รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 451 ทำโยเกิร์ตและเค้กเสร็จแล้ว เหลือเพียงรอพวกอ้ายฉานมา!

บทที่ 451 ทำโยเกิร์ตและเค้กเสร็จแล้ว เหลือเพียงรอพวกอ้ายฉานมา!

บทที่ 451 ทำโยเกิร์ตและเค้กเสร็จแล้ว เหลือเพียงรอพวกอ้ายฉานมา!

“ข้าไม่สามารถทำมันด้วยตนเองได้!”

เมิ่งจีถอนหายใจอย่างหนักหน่วง

เขารู้จักประมาณตนเองดี แม้ว่าเขาสามารถอาศัยพู่กันปลดปล่อยพลังอันกล้าแกร่ง จนสังหารเหลิงเจี้ยนได้โดยตรง หากทว่าให้เขาไปเผชิญหน้ากับเก้าแดนต้องห้าม ในใจของเขาคิดภาพนั้นไม่ออกจริง ๆ

เขาจะสามารถคิดออกได้อย่างไร?

ไป๋มู่กล่าวออกมาชัดเจนเป็นอย่างยิ่งว่าบรรพชนของเขายังไม่อาจทำสิ่งใดกับเก้าแดนต้องห้ามได้ เพราะความต่างชั้นมีอยู่มากเกินไป เช่นนั้นแล้ว เขาในตอนนี้จะสามารถทำสิ่งใดกับเก้าแดนต้องห้ามได้กัน?

ไม่ต้องพูดถึงเก้าแดนต้องห้าม เพียงแค่แดนต้องห้ามแห่งเดียวเขาก็ไม่สามารถจัดการได้!

บรรพชนของยอดนิกายและยอดเผ่าเป็นตัวตนที่อยู่เหนือยิ่งกว่าเทียนตี้ทั่วไปมาก!

เขาในตอนนี้อย่างมากสุดเขาก็สามารถใช้พู่กันต่อกรกับครึ่งก้าวเทียนตี้ได้ หากแต่เมื่อเผชิญหน้ากับขั้นเทียนตี้ที่แท้จริง แม้กระทั่งเทียนตี้ระดับทั่วไป เขาก็ไม่สามารถต่อกรได้ ทั้งยังห่างชั้นไปไกลลิบ

การไปยืมสมบัติยังเก้าแดนต้องห้าม จะต้องไม่เป็นไปอย่างสงบสุขและราบรื่น หากไม่มีความแข็งแกร่งมากเพียงพอ อย่าพูดถึงการยืมสมบัติเลย กระทั่งมีชีวิตรอดกลับมายังยาก!

เก้าแดนต้องห้ามนั้นโหดร้ายเต็มไปด้วยคาวเลือด มีโอกาสเป็นไปได้ที่พวกเขาจะถูกเก้าแดนต้องห้ามสังหาร

แต่หากเขาไม่ไปที่เก้าแดนต้องห้าม ก็เป็นเรื่องยากยิ่งที่จะสามารถรวบรวมพลังมาพอจะซ่อมแซมรอยร้าว…

เมิ่งจียิ่งคิดยิ่งรู้สึกถึงความยากลำบาก เขาต้องการจะกลับไปเมืองชิงซาน กลับไปขอร้องให้ท่านเซียนลงมือซ่อมแซมรอยร้าวและเสริมการป้องกันอาณาจักรแห่งนี้ให้สิ่งมีชีวิตภายนอกไม่สามารถเข้ามาด้านในได้อีก

เขาอยากจะขอร้องให้ท่านเซียนช่วยลงมือทำลายเก้าแดนต้องห้าม เพื่อตัดปัญหาในอนาคตเสียด้วยซ้ำ

เขาเชื่อว่าหากท่านเซียนต้องการจะลงมือ เพียงแค่หนึ่งความคิดก็สามารถทำสิ่งเหล่านี้ได้เสร็จสิ้น

แต่เขาเองก็รู้ดีว่า ท่านเซียนมีเหตุผลที่ทำให้ท่านเซียนไม่ลงมือโดยตรง

‘ท่านเซียนอยู่ในตำแหน่งที่แตกต่างออกไป สิ่งที่มองเห็นและความคิดย่อมแตกต่างออกไปเช่นเดียวกัน ท่านเซียนอยู่สูงกว่า ย่อมมองและคิดกว้างไกลยิ่งกว่า!’

เมิ่งจีคิดขึ้นมาในใจ รู้แจ้งดีว่าเขาไม่อาจขอให้ท่านเซียนลงมือช่วยเหลือได้โดยตรง

การกระทำและสิ่งที่ท่านเซียนคิดจะต้องมีความหมายลึกซึ้งเป็นอย่างยิ่ง เขาไม่สามารถทำให้แผนการของท่านเซียนยุ่งเหยิงได้!

แต่เขามั่นใจว่าตนเองทำไม่ได้!

เขา…ไม่สามารถทำได้จริง ๆ!

เขากังวลเป็นอย่างมาก

‘นี่คือยิ่งมีพลังมากยิ่งต้องรับผิดมากอย่างนั้นหรือ? ท่านเซียนชี้แนะข้ามากที่สุด ดังนั้นข้าจึงมีภาระหนักสุดอยู่บนบ่า…’

เมิ่งจีคิดขึ้นมาอย่างเศร้าใจระคนกลัดกลุ้ม “ถ้าหากข้าสามารถเปลี่ยนร่างเป็นแมวขาวได้ก็คงจะดี ข้าเองก็อยากเป็นเพียงแมวขาวตัวน้อยคอยอยู่ข้างกายท่านเซียน”

แม้ว่าจะกลัดกลุ้มมากเท่าใด แต่สิ่งใดที่สมควรทำก็ยังคงต้องทำ

เขาเมิ่งจีจะไม่หลีกเลี่ยงเพียงเพราะความยากลำบากอย่างแน่นอน เขาไม่สามารถปัดแผนการที่ท่านเซียนตระเตรียมไว้ให้ได้

แผนการของท่านเซียน นับเป็นสิ่งสำคัญที่สุด สำคัญเสียยิ่งกว่าชีวิตของเขา!

นอกจากนี้เขายังรู้สึกว่าท่านเซียนจะต้องเตรียมการเผื่อเอาไว้แล้ว เขาไม่น่าจะได้รับมอบหมายหน้าที่ที่ตนเองไม่อาจทำสำเร็จได้

“สหาย พวกเราไปพูดคุยกับเก้าแดนต้องห้ามกันเถิด อาณาจักรเทียนหยวนมาเพื่อสังหาร แดนมรณาเองก็กำลังตามเข้ามา เกรงว่ากระทั่งเก้าแดนต้องห้ามก็ยากจะสามารถปกป้องตัวเองเอาไว้ได้!”

เมิ่งจีกล่าวขึ้นมา

“ตกลง!”

ไป๋มู่พยักหน้า “สิ่งที่สหายกล่าวมาตรงกับที่ข้าคิด เก้าแดนต้องห้ามนั้นไม่แยแสสิ่งมมีชีวิตอื่น ทว่าพวกมันจะไม่สนใจตนเองได้อย่างไร?”

เขากล่าวต่อ “หากมีเพียงอาณาจักรเทียนหยวนมาเข่นฆ่าสังหาร เก้าแดนต้องห้ามอาจไม่หวาดเกรง ทว่าคราวนี้ไม่ได้มีเพียงแต่อาณาจักรเทียนหยวน เบื้องหลังยังมีแดนมรณาที่จะบุกเข้ามาอีก ข้าไม่เชื่อว่าเก้าแดนต้องห้ามจะไม่เกิดความหวาดกลัว!”

เขายังคงกล่าวต่อไป “จุดประสงค์ที่ข้าบอกข้อมูลเกี่ยวกับเก้าแดนต้องห้ามกับสหาย ก็เพื่อให้สหายมีเวลาได้เตรียมใจ หากสามารถพูดคุยกันได้ก็ดีไป แต่หากพูดคุยกันไม่ได้….หลังจากนั้นคงจะจบไม่สวยเท่าไรนัก”

“ข้าเข้าใจ”

เมิ่งจีพยักหน้า เข้าใจความหมายของคำพูดไป๋มู่

เก้าแดนต้องห้ามโหดร้ายเต็มไปด้วยคาวเลือด หากไม่สามารถพูดคุยได้ พวกเขาคงไม่อาจก้าวออกมาอย่างมีชีวิตโดยง่ายดาย

“นี่ไม่ใช่เรื่องเล็ก แม้มีเวลาไม่มากแต่ก็ไม่อาจเร่งรีบ ข้าจำเป็นต้องเตรียมการและติดต่อกับยอดนิกายและยอดเผ่าอื่น ๆ จากนั้นค่อยไปออกเดินทางไปเก้าแดนต้องห้าม!” ไป๋มู่กล่าว

“ตกลง ทว่าพวกเราสมควรหาแดนต้องห้ามที่อ่อนแอง่ายต่อการพูดคุยก่อนจะดีกว่า อย่าพึ่งไปหาแดนต้องห้ามที่แข็งแกร่งก่อน” เมิ่งจีพูด

“แน่นอน! ความแข็งแกร่งของเก้าแดนต้องห้ามไม่ห่างไกลกันมากนัก ทว่าก็ยังมีความแตกต่างอยู่ดี ตามข้อมูลความเข้าใจของพวกเราแล้ว ทะเลต้องห้ามเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด ความแข็งแกร่งนับว่าอ่อนแอในหมู่แดนต้องห้าม ข้าคิดว่าพวกเราควรจะไปทะเลต้องห้ามเป็นลำดับแรก”

ไป๋มู่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนเอ่ยออกมา

“ตกลง เช่นนั้นพวกเราเตรียมตัวให้พร้อมก่อน หลังจากนั้นจึงค่อยไปยังทะเลต้องห้าม”

เมิ่งจีพยักหน้า ก่อนจากไปพร้อมไป๋มู่

ณ เมืองชิงซาน

ในลานเล็ก ๆ ของหลี่จิ่วเต้า

แสงแดดกำลังพอดี ส่วนอุณหภูมินั้นถูกลูกแก้วเซียนเพลิงหิมพานต์ควบคุมเอาไว้ให้ไม่ร้อนไม่หนาว หลี่จิ่วเต้าจึงนอนสบายใจอยู่บนเก้าอี้โยกพลางกินโยเกิร์ต

โยเกิร์ตที่เขาทำออกมายอดเยี่ยมเป็นอย่างยิ่ง ทั้งยังเพิ่มรสชาติต่าง ๆ เข้าไป มีทั้งองุ่น แอปเปิ้ล และสาลี่

ที่เขากำลังกินอยู่ในตอนนี้คือรสองุ่น

นมจากวัวที่หลิงอินและเสี่ยวหยานำมานั้นมีคุณภาพดียิ่ง ทั้งบริสุทธิ์และอร่อย

องุ่น แอปเปิ้ล และสาลี่ที่เซี่ยเหยียนนำกลับมาด้วยก็อร่อยเป็นอย่างมาก ดีกว่าที่ขายตามท้องถนนไม่รู้เท่าไร

โยเกิร์ตที่เขาทำขึ้นมาจากการผสมองุ่น แอปเปิ้ล และสาลี่ลงไปมีรสชาติดียิ่งกว่าโยเกิร์ตที่ดาวเคราะห์สีฟ้าเป็นอย่างมาก

เขายังทำเค้กผลไม้ชิ้นเล็ก ๆ เก็บเอาไว้ด้านในตู้เย็นพร้อมกับโยเกิร์ต

“เซี่ยเหยียนติดต่อกับพวกอ้ายฉานแล้ว อีกไม่นานพวกเด็ก ๆ ก็น่าจะมาถึง…”

หลี่จิ่วเต้ายิ้ม ขณะที่ลงมือทำโยเกิร์ตและเค้ก เขาก็นึกถึงพวกอ้ายฉาน

ผ่านมาสักพักแล้วที่ไม่ได้เจอหน้า ชายหนุ่มจึงคิดถึงพวกเด็ก ๆ ไม่น้อย

เขาบอกให้เซี่ยเหยียนช่วยติดต่อพวกอ้ายฉาน เพื่อถามว่าพวกเด็ก ๆ มีเวลาหรือไม่ หากไม่ยุ่ง พอจะมีเวลาอยู่บ้าง ก็จะได้มากินเค้กกับโยเกิร์ตที่บ้านของเขาได้

พวกอ้ายฉานกล่าวตามตรงว่าไม่ยุ่งและมีเวลามา ตอนนี้กำลังอยู่ระหว่างการเดินทาง

เดิมที เขาเองก็ต้องการให้หลิงอินและเสี่ยวหยามากินด้วย แต่พวกนางไม่อยู่บ้าน ออกไปที่ไหนสักแห่ง

“ไม่เป็นไร ปล่อยให้พวกนางออกเดินทางเถอะ”

หลี่จิ่วเต้าทำเค้กชิ้นเล็กและโยเกิร์ตจำนวนมากเก็บเอาไว้ในตู้เย็น มันย่อมไม่เสีย สามารถรอจนกระทั่งหลิงอินและเสี่ยวหยากลับมาค่อยกินก็ได้

“โลกเสมือนนี้เล่นสนุกเสียจริง!”

หลี่จิ่วเต้านอนบนเก้าอี้โยก มือหนึ่งถือแท็บแลต อีกมือเลื่อนภาพในกระจก

ตั้งแต่ได้เล่นโลกเสมือนในกำมือ เขาก็สนุกสนานเพลิดเพลินกับการเล่นจนถึงตอนนี้

มันสนุกยิ่งกว่าเกมของดาวเคราะห์สีฟ้าเป็นอย่างมาก โลกเสมือนภายในกว้างใหญ่ไร้ขอบเขต ทั้งยังสามารถควบคุมได้อย่างเต็มที่ ทำทุกสิ่งได้ตามปรารถนา ชวนเพลิดเพลินอย่างถึงที่สุด

“นี่มัน…เกิดอะไรขึ้น?”

ทันใดนั้นเอง สีหน้าของชายหนุ่มก็พลันแปรเปลี่ยน อารมณ์ที่ดีอยู่ก่อนหน้าสลายหายไปหมด เมื่อได้เห็นฉากหนึ่งในแท็บเล็ตที่ทำให้เขาอึดอัดใจเป็นอย่างมาก!

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท