราเป็นหนึ่งในใต้หล้า!’
ข้อความนี้โพสต์ไปได้ไม่นาน เฟิงซั่วก็โพสต์อีกว่า
‘ยังมีคนที่ยังไม่เชื่อ รอให้ศิษย์น้องหญิงของพวกเราออกมาก่อนแล้วกันครับ ศิษย์น้องหญิงของพวกเรากำลังเรียนประพันธ์เพลงกับอาจารย์อยู่ หลังจากนี้เธอจะต้องขึ้นมาชิงตำแหน่งบนชาร์ตเพลงอย่างแน่นอน!’
ทันทีที่โพสต์ที่สองออกไป ในวงการก็ฮือฮากันยกใหญ่
ยังมีปลาอีกตัวที่ยังไม่ออกมา?
อ่า ไม่ใช่สิ
เซี่ยนอวี๋…ยังมีลูกศิษย์อีกหนึ่งคนที่ยังไม่เดบิวต์?
ถ้าหากลูกศิษย์คนที่สามของเซี่ยนอวี๋ออกมาอย่างเป็นทางการ และแตะอยู่ในระดับสูงเฉกเช่นศิษย์พี่ทั้งสอง แบบนั้นคือฝีมือระดับไหนน่ะหรือ!
ระดับราชวงศ์ปลา!?
ไม่เคยมีนักประพันธ์เพลงคนใดที่สามารถทำแบบนี้ได้สำเร็จ ถึงกับบ่มเพาะลูกศิษย์ระดับมือทองได้ถึงสองคน และจะน่ากลัวขนาดไหนถ้าจะเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคน!
เฮือก
มีคนสูดหายใจเข้าเฮือกใหญ่ แทบไม่กล้าจินตนาการต่อ
หลังจากนั้น
มีคนมองว่านี่เป็นอาการระยะเริ่มต้นของโรคกลัวปลาในวงการเพลง
……………………………………………….