หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting – บทที่ 1224 เมล็ดพันธุ์ธาตุไม้!

บทที่ 1224 เมล็ดพันธุ์ธาตุไม้!
“ตะปูไม้ดำ ปรากฏ!” หวังเป่าเล่อนัยน์ตาเป็นประกาย มือขวายกขึ้นโบก ทันใดนั้นแผ่นไม้ดำก็ปรากฏขึ้นด้านหลังเขา
ภาพมายาแผ่นไม้ดำนี้กลับมีกลิ่นอายโชกโชน เวลานี้ลอยล่องขึ้นตามใจของหวังเป่าเล่อเคลื่อนมายังด้านหน้าเขาในทันที ขนาดนั้นพอๆ กับฝ่ามือ แต่กลิ่นอายที่แผ่ออกมาก็เพียงพอที่จะทำให้กฏเกณฑ์และข้อบังคับบิดเบี้ยวได้
ทว่าคิ้วของหวังเป่าเล่อกลับค่อยๆ ขมวดเข้าหากัน
“นี่เป็นเพียงเงาที่ทอดลงมาจากในอดีตชาติเท่านั้น…” หวังเป่าเล่อพึมพำ
“จะต้องทำเช่นไรถึงสามารถทำให้ร่างเดิมของตนปรากฏออกมา ทั้งยังต้องทำรากฐานเมล็ดพันธุ์เต๋าให้สมบูรณ์…”หวังเป่าเล่อมุ่นคิ้ว มือขวายกขึ้นคว้าเงามายาของแผ่นไม้ดำไว้ในมือ ก่อนกดลงหว่างคิ้วทันทีเพื่อสั่นคลอนดวงวิญญาณเทพของตน ลองให้แผ่นไม้ดำร่างเดิมปรากฏออกมาอย่างแท้จริง
แทบจะเป็นเวลาเดียวกับที่เงามายาแผ่นไม้ดำสัมผัสกับหว่างคิ้วของหวังเป่าเล่อ ร่างกายของเขาสั่นเทิ้มอย่างรุนแรง ปรากฏเงาซ้อนทับขึ้น ราวกับมีบ่อเกิดบางอย่างรวมตัวอออกมาจากร่างของเขาในเวลานี้
เวลาเดียวกัน ท้องฟ้าดาวอังคารพลันหมุนพลิกไปมา ผืนดินสั่นไหวอย่างรุนแรง สิ่งมีชีวิตจำนวนมหาศาลในนครดาวอังคารต่างจิตใจสั่นสะท้านอย่างรุนแรงไปตามๆ กัน แหงนหน้าขึ้นมองฟ้าอย่างอดไม่ได้
จะหลิวต้าวปินหรือหลินโยวก็ดี และผู้ฝึกตนสหพันธรัฐคนอื่นๆ ที่อยู่บนนครดาวอังคาร เวลานี้ต่างเงยหน้ามองไปยังท้องฟ้า…ที่พลันปรากฏเค้าโครงเลือนรางขึ้น
เค้าโครงนี้รูปร่างยาวเหมือนกับแผ่นไม้ในมือของผู้เล่านิทานที่ถูกขยายใหญ่ขึ้นหลายเท่า ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าปล่อยแรงบีบคั้นออกมาเป็นระลอก ทำให้นครอังคารราวกับจะเบนห่างออกจากวงโคจรของมัน ผู้ที่เห็นทุกคนไม่ว่าจะเป็นผู้ฝึกตนระดับใดล้วนเกิดระลอกคลื่นยักษ์ขึ้นในสัมผัสสวรรค์
ในเวลาเดียวกัน ดาวเคราะห์ต่างๆ ในระบบสุริยะรวมทั้งดาวโลก ผู้ฝึกตนทั้งหมดไม่ว่าจะมาจากฝ่ายไหน ในเวลานี้คล้ายกับเห็นไม้ขนาดยักษ์อันหนึ่งที่ลอยอยู่บนฟ้ากำลังร่วงไปทางนครดาวอังคารได้อย่างเลือนลาง
ผู้คนยังไม่ทันเงียบเสียง เหตุการณ์นี้พลันหายไปในพริบตา รวมทั้งเงามายาบนท้องฟ้าก็พลันหายไปด้วยเช่นกัน ราวกับไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน แรงบีบคั้นสลายไป ทำให้ทุกคนใจโหวง ขณะที่ต่างคนต่างงุนงง หวังเป่าเล่อที่ถือสันโดษอยู่ในนครดาวอังคารใหม่ สีหน้าซีดเผือดเล็กน้อย ร่างกายโงนเงน
เงาที่ซ้อนทับร่างกายเขา ในเวลานี้ได้ฟื้นกลับเป็นปกติ เงามายาแผ่นไม้ดำที่สัมผัสกับหว่างคิ้วเขากลับทะลุผ่านเข้าร่าง ก่อนปรากฏขึ้นที่ด้านหลังร่างกาย
หวังเป่าเล่อเงียบงัน คิ้วขมวดขึ้นน้อยๆ อีกครั้ง ทว่าอึดใจต่อมาก็ยกยิ้ม
“เป็นข้าที่คิดนอกกรอบไป ตะปูไม้ดำก็คือข้า ข้าก็คือตะปูไม้ดำ ในเมื่อเป็นเช่นนี้…ทำไมจะต้องให้มันแสดงร่างออกมาให้ได้” หวังเป่าเล่อส่ายหน้า ปรับขบวนความคิดของตัวเองให้เข้าที่เข้าทาง
“ใช้ตัวเองเป็นเมล็ดพันธุ์ กลายร่างเป็นรากฐานเต๋าธาตุไม้ขั้นสูงสุด” ขณะพึมพำ มือทั้งสองยกขึ้น ผนึกมุทราตามความเข้าใจจากวิธีหลอมเต๋าแปดปรมัตถ์ในแผ่นหยก เขาผนึกมุทราอย่างรวดเร็ว ผนึกเวทต่างๆ พลันปรากฏขึ้นในพริบตาลอยอยู่นอกร่างกาย
กระบวนท่าของหวังเป่าเล่อเร็วขึ้นเรื่อยๆ ผนึกเวทก็ปรากฏมากขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน และเมื่อถึงตอนสุดท้าย เหตุเพราะความเร็วที่สูงมาก มือทั้งสองของหวังเป่าเล่อจึงกลายเป็นภาพเลือนรางติดต่อกัน ทำให้ผนึกเวทพุ่งขึ้นสู่หลักแสนลอยล่องอยู่ทั่วทั้งสี่ทิศหมุนวนรอบตัวหวังเป่าเล่อ
ทว่าผนึกมุทราของเขากลับยังไม่สิ้นสุดเพราะมันยิ่งเร็วขึ้น หากในเวลานี้มีคนอยู่ที่นี่ได้เห็นเข้า สิ่งที่เห็นจะไม่ใช่ภาพเลือนรางอีก เพราะหวังเป่าเล่อไม่ได้ขยับเขยื้อน นั่นเป็นเพราะได้ก้าวข้ามขีดระดับความเร็วที่สูงสุดไปแล้ว
จำนวนของผนึกเวทเกินล้าน อีกทั้งยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนแตะสามล้าน ห้าล้าน แปดล้าน…สุดท้ายสิบล้านผนึกเวท ได้ห่อหุ้มหวังเป่าเล่อเอาไว้ทั้งหมด หากไม่ใช่หวังเป่าเล่อกดไว้อย่างสุดพลัง เกรงว่าในตอนนี้คงแผ่คลุมไปเกือบครึ่งนครดาวอังคาร เวลานี้ถูกย่อขนาดลงอยู่ในพื้นที่ถือสันโดษและผนึกเวทอันหนึ่งก็จะทับซ้อนกันนับพัน
จนกระทั่ง เมื่อหวังเป่าเล่อปฏิบัติจนเม็ดเหงื่อผุดขึ้นบนหน้าผากน้อยๆ แสงในดวงตายิ่งเป็นประกาย เขาไม่รู้ว่าคนอื่นที่ฝึกเต๋าแปดปรมัตถ์นั้นหล่อหลอมเมล็ดพันธุ่เต๋าอย่างไร แต่ก็แอบรู้สึกว่าวิธีหล่อหลอมของตนนั้น บางทีเป็นสิ่งที่มีน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย
ถึงขนาดทำให้เขารู้สึกถึงความเป็นความตายได้ อย่างไรก็ตาม…การหลอมเมล็ดพันธุ์เต๋ามีส่วนที่เหมือนกับการหลอมวัตถุอยู่ หากไม่สำเร็จ…วัตถุเวทย่อมเสียหาย
แต่สิ่งที่หวังเป่าเล่อเดิมพันก็คือร่างเดิมของตนไม่มีทางถูกทำลายอย่างแน่นอน ดังนั้นพริบตานี้จึงยิ่งแน่วแน่ ไม่รู้เลยสักนิดว่าการหลอมของเขาทำให้ต้นไม้ใบหญ้า สรรพสิ่งทั้งหลายที่เป็นธาตุไม้ทั้งหมด รวมทั้งผู้ที่ฝึกปราณเต๋านี้บนนครดาวอังคาร แม้กระทั่งดาวพระเคราะห์ขนาดเล็กใหญ่ทั้งหมดในระบบสุริยะต่างสั่นสะท้านไปพร้อมๆ กันในพริบตา
ต้นไม้ใบหญ้าไหวเอนคล้ายกับสั่นระริกราวกับถูกเพรียกหา ผู้ฝึกตนที่ฝึกปราณธาตุไม้ พลังปราณล้วนเกิดระลอกคลื่นขึ้นอย่างรุนแรง ร่างกายหันไปทางดาวอังคารอย่างห้ามไม่ได้ เหมือนกับทางนั้นมีอะไรบางอย่างที่ทำให้พวกเขาต้องคำนับกราบ
ผู้ที่รู้สึกได้มากที่สุดก็คือสหายกุ้ย ในเวลานี้เขาได้หมอบลงไปทั้งตัวแล้ว ร่างกายสั่นเทาอย่างรุนแรง ปราณของเขารู้สึกได้ชัดเจนว่าบนนครดาวอังคารมีกลิ่นอายที่ยากจะบรรยายขุมหนึ่ง ราวกับเป็นต้นกำเนิดของธาตุไม้ที่กำลังโผล่ขึ้นมาอย่างฉับพลัน
ทว่าพริบตาต่อมา สรรพสิ่งทั้งหลายในระบบสุริยะที่เกี่ยวข้องกับไม้ต่างสั่นสะเทือนอีกครั้ง กลิ่นอายที่ทำให้พวกเขาก้มกราบนั้นหายไปในทันที
ต้นไม้ใบหญ้าหยุดสั่นไหว ผู้ฝึกตนที่ฝึกพลังธาตุไม้ต่างงงงวยไปตามๆ กัน ภายในนครดาวอังคาร หวังเป่าเล่อร่างกายสั่นเทิ้ม ในผนึกรอบๆ มีอันหนึ่งพังทลายลง
หนึ่งอันพังทลายส่งผลต่อทั้งหมด สิบล้านผนึกแตกสลายลง หวังเป่าเล่อหน้าซีดเผือด ดวงวิญญาณเทพไม่มั่นคง ครู่ใหญ่ถึงฟื้นตัวกลับมาได้ หลังจากสัมผัสก็พบว่าดวงวิญญาณเทพเพียงแค่อ่อนล้าไปเท่านั้น ไม่ได้เป็นอะไรร้ายแรงจึงลืมตาขึ้น
“เป็นเหมือนที่คิดไว้จริงๆ เพราะร่างเดิมของข้าเหนือกว่าที่คาดไว้ ดังนั้นต่อให้การหลอมล้มเหลวถูกสั่นคลอนแต่ก็ไม่เสียหายใดๆ หากเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าเมล็ดพันธุ์เต๋านี้จะหลอมยากแค่ไหน ข้าก็ยังคงทดลองได้เรื่อยๆ!”
“แต่ว่าเต๋าแปดปรมัตถ์แค่รวบรวมเมล็ดพันธุ์เต๋าก็ยากขนาดนี้แล้ว ต่อไปข้ายังจำเป็นต้องหาสมบัติสวรรค์ที่เหมาะสมกับแต่ละเต๋าอีก เดิมทีก็ยากอยู่แล้ว อีกทั้งการหลอมก็ล้มเหลวได้ง่าย…”
“แม้จะพูดว่าหากวันใดเมล็ดพันธุ์เต๋าก่อตัวขึ้น การฝึกต่อจากนั้นก็คือการตระหนักรู้เต๋านี้จวบจนก้าวสู่ขั้นสูงสุด…ระหว่างนั้นคงไม่มีอุปสรรคใหญ่อะไร แต่หากทั้งแปดเต๋าเป็นแบบนี้…” ขณะที่ดวงวิญญาณเทพของหวังเป่าเล่อพักฟื้น เขาขบคิดสักเล็กน้อย ในใจก็ได้ทางออกแล้ว
“เต๋าธาตุไม้ข้าจัดการเอง ส่วนเต๋าอื่นๆ…จำเป็นต้องรวบรวมผู้เชี่ยวชาญด้านการหลอมอาวุธเวทในระบบสุริยะทั้งหมดมาช่วยกัน” คิดได้ดังนี้ หวังเป่าเล่อก็รู้สึกถึงดวงวิญญาณเทพก่อนผนึกมุทราขึ้นอีกครั้ง
เป็นเช่นนี้ไปเรื่อยๆ เพียงไม่นานก็ผ่านไปสามเดือน ในสามเดือนนี้ต้นไม้ใบหญ้ารวมถึงผู้ฝึกตนธาตุไม้ทั้งหมดในระบบสุริยะก็รู้สึกได้ถึงพลังมหาศาลที่มาๆ หายๆ นั้นอยู่ทุกครั้ง และก็รู้แล้วว่านี่คือการฝึกของผู้อาวุโส แม้จะยังสั่นสะท้านแต่ก็คุ้นเคยปรับตัวได้มากกว่าเดิมแล้ว
จนกระทั่งวันนี้ หลังจากที่หวังเป่าเล่อได้ทดลองหลอมไปไม่ต่ำกว่าหนึ่งร้อยครั้ง ทันใดนั้นพลังที่ส่งผลต่อธาตุไม้ที่ออกมาจากร่างกายเขาก็ค่อยๆ แผ่ไปทั่วระบบสุริยะก่อนกระจายออกไปนอกระบบสุริยะ แผ่ขยายไปยังจักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แห่งเต๋าฝั่งซ้ายต่อไปเรื่อยๆ
ทุกที่ที่กระจายผ่าน ไม่ว่าจะเป็นท้องฟ้า ดาวพระเคราะห์ใดๆ สิ่งมีชีวิตหรือสรรพสิ่งใด ขอเพียงเกี่ยวข้องกับธาตุไม้ต่างสั่นสะเทือนขึ้นพร้อมกันอย่างรวดเร็ว
ขยายออกไปอย่างต่อเนื่อง ดุจพายุโหมกระหน่ำ ในเวลาอันสั้นก็กวาดไปทั่วจักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แห่งเต๋าฝั่งซ้ายทำให้ตระกูลและสำนักนับไม่ถ้วนล้วนตื่นตระหนก
เพราะพวกเขาพบว่า ต้นไม้ใบหญ้าทั้งหมดค่อยๆ โค้งตัวลง อีกทั้งยังหันไปในทิศทางเดียวกัน นั่นก็คือระบบสุริยะ
ในเวลาเดียวกันผู้ฝึกตนที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นปราณขั้นไหน ขณะที่รับรู้ได้ถึงปราณ ในหัวก็ค่อยๆ เกิดความรู้สึกบางอย่างขึ้น ความรู้สึกนี้ราวกับเป็นต้นกำเนิดของการฝึกของพวกเขา ทำให้ผู้ฝึกตนทุกคนไม่ว่าจะมาจากสำนักไหน พริบตานี้ล้วนเป็นดั่งต้นไม้ใบหญ้า คุกเข่าคำนับไปทางระบบสุริยะอย่างควบคุมไม่ได้
ไม่เพียงเท่านั้น แม้กระทั่งกฎเกณฑ์และข้อบังคับของจักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แห่งเต๋าฝั่งซ้ายก็ได้รับผลกระทบไปด้วยเช่นกัน ขณะที่บิดม้วนอยู่ตลอดเวลา เต๋าสวรรค์ของตระกูลคงไม่รู้สิ้นก็ปรากฏขึ้นพร้อมส่งเสียงคำรามออกมา นัยน์ตาฉายแววหวาดกลัวและเกรี้ยวโกรธ เพราะมันรู้สึกถึง…อำนาจบางอย่างของมันกำลัง…ถูกแย่งชิง!!
สถานการณ์นี้กินเวลาไปถึงแปดวันเต็ม!
ในแปดวันนี้ ตระกูลคงไม่รู้สิ้นต่างจับตามอง ถึงขนาดหยุดสงครามกับสำนักแห่งความมืดไว้ก่อน สายตาของสำนักแห่งความมืดก็มองไปทางระบบสุริยะเช่นกัน
ชั่วขณะที่ความสั่นสะเทือนของผู้คนจบลงในวันที่แปด พลังอันน่าสะพรึงอย่างไม่เคยมีมาก่อนขุมหนึ่งพลันพุ่งพรวดขึ้นจากในระบบสุริยะ ในตอนที่ต้นไม้ใบหญ้าและผู้ฝึกธาตุไม้กำลังกราบคำนับ!
ราวกับเกิดวังน้ำวนกวาดไปทั่วจักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แห่งเต๋าฝั่งซ้าย พริบตานี้ผู้ฝึกธาตุไม้ทุกคนร่างกายสั่นเทิ้มอย่างรุนแรง สัมผัสได้อย่างชัดเจนว่า…ปรากฏต้นกำเนิดปราณของพวกเขาจากที่ไกลๆ!
พริบตานี้ ต้นไม้ใบหญ้าทั้งหมดในจักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แห่งเต๋าฝั่งซ้ายสั่นไหวรุนแรงราวกับจากนี้มีผู้สูงศักดิ์ถือกำเนิด!
พริบตานี้ เต๋าสวรรค์ของตระกูลไม่รู้สิ้นส่งเสียงกรีดร้องคล้ายกับมีเสียงแตกร้าวออกมา ในกฎเกณฑ์และข้อบังคับของมันจากในจักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แห่งเต๋าฝั่งซ้าย ไม่มี…ธาตุไม้อีกแล้ว!
พริบตานี้ ธาตุไม้ในจักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แห่งเต๋าฝั่งซ้าย เป็นของคนเพียงผู้เดียว!
หวังเป่าเล่อ!
นี่เกิดจากเมล็ดพันธุ์เต๋าเท่านั้น คิดดูว่าหากหวังเป่าเล่อก้าวไปถึงธาตุไม้ขั้นสูงสุด เช่นนั้นไม่ว่าจะเป็นจักรพิภพสำนักเสริมหรือใจกลางจักรพิภพเต๋าไม่รู้สิ้น ธาตุไม้ก็จะต้องตกอยู่ในมือของเขาแต่เพียงผู้เดียวอย่างแน่นอน!
……………………
หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting

Status: Ongoing

เรื่อง : หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา (三寸人间)ผู้เขียน : เอ่อร์เกิน (耳根) ผู้แปล : Thunderbird Translators ค.ศ. 3029 วิทยาการบนโลกมนุษย์พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว จนแต่ละประเทศไม่มีเขตพรมแดนกั้นอีกต่อไป โลกได้ผสานรวมกลายเป็นหนึ่งเดียว เริ่มต้นยุคสมัยแห่งสหพันธรัฐ ตอนนั้นเอง กระบี่ยักษ์เล่มหนึ่งตกลงมาจากห้วงอวกาศ ปักเข้าใจกลาง ดวงอาทิตย์ ฝักกระบี่แตกออกเป็นเศษชิ้นส่วนจำนวนมาก กระจัดกระจายไปทั่ว ทั้งจักรวาลรวมถึงบนโลก และก่อให้เกิดแหล่งพลังงานรูปแบบใหม่อันไร้ขีดจำกัด พลังงานนี้มีชื่อเรียกกันว่า ปราณวิญญาณ ‘หวังเป่าเล่อ’ หนุ่มร่างท้วมผู้ทะเยอทะยาน ใฝ่ฝันจะได้เป็นผู้นำสหพันธรัฐ ด้วยหวังว่าจะไม่มีใครมารังแกเขาได้อีกต่อไป และเมื่อเดินทางเข้ามาศึกษาใน สำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ใช้ความรู้เหล่านั้นบวกกับความหน้าหนาหน้าทน ของตัวเอง วางกลยุทธ์อันฉลาดล้ำกำราบศัตรูคนแล้วคนเล่า ใครหน้าไหนก็ไม่อาจมาขัดขวางเส้นทางสู่การเป็นหนึ่งในใต้หล้าของชายอ้วนผู้นี้ได้ เว้นเสียแต่คำสาปประจำตระกูล ที่บอกไว้ว่าหวังเป่าเล่อจะต้องตาย หากเขาไม่ผอมลงก่อนอายุสามสิบปี ในเมื่อบรรพบุรุษร่างจ้ำม่ำมายืนรอให้เขาไปอยู่ด้วยขนาดนี้ ชายหนุ่มจึงต้องทั้งฝึกตนและลดน้ำหนักไปพร้อมๆ กัน!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท