บางทีอาจจะเป็นท้องฟ้า แต่ในโลกเป็นความว่างเปล่าผืนหนึ่ง
บางทีอาจจะเป็นท้องฟ้ายามค่ำคืน แต่ในจักรวาลมืดมิดอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
ไร้แสงสว่าง ไร้แสงระยิบระยับ ราวกับไม่มีสิ่งใดเลย หรือบางทีสิ่งเดียวที่มีอยู่ก็คือห้วงลึกที่มองไม่เห็นสิ่งใดเลยอันนั้น
สีดำคล้ายกับเป็นสีเดียวที่มีอยู่ในที่แห่งนี้ ความเย็นเยียบราวกับเป็นบรรยากาศทั้งหมดของที่นี่…
ความรู้สึกเช่นนี้ สภาวะเช่นนี้ สำหรับหวังเป่าเล่อแล้วไม่ใช่สิ่งแปลกใหม่ ในการระลึกอดีตชาติที่ดาวเคราะห์ชะตาในตอนนั้นของเขา ชาติก่อนกวางขาวน้อยหลายชาตินั้นก็เป็นเช่นนี้ มืดมิด เย็นเยียบ ไร้สิ่งอื่นใดอีก
จนกระทั่งไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าใด จวบจนความมืดมิด ความเย็นเยียบนี้ดำเนินถึงจุดสิ้นสุด สั่งสมจนถึงขีดสุด ราวกับขณะที่ความว่างเปล่า ท้องฟ้าและโลกทั้งหมดค่อยๆ กลายสภาพเป็นห้วงเหวย้อนกลับ หวังเป่าเล่อก็เห็นลำแสงหนึ่ง
ท่ามกลางโลกที่มืดมิดแห่งนี้ ลำแสงนี้เป็นดั่งบุปผาสีสันสวยสดที่กำลังเบ่งบานกลายเป็นลำแสงอันไร้ที่สิ้นสุด…แผ่พลังยากจะอธิบายขุมหนึ่งไปทั่วทั้งสี่ทิศในพริบตา ราวกับสามารถขับไล่ทุกสรรพสิ่งฉีกทึ้งทุกสิ่งอย่าง
ภาพฉากนี้ก็ไม่แปลกใหม่สำหรับหวังเป่าเล่อเช่นกัน มันไม่ต่างกับตอนที่เขาระลึกอดีตชาติ ในสภาวะแผ่นไม้ดำตอนกำเนิดจักรวาลเลยสักนิด แต่ว่าที่นี่…สิ่งที่กำเนิดไม่ใช่จักรวาล แต่เป็น…อาทิตย์แรก!
ดวงอาทิตย์แรกค่อยๆ ขึ้นจากห้วงเหวมืดมิดอันห่างไกล มันทอแสงสว่างไสวก่อนระเบิดขึ้นไปทางโลกที่มืดมิด ในความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขตทั้งสี่ทิศในพริบตา
จะลุกไหม้ก็ดี จะกระจัดกระจายออกไปก็ช่าง พลังขุมหนึ่งที่พุ่งออกไปอย่างห้าวหาญยามอาทิตย์แรกโผล่ขึ้นนั้น ทำให้ห้วงยามนี้ปรากฏดวงไฟที่ราวกับไม่มีวันดับขึ้นบนโลกอันแสนมืดมิดแห่งนี้ แสงที่ไม่มีวันดับทำให้สีที่เหมือนราตรีกาลนั้นราวกับถูกฉีกทำลายไปเป็นส่วนๆ แตกสลายและถูกแทนที่อยู่ตลอดเวลา
จนกระทั่งอาทิตย์แรกลอยขึ้นสูงและกลายเป็นตะวันแดงดวงหนึ่ง ระหว่างท้องฟ้าและผืนดิน ภายในท้องฟ้า ภายในโลก ภายในความว่างเปล่า พริบตานี้สีดำทั้งหมดที่คล้ายกับมารปีศาจ คล้ายกับความชั่วช้า ค่อยๆ แตกพังสลายไป!
ดั่งมีสิ่งชอบธรรมคอยปัดเป่าความชั่วร้ายในโลกจนสิ้น!
เป็นธรรมอย่างที่สุด ไม่ใช่ความชั่วร้าย แต่…เป็นพลังอันน่าเกรงขามและองอาจสง่าสาม!
เสียงดังสนั่นก้องอยู่ในโสตประสาท เสียงคำรามดังสะท้อนไปทั่วทั้งแปดทิศ ดวงตะวันแดงลอยอยู่บนท้องฟ้า ผืนฟ้าและผืนดินกระจ่างใส ภาพฉากนี้ทำให้ร่างกายหวังเป่าเล่อสั่นเทิ้มอย่างรุนแรงเกิดคลื่นลูกใหญ่ขึ้นในใจ
กระทั่งครู่หนึ่งผ่านไป แม้ค่ำคืนมืดมิดจะมลายหายไปจากจิตใจของหวังเป่าเล่อ ตะวันแดงและภาพต่างๆ ค่อยๆ พร่าเลือนลง แต่ในใจของเขา ภาพความมืดมืดอันว่างเปล่าในห้วงเหวลึก ดวงอาทิตย์แรกกำลังขึ้นดุจรุ่งอรุณเบิกฟ้ากลับคงอยู่ไม่เลือนหาย โดยเฉพาะเต๋าที่แฝงไว้ในพลังที่ปรากฏให้เห็น ทำให้หวังเป่าเล่อระลึกอย่างเนิ่นนาน
“นี่…ก็คือคืนพินาศ ความพินาศของค่ำคืน” หลายวันต่อมา หวังเป่าเล่อลืมตาขึ้น พึมพำเสียงเบา ในใจรู้สึกเคารพเลื่อมใสบิดาหวังอีอีผู้คิดสร้างวิถีเต๋านี้อย่างที่สุด
เพราะวิชาคืนพินาศ ในบางระดับนั้นไม่ใช่วิถีเต๋าแล้ว แต่คล้ายความเชื่ออย่างหนึ่ง…
“เวทศรัทธางั้นหรือ?” หวังเป่าเล่อพึมพำ ชื่อนี้ตอนที่ทิ้งแผ่นหยกไว้ให้บิดาหวังอีอีก็เคยได้ยินเขาพูดถึงครั้งหนึ่ง
ส่วนเวทศรัทธานั้น เขาไม่ได้ขบคิดมันอย่างลึกซึ้ง เพราะจดจำคำพูดหนึ่งได้ วิชาของผู้อื่นใช้สังหารก็พอ ไม่ต้องไปครุ่นคิด
เช่น วิชาคืนพินาศ ดูเหมือนไม่เกี่ยวข้องใดๆ กับการสังหาร แต่ความเป็นจริงแล้ว…จากความรู้สึกและการวิเคราะห์ของหวังเป่าเล่อ สิ่งที่เขาได้รับก็คือเรียกได้ว่าเป็นวิชาที่สูงที่สุดในโลกแห่งการสังหาร!
แม้จะเป็นคำสาปของปรมาจารย์แห่งไฟ เมื่อเทียบกันแล้วก็คล้ายจะต่างกันอยู่มาก ไม่ใช่วิชาระดับเดียวกัน อันหลังแม้จะลึกลับและมหัศจรรย์แต่กลับมืดมิดเกินไป แต่ความยิ่งใหญ่และทรงพลังนั้นของสิ่งแรกราวกับเป็นตัวแทนของความชอบธรรมของโลกที่สะกดทุกสิ่ง!
“ศัตรูของข้าก็คือค่ำคืน!” พริบตานี้ร่างกายของหวังเป่าเล่อราวกับมีกระแสไฟพาดผ่าน หนังศีรษะค่อยๆ ชาหนึบ
เพราะคำพูดนี้ ยิ่งพิจารณาอย่างละเอียด ความทรงพลังและไอสังหารก็ยิ่งรุนแรง
นั่นทำให้หวังเป่าเล่อเข้าใจบิดาของหวังอีอีจากก้นบึ้งของใจ เขาตระหนักได้อย่างแท้จริงว่าอีกฝ่าย…จะต้องใช้การฆ่าฟันในการพิสูจน์เส้นทางฝึกตนอย่างแน่นอน ชีวิตนี้สังหารไปมากมาย เกรงว่า…คงนับไม่ถ้วน
และที่ตนสามารถตระหนักรู้วิชาคืนพินาศได้อย่างราบรื่น คิดดูแล้วน่าจะเกี่ยวข้องกับประสบการณ์ระลึกอดีตชาติของตน สิ่งที่สำคัญที่สุดแน่นอนว่ายังต้องเป็นการสืบทอดวิชาเต๋าของอีกฝ่าย
การสืบทอดนี้ราวกับเป็นการยอมรับด้านคุณสมบัติอย่างหนึ่ง ทำให้ตนสามารถผลักเปิด…เต๋าที่ไม่เป็นส่วนหนึ่งของโลกแห่งศิลาในโลกแห่งศิลานี้ได้!
หวังเป่าเล่อสูดลมหายใจลึก ทำความเข้าใจวิชาคืนพินาศอยู่เงียบๆ ตกตะกอนและคาดเดาอยู่ในใจอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ทำอยู่หลายครั้งก็ยิ่งเข้าใจมากขึ้น เขาพยายามหยุดยั้งความหุนหันที่จะรับรู้อย่างลึกซึ้งขึ้น เปิดเปลือกตา ละทิ้งความคิดที่จะพินิจพิเคราะห์ต้นตอของมัน
“แค่ดูจากการสังหารอย่างเดียว ตอนนี้เข้าใจถึงระดับนี้ก็พอแล้ว” นัยน์ตาหวังเป่าเล่อฉายแววเด็ดเดี่ยว หยิบแผ่นหยกออกมาดูเต๋าแปดปรมัตถ์อีกครั้ง
นี่เป็นสิ่งที่เขาต้องเข้าใจและตระหนักอย่างลึกซึ้ง เพื่อเป็นเส้นทางที่เขาต้องเดินไปในภายภาคหน้า
“เต๋าของข้าเป็นอิสระอยู่แล้ว เต๋าแปดปรมัตถ์จะเป็นวิชาปกป้องเต๋าของข้า!” หลังจากหวังเป่าเล่องึมงำเบาๆ จิตใจก็ค่อยๆ สงบลง หลอมรวมเข้าไปในเต๋าแปดปรมัตถ์
ร่างกายของเขาค่อยๆ เลือนราง ปรากฏผิวน้ำขึ้นบริเวณรอบด้าน จวบจนมีเสียงน้ำไหลลงแม่น้ำจากกาลเวลาลอยแว่วมาเรื่อยๆ ขณะที่เกิดระลอกคลื่นเก้าชั้น เงาร่างของหวังเป่าเล่อก็ยิ่งเลือนราง
การเข้าใจและตระหนักวิชาเต๋าแปดปรมัตถ์ ไม่ใช่สิ่งที่ทำได้ในระยะเวลาอันสั้น ต้นกำเนิดของวิชานี้ลึกซึ้งมาก ความเป็นมาก็ยิ่งใหญ่ แม้จะเป็นหวังเป่าเล่อก็ไม่สามารถเรียนรู้ได้ในระยะน้อยนิดเช่นนี้
อีกทั้งเขามีเวลาที่โลกแห่งศิลาไม่มาก ดังนั้น…ในการระลึกเต๋าแปดปรมัตถ์ หวังเป่าเล่อจึงเลือกวิชาเงาจันทร์ พาตัวเองย้อนกลับไปเดินอยู่ในสายน้ำกาลเวลาระหว่างอดีตกับปัจจุบัน ระลึกเต๋านี้ ณ ที่แห่งนั้นราวกับเป็นเวลาชั่วนิรันดร์
หนึ่งร้อยปี สองร้อยปี สามร้อยปี…
หนึ่งพันปี สองพันปี สามพันปี…
จวบจนหวังเป่าเล่อใช้วิชาเงาจันทร์อย่างสมบูรณ์ทั้งแปดครั้งโดยไม่รู้รู้ตัว ราวกับไม่ได้เดินผ่านเฉยๆ แต่เป็นการระลึกอย่างลึกซึ้ง ดังนั้นเขาจึงสัมผัสได้ถึงขีดจำกัดของเงาจันทร์
หากเดินไปขีดจำกัดก็จะไกลออก อย่างเช่น เขาสามารถเดินไปในช่วงเวลากวางขาวน้อยและยังไปต่อได้อีก แต่หากฝึกตนในกาลเวลา แปดครั้ง…ก็คือขีดจำกัดของเขาในเวลานี้
แต่ดีที่…แปดครั้ง ก็เพียงพอแล้ว
ดังนั้นในช่วงที่ร่างกายหวังเป่าเล่อเลือนราง เงาร่างของเขาจึงค่อยๆ ชัดขึ้น จวบจนเมื่อเขาลืมตา นัยน์ตาก็ฉายแววที่ผ่านโลกมาอย่างโชกโชน พริบตาของโลกภายนอก เขาได้ระลึกกาลเวลาทั้งแปดครั้งอย่างสมบูรณ์ทั้งหมด 7200 สองร้อยปี
“ที่แท้ นี่ก็คือเต๋าแปดปรมัตถ์” หวังเป่าเล่อพึมพำ แววตาโชกโชนเลือนหายไป สิ่งที่เข้าแทนที่ก็คือระลอกคลื่นธาตุทั้งห้าขุมหนึ่ง ในขณะที่ดูคล้ายมีคล้ายไม่มีอยู่บนร่างเขา ดวงตาราวกับมีไม้สูงเทียมฟ้าขนาดใหญ่ มีน้ำเชี่ยวกราก มีไฟแผดเผาฟ้า มีดินฝังจักรวาล มีศัตราวุธ และมีชีวิตแฝงอยู่
เต๋าแปดปรมัตถ์ ห้าสิ่งแรกคือรากฐาน
เต๋าธาตุทองขั้นสูงสุด!
เต๋าธาตุไม้ขั้นสูงสุด!
เต๋าธาตุน้ำขั้นสูงสุด!
เต๋าธาตุไฟขั้นสูงสุด!
เต๋าธาตุดินขั้นสูงสุด!
เต๋าทั้งห้านี้ต้องสำเร็จไปทีละอย่าง การจะฝึกธาตุทั้งห้านี้ให้สมบูรณ์…จำเป็นต้องหาสมบัติล้ำค่าทั้งห้าชนิดที่เกี่ยวข้องกับธาตุทั้งห้า ก่อเกิดเป็นเมล็ดพันธุ์เต๋า ยิ่งคุณสมบัติเมล็ดพันธุ์เต๋าสูงก็ยิ่งทำให้หวังเป่าเล่อก้าวหน้า
เมล็ดพันธุ์เต๋าเหนือกว่ารากฐานตั้งมั่น!
“เช่นนั้น…สิ่งที่ข้าต้องฝึกเป็นอันดับแรก ย่อมต้องเป็น…เต๋าธาตุไม้ขั้นสูง!” นัยน์ตาหวังเป่าเล่อมีประกายวาบผ่าน
หากเป็นธาตุไม้นั้น เกรงว่าจะไม่มีสิ่งใดที่เหนือไปกว่าร่างเดิมของเขา…ตะปูไม้ดำ!
ดังนั้น สำหรับหวังเป่าเล่อแล้วเต๋าธาตุไม้ขั้นสูง นับว่ายอดเยี่ยมที่สุดในโลก!
ไร้สิ่งใดเปรียบ!
……………………