กองกำลังนับสิบนายขบวนหนึ่งวิ่งออกจากเมือง ผู้คนระหว่างทางต่างหลบหลีกไปสองข้างทาง
“เหตุใดระยะนี้จึงมีกองกำลังเคลื่อนไหวมากมาย” คนผู้หนึ่งถามด้วยความสงสัย “ได้ยินว่าฮ่องเต้ประชวร…”
จะเกิดเรื่องหรือไม่
คนอื่นต่างรีบโต้แย้งด้วยรอยยิ้ม “ไม่ใช่ เพราะองค์รัชทายาทซีเหลียงเสด็จมาพบองค์หญิงของพวกเราที่นี่”
พูดพลางชี้ไปยังคนที่หลีกไปอีกทาง เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่การแต่งกายของคนเมืองเฟิ่ง
“ดู คนพวกนี้ล้วนเป็นพ่อค้าชาวซีเหลียง พวกเขาก็เดินทางเข้ามาจำนวนมาก”
พ่อค้าชาวซีเหลียงเหล่านั้นพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “ใช่ ต้องขอบพระทัยองค์รัชทายาทและองค์หญิง พวกเราจึงได้ตามมาขายของด้วย”
องค์หญิง! ผู้คนที่ถามคำถามนี้หมดความกลัวในทันที พวกเขาคอยถามว่าองค์หญิงเสด็จมาเมื่อใด ประทับอยู่ที่ใด พวกเราไปดูได้หรือไม่
พ่อค้าชาวซีเหลียงเหล่านั้นมองกองกำลังที่จากไปไกล พวกเขาต่างมองหน้ากัน พลันแลกเปลี่ยนสายตาว่าไม่เป็นอันใด
“ข้าไปดูเมืองทางตะวันออก” คนผู้หนึ่งพูด พลันจูงม้าของตนเอง “ได้ยินว่าทางนั้นมีตลาดขายสินค้าหนัง”
“พวกเราเข้าเมืองไป” พ่อค้าคนอื่นพูด พลันลากรถ “สินค้าของพวกเราเป็นเครื่องหอม ในเมืองมีคนต้องการมากกว่า”
ถนนกลับสู่สภาพปกติ ผู้คนขวักไขว่ไปมาอย่างคึกคัก พวกเขาต่างไม่ได้สนใจกองกำลังที่จากไปไกล ยิ่งไม่เห็นว่าในกองกำลังนั้นมีคนหันกลับมามองอย่างต่อเนื่อง ทหารผู้นี้รูปร่างผอม ใบหน้าภายใต้หมวกเปรอะเปื้อน แต่เมื่อมองอย่างละเอียดแล้ว ยากที่จะปิดบังความอ่อนนุ่ม
“ทุกคน ทุกคนยังไม่รู้…” นางอดไม่ได้ที่จะพูด
“องค์หญิง” ทหารคนหนึ่งข้างกายนางพูดเสียงเบา “เวลานี้จะถูกจับไม่ได้ ทุกหนแห่งอาจมีสายของคนซีเหลียง หากพวกเขาสังเกตเห็นความผิดปกติ ทุกคนจะยิ่งไม่มีโอกาส”
องค์หญิงจินเหยาเข้าใจเหตุผลทั้งหมด แต่เมื่อต้องทนดู ภายในใจของนางก็เหมือนถูกมีดกรีด
ด้านหน้าพบป้อมทหาร ทหารที่เป็นผู้นำหยิบธงออกมาโบก บรรดาทหารยามต่างหลีกทาง มองพวกเขาเคลื่อนที่ผ่านไป
องค์หญิงจินเหยาหันกลับไปมองทหารเหล่านี้อีกครั้ง “พวกเขาก็ยังไม่รู้…”
ทหารอีกด้านพูดเสียงทุ้ม “ดังนั้นองค์หญิงต้องทรงหนีไปโดยเร็ว ยิ่งองค์หญิงออกไปเร็วเท่าใด ทุกคนจึงจะป้องกันได้เร็วเท่านั้น”
องค์หญิงจินเหยาเข้าใจ แต่น้ำตายังคงไหลลงมา นางกัดฟันเร่งม้า เร็ว เร็วขึ้นอีก…
หลังจากที่พวกเขาจากไปไม่นาน ก็มีกองกำลังวิ่งมาซักถามทหารยามว่ามีกองกำลังขบวนหนึ่งผ่านไปใช่หรือไม่ เมื่อได้คำตอบแล้ว ทหารที่นำหน้ามีสีหน้าผ่อนคลายลง ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียด เขาหยิบคันธนูลงมา มองบรรดาทหารตรงหน้า
“เตรียมทำสงคราม”
ในเวลาเดียวกัน ทั้งในเมืองและนอกเมืองต่างเกิดความวุ่นวายขึ้นเล็กน้อย บรรดานักการต่างกำลังขับไล่ผู้คนในตลาด
“ห้ามตั้งแผงขาย!”
“เก็บของให้หมด”
“แยกย้ายให้หมด แยกย้าย!”
บรรดานักการดุดัน ทำให้ผู้คนทั้งโกรธทั้งฉงน “เหตุใดกัน”
“ตลาดเป็นเช่นนี้ตลอด”
นักการผู้รับผิดชอบกล่าวอย่างเอื่อยเฉื่อย “เป็นเช่นนี้ตลอดแล้วอย่างไร เมืองเฟิ่งของพวกเราก็ไม่เคยมีองค์หญิงเสด็จมาก่อน เวลานี้องค์หญิงเสด็จมาแล้ว อย่าได้รบกวนการเสด็จขององค์หญิง”
ที่แท้ก็ทำเพื่อองค์หญิงหรือ องค์หญิงไม่ธรรมดาเสียจริง บรรดาพ่อค้าและราษฎรต่างหมดหนทาง
เมื่อเห็นสีหน้าของพวกเขา นักการผู้รับผิดชอบก็ไม่พอใจอีกครั้ง “ดีใจหน่อย! ไม่รู้ว่าจะมีเรื่องน่ายินดีใดเกิดขึ้นหรือไม่ องค์รัชทายาทซีเหลียงกับองค์หญิงจะทรงหารือเรื่องงานอภิเษกขององค์หญิงซีเหลียงกับองค์ชายห้า…”
ประโยคนี้ช่างพูดยากเหลือเกิน ลำบากเขาที่ต้องพูดออกมาเสียจริง
บางคนฟังเข้าใจแล้ว แต่บางคนยิ่งฟังยิ่งงง บรรดานักการไม่พูดให้มากความ พวกเขาพลางตวาดพลางเร่งเร้าขับไล่ผู้คนอย่างหมดความอดทน เสียงดังเซ็งแซ่ไปทั่วทุกหนแห่ง
ในตลาดก็มีพ่อค้าชาวซีเหลียง บรรดานักการเห็นเข้ายังกำชับเป็นพิเศษ “อย่ากังวล ไม่ทำให้การค้าของพวกเจ้าชะงัก รอองค์รัชทายาทของพวกเจ้าทรงเจรจากับองค์หญิงของพวกข้าเสร็จสิ้นก็เป็นเรื่องมงคลแล้ว เมืองเฟิ่งของพวกเราย่อมต้องเฉลิมฉลอง เมื่อถึงเวลานั้นพวกเจ้าจะยิ่งร่ำรวย”
พ่อค้าชาวซีเหลียงต่างกล่าวขอบคุณ ก่อนจะมองทั้งในเมืองและนอกเมืองที่มีทหารเกณฑ์กำลังกวาดถนนและชำระล้างถนน…
“พวกเจ้าอยู่แต่ในเรือน ปิดประตูให้ดี อย่าเดินเพ่นพ่าน”
“ในเรือนที่มีเด็กก็ดูไว้ให้ดี อย่าออกมาวิ่งเล่น หากวิ่งชนองค์หญิงเข้า พวกเจ้าแย่แน่”
“ราชรถขององค์หญิงจะออกมาแล้ว”
ได้ยินว่าต้าเซี่ยมีประเพณีนี้ ราชวงศ์ออกเดินทาง ล้วนต้องใช้น้ำชำระล้างถนน บรรดาพ่อค้าชาวซีเหลียงต่างเก็บสินค้าจากไปตามผู้อื่นอย่างเชื่อฟัง
เมื่อเวลาใกล้เที่ยงวัน ราชรถขององค์หญิงเคลื่อนตัวออกจากเมืองอย่างเชื่องช้าภายใต้การรายล้อมของบรรดาขุนนางและองครักษ์ มุ่งหน้าไปยังค่ายขององค์รัชทายาทซีเหลียง
องค์รัชทายาทซีเหลียงรอจนหมดความอดทน เมื่อได้ยินว่าองค์หญิงเสด็จมา เขาจึงรีบออกมาต้อนรับ แต่องค์หญิงเสด็จเข้ากระโจมไปก่อน
องค์รัชทายาทซีเหลียงต้องการเข้าไปเยือน แต่ขุนนางวัดต้าหงหลูรั้งเอาไว้
“องค์หญิงทรงไม่สะดวก” เขาพูดด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วน
องค์รัชทายาทซีเหลียงเหลือบมองกระโจม ถามด้วยรอยยิ้ม “นายน้อยท่านนั้นมาด้วยหรือไม่”
ขุนนางวัดต้าหงหลูทำหน้าบึ้ง พูดเพียง “กระหม่อมเป็นทูตของฮ่องเต้ เรื่องรายละเอียด กระหม่อมหารือกับองค์รัชทายาทเอง”
องค์รัชทายาทซีเหลียงหัวเราะร่า เขาเป็นคนรู้กาลเทศะ ไม่ได้รบกวนองค์หญิงกับคนรักของนาง ดังนั้นเขาจึงนำขุนนางเดินไปทางกระโจมของตนเอง บรรดาขุนนางด้านหลังพวกเขาก็เดินตามมา มีสองสามคนเบียดเข้าใกล้ตัวขององค์รัชทายาทซีเหลียง
“องค์รัชทายาทช่างสง่าเสียจริง”
“ตอนนั้นข้าเคยพบท่านอ๋องซีเหลียง พระองค์ทรงสง่ายิ่งกว่าพระบิดาเสียอีก”
ทุกคนต่างบอกว่าขุนนางต้าเซี่ยหยิ่งยโส เสด็จพ่อก็มักจะก่นด่าบรรดาขุนนางของต้าเซี่ยว่ารังแกคน แต่ดูจากเวลานี้ ขุนนางเหล่านี้เกรงใจต่อเขาอย่างมาก องค์รัชทายาทซีเหลียงเดินมาถึงด้านหน้าของกระโจมตนเอง ในขณะที่กำลังจะเดินเข้าไปภายใต้การรายล้อมของบรรดาขุนนางต้าเซี่ยนั้น ด้านข้างมีผู้ติดตามคนหนึ่งพุ่งตัวออกมา
“องค์รัชทายาท มีข่าว…” เขาตะโกน “กองกำลังของพวกเราถูกพบแล้ว…”
เขาพูดภาษาซีเหลียง ขุนนางต้าเซี่ยส่วนใหญ่ไม่เข้าใจ แต่ขุนนางวัดต้าหงหลูฟังเข้าใจ สีหน้าของเขาเปลี่ยนไป พลันจับแขนขององค์รัชทายาทซีเหลียงไว้ทันที “ลงมือ!”
แต่ยังคงช้าไปหนึ่งก้าว แขนขององค์รัชทายาทซีเหลียงสะบัดออก ไม่เพียงทำให้ขุนนางจับไว้ไม่ได้ อีกทั้งยังจับปกคอเสื้อของขุนนางผู้นั้น พลันยกเขาขึ้นมา
“ตาแก่!” ใบหน้าขององค์รัชทายาทซีเหลียงไร้ซึ่งรอยยิ้ม “หาที่ตาย!”
บรรดาขุนนางที่เบียดอยู่ข้างตัวขององค์รัชทายาทซีเหลียงต่างก็กระโจนเข้ามาในเวลานี้ ในแขนเสื้อของพวกเขาล้วนซ่อนมีดเอาไว้…
องค์รัชทายาทซีเหลียงคำรามด้วยความโกรธ เขาทุ่มขุนนางผู้นั้นลงอย่างแรง พลันดึงมีดของตนเองออกมา หลังจากเสียงร้องโอดครวญหลายเสียง บนพื้นนอนราบไปด้วยผู้คน สุดท้ายมีดเล่มนั้นปักลงบนหน้าอกของขุนนางผู้นั้น
“องค์หญิงเล่า?” องค์รัชทายาทซีเหลียงตะโกน
ขุนนางผู้นั้นกระอักเลือดใส่เขา พลันสิ้นลมหายใจไป
เวลานี้ทั้งค่ายตกอยู่ในการเข่นฆ่า
องค์รัชทายาทซีเหลียงเหยียบร่างของขุนนางผู้นั้นพลันดึงมีดออกมา มุ่งหน้าไปยังกระโจมด้านหน้า กระโจมขององค์หญิงจินเหยาว่างเปล่า เขาถือมีดคำราม
“พวกเขาหนีไม่พ้นหรอก…”
…
เมืองเฟิ่งถูกล้อมรอบเอาไว้แล้ว สถานการณ์ร้ายแรงกว่าที่คาดการณ์ก่อนหน้านี้
ความมืดปกคลุมพื้นดิน ลมที่พัดผ่านมายิ่งโหมกระหน่ำ สายตาก็เลือนรางมากยิ่งขึ้น องครักษ์รอบตัวล้มลงอย่างต่อเนื่อง จากนับร้อยนายในตอนแรก เวลานี้เหลือเพียงสิบกว่านาย
องค์หญิงจินเหยาจับเชือก ขาหนีบท้องม้าแน่น เมื่อไม่ให้ตกลงมาเมื่อกระแทก
นางไม่รู้แม้แต่น้อยว่าเวลานี้อยู่ที่ใด พวกนางวิ่งหนีไปหลายทิศทางแล้ว แต่ล้วนถูกดักเอาไว้ ทหารที่ตามไล่ด้านหลังก็ไม่อาจสลัดทิ้งได้เสียที
“อ้อมอีกไม่ได้แล้ว” เสียงของจางเหยาตะโกนขึ้นมา “ยิ่งอ้อมทหารไล่ล่ายิ่งมาก!”
“พวกเราคนน้อยเกินไป” องครักษ์นายหนึ่งพูด “ตัวตนขององค์หญิงก็ถูกพบแล้ว ไม่อาจบุกออกไปได้”
องค์หญิงจินเหยาตะโกน “อย่าสนใจข้า เพียงแค่มีคนออกไปส่งข่าวได้ มิฉะนั้นทางซีจิงจะเตรียมตัวไม่ทัน”
จากเมืองเฟิ่งถึงซีจิงไม่ไกลนัก ทางเมืองเฟิ่งย่อมไม่อาจรั้งได้นานมาก องค์หญิงจินเหยากัดฟัน บรรดาขุนนางเมืองเฟิ่งเกรงว่าคง…เมื่อนึกถึงพวกเขา องค์หญิงจินเหยาไม่ได้หลั่งน้ำตาอีก ภายในดวงตาที่แดงก่ำมีเพียงความแค้น
“มีวิธีหนึ่งที่อันตราย” จางเหยาพูด พลันมองไปด้านหน้า “ฟัง…”
เวลานี้ยังฟังเสียงใดอีก
เสียงลม เสียงเกือกม้าของทหารที่ตามล่า รวมทั้งเสียงน้ำ
“ด้านหน้ามีแม่น้ำ…” จางเหยาพูด “กระแสน้ำไหลไปทางซีจิง หากขี่ม้าพวกเราย่อมไม่อาจรอดพ้นจากทหารซีเหลียงได้ พวกเราต้องไหลไปตามน้ำ รวดเร็วและหนีพ้นจากทหารได้”
จะไหลไปตามน้ำอย่างไร พื้นที่รกร้างนี้ไม่มีเรือ
จางเหยามองทุกคน “กระโดดแม่น้ำ”
อันใดนะ หาที่ตายหรือ
“พวกเราว่ายน้ำไม่เป็น” ทหารหลายคนพูดอย่างหมดหนทาง
ความจริงองค์หญิงจินเหยาก็ว่ายน้ำไม่เป็น แต่นางไม่พูด สิ่งที่นางคิดคือ หากหนีไม่พ้นจริง นางจะกระโดดน้ำตาย แต่ไม่อาจให้คนซีเหลียงได้ซากศพของนาง
จางเหยาพูด “หาไม้หรือสิ่งของที่ลอยได้กอดเอาไว้”
อย่างนี้หรือ บรรดาทหารต่างมองหน้ากัน ในขณะที่กำลังครุ่นคิด ด้านหลังมีแสงไฟส่องมา พื้นดินสั่นสะเทือน ทหารกลุ่มใหญ่กำลังไล่ล่าเข้ามาใกล้
“จับองค์หญิง!”
“พวกเขาหนีไม่พ้นแล้ว!”
ทุกคนกระเสือกกระสนไปข้างหน้าโดยไม่คิดไตร่ตรองอีก ในไม่ช้าก็มีแม่น้ำสายหนึ่งปรากฏขึ้นตรงหน้า น้ำทั้งไหลเชี่ยวทั้งขุ่นมัว ยิ่งมองในยามค่ำคืนยิ่งน่ากลัว เสียงของกระแสน้ำกลบเสียงเกือกม้าที่ไล่ตามอยู่ด้านหลัง
“นี่…” บรรดาทหารหน้าเสียเล็กน้อย
หากบอกว่าตรงหน้าคือภูเขาดาบหรือทะเลเพลิง เมื่อคำสั่งลงมาก็สามารถพุ่งลงไปได้ แต่เมื่อเผชิญหน้ากับแม่น้ำ พวกเขากลับลังเล
หากแต่บริเวณใกล้เคียงนี้อ้างว้าง ไม่มีต้นไม้
จางเหยากระโดดลงม้า ยื่นมืออกไปให้องค์หญิงจินเหยา องค์หญิงจินเหยากระโดดลงจากม้าอย่างไม่ลังเล วางมือลงบนมือของอีกฝ่าย
“กระหม่อมว่ายน้ำได้ กระหม่อมพาองค์หญิงหนีทางน้ำ” จางเหยาพูด “พวกเจ้าที่ว่ายน้ำได้ตามข้ามา ส่วนคนที่เหลือหาทางหนีอื่นยิ่งมีโอกาสหนีออกไปได้”
หากไม่ต้องปกป้ององค์หญิง ทุกคนย่อมคล่องตัวมากกว่า แต่นี่คือหน้าที่ของพวกเขา…บรรดาทหารต่างลังเลอีกครั้ง คนที่ว่ายน้ำไม่ได้ก็ไม่ได้ถอยหนี
“เวลานี้เรื่องสำคัญไม่ใช่ปกป้องข้า แต่คือการส่งข่าวออกไป!” องค์หญิงจินเหยามองพวกเขา พลันออกคำสั่ง “ข้าสั่งพวกเจ้า ไม่ว่าอย่างไร หาทางหนีออกไป ส่งข่าวออกไป ให้ซีจิงและเมืองหลวงเตรียมตัวทำสงคราม”
เสียงธนูทะลุผ่านอากาศลอยมา จางเหยากดองค์หญิงจินเหยาลงกับพื้น
“จับองค์หญิง…”
“องค์หญิงอยู่ทางนี้…”
ทหารของซีเหลียงไล่ตามมาจนสามารถมองเห็นอีกฝ่ายได้แล้ว พวกเขาถือคบเพลิงหลั่งไหลเข้ามา
“ไป!” จางเหยาตะโกน พลันลากองค์หญิงจินเหยาเดินไปตามริมแม่น้ำที่สูงต่ำ ไม่นานก็มาถึงริมแม่น้ำ
แม่น้ำที่ไหลซัดในยามค่ำคืนราวกับสัตว์ประหลาดที่กำลังคำราม
องค์หญิงจินเหยารู้สึกว่าหัวใจของตนเองหยุดเต้นลงแล้ว นางจับมือของจางเหยาแน่น
“องค์หญิง อย่ากลัว” จางเหยาตะโกน “หลับตาลง หายใจเข้าลึกๆ”
องค์หญิงจินเหยาหลับตาพลางหายใจเข้าลึกๆ นาทีถัดมานางก็ถูกจางเหยาโอบเอวเอาไว้ พลันพานางกระโดดลงไป
ลมหายใจแปรเปลี่ยนเป็นเสียงกรีดร้อง ทันใดนั้นคนและเสียงหายลับไปในแม่น้ำ
ด้านหลังพวกเขา มีสี่คนกระโดดตามลงมา ส่วนคนอื่นต่างเลือกทิศทางที่แตกต่างกัน มุ่งหน้าสู่อนาคตที่ไม่อาจคาดการณ์ได้ภายใต้เสียงอาวุธกระทบกัน