รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 464 สถานที่แห่งนั้นคือดินแดนของตระกูลไป๋

บทที่ 464 สถานที่แห่งนั้นคือดินแดนของตระกูลไป๋

ท้องฟ้าเปลี่ยนสีเป็นยามย่ำค่ำ พวกอ้ายฉานพากันกลับมาแล้ว แต่ละคนล้วนนำสัตว์อสูรติดมาด้วยหนึ่งตัว

หลี่จิ่วเต้าเตรียมหม้อไฟเอาไว้พร้อมแล้ว หลังจากที่พวกอ้ายฉานกลับมา เขาก็จัดการกับเนื้อสัตว์อสูรเหล่านั้น ก่อนที่พวกเขาจะเริ่มนั่งล้อมวงในลานบ้าน พูดคุยไปพลางกินหม้อไฟไปพลาง

มื้อนี้เป็นการกินหม้อไฟที่มีความสุขอย่างมาก หลี่จิ่วเต้าหยิบสุราออกมารวมดื่มกับต้าเต๋อไปหลายจอก สุดท้ายการกินหม้อไฟครั้งนี้ก็จบลงไปด้วยเสียงหัวเราะ

“หากมีเวลาก็อย่าลืมกลับมาอีก”

หลี่จิ่วเต้ากล่าวกับต้าเต๋อ ลักษะนิสัยใจคอของเณรน้อยนั้นเข้ากันกับเขาเป็นอย่างมาก

“ได้เลย คุณชาย!”

ต้าเต๋อตอบรับด้วยรอยยิ้ม เขาเอ่ยอำลาท่านเซียนก่อนจะจากลานเล็ก ๆ ไป

“พวกเจ้าเองก็เช่นกัน หากมีเวลาก็อย่าลืมมาหาข้าบ้าง ข้าคิดถึงพวกเจ้าไม่น้อย”

ชายหนุ่มพูดกับพวกอ้ายฉาน

“พวกเราทราบแล้ว!”

“พวกเราจะกลับมาหาคุณชายบ่อย ๆ!”

พวกอ้ายฉานพากันพยักหน้ากล่าวขึ้นมา

“อืม”

หลี่จิ่วเต้าลูบหัวของอ้ายฉาน ก่อนจะมองไปที่เด็ก ๆ ทุกคน “ถึงข้าจะไม่เข้าใจเรื่องการฝึกตน แต่ข้าก็เข้าใจว่าทุกสิ่งล้วนไม่อาจหักโหม จำเป็นต้องแบ่งเวลาฝึกฝนและพักผ่อนให้ดี!”

เขากล่าวต่อ “อย่าโหมฝึกฝนมากเกินไป ออกไปชมด้านนอกบ้าง ไม่เพียงแต่จะสามารถเปิดวิสัยพวกเจ้าให้กว้างไกลขึ้นได้ ยังช่วยให้พวกเจ้าสามารถผ่อนคลายได้”

“พวกเราทราบแล้ว!”

“พวกเราจะจำเอาไว้!”

พวกอ้ายฉานพยักหน้าตอบรับด้วยความเชื่อฟังเป็นอย่างมาก

นี่หมายความว่าท่านเซียนกำลังต้องการให้พวกอ้ายฉานออกเดินทางไปภายนอก!

อีกด้านหนึ่ง อันหลานเสวี่ยคิดขึ้นมาในใจ

นางนึกถึงภาพวาดที่ท่านเซียนวาดตอนนางมาหา สถานที่แห่งนั้นควรเป็นสถานที่ที่ท่านเซียนต้องการให้พวกอ้ายฉานไป

ทว่าสถานที่แห่งนั้นอยู่หนใดกัน?

เป็นสถานที่แบบใดกัน?

นางไม่รู้สิ่งใดเกี่ยวกับสถานที่แห่งนั้น

‘ไว้ค่อยสอบถามพี่เซี่ยเหยียนภายหลัง พี่เซี่ยเหยียนรอบรู้หลายด้าน น่าจะรู้ว่าสถานที่แห่งนั้นคือที่ใด’

นางคิดในใจ

หลังจากนั้นนางกับพวกอ้ายฉานก็บอกลาท่านเซียน แล้วออกจากลานเล็ก ๆ ไป

ตามมาด้วยเซี่ยเหยียนที่บอกลาท่านเซียน จากนั้นนางก็ออกจากลานเล็ก ๆ ไป

“พี่เซี่ยเหยียน พวกเราไปด้วยกันเถอะ!”

อันหลานเสวี่ยกำลังรอเซี่ยเหยียนอยู่ด้านนอก หลังจากเห็นเซี่ยเหยียนออกมาแล้ว นางก็กล่าวขึ้นมา

“หืม?”

เซี่ยเหยียนไม่รู้ว่าอันหลานเสวี่ยต้องการสิ่งใด แต่ก็ยังคงตอบรับ “ได้”

หลังจากนั้นพวกนางก็จากไปด้วยกัน

ระหว่างทาง อันหลานเสวี่ยก็บอกเล่าเรื่องทุกอย่าง แล้วกล่าวว่าท่านเซียนต้องการให้พวกอ้ายฉานออกไปฝึกฝนภายนอก และก็ควรเป็นสถานที่แห่งหนึ่ง แต่นางไม่รู้ว่าสถานที่แห่งนั้นอยู่หนใด

นางบรรยายทิวทัศน์และสิ่งก่อสร้างในภาพนั้นให้เซี่ยเหยียนฟัง ก่อนจะใช้พลังวิญญาณสร้างภาพเหมือนขึ้นมา เซี่ยเหยียนจับจ้องมองทิวทัศน์และสิ่งก่อสร้างในภาพเหมือน ยิ่งมองนางยิ่งรู้สึกคุ้นเคย

“ที่นี่คือดินแดนของตระกูลไป๋!”

เซี่ยเหยียนกล่าวขึ้นมาหลังจากนึกออก

นางเคยไปดินแดนของตระกูลไปมาก่อน ทั้งทิวทัศน์และสิ่งปลูกสร้างจะต้องเป็นของตระกูลไป๋อย่างไม่ต้องสงสัย!

“หือ ตระกูลไป๋ที่เป็นยอดนิกายใช่หรือไม่? คุณชายจะให้พวกอ้ายฉานไปทำอะไรในที่แห่งนั้น? หรือว่าข้าจะคิดผิดไป? ข้าคิดว่าในภาพเหมือนกับซากโบราณสถานสักหนแห่งเสียอีก!”

อันหลานเสวี่ยกล่าวออกมาอย่างคาดไม่ถึง

“ไม่ เจ้าไม่ได้คิดผิด”

เซี่ยเหยียนกล่าว “ในเมื่อคุณชายต้องการให้พวกอ้ายฉานไปฝึกฝนที่นี่จริง ๆ ก็จำเป็นต้องไปที่ดินแดนของตระกูลไป๋”

“พี่เซี่ยเหยียนโปรดอธิบายด้วย”

อันหลานเสวี่ยถามออกมาอย่างไม่เข้าใจ

จำเป็นต้องไปที่ดินแดนตระกูลไป๋?

หรือว่าตระกูลไป๋จะมีสถานที่ยอดเยี่ยมเหมาะแก่การฝึกฝน?

“ก่อนหน้านี้ข้ากลับไปยังสำนักหนหนึ่ง มีข่าวส่งมาว่ามีสิ่งมีชีวิตจากอาณาจักรเทียนหยวนเข้ามายังอาณาจักรของพวกเราแล้ว สงครามครั้งใหญ่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล!”

เซี่ยเหยียนกล่าวต่อ “คุณชายให้พวกอ้ายฉานไปที่ตระกูลไป๋ เห็นได้ชัดว่าต้องการให้พวกอ้ายฉานเข้าร่วมสมรภูมิเพื่อหาประสบการณ์ ตระกูลไป๋สามารถกลาวได้ว่าเป็นกำลังหลักในการต่อกรกับอาณาจักรเทียนหยวน”

มีสิ่งมีชีวิตจากอาณาจักเทียนหยวนเข้ามายังอาณาจักรแห่งนี้แล้ว สงครามครั้งใหญ่ใกล้เข้ามาเต็มที ตระกูลไป๋ตระหนักได้ถึงความร้ายแรงของเรื่องนี้ จึงรีบส่งข่าวไปยังกองกำลังต่าง ๆ โดยเร็วที่สุด เพื่อให้ทุกกองกำลังเตรียมพร้อมสำหรับสงคราม

เดิมทีตระกูลไป๋และยอดนิกายอื่น ๆ กลัวว่าสิ่งมีชีวิตบนโลกนี้จะตื่นตระหนกหากรับรู้ว่าอาณาจักรเทียนหยวนจะกลับมาอีกครั้ง ดังนั้นจึงไม่เคยเปิดเผยเรื่องนี้ออกมาอย่างเต็มที่

ทว่าตอนนี้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

ตอนนี้พวกเขาไม่มีเวลาแล้ว สิ่งมีชีวิตจากอาณาจักรเทียนหยวนอาจบุกเข้ามาได้ทุกเมื่อ ดังนั้นพวกเขาจึงเผยแพร่เรื่องราวทุกอย่างออกไปอย่างเต็มที่

สำนักไท่หัวเองก็ได้รับข่าวนี้เช่นกัน

เวิงอู๋โยวบอกให้เซี่ยเหยียนกลับมาก็เพราะเรื่องนี้

“เข้าใจแล้ว!”

หลังจากฟังที่เซี่ยเหยียนพูด อันหลานเสวี่ยก็เข้าใจเรื่องราวทุกอย่าง

เมื่อตอนยังอยู่บนเขาหยงหมิง นางเองก็ได้รู้เรื่องราวเกี่ยวกับอาณาจักรเทียนหยวน รับรู้ว่าอาณาจักรเทียนหยวนกำลังจะหวนกลับมาอีกครั้ง ด้วยเหตุนี้กองกำลังโบราณจึงรวมตัวกัน

นางไม่รู้ว่ามีสิ่งมีชีวิตจากอาณาจักรเทียนหยวนเข้ามายังอาณาจักรแห่งนี้แล้ว นางไม่ได้รับการแจ้งเตือนจากพรรคจื่อเสีย

แต่นางก็คิดว่าอีกไม่นานหลังจากนี้พรรคจื่อเสียก็ควรจะได้รับการแจ้งเตือนนี้ด้วย

อย่างไรเสีย หากสิ่งมีชีวิตจากแดนเทียนหยวนมาถึงแล้ว สงครามครั้งใหญ่อาจปะทุขึ้นมาได้ทุกเมื่อ!

“ข้ามีแท่นค่ายกลเคลื่อนย้ายที่ไปตระกูลไป๋ได้โดยตรง พวกเจ้าสามารถใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายเพื่อไปที่นั่นได้”

เซี่ยเหยียนกล่าว จากนั้นก็หยิบแท่นค่ายกลเคลื่อนย้ายออกมา

นี่คือแท่นค่ายกลเคลื่อนย้ายที่นางนำกลับมาจากตระกูลไป๋ในครั้งที่แล้ว

นางเปิดใช้แท่นค่ายกลเคลื่อนย้าย ก่อนจะให้พวกอันหลานเสวี่ยใช้ค่ายกลเคลื่อยย้ายเดินทางไปตระกูลไป๋”

หากไม่มีค่ายกลเคลื่อนย้าย ไม่รู้ว่าพวกอันหลานเสวี่ยจะต้องใช้เวลาเท่าใดในการเดินทางไปยังตระกูลไป๋

ที่ตั้งของตระกูลไป๋อยู่ลึกเข้าไปในแดนหยิน ห่างไกลจากที่นี่เป็นอย่างมาก หากต้องเดินทางด้วยตนเอง ไม่รู้จริง ๆ ว่าต้องใช้เวลาเท่าใดจึงจะถึง

“พี่เซี่ยเหยียนไม่ไปหรือ?”

อันหลานเสวี่ยถาม นางได้ยินสิ่งที่เซี่ยเหยียนกล่าว เซี่ยเหยียนไม่มีแผนจะเดินทางไปกับพวกนางแต่อย่างใด

“ข้ายังไปตอนนี้ไม่ได้”

เซี่ยเหยียนกล่าว “ข้ายังต้องการจะพัฒนาขอบเขตก่อนไป”

ตอนนี้นางยังไม่อาจทำสิ่งใดได้มากนัก เป็นการดีกว่าที่จะมุ่งสมาธิไปที่การฝึกตน ยกระดับขอบเขตของตนเอง

ทำเช่นนี้นางถึงจะสามารถสำแดงพลังที่แข็งแกร่งกว่านี้ในสงครามครั้งใหญ่ที่ใกล้จะมาถึง

เมิ่งจีและไป๋มู่ไม่ได้บอกให้นางรู้ ดังนั้นเซี่ยเหยียนจึงไม่รู้ว่าเมิ่งจีและไป๋มู่กำลังจะไปที่เก้าแดนต้องห้ามแล้ว

หากเซี่ยเหยียนรู้เรื่องนี้ นางก็คงจะไปเก้าแดนต้องห้ามกับเมิ่งจีและไป๋มู่ด้วย

ที่เมิ่งจีและไป๋มู่ไม่ได้บอกเรื่องนี้กับเซี่ยเหยียน ก็เพราะนางเป็นคนที่อยู่ใกล้ชิดกับท่านเซียน การไปยังเก้าแดนต้องห้ามไม่ใช่เรื่องเล็ก หากไม่ได้รับคำยินยอมจากท่านเซียน พวกเขาก็ไม่กล้าขอให้คนใกล้ชิดท่านเซียนมาช่วยเหลือง่าย ๆ

ไม่เช่นนั้นเมิ่งจีก็คงจะเรียกให้สือเฟิงกับประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนมาด้วยแล้ว

ทั้งสือเฟิงกับประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนต่างก็ได้รับคำชี้แนะจากท่านเซียน ได้รับประโยชน์เป็นอย่างมาก ความแข็งแกร่งของพวกเขาไม่อาจดูแคลนได้

“ตกลง!”

อันหลานเสวี่ยพยักหน้า จากนั้นก็พากันก้าวขึ้นไปบนค่ายกลเคลื่อนย้ายกับพวกอ้ายฉาน จากสถานที่แห่งนี้ไป

ใช้เวลาเพียงไม่นานพวกเขาก็มาถึงด้านในตระกูลไป๋

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท