การตายของฮองเฮาทำให้บรรยากาศในวังหลวงแปลกประหลาดไป
ฮองเฮาถูกคุมขังในตำหนักเย็นเพราะมีความผิด แต่ฮ่องเต้ไม่ได้ปลดฮองเฮา ดังนั้นทุกคนจึงไม่รู้ว่าควรเศร้าโศกหรือดีใจ แน่นอนว่าหมายถึงแค่ภายนอก แต่ภายในใจของบรรดาพระสนม ไม่ว่าจะเป็นพระสนมสวีหรือพระสนมเสียนล้วนดีใจจนเก็บไม่อยู่
ฮองเฮาอาศัยการให้กำเนิดองค์รัชทายาท ฮ่องเต้ทรงโปรดปรานองค์รัชทายาท เพื่อเกียรติยศขององค์รัชทายาท ทำให้ฮองเฮาหยิ่งยโสในวังหลวงมาหลายปี ไม่มีพระสนมนางใดไม่เคยได้รับการเหยียดหยาม
จิตใจของฮ่องเต้ก็ซับซ้อนเช่นเดียวกัน
สำหรับฮองเฮา เขามองว่านางตายไปนานแล้ว แต่เวลานี้นางก็ตายไปจริงๆ ราวกับว่าในที่สุดความน่าอายในเยาว์วัยของเขาก็ถูกพลิกผ่านไป ทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายและว่างเปล่า
แต่ว่ายังมีข้อสงสัย
ฮองเฮาปลิดชีพตนเองจริงหรือ
“นางปลิดชีพตนเองหรือ” ฮ่องเต้รู้จักฮองเฮาเป็นอย่างดี เขาชี้ไปยังหม้อเหล็กและช้อนบนเตา ภายในหม้อเหล็กยังมีข้าวต้มที่แข็งตัว “นางกินของที่แม้แต่หมายังไม่กินได้ นางยอมตายหรือ”
ไม่ได้เห็นองค์รัชทายาทขึ้นครองราชย์ นางไม่ได้เป็นพระพันปี นางจะยอมตายได้อย่างไร
ขันทีจิ้นจงย่อมสืบมาก่อนแล้ว ถึงแม้ภายในวังหลวงมักมีคนตาย ขันทีและนางในระดับล่างอาจปลิดชีพตนเอง แต่คนที่มีหน้ามีตาย่อมไม่ยอมตายอย่างง่ายดาย นอกจากถูกคนฆ่าตาย
“ขันทีและนางในในตำหนักเย็นมีไม่มาก เนื่องจากฮองเฮามักทรงดุด่าพวกเขา ดังนั้นทั่วไปแล้วหากพวกเขาหลบได้ก็จะหลบ มีน้อยครั้งที่จะปรากฏตัวอยู่ข้างกายฮองเฮา” ขันทีจิ้นจงพูด “วันนั้น มีขันทีเข้าใกล้ฮองเฮา เป็นขันทีที่ทำหน้าที่ทำความสะอาด เนื่องจากเขาคับแค้นใจที่ถูกเนรเทศมาตำหนักเย็น จึงจงใจพูดเรื่ององค์รัชทายาทถูกปลดต่อฮองเฮา”
ฮ่องเต้ถาม “จากนั้นเล่า”
“จากนั้นฮองเฮาทรงใช้ช้อนเหล็กตีเขา” ขันทีจิ้นจงพูด “เขาตกใจอย่างมากจึงวิ่งหนีไป ขันทีและนางในคนอื่นในตำหนักเย็นต่างเป็นพยาน บอกว่าได้ยินฮองเฮาทรงตะโกนโหวกเหวกเสียงดัง แต่ทุกคนต่างเคยชินแล้ว จึงหลบซ่อนตัวไม่กล้าเดินออกมา”
ไม่กล้า หรือไม่อยากกันแน่ ความรู้สึกเสียดสีปรากฏขึ้นภายในใจของฮ่องเต้ เอาเถิด คนอย่างฮองเฮาคงโทษผู้อื่นไม่ได้
“ฮองเฮาสิ้นพระชนม์จากการขาดอากาศหายใจ ไม่ใช่ยาพิษ” ขันทีจิ้นจงพูดต่อ “ขันทีผู้นั้นกระหม่อมก็สืบมาแล้ว สองมือของเขาเคยถูกโบยจนได้รับบาดเจ็บเพราะกระทำผิด ไม่มีเรี่ยวแรง ถือได้เพียงไม้กวาด ถังน้ำที่ใส่น้ำยังหิ้วไม่ไหว”
ฮ่องเต้ไม่พูด
ขันทีจิ้นจงรีบพูดต่อ “แน่นอน ไม่ใช่เขา ก็อาจเป็นผู้อื่น กระหม่อมกำลัง…”
ฮ่องเต้โบกมือ “ไม่ต้องสืบแล้ว ฮองเฮาปลิดชีพตนเอง”
ขันทีจิ้นจงผงะ
ฮ่องเต้ชี้ไปยังอีกทิศทางหนึ่งนอกวังหลวง “ไปดู องค์รัชทายาท…เดรัจฉานนั้นกำลังทำอันใดอยู่”
เรียกองค์รัชทายาทมายี่สิบกว่าปี เขาเปลี่ยนคำเรียกไม่ได้ในทันที
ขันทีจิ้นจงตอบรับอย่างรวดเร็ว ไม่นานนักก็กลับมา ไม่ต้องให้เขาเดินทางไปยังจวนของฉู่จิ่นหยงเอง ทางนั้นก็ส่งข่าวมาแล้ว
“เขากำลังร้องห่มร้องไห้” ขันทีจิ้นจงพูดเสียงเบา “ขอโปรดเข้าวังหลวงเพื่อพบหน้าฮองเฮาเป็นครั้งสุดท้ายพ่ะย่ะค่ะ”
สีหน้าของฮ่องเต้ทั้งโศกเศร้าทั้งหดหู่ “ให้เขามาเถิด”
ฉู่จิ่นหยงถูกองครักษ์นับร้อยคุมตัวมา เมื่อเห็นเขาปรากฏตัวที่หน้าประตูวังหลวง บรรดาขุนนางที่เดินเข้าออกต่างตกตะลึงเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้แปลกใจมาก
ฮองเฮาถูกประกาศว่าสิ้นพระชนม์จากพระอาการประชวรแล้ว
บรรดาขุนนางไม่สนใจต่อฮองเฮามากนัก เวลานั้นราชสำนักไม่มั่นคง ฮ่องเต้องค์ก่อนสวรรคตอย่างกะทันหัน องค์ชายทั้งสามถูกเหล่าท่านอ๋องจับเป็นตัวประกัน แย่งชิงกันอย่างเอาเป็นเอาตาย เพื่อรักษาสายเลือดที่บริสุทธิ์เอาไว้ ฮ่องเต้ที่ยังทรงพระเยาว์อภิเษกอย่างเร่งรีบ เลือกหญิงสาวที่อายุมากกว่าหลายปี และภายในตระกูลมีบุตรมากมาอภิเษก…รูปลักษณ์หรือนิสัยล้วนไม่สำคัญ
ฮองเฮาก็ไร้ความสามารถและคุณธรรมจริงๆ
ความดีความชอบที่ใหญ่ที่สุดคือให้กำเนิดโอรสองค์โตที่แข็งแกร่งทันเวลา โอรสองค์โตนี้ทำให้นางนั่งอยู่บนตำแหน่งฮองเฮาได้อย่างมั่นคง เวลานี้โอรสองค์โตกลายเป็นองค์รัชทายาทที่ถูกปลด ชีวิตของฮองเฮาก็จบสิ้นลงแล้ว
สายตาของบรรดาขุนนางต่างจับจ้องไปยังองค์รัชทายาทที่ถูกปลดนี้อย่างซับซ้อน บ้างดูถูกบ้างเหยียดหยาม แต่มากกว่านั้นคือความเย็นชา
การสังหารฮ่องเต้ สังหารบิดาเป็นเรื่องที่ไม่อาจให้อภัยได้
ฉู่จิ่นหยงไม่สนใจสายตาของคนเหล่านี้ ผมที่กระเจิดกระเจิงบดบังสายตาของเขา สายตาของเขาไม่ได้เจ็บปวดเศร้าโศกเหมือนภายนอก หากแต่ปรากฏรอยยิ้มที่เย็นยะเยือก
ไม่อาจให้อภัยได้หรือ ฮ่องเต้ไม่ได้ประกาศต่อผู้คนว่าเขาลอบสังหารบิดา เพียงแค่บอกว่าเขากระทำผิด กระทำผิดย่อมแก้ไขได้ หรืออาจถูกผู้อื่นใส่ร้ายก็ย่อมได้ เหตุผลบนแผ่นดินนี้ย่อมเป็นของผู้ชนะ
เขาสังหารบิดาแล้วอย่างไร เสด็จพ่อก็เคยสังหารบรรดาพี่น้อง พี่ชายสองคนของเสด็จพ่อตายอย่างไร พวกเขาหนีไปหาเหล่าท่านอ๋องยังต้องถูกบีบให้ตาย ไม่เพียงเท่านี้ เขายังยืมมือของแม่ทัพหน้ากากเหล็กเหยียดหยามศพของเหล่าท่านอ๋องที่สนับสนุนองค์ชายทั้งสองเพื่อระบายความแค้น
ไม่อาจให้อภัยได้หรือ ไม่อาจให้อภัยได้อย่างนั้นหรือ เขาล้วนทำไปเพื่อการเป็นฮ่องเต้ไม่ใช่หรือ เพียงแค่ได้เป็นฮ่องเต้ ทั้งแผ่นดินล้วนเป็นของตนเอง
ฉู่จิ่นหยงเงยหน้าส่งเสียงเศร้าโศก “เสด็จแม่…” แผ่นหลังของเขาเหยียดตรง เดินผ่านประตูวังหลวงไปยังส่วนลึกของวังหลวงภายใต้การควบคุมขององครักษ์และสายตาของบรรดาขุนนาง
ฉู่ซิวหยงยืนอยู่บนขั้นบันได มององค์รัชทายาทที่เดินไปร้องไห้ไป
“ฉู่จิ่นหยงมีความสุขเสียจริง” เขาพูด “บนโลกนี้มีคนเสียสละชีวิตเพื่อให้เขาได้เข้าวังเข้าเฝ้าฮ่องเต้”
เสี่ยวชวียิ้มเย็น “ผู้ใดจะรู้ว่าฮองเฮายินยอมด้วยความสมัครใจ หรือถูกบังคับกัน”
ไม่ว่าจะยินยอมด้วยความสมัครใจ หรือถูกบังคับ ฮองเฮาก็ตายในมือของบุตรชายตนเองอยู่ดี บนใบหน้าของฉู่ซิวหยงปรากฏรอยยิ้ม “ตายในมือของบุตรชายตนเอง ฮองเฮาควรจะดีใจอย่างมาก”
เสี่ยวชวียิ้มเย้ยหยัน “พวกเราก็ดีใจ ฮองเฮาเลี้ยงเดรัจฉานที่ไร้หัวใจเช่นนี้ด้วยมือของตนเอง วันนี้ถึงคราวที่นางต้องได้รับผลกรรมแล้ว”
แต่ว่าเรื่องเหล่านี้ไม่สำคัญ
“องค์ชาย” เสี่ยวชวีขมวดคิ้วถามเสียงเบา “องค์รัชทายาททรงคิดจะทำสิ่งใด ใช้การสิ้นพระชนม์ของฮองเฮาทำให้ฝ่าบาททรงเห็นใจเขาหรือ”
ไม่ว่าจะเห็นใจมากเพียงใด ฮ่องเต้ก็ไม่มีทางให้อภัยบุตรชายที่มีเจตนาทำร้ายตนเองผู้นี้อีก
ฉู่ซิวหยงยิ้ม พูดเสียงเบา “บางทีอาจมาเพื่อสังหารบิดา หรือสังหารข้า”
เสี่ยวชวีตกใจ องค์รัชทายาทอาจทำเช่นนี้จริง “เขาอย่าได้คิดเลย! นอกเสียจากเขาอยากตายไปพร้อมกัน”
องค์รัชทายาทในเวลานี้ตัวคนเดียว อีกทั้งฮ่องเต้ยังทรงระแวงเขา แม้แต่รับเขาเข้าวังหลวงยังต้องใช้องครักษ์จำนวนมากคุมตัว ส่วนฉู่ซิวหยง พวกเขายิ่งไม่ให้โอกาสองค์รัชทายาท
แต่ว่าบนโลกนี้ไม่มีเรื่องที่แน่นอน โดยเฉพาะตอนที่ชัยชนะอยู่กับมือยิ่งต้องระวัง เสี่ยวชวีกังวลเล็กน้อย
“องค์ชาย กระหม่อมจะให้ท่านโหวโจวเพิ่มกองกำลังรักษาวังหลวงเอาไว้”
ฉู่ซิวหยงพูดเสียงเรียบ “อาเสวียนคงมีเตรียมการไว้แล้ว”
เสี่ยวชวียังคงบอกว่าต้องไปเห็นกับตาจึงจะวางใจ ถึงแม้โจวเสวียนจะร่วมมือกับพวกเขา แต่ความจริงแล้วพวกเขาก็ไม่ได้เชื่อใจโจวเสวียนมากนัก
ฉู่ซิวหยงยิ้ม ไม่ได้ห้ามปราม เขามองส่งเสี่ยวชวีจากไป แต่สายตาของเขาก็ราวกับมองข้ามเสี่ยวชวีไปยังทิศทางที่ไกลออกไป
…
บรรยากาศห้องโถงตั้งพระศพของฮองเฮาเรียบง่ายอย่างมาก
เริ่มแรกไม่มีแม้แต่เสียงร้องไห้ จนกระทั่งฉู่จิ่นหยงมาถึง เสียงร้องไห้จึงดังขึ้นอย่างเศร้าโศก
ฉู่จิ่นหยงคุกเข่าอยู่ด้านหน้าหีบพระศพของฮองเฮา หลังกราบไหว้เสร็จ เขาไม่ได้เรียกร้องที่จะเข้าเฝ้าฮ่องเต้เหมือนที่ทุกคนคาดเดา หรือแม้กระทั่งตอนที่ฮ่องเต้เสด็จมา เขายังหลบเข้าไปในห้องด้วยซ้ำ
ฮ่องเต้ให้คนถีบประตูออก พลางตรัสถามเสียงเย็น “เหตุใดจึงไม่พบข้า” ไม่รอฉู่จิ่นหยงตอบ เขาก็พูดอย่างมีนัย “เจ้ารู้ว่าเสด็จแม่ของเจ้าตายหรือไม่”
ประโยคสุดท้ายทั้งคลุมเครือทั้งตรงไปตรงมา คนส่วนใหญ่ล้วนฟังเข้าใจ ทันใดนั้นผู้คนในตำหนักต่างถอยหลังหลบออกไป
ฉู่จิ่นหยงคุกเข่าอยู่ภายในห้องเล็กนี้ เขาใช้แขนเสื้อปิดใบหน้า “เสด็จแม่สิ้นพระชนม์เพื่อให้กระหม่อมได้เข้าเฝ้าเสด็จพ่อ”
ความจริงแล้วองค์รัชทายาทฉลาดมาก ฮ่องเต้ตรัสเสียงเรียบ “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เหตุใดเจ้าจึงทรยศต่อเสด็จแม่เจ้า”
ฉู่จิ่นหยงส่งเสียงหัวเราะปนร้องไห้ออกมาจากหลังแขนเสื้อ “กระหม่อมทำให้มารดาผู้ให้กำเนิดตนเองต้องตาย ยังมีเรื่องใดทรยศนางได้อีก นางตายไปแล้ว กระหม่อมไม่ทรยศนางแล้วอย่างไร กระหม่อมไม่กล้าเผชิญหน้ากับนาง ไม่กล้าเรียกนางว่าเสด็จแม่ ยิ่งไม่มีความจำเป็นต้องเข้าเฝ้าเสด็จพ่อ เสด็จพ่อ พระองค์ทรงถือว่าไม่มีบุตรชายอย่างกระหม่อมเสียเถิด กระหม่อมไม่อยากเป็นบุตรชายของพระองค์แล้ว”
เขาพูดเสียงดังพลางก้มกราบ
“กระหม่อมแค่อยากพบหน้าเสด็จแม่ครั้งสุดท้าย กระหม่อมไม่อยากพบผู้อื่นทั้งสิ้น พระองค์ทรงอย่ามองกระหม่อม อย่าเห็นกระหม่อม”
เขาพลางก้มกราบ พลางใช้แขนเสื้อบังหน้า อีกทั้งดึงผมให้ยุ่งเพื่อปิดบังใบหน้า ท่าทางบ้าคลั่ง
ถึงแม้เขาจะผิดหวังต่อบุตรชายผู้นี้อย่างมาก แต่เมื่อเห็นภาพนี้ ได้ยินประโยคที่กล่าวว่าไม่อยากเป็นบุตรชายของพระองค์แล้ว หัวใจของฮ่องเต้ยังคงเจ็บปวด
“เจ้าไม่อยากเป็นบุตรชายของข้าหรือ เพราะการเป็นบุตรชายของข้าจึงทำให้เจ้ากลายเป็นเช่นนี้หรือ” ฮ่องเต้ตะโกน “จนถึงเวลานี้เจ้ายังโทษข้าอย่างนั้นหรือ”
ฉู่จิ่นหยงเงยหน้า ดวงตาแดงก่ำปรากฏขึ้นภายใต้ผมยุ่งเหยิง เขาส่งเสียงหัวเราะแหบพร่า “หากพระองค์ไม่ใช่เสด็จพ่อ หากกระหม่อมไม่ใช่องค์รัชทายาท ท่านเป็นเพียงท่านพ่อ ส่วนกระหม่อมเป็นเพียงฉู่จิ่นหยง กระหม่อมย่อมไม่มีวันนี้”
พวกเขาไม่ใช่บิดากับบุตรทั่วไป พวกเขาเป็นบิดากับบุตรในตระกูลจักรพรรดิ นอกจากบิดากับบุตรแล้ว ยังมีเรื่องของอำนาจ บิดากับบุตรมีเยื่อใย แต่อำนาจนั้นไร้เยื่อใย
บุตรถูกอำนาจล่อลวง แต่เขาก็เป็นผู้มอบอำนาจนี้ให้บุตร
ใช่ หากเขาไม่ใช่ฮ่องเต้ จิ่นหยงไม่ใช่องค์รัชทายาท พวกเขาย่อมไม่มีทางเป็นเช่นนี้
ฮ่องเต้หลับตาลง “เจ้ากระทำผิดร้ายแรง เจ้าก็ใช้ทั้งชีวิตมาไถ่โทษ เจ้าดูหน้าเสด็จแม่เจ้าให้ดี ไม่ต้องหลบข้า”
ถึงแม้ผู้คนภายในตำหนักถอยหลังไป แต่ยังคงได้ยินคำพูดของฮ่องเต้ พวกเขาแลกเปลี่ยนสายตากัน องค์รัชทายาทที่ถูกปลดจากการเป็นองค์รัชทายาทมาหลายปี เขาเข้าใจฮ่องเต้อย่างมาก คำพูดเพียงสองสามประโยคก็ทำให้ฮ่องเต้ใจอ่อน
“ขอบพระทัยฝ่าบาท” ฉู่จิ่นหยงก้มกราบ “กระหม่อมยังมีเรื่องหนึ่งที่ต้องการทูลขอ”
ดูๆๆ ฉวยโอกาสที่ฮ่องเต้ใจอ่อนเรียกร้องแล้ว เดิมทีมาเพื่อเข้าเฝ้า เวลานี้สามารถเรียกร้องเพิ่มได้ อาทิติดตามขบวนส่งพระศพเป็นต้น เช่นนี้เขาก็สามารถอยู่ในวังหลวงมากขึ้นหลายวัน
ใบหน้าที่อ่อนลงของฮ่องเต้เฉยชาขึ้นอีกครั้ง “เรื่องใด”
ผมของฉู่จิ่นหยงแผ่สยายอยู่บนพื้น “เสด็จแม่สิ้นพระชนม์เพราะกระหม่อม น้องห้ากระทำผิดเพราะกระหม่อม ขอฝ่าบาทโปรดอนุญาตให้เขามาพบเสด็จแม่ด้วย นับแต่นี้ พวกเราสามแม่ลูกกลายเป็นผงธุลีต่างจากไป กรรมในชาตินี้จบแต่เพียงเท่านี้”
ผู้คนในตำหนักต่างตกตะลึงเล็กน้อย องค์รัชทายาทไม่ได้เรียกร้องให้ตนเอง
จริงด้วย ฮองเฮายังมีบุตรชายอีกคนที่ถูกนางตามใจจนกระทำผิดอย่างไม่น่าให้อภัย ฮ่องเต้มองฉู่จิ่นหยงที่คุกเข่าหมอบตัวอยู่บนพื้น จะบอกว่าเขาไร้หัวใจ เขาก็ยังจำพี่น้องของตนเองได้…เพราะว่าพี่น้องคนนี้ไม่มีผลต่อผลประโยชน์ของเขา ฮ่องเต้ยิ้มเยาะเย้ยภายในใจ
“อนุญาต” เขาพูดเสียงเรียบ สายตามองออกไปยังแสงของดวงอาทิตย์ที่ใกล้จะดับลง “ข้าอนุญาตให้พวกเจ้าเฝ้าฮองเฮาหนึ่งคืน”
…
แสงอาทิตย์สุดท้ายลับหายไป ยามค่ำคืนกำลังคืบคลานเข้ามา
องครักษ์ม้าเหล็กจำนวนมากวิ่งออกจากวังหลวงเข้าสู่ท้องถนนที่ว่างเปล่า
ส่วนภายในจวนคุมขังองค์ชายห้าในเมืองใหม่ไร้ซึ่งความอ้างว้างเหมือนเคยภายใต้แสงไฟสลัว
องค์ชายห้าถูกคนหลายสิบนายรายล้อม พวกเขาสวมชุดแตกต่างกัน ใบหน้าก็ทำการบดบังเอาไว้ เวลานี้สีหน้าของพวกเขาทั้งร้อนใจทั้งเศร้าโศก
“องค์ชาย ท่านรีบไปกับพวกเรา” คนผู้หนึ่งพูดอย่างร้อนใจ
ถึงแม้องค์ชายห้าถูกคุมขังมาเป็นเวลานาน แต่กลับไม่ได้ทำให้เขาผอมลง หากแต่สูงใหญ่ขึ้นกว่าเดิม ใบหน้าของเขาโหดเหี้ยมภายใต้แสงไฟที่มืดสลัว
“เสด็จพี่องค์รัชทายาทถูกปลดแล้วหรือ” เขาพูดย้ำข่าวที่เพิ่งรู้อย่างเหลือเชื่อ “เสด็จแม่ก็สิ้นพระชนม์แล้ว เป็นไปได้อย่างไร”
“เรื่องจริงพ่ะย่ะค่ะ” อีกคนพูดพลางร้องไห้ “องค์รัชทายาทหลงกลแผนการของฉู่ซิวหยง ถูกฝ่าบาททรงคาดโทษกบฏและถูกจองจำ เวลานี้ฮองเฮาก็ถูกลอบสังหารภายในวังหลวง คนต่อไปที่จะได้รับอันตรายก็คือองค์ชาย องค์รัชทายาททรงกำชับให้พวกเราช่วยองค์ชายหนีไปพ่ะย่ะค่ะ”
องค์รัชทายาททรงกำชับ สายตาที่เหม่อลอยขององค์ชายห้าค่อยๆ ชัดเจนขึ้น พี่ชาย พี่ชายยังเป็นห่วงเขา…
“เสด็จพี่เล่า” เขาจ้องมองคนตรงหน้าเหล่านี้ ความโหดเหี้ยมปรากฏขึ้นในสายตา “เสด็จพี่ของข้าเล่า!”
คนตรงหน้าก้มหน้า “องค์รัชทายาทถูกคุมตัวเข้าวังหลวงแล้ว…” พูดพลางจับแขนเสื้อขององค์ชายห้า “องค์ชาย ท่านรีบไปกับพวกเราเถิด มิฉะนั้นคงไม่ทันแล้ว องค์รัชทายาททรงให้พวกเราพาองค์ชายไป…ไม่ว่าอย่างไรองค์ชายจะทรงเป็นอันใดไปอีกคนไม่ได้แล้ว…องค์ชายทรงฟัง ด้านนอกมีองครักษ์ใกล้เข้ามาแล้ว…หากยังไม่ไปก็ไม่ทันแล้ว…”
องค์ชายห้าสะบัดแขนเสื้อ เงยหน้าคำรามด้วยความโกรธ
“ข้าไม่ไป…ข้าจะฆ่าพวกเขา…”