ฉู่ซิวหยงยืนอยู่หน้าตำหนักเป็นเวลานาน สุดท้ายก็มีขันทีผู้หนึ่งเดินออกมาเชิญเขากลับไป
“ฝ่าบาทกำลังทรงงาน เวลานี้ไม่พบผู้ใดพ่ะย่ะค่ะ” ขันทีพูดด้วยความเคารพและห่างเหิน
ฉู่ซิวหยงตอบรับด้วยเสียงอ่อนโยน เขาถวายบังคมต่อภายในตำหนักและหันหลังเดินจากไป
“ฝ่าบาทไม่ทรงพบเจ้าอีกแล้วหรือ” พระสนมสวีนั่งอยู่ในตำหนัก ดันของว่างจานหนึ่งให้ฉู่ซิวหยง “ครั้งที่เท่าใดแล้ว”
ฉู่ซิวหยงหยิบของว่าง “นับแต่เสด็จพ่อทรงฟื้นขึ้นมาก็ไม่พบพวกเรานัก สามารถเข้าใจได้ เสด็จพ่อทรงอารมณ์ไม่ดีนัก”
พระสนมสวีขมวดคิ้ว “ท่านอ๋องเยียนและท่านอ๋องหลูก็แล้วไป แต่ก่อนฮ่องเต้ก็ไม่ทรงโปรดปรานพวกเขานัก แต่เวลานี้พระองค์ก็ดูจะไม่ทรงโปรดปรานเจ้าด้วย”
ฉู่ซิวหยงก้มหน้ากินของว่าง
พระสนมสวีส่งสัญญาณให้บรรดานางในรอบด้านถอยออกไป จากนั้นมองฉู่ซิวหยงอีกครั้ง “ฝ่าบาททรงรู้เรื่องใดอย่างนั้นหรือ เจ้าไม่ได้อธิบายเรื่องของหูไต้ฟูหรือ”
ฉู่ซิวหยงเงยหน้า “อธิบายแล้ว พูดอย่างเปิดเผย ไปแคว้นฉีมารอบหนึ่ง อีกทั้งประสบกับการถูกลอบโจมตี ดังนั้นจึงเลี้ยงกองกำลังส่วนหนึ่งไว้ด้านนอก ได้ยินว่าหูไต้ฟูประสบอันตรายจึงให้คนไปหา หลังจากหาตัวพบ ได้ยินเรื่องที่หูไต้ฟูเล่า รู้เรื่องว่านี้สำคัญมาก ดังนั้นจึงพาคนกลับมาอย่างลับๆ”
พระสนมสวีครุ่นคิด “ไม่มีปัญหาใด ทุกอย่างสมเหตุสมผล โจวเสวียนเป็นผู้หาหูไต้ฟูมา คนที่ทำร้ายหูไต้ฟูก็เป็นองค์รัชทายาท พระองค์ไม่มีเหตุผลโทษเจ้าที่ซ่อนตัวหูไต้ฟูเอาไว้ เจ้าเพียงทำเพื่อช่วยฝ่าบาท”
ฉู่ซิวหยงยิ้ม “เสด็จพ่อจะกล่าวโทษคนผู้หนึ่งยังจำเป็นต้องมีเหตุผลหรือ เสด็จแม่ อย่าทรงคิดเลย”
พระสนมสวีจะไม่คิดได้อย่างไร “มันเกี่ยวข้องกับเจ้าจะถูกสถาปนาเป็นองค์รัชทายาทได้หรือไม่” นางกุมมือ คิ้วเรียวขมวดมุ่น “พวกเราย่อมรู้ว่าฝ่าบาทจะทรงโกรธ แต่พระองค์ทรงโกรธเป็นเวลานานเกินไปหรือไม่ เริ่มแรกยังดี พระองค์ยังให้เจ้าทำงานต่อ อีกทั้งยังยอมพบเจ้า เหตุใดนับวันยิ่ง…”
นางมองซ้ายขวา พลันกดเสียงต่ำอีกครั้ง
“ทางหมอหลวงจางเกิดเรื่องใดผิดพลาดขึ้นหรือไม่”
ฉู่ซิวหยงพูด “หมอหลวงจางรักษาให้เสด็จพ่อมาหลายปี หากจะผิดพลาดก็เป็นเพราะทักษะไม่ดีพอเท่านั้น” เขายื่นเมล็ดผลไม้แห้งให้พระสนมสวี “เสด็จแม่ อย่าทรงคิดมากเลย ทางซีจิงเกิดเรื่อง เสด็จพ่อทรงอารมณ์ไม่ดี เห็นผู้ใดย่อมขัดหูขัดตา”
เรื่องทางซีจิง เวลานี้พระสนมสวีก็รู้แล้วเช่นเดียวกัน “คนซีเหลียงเสียสติไปแล้ว บังอาจทำเช่นนี้”
โชคดีที่ฮ่องเต้ทรงพระปรีชาสามารถ ทรงมีการป้องกันไว้ก่อน รับสั่งให้กองทัพเหนือตรวจสอบอยู่เสมอ เมื่อพบการเคลื่อนไหวผิดปกติของซีเหลียง กองกำลังทั้งสองก็มุ่งหน้าไปยังซีจิงแล้ว
มือที่ถือของว่างของฉู่ซิวหยงชะงักไป “คนที่เสียสติไม่ได้มีเพียงคนซีเหลียง ยังมีท่านอ๋องฉีองค์ก่อนที่อยู่เบื้องหลัง…คราวนี้ จินเหยาอันตรายเสียจริง”
พระสนมสวีย่อมรู้เรื่องการติดต่อระหว่างฉู่ซิวหยงกับท่านอ๋องฉีองค์ก่อน เวลานี้ได้ยินเขาพูดเช่นนี้ จึงเอ่ยขึ้นทีละคำอย่างชัดเจน “จินเหยาตกอยู่ในอันตราย เพราะซีเหลียงและท่านอ๋องฉีองค์ก่อน ไม่เกี่ยวกับเจ้า อาซิว เจ้าอย่าคิดมาก”
คิดมากเรื่องใด คิดว่าหากไม่ได้ติดต่อกับท่านอ๋องฉี ไม่ได้ปล่อยให้ท่านอ๋องฉีหนีไป ไม่ได้มองดูจินเหยาไปสานสัมพันธไมตรีโดยไม่หยุดรั้ง ทั้งที่รู้ว่าท่านอ๋องฉีไม่น่าไว้ใจ แต่ก็ยังคงสมรู้ร่วมคิดกับเขาจนก่อเกิดเป็นเหตุการณ์ชุลมุนในวันนี้…เรื่องเป็นเช่นนี้แล้ว คิดมากก็จะสามารถเปลี่ยนแปลงได้หรือ เรื่องความละอายเป็นแค่การปลอบใจตัวเองเท่านั้น ฉู่ซิวหยงพูด “กระหม่อมไม่ได้คิดมาก เสด็จแม่อย่าทรงกังวล”
พระสนมสวียื่นมือลูบไหล่ของเขาอย่างแผ่วเบา นางพูดเสียงอ่อนโยน “ข้ารู้ หัวใจของอาซิวแน่วแน่ที่สุด เจ้าไม่เคยถูกสิ่งรอบนอกรบกวน เวลานี้เกิดสงครามกับซีเหลียง ฝ่าบาททรงกังวลพระทัย แต่ก็เป็นโอกาสดีของเจ้า หากเจ้าทำได้ดี ฉู่จิ่นหยงย่อมหมดโอกาส เมื่อเจ้าได้เป็นองค์รัชทายาท เจ้าต้องทวงคืนสิ่งที่ต้าเซี่ยและจินเหยาได้รับความเหยียดหยามกลับมา”
ฉู่ซิวหยงอมยิ้มพลันพยักหน้า “เสด็จแม่ทรงวางพระทัย” พูดพลางขอทูลลา
เวลานี้ในฐานะท่านอ๋อง เขาไม่อาจอยู่ในวังหลังนานเกินไปได้ พระสนมสวีไม่ได้รั้งเขาเอาไว้ นางมองอีกฝ่ายจากไป แต่ว่าหลังจากนั้นไม่นาน นางก็เรียกขันทีตัวน้อยเข้ามา
“ท่านอ๋องฉีไปที่ใด” พระสนมสวีถาม
ขันทีตัวน้อยพูดเสียงเบา “ไปพบเฉินตันจูพ่ะย่ะค่ะ”
พระสนมสวีเอนตัวพิงกลับไปอย่างระอา นางรู้อยู่แล้ว หมดหนทางเสียจริง อาซิวของนางมีจิตใจที่แน่วแน่แต่เด็ก ไม่ถูกสิ่งภายนอกรบกวน กับเฉินตันจูก็เป็นเช่นนี้
ฉู่ซิวหยงไม่ได้มาพบเฉินตันจูเป็นเวลานานแล้ว
ไม่ใช่เขาไม่สะดวกมา หากแต่ไม่รู้ควรพูดเรื่องใดกับนาง ระหว่างคนทั้งสองไม่มีเรื่องที่ต้องพูดกันมานานแล้ว
ภายในห้องขังเงียบสงบ แจกันลายครามบนโต๊ะมีดอกไม้ปักอยู่หนึ่งดอก ห้องขังขนาดเล็กงดงามน่าอยู่ อันที่จริงองค์รัชทายาทถูกปลด สำหรับเฉินตันจูแล้ว ถึงแม้จะอยู่ในคุกก็ไร้ซึ่งอันตราย แต่หญิงสาวที่นั่งอยู่บนเตียง ผมเผ้าเสื้อผ้าสะอาดเรียบร้อย แก้มสองข้างยังคงเป็นสีชมพูระเรื่อ เพียงแต่ดวงตาเศร้าหมองเหมือนปลาที่นอนอยู่ในคูน้ำที่แห้งเหือด
ทันทีที่เห็นเฉินตันจู ฉู่ซิวหยงก็รู้สาเหตุที่เขาไม่มาที่นี่ไม่ใช่เพราะไม่มีเรื่องคุย หากแต่เพราะไม่กล้าเผชิญหน้า
หญิงสาวที่มีชีวิตชีวาแม้จะยืนร้องไห้อยู่ใต้ต้นซานจานั้นกลายเป็นเช่นนี้เมื่อต้องเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้
“ตันจู ท่านอ๋องซีเหลียงไม่ได้มาสู่ขอ หากแต่ใช้ข้ออ้างในการสู่ขอ นำกองกำลังบุกรุกต้าเซี่ย” ฉู่ซิวหยงพูด
เฉินตันจูรู้ว่ามีคนมา เพียงแค่ไม่อยากขยับตัว แต่เมื่อได้ยินประโยคนี้ก็ต้องตกตะลึงจนต้องเดินมายังประตูห้องขังอย่างรวดเร็ว นางจ้องมองเขา “ท่านทรงต้องการบอกข่าวร้ายหรือข่าวดีกับหม่อมฉัน”
ฉู่ซิวหยงพูดเสียงเบา “จินเหยาไม่เป็นอันใด นางหนีกลับมาซีจิงจากการรายล้อมของคนซีเหลียงได้อย่างโชคดี เวลานี้กองกำลังของซีจิงกำลังปะทะกับกองกำลังขององค์รัชทายาทซีเหลียง”
เฉินตันจูมองเขา จากนั้นจึงหัวเราะออกมา “สำหรับท่านแล้วมันเป็นข่าวดี หากองค์หญิงจินเหยาตายในมือของคนซีเหลียง เกรงว่าท่านต้องทรงรู้สึกผิด อย่างไรก็คงไม่มีชีวิตที่อยู่เป็นสุขนัก”
ฉู่ซิวหยงพยักหน้า “เจ้าพูดถูก” เขาพูดเสียงเบา “สถานการณ์ทางซีจิงยังไม่อาจแน่ชัดในเวลานี้ ฝ่าบาททรงรับสั่งให้กองกำลังทั้งสองของกองทัพเหนือมุ่งหน้าช่วยเหลือ ครอบครัวของเจ้าล้วนอยู่ในซีจิง ทำให้เจ้าเป็นกังวลแล้ว”
เฉินตันจูแบมือด้วยรอยยิ้ม “ไม่มีสิ่งใดให้น่ากังวล หากสงครามชนะ ครอบครัวหม่อมฉันปลอดภัย หากสงครามพ่ายแพ้ ครอบครัวหม่อมฉันตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน ล้วนเป็นเรื่องดี”
ฉู่ซิวหยงมองนางโดยไม่พูดสิ่งใด
เฉินตันจูจับประตูห้องขัง พลางถามด้วยรอยยิ้ม “เมื่อใดพระองค์จะทรงถูกสถาปนาเป็นองค์รัชทายาทหรือเพคะ”
ฉู่ซิวหยงถอนหายใจ พลางพูด “ไม่เร็วนักหรอก เสด็จพ่อทรงประสบกับการกระทบเทือนในคราวนี้ พระองค์ทรงเกลียดบรรดาโอรสอย่างพวกเราแล้ว”
นางจู่โจมทางวาจา เขาไม่โกรธเคือง อีกทั้งยังตอบอย่างตั้งใจ ทำให้เฉินตันจูหมดสนุก “พระองค์ทรงพระปรีชาสามารถ ย่อมทำให้ฝ่าบาททรงโปรดปรานพระองค์ได้ หม่อมฉันขอให้พระองค์สมดังปรารถนาล่วงหน้า”
ฉู่ซิวหยงพยักหน้า “ใช่ ข้าคงจะสมดังปรารถนา” เขามองเฉินตันจู “ตันจู เจ้าควรร้องไห้ก็ร้อง อยากด่าก็ด่า อย่าอดกลั้นเอาไว้ ข้าไปก่อน เจ้าจะได้สบายใจขึ้น”
พูดพลางหันหลังจากไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นร่างของเขาหายไป เฉินตันจูจับประตูห้องขังแน่นจนเกิดเสียงดัง นางไม่ด่าหรอก และนางก็ไม่อยากร้องไห้ด้วย
แต่ว่าองค์หญิงจินเหยาเกือบตายใช่หรือไม่
หนีรอดจากการรายล้อมของคนซีเหลียงด้วยความโชคดีนั้นต้องเป็นความโชคดีอย่างไรกัน อันตรายและน่ากลัวอย่างมากใช่หรือไม่ ซีเหลียงกำลังจู่โจมซีจิงอย่างกะทันหันใช่หรือไม่ ต้องมีคนตายจำนวนมากใช่หรือไม่ กองกำลังช่วยเหลือจะไปทันหรือไม่
สองมือของนางจับประตูห้องขังแน่น มือคู่นี้รวบรวมแรงทั้งร่างกายเอาไว้ นางพยายามบังคับไม่ให้น้ำตาไหลลงมา พยายามประคองตนเองยืนให้มั่น
เสียงเหมือนมีบางอย่างตกลงมาดังขึ้นมาจากด้านหลัง
เฉินตันจูหันหน้ากลับไปมองหน้าต่างขนาดเล็กบนเพดานของห้องขัง ห้องขังอยู่ใต้ดิน หน้าต่างนี้มีอากาศและแสงแดดเล็กน้อยเล็ดรอดผ่านเข้ามา
นางมองโต๊ะด้านหลัง มีถุงหอมขนาดเล็กใบหนึ่งตกอยู่บนแจกันลายคราม ก้านดอกไม้ในแจกันลายครามสั่นไหว
อันใดกัน อีกทั้งผู้ใดกัน
เฉินตันจูปล่อยมือจากประตูห้องขัง พลันหันหลังเดินกลับไปเปิดถุงหอมใบเล็กออก ผลซานจากลมสีแดงสองลูกกลิ้งออกมา
เฉินตันจูมองผลซานจาด้วยความผงะ ถึงแม้ผลซานจาบนแผ่นดินจะมีลักษณะเหมือนกัน แต่นางก็มั่นใจในทันทีว่ามันเป็นผลซานจาจากวัดถิงอวิ๋น
ถึงเวลาที่ผลซานจาสุกงอมแล้วหรือ เฉินตันจูเงยหน้ามองหน้าต่างขนาดเล็ก ทั้งน้อยใจทั้งโกรธ เวลานี้แล้ว ฉู่อวี๋หยงยังคิดถึงเรื่องกินผลซานจาของวัดถิงอวิ๋น
ตอนนั้นนางก็บอกเขาแล้วว่าไม่อร่อย! ไม่อร่อย! เขายังไปเก็บอีก!
น้ำตาของเฉินตันจูหลั่งไหลออกมาเหมือนสายน้ำ มือหนึ่งกุมผลซานจาเอาไว้ อีกมือหนึ่งปิดหน้าร้องไห้