ชิงเฟิงยืนอยู่นอกกระโจมหลักของค่ายทหารหลวง ทหารและม้าวิ่งไปมาอยู่ในค่ายทหารอย่างขวักไขว่ กำลังเสริมของกองทัพเหนือออกไปแล้ว แต่เสบียงพัสดุทางการทหารยังคงถูกลำเลียงออกไปอย่างต่อเนื่อง เสียงเกือกม้าดังกึกก้อง ทุกหนทุกแห่งเต็มไปด้วยบรรยากาศตึงเครียด
ชิงเฟิงมองข้ามผ่านความวุ่นวายนี้ไปข้างนอก จนกระทั่งเห็นคนกลุ่มหนึ่งควบม้าเข้ามา มีธงเขียนว่าโจวโบกสะบัดอยู่ท่ามกลางกลุ่มคนเหล่านั้น เขาจึงเผยยิ้มออกมาทันที พลันหันหลังเข้ากระโจมไป
“ท่านอ๋องฉี” เขาพูดอย่างดีใจ “นายน้อยของพวกกระหม่อมกลับมาแล้ว”
ฉู่ซิวหยงมองเขา พลันตอบรับด้วยน้ำเสียงอบอุ่น
“ท่านอ๋อง” ชิงเฟิงยังอธิบายต่อไป “แม้ว่านายน้อยจะยังไม่ได้รับการแต่งตั้งให้นำทัพไปยังซีจิง แต่การเตรียมการด้านหลังก็ยุ่งทั้งวันทั้งคืนเช่นเดียวกัน”
เมื่อพูดถึงตรงนี้เขาก็อดไม่พอใจแทนนายน้อยของตนเองไม่ได้
“สงครามสำคัญเช่นนี้ เหตุใดฝ่าบาทจึงไม่ทรงให้นายน้อยของพวกกระหม่อมนำทัพ”
เนื่องจากฮ่องเต้ทรงไม่เคยวางพระทัยนายน้อยของเจ้าเท่าเจ้า สายตาของฉู่ซิวหยงมองทหารน้อยผู้นี้ด้วยความอ่อนโยนและเห็นใจ แต่ความไม่วางพระทัยของฮ่องเต้เป็นเรื่องที่ถูกต้อง
โจวเสวียนเปิดม่านเดินเข้ามาด้วยสีหน้าดำทะมึน บนเสื้อเกราะยังมีคราบเลือดติดอยู่ ชิงเฟิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เหตุใดจึงมีคราบเลือด ทางเมืองหลวงไม่มีสงคราม…คงเป็นไปไม่ได้ที่โจวเสวียนจะได้รับบาดเจ็บเอง
“นายน้อย?” ชิงเฟิงถามด้วยความเป็นห่วง
โจวเสวียนโบกมืออย่างรำคาญ “เจ้าถอยไปเถิด ข้ามีเรื่องต้องคุยกับท่านอ๋องฉี”
ชิงเฟิงก้มหน้าตอบรับพลางถอยออกไป เป็นเวลานานแล้วที่นายน้อยไม่ให้เขาอยู่ข้างกายเมื่อคุยกับท่านอ๋องฉี
ภายในกระโจมเหลือเพียงแค่โจวเสวียนที่ยืนอยู่กับฉู่ซิวหยงที่นั่งอยู่ บรรยากาศเงียบเล็กน้อย แต่ครู่ถัดมา โจวเสวียนก็ถอดหมวกออกทุ่มลงบนพื้นอย่างแรง เสียงดังน่ากลัวอย่างมาก
สีหน้าของฉู่ซิวหยงเรียบเฉย เขาถาม “คนของท่านอ๋องฉีองค์ก่อนรั้งข่าวเอาไว้ใช่หรือไม่”
โจวเสวียนไม่ตอบ แต่สายตาของเขาบ่งบอกทุกสิ่งแล้ว เขาถอดชุดเกราะออก บนชุดด้านในมีรอยเลือดที่เห็นได้ชัดยิ่งขึ้น “มีหลายคนถูกสังหารแล้ว ที่เหลือข้าก็จัดการหมดแล้ว”
ก่อนจะถ่มน้ำลายอย่างแรง
“เดรัจฉาน โชคดีที่จินเหยาดวงแข็ง”
ยังคิดว่าท่านอ๋องซีเหลียงเห็นฮ่องเต้ประชวรจึงฉวยโอกาสเสนอเรื่องการสานสัมพันธไมตรีออกมา การสานสัมพันธไมตรีนี้เดิมทีก็ไม่สำคัญ พวกเขาไม่มีทางให้องค์หญิงจินเหยาไปต่างเมือง ก่อนไปเรื่องทางนี้ก็สามารถจัดการได้ ดู ฝ่าบาททรงฟื้นขึ้นมาตามกำหนด องค์รัชทายาทถูกปลด ฮ่องเต้ทรงปฏิเสธงานอภิเษกขององค์จินเหยาและองค์รัชทายาทซีเหลียง อีกทั้งยังเหยียดหยามท่านอ๋องซีเหลียงอย่างหนักหน่วง…
แต่ผู้ใดจะคิดว่าเบื้องหลังยังมีท่านอ๋องฉีองค์ก่อนคอยปั่นป่วน
องค์รัชทายาทซีเหลียงไม่ได้มาสู่ขอ หากแต่ฉวยโอกาสนำกองกำลังเข้าเมืองเฟิ่ง
ถึงแม้องค์หญิงจินเหยาไม่ได้เข้าสู่พื้นที่ซีเหลียง แต่ก็เกือบต้องสูญเสียชีวิต
นี่ก็คือสิ่งที่ตันจูพูดในตอนนั้นว่าเจ้าอย่าคิดว่าทุกสิ่งอยู่ในการควบคุมของเจ้า เรื่องที่เจ้าควบคุมไม่ได้มีมากมาย คนไม่ได้ทำได้ทุกอย่าง ฉู่ซิวหยงเงียบไปสักพัก “เรื่องบนโลกก็เป็นเช่นนี้ ต้องการผลประโยชน์ย่อมต้องมีความเสี่ยงและการแลกเปลี่ยน จะมีเพียงพวกเราที่ได้ประโยชน์ได้อย่างไร”
โจวเสวียนเหลือบมองเขา ยกมือมองเลือดที่เปรอะเปื้อนบนแขนเสื้อ “ใช่ มันเป็นเรื่องไม่คาดฝัน พวกเราไม่เคยคาดคิดมาก่อน แต่ว่ายังมีเรื่องน่าประหลาดใจอีกเรื่อง ไม่เพียงพวกเราคาดไม่ถึง คนส่วนใหญ่ก็คาดไม่ถึง แม้แต่ฝ่าบาทก็คาดไม่ถึง”
ฉู่ซิวหยงมองเขาด้วยสายตาสงสัย
“กองทัพเหนือไม่ได้เคลื่อนไหวสามกอง หากแต่เป็นสองกอง” โจวเสวียนพูดด้วยสายตาวาววับ
เดิมทีซีจิงก็มีกองกำลังเฝ้าระวัง กองทัพเหนือช่วยเหลืออีกสองกองก็เพียงพอแล้ว ฉู่ซิวหยงคิดในใจ แต่ในเมื่อโจวเสวียนพูดเช่นนี้ ย่อมไม่ใช่เพียงเพราะสาเหตุนี้ เขามองโจวเสวียนโดยไม่พูดสิ่งใด
“อีกทั้งสองกองนี้ ฝ่าบาทไม่ได้ทรงเคลื่อนย้าย” โจวเสวียนพูดต่อ มุมปากของเขาปรากฏรอยยิ้มประหลาด “ก่อนที่ฮ่องเต้จะพระราชทานตราพยัคฆ์ กองกำลังทั้งสองกองก็ถูกคนเคลื่อย้ายไปซีจิงแล้ว”
ฉู่ซิวหยงมองเขาด้วยสายตาที่ตกตะลึงไปชั่วขณะ มันหมายความว่าอย่างไร หมายความว่าฮ่องเต้ก็ไม่อาจทรงควบคุมกองกำลังของต้าเซี่ยอย่างนั้นหรือ ผู้ใดกัน
ผู้ใดสามารถเคลื่อนย้ายกองกำลังของต้าเซี่ยอย่างไร้ร่องรอย
อันที่จริงระยะนี้เกิดเรื่องประหลาดมากมาย เวลานั้นฮ่องเต้ถูกลอบทำร้ายจนประชวรหนัก เหตุใดจึงรับสั่งคาดโทษฉู่อวี๋หยงนับแต่ที่ตื่นขึ้นมา อีกทั้งยังรับสั่งให้ประหาร
เหตุใดฉู่อวี๋หยงผู้เป็นองค์ชายหกที่แทบจะไม่ได้อยู่ในสายตาของทุกคนจึงมาเมืองหลวงอย่างกะทันหัน
เหตุใดองค์ชายหกที่แปลกหน้าผู้นี้จึงไม่รู้สึกห่างเหินเมื่อเผชิญหน้ากับเฉินตันจู
ก่อนองค์ชายหกเสด็จมา แม่ทัพหน้ากากเหล็กเสียชีวิตจากการป่วยอย่างกะทันหัน…
อำนาจทางการทหาร อำนาจทางการทหาร!
ความคิดและผู้คนต่างๆ ปลิวว่อนอยู่ภายในหัว ถึงแม้จะสับสนแต่ก็กระจ่างทันที ฉู่ซิวหยงรู้สึกกระจ่างทั้งหมด สายตาของเขาลุกพราว
“ที่แท้เป็นเขาเองหรือ” เขาพูดด้วยความตกตะลึง “ที่แท้ก็เป็นเขาเอง”
น่าเหลือเชื่อ
น่าเหลือเชื่อเสียจริง
ฉู่ซิวหยงไม่พูดอีกแม้แต่ประโยคเดียว เขาเดินจากไปอย่างรวดเร็ว
โจวเสวียนไม่ตกใจเมื่อเห็นฉู่ซิวหยงจากไปอย่างกะทันหัน หากเป็นผู้อื่นที่รู้เรื่องนี้อย่างกระชั้นชิดย่อมต้องตกใจ เวลานั้นเขาสืบทราบความจริงของการโยกย้ายกองกำลัง ครุ่นคิดแล้วครุ่นคิดอีก เมื่อคิดว่าอาจมีความเป็นไปได้นี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะควบม้าวิ่งไปหลายรอบก่อนจะสงบลง
ฉู่อวี๋หยง องค์ชายหกที่ไม่เคยสนใจ หรือแม้แต่รูปลักษณ์ของเขาที่ถูกคนลืมเลือนไปนี้ อยู่ห่างไกลจากผู้คนมาหลายปี อ่อนแอเพราะโรคมาหลายปี มีชีวิตอยู่ได้ไม่นานมาหลายปี ที่แท้เขาไม่ได้ใช้ชีวิตขององค์ชายหก หากแต่เป็นชีวิตของอีกคน!
เมื่อโจวเสวียนคิดถึงตรงนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะ หัวเราะเย้ยหยัน หัวเราะในความหมายต่างๆ ขึ้นอีก น่าขันเสียจริง ไม่คิดว่าบรรดาโอรสของฮ่องเต้จะคึกคักเพียงนี้!
เขาปรบมือพลันหัวเราะเสียงดัง
โอรสที่ดีของฮ่องเต้ทั้งหลาย ดีเสียจริง ยิ่งวุ่นวายยิ่งดี!
…
ฉู่จิ่นหยงที่ไม่ใช่โอรสที่ดีของฮ่องเต้อีกต่อไปยืนอยู่ในสวนดอกไม้ เขาถือกรรไกรตัดแต่งกิ่งไม้ นับแต่กำเนิดมาก็เป็นองค์รัชทายาท เรื่องและสิ่งของทุกอย่างที่สัมผัสล้วนเกี่ยวข้องกับฮ่องเต้ แต่การเป็นฮ่องเต้ไม่จำเป็นต้องตกแต่งสวนดอกไม้
ดังนั้นเมื่อฝูชิงเดินเข้ามาเห็นดอกไม้ในสวนดอกไม้ถูกตัดจนเกลี้ยง ดอกไม้และใบไม้ล้วนกระจายอยู่บนพื้น ก่อนจะถูกฉู่จิ่นหยงเหยียบย่ำจนเละ
“องค์ชาย” เขาก้มหน้าทำเป็นไม่เห็น “มีข่าวดีพ่ะย่ะค่ะ”
ฉู่จิ่นหยงเฉยชา “สำหรับข้ายังมีข่าวดีอีกหรือ”
ฝูชิงเดินขึ้นหน้าหนึ่งก้าว “ท่านอ๋องซีเหลียงโจมตีเข้ามาแล้ว กำลังล้อมโจมตีซีจิงอยู่พ่ะย่ะค่ะ”
มือที่ถือกรรไกรของฉู่จิ่นหยงชะงักไป เขาตัดดอกไม้ดอกหนึ่งปาไปทางฝูชิง สายตาอำมหิต “ข่าวดีอย่างไรกัน! ฮ่องเต้มีแต่จะทรงโกรธข้ามากขึ้น! พระองค์จะทรงหาว่าเป็นความผิดของข้า! คนอย่างเขา เจ้ายังไม่รู้อีกหรือ ความผิดทุกอย่างล้วนเป็นของผู้อื่น!”
ฝูชิงจับดอกไม้ที่กระทบลงบนหน้า พูดอย่างรีบร้อน “องค์ชาย ความหมายของกระหม่อมคือเวลานี้ราชสำนักเกิดความโกลาหล เมืองหลวงไม่มั่นคง มันเป็นโอกาสดีของพวกเราพ่ะย่ะค่ะ” พูดพลางหลั่งน้ำตา “องค์ชายจะทรงถูกขังไปตลอดหรือพ่ะย่ะค่ะ ชีวิตนี้จะทรงเป็นเช่นนี้แล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ องค์ชาย ฮ่องเต้ประชวรเพราะถูกคนจงใจลอบทำร้าย ล่อลวงให้องค์ชายหลงเชื่อ…”
ฉู่จิ่นหยงถือกรรไกรมองไปยังทิศทางของพระราชวัง ดวงตาเต็มไปด้วยความแค้น หลังจากถูกขัง ไม่ หากพูดให้ถูกต้อง นับแต่ฮ่องเต้ทรงตรัสว่าถึงแม้ตนเองจะหมดสติ แต่ความจริงแล้วมีสติได้ยินทุกอย่างเป็นต้นมา เขาก็รู้ว่าเรื่องทั้งหมดเป็นแผนการโค่นล้มเขา
ใช้ประโยชน์จากการประชวรของฮ่องเต้ บังคับเขา หลอกล่อเขาลงมือต่อฮ่องเต้ ทำให้เขาต้องถูกปลดเนื่องจากเขาคิดจะสังหารฮ่องเต้และสังหารบิดา
ผู้ใดใส่ร้ายเขา ฉู่จิ่นหยงไม่ต้องคิดก็รู้ พวกเขาคือฉู่ซิวหยงและพระสนมสวีแม่ลูก!
เขาจับกรรไกรไว้ในมือแน่นจนเกิดเสียงดังลั่น เวลานั้นเขาควรจะวางยาพิษเจ้าเด็กต่ำทรามนี้ให้ตายไปเสีย ก็คงไม่เหลือภัยเอาไว้!
“องค์ชาย ท่านอ๋องฉีทรงทำร้ายท่านสมดังปรารถนาแล้ว เวลานี้เขาเฝ้าอยู่ข้างกายฮ่องเต้ เขาทำร้ายฝ่าบาทได้ครั้งหนึ่ง ย่อมสามารถทำร้ายได้ครั้งที่สอง คราวนี้หากฝ่าบาททรงล้มป่วยลงอีก ต้าเซี่ยนี้ก็จะเป็นของเขาแล้ว!” ฝูชิงพูดพลางร้องไห้ “องค์ชายก็คงต้องจบสิ้นจริงๆ แล้ว”
ฉู่จิ่นหยงพูด “ข้าไม่มีทางจบสิ้น ข้าฉู่จิ่นหยงกำเนิดมาเป็นองค์รัชทายาท ต้าเซี่ยนี้เป็นของข้า ผู้ใดก็อย่าคิดแย่งไป”
ฝูชิงเช็ดน้ำตา “ดังนั้นองค์ชาย ควรลงมือแล้ว มันเป็นโอกาส ฉวยโอกาสที่ฝ่าบาททรงกังวลเรื่องซีจิง...”
ฉู่จิ่นหยงมองกรรไกรในมือ พลางถาม “คนของพวกเรามาถึงแล้วหรือไม่”
ฝูชิงพยักหน้า “ฉวยโอกาสชุลมุนในการโยกย้ายกองกำลัง คนของพวกเรามาครบตั้งแต่เมื่อวานแล้วพ่ะย่ะค่” พูดถึงตรงนี้ก็ร้อนใจ “เพียงแต่คนมากเพียงใดก็ไม่อาจบุกเข้าวังหลวงอย่างเปิดเผย เวลานี้องครักษ์ของวังหลวงเข้มงวดกว่าเก่ามาก”
ฉู่จิ่นหยงพูดเสียงเรียบ “เข้าวังหลวงไม่ใช่เรื่องยาก”
ถึงแม้เขาจะถูกปลดแล้ว ถึงแม้เขาจะถูกกับดักของฉู่ซิวหยง แต่เขาเป็นองค์รัชทายาทมานานเพียงนี้ คงไม่มีทางไม่เหลือสมบัติแม้แต่น้อย อย่างไรเขาก็ต้องมีกำลังคนเหลืออยู่ในวังหลวง
ฝูชิงย่อมรู้เรื่องนี้ แต่…
“คนเหล่านั้นก็ไม่อาจเปิดประตูวังให้องค์ชายได้” เขาพูดเสียงเบา
เวลานี้วังหลวงย่อมต้องถูกฮ่องเต้กวาดล้าง กำลังคนสุดท้ายที่พวกเขาเหลือไว้ล้วนต่ำต้อย อ่อนแอ ไม่เป็นจุดเด่น มีเพียงเช่นนี้จึงจะหลบซ่อนได้อย่างปลอกภัย
ฉู่จิ่นหยงพูดเสียงเย็น “ข้าไม่ต้องการให้พวกเขาเปิดประตูวังให้ข้า ข้าไม่มีทางเข้าวังหลวงอย่างลับๆ ล่อๆ ข้าเป็นองค์รัชทายาท ข้าจะเดินเข้าไปอย่างสง่าผ่าเผย”
เขามองกิ่งไม้ที่ถูกตัดจนเกลี้ยงเกลาตรงหน้า ก่อนจะลงกรรไกรตัดกิ่งไม้ให้หักไปอีกครั้ง