หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting – บทที่ 1237 เมล็ดเต๋าธาตุน้ำ!

บทที่ 1237 เมล็ดเต๋าธาตุน้ำ!
หากการต่อสู้ระหว่างหวังเป่าเล่อกับจักรพรรดิสวรรค์ตี้ซานเป็นศึกสู่เทพเจ้า เช่นนั้นศึกที่เขามาสังหารปรมาจารย์เต๋าเก้ารัฐได้ทั้งๆ ที่ห้าสำนักใหญ่ร่วมมือกันและทำให้ห้าสำนักยอมจำนน ก็เป็นศึกสู่จักรพรรดิ!!
จักรพรรดิแห่งเต๋าฝั่งซ้าย!
ขณะนี้ ภายในจักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แห่งเต๋าฝั่งซ้ายอันกว้างใหญ่ จึงไม่มีเสียงคัดค้อนหวังเป่าเล่ออีกต่อไป
ขณะนี้ ภายในจักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แห่งเต๋าฝั่งซ้ายอันกว้างใหญ่ หมื่นตระกูล สำนักอีกนับไปถ้วน และอารยธรรมทั้งหลาย ล้วนแล้วแต่ถือเอาหวังเป่าเล่อเป็น…จักรพรรดิ!
สี่สำนักใหญ่เป็นผู้ตอบรับกลุ่มแรกและเริ่มเดินทางมาสักการะ จากนั้นก็เป็นเต๋าเก้ารัฐ…หลังจากปรมาจารย์เฒ่าแตกดับไปแล้ว ถ้าหากพวกเขาคิดจะมีชีวิตอยู่ต่อไป เช่นนั้นก็จะต้องก้มหน้าต่ำ และเต๋าเก้ารัฐ…ก็ไม่มีสิทธิ์จะเงยหน้าขึ้นด้วย ดังนั้นหลังจากหวังเป่าเล่อจากไปแล้ว บุคคลระดับสูงที่เหลืออยู่ในเต๋าเก้ารัฐก็มีท่าทีเหมือนกันอย่างรวดเร็ว พวกเขาก้มหัวลงไปทาง…ระบบสุริยะ สหพันธรัฐ หวังเป่าเล่อ!
ขณะเดียวกันเต๋าเก้ารัฐก็เป็นพวกแรกในห้าสำนัก…ที่เสนอตัวจะผสานดาราจักรของตนเข้าไปในระบบสุริยะก่อน แม้ว่าจะเป็นเรื่องที่ต้องดำเนินการอยู่แล้ว แต่ก็มองออกได้ว่าผู้มีอำนาจของเต๋าเก้ารัฐมีทัศนคติเที่ยงตรงอย่างยิ่งจริงๆ
เมื่อสี่สำนักเห็นเช่นนี้ก็พากันร้องขอสิ่งนี้ออกมาเช่นกัน…
ระบบสุริยะในปัจจุบันไม่ใช่สิ่งที่สำนักหรือตระกูลใดจะสามารถเข้าร่วมได้ และก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ…เมื่อได้รับคำขอในเรื่องเหล่านี้ หวังเป่าเล่อไม่ได้ให้ความสนใจ เขามอบให้ผู้นำสหพันธรัฐอู๋เมิ่งหลิงเป็นคนจัดการ
ส่วนทางอู๋เมิ่งหลิงนั้น แม้ว่าพลังฝึกตนของเขาจะไม่เพียงพอ แต่ทักษะของเขาสูงอย่างยิ่ง ทำให้ผู้มาเยือนจากห้าสำนักไม่ได้รับประโยชน์เพิ่มเติมแม้แต่น้อยเมื่ออยู่ต่อหน้าเขา แต่เขาก็เป็นที่ยอมรับทางจิตใจด้วย ถึงขั้นมีผู้ฝึกตนหญิงสองสามคนที่อยู่ระดับจักรพิภพมีความสุขอย่างมากตอนที่คบหาพูดคุยกับอู๋เมิ่งหลิง
เมื่อเป็นเช่นนี้ การพัฒนาของทั้งสหพันธรัฐของระบบสุริยะจึงดำเนินไปอย่างราบรื่นอย่างยิ่ง ส่วนทางอู๋เมิ่งหลิงก็มองหวังเป่าเล่อเป็นลูกเขยบ้านตนตั้งนานแล้ว ดังนั้นทั้งหมดนี้จึงพิจารณาถึงความต้องการของหวังเป่าเล่อเป็นอันดับแรก
เมื่อหวังเป่าเล่อกลับมาและศึกษาหยดน้ำตาหยดนั้น เขาก็เสนอว่าอยากจะให้โรงหล่อของสำนักและตระกูลทั้งหลายหล่อของอย่างที่เขาต้องการให้สำเร็จ อู๋เมิ่งหลิงก็จัดการเรื่องนี้ให้ทันที ทั้งเขายังมีฐานะเป็นองค์ประกอบแรกในการประเมินเพื่อเข้าร่วมสหพันธรัฐด้วย
และหวังเป่าเล่อก็ไม่กังวลว่าจะมีคนมองเห็นถึงเบาะแสผ่านโรงหล่อพวกนั้นด้วย เพราะแก่นของมันอยู่ที่เขา สิ่งที่สำนักและตระกูลทั้งหมดต้องทำมีเพียงให้ความช่วยเหลือเท่านั้น แม้ว่าพวกเขาจะต่อลมหายใจให้กันและกัน แต่สุดท้ายก็ไม่มีทางฟื้นตัวกลับมาได้
ดังนั้นในไม่ช้า นักหลอมอาวุธเวททั้งหมดภายในตระกูลและสำนักทั่วทั้งจักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แห่งเต๋าฝั่งซ้ายก็เริ่มยุ่งง่วน ตราอักขระกึ่งสำเร็จรูปจำนวนมากจึงถูกส่งไปอยู่ตรงหน้าหวังเป่าเล่อในดาวอังคาร
ขณะเดียวกัน…จากความรุ่งโรจน์ของระบบสุริยะภายในจักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แห่งเต๋าฝั่งซ้ายนั้น สำนักเสริมก็ดี จักรพิภพใจกลางไม่รู้สิ้นก็ช่าง ล้วนไม่ได้เหยียบย่างเข้ามาในเต๋าฝั่งซ้ายแม้แต่นิด ถึงขั้นที่แม้แต่คำสั่งสงคราม…ก็ไม่ได้ส่งต่อมาด้วย
สิ่งนี้ทำให้สถานะของหวังเป่าเล่อในจักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แห่งเต๋าฝั่งซ้ายมั่นคงยิ่งกว่าเดิม ทั้งยังทำให้ผู้คนรู้สึกหวาดกลัวรุนแรงยิ่งขึ้น ดังนั้น…ระบบสุริยะจึงเปลี่ยนแปลงไปอย่างคึกคักเหลือแสน มีสำนักและตระกูลของจักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แห่งเต๋าฝั่งซ้ายจำนวนมากเดินทางมาคารวะแทบจะทุกวัน
ส่วนเครือข่ายความสัมพันธ์ของหวังเป่าเล่อก็ยากจะปกปิดเป็นความลับได้ จึงถูกสำนักเหล่านี้รู้เข้า ดังนั้นสำนักวิชาเต๋าศักดิ์สิทธิ์จึงกลายเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ในหมู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ พร้อมกันนั้นนครศักดิ์สิทธิ์ก็เช่นเดียวกัน
และยังมีเจ้าเยี่ยเหมิงกับโจวเสี่ยวหยาที่ยิ่งทำให้สำนักตระกูลเหล่านี้บ้าคลั่ง ต่างพากันไปเยี่ยมเยียนและส่งของขวัญใหญ่ ไม่ร้องขออย่างอื่น เพียงให้รู้สึกคุ้นตา
สำหรับเรื่องพวกนี้ เจ้าเยี่ยเหมิงรู้สึกเบื่อหน่ายเล็กน้อย จึงกักตนเสียเลย แต่ทางด้านโจวเสี่ยวหยากลับแสดงความสามารถที่แต่ก่อนไม่เคยมีออกมา ด้านการจัดการเรื่องเหล่านี้นางกลับมีระเบียบดียิ่ง มีของขวัญมอบกลับให้แก่ผู้มาเยือน ทำให้แม้ว่าผู้มาเยือนจะไม่ได้พบนาง แต่ก็จากไปอย่างซาบซึ้งใจอย่างยิ่ง
เป็นเช่นนี้ ขณะที่สหพันธรัฐหมุนเวียนเปลี่ยนผัน ด้วยความช่วยเหลือของอารยธรรมดวงเนตรสววรค์และอารยธรรมครามทองคำ และเมื่อคำร้องขอของอารยธรรมหลายต่อหลายแห่งได้รับการอนุมัติ ระบบสุริยะจึงถูกเรียกว่าดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ไม่จำเป็นต้องให้ใครอื่นมาให้การยอมรับแล้ว
ถ้าหากที่นี่ไม่ใช่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ เช่นนั้นในเต๋าฝั่งซ้ายตอนนี้ก็ไม่มีดินแดนศักดิ์สิทธิ์แล้ว
ส่วนทางหวังเป่าเล่อก็นับว่าเข้าสู่ช่วงกักตนอีกครั้ง เมื่อศึกษาหยดน้ำหยดนั้นอย่างต่อเนื่อง หวังเป่าเล่อก็ยิ่งแน่ใจว่า…นี่คือหยดน้ำตาหนึ่งหยด!
เพราะทุกครั้งที่เขาใส่สัมผัสสวรรค์เข้าไปก็จะสัมผัสได้ถึงความรู้สึกพิเศษบางอย่าง คล้ายเศร้าโศกคล้ายดีใจ แต่ท้ายที่สุดก็เหมือนความว่างเปล่า ไม่ดีใจไม่เศร้าโศก ราบเรียบเงียบสงบยิ่ง
“นี่เป็นหยดน้ำตาที่ไหลมาจาก…สิ่งมีชีวิตสูงสุดแบบไหนกัน” แววตาของหวังเป่าเล่อเผยประกายแสงแปลกประหลาด เขาสัมผัสได้ว่าภายในหยดน้ำตาหยดนี้แฝงไว้ซึ่งพลังชีวิตอันเข้มข้น ยิ่งมีความหมกมุ่นยึดติด ราวกับ…เป็นน้ำตาแห่งความรัก
ตามการวิเคราะห์ของเขา น้ำตาที่เหมือนกับสารัตถะเช่นนี้น่าจะไม่ได้มีแค่หยดเดียว แต่ยากจะมีเกินกว่าสามหยด และในทุกหยดก็ต้องแฝงไว้ซึ่งกระแสเต๋าไร้ที่สิ้นสุด
“เป็นของจากโลกภายนอกอีกหรือ…” หวังเป่าเล่อก้มหน้ามองดูน้ำตาที่กลางฝ่ามือ ขณะที่ครุ่นคิดอยู่นั้น จู่ๆ สีหน้าของเขาก็ขยับไหว เขารู้สึกว่าบนตัวเขามีของบางอย่างที่เหมือนกัน ตอนนี้ก็คล้ายจะแผ่คลื่นความผันผวนออกมา
หลังจากตรวจสอบตามคลื่นผันผวนนั้น สายตาของหวังเป่าเล่อก็เผยความสับสนงงงวย เขาหยิบต้นเหตุของคลื่นผันผวนนั้นออกมา มันคือขวดเล็กๆ ใบหนึ่ง…ขวดปรารถนา!
ขณะนี้ขวดปรารถนาสั่นสะเทือนด้วยตัวมันเอง แต่กลับไม่มีความร้อนไหลออกมาเหมือนอธิษฐานขอพร ความรู้สึกที่มอบให้หวังเป่าเล่อราวกับว่า…เรื่องราวที่แฝงอยู่ในขวดเล็กใบนี้คล้ายจะมีเหตุต้นผลกรรมกับหยดน้ำตาหยดนี้
ขณะที่หวังเป่าเล่อหรี่ตาลง เขาก็คล้ายจะได้ยินเสียงแผ่วเบาดังออกมาจากขวดใบเล็กได้รางๆ
“ที่แท้ น้ำตาหยดที่สามก็อยู่ที่นี่…”
หวังเป่าเล่อหรี่ตาลงแล้วลุกขึ้นมาทันที เขาคำนับไปให้กับขวดปรารถนา
“คารวะผู้อาวุโส”
เขาจำเสียงนี้ได้ ที่ก้นแม่น้ำแห่งความมืด เขาติดหนี้บุญุคณ…อีกฝ่าย
“ใช้น้ำตานี้ให้เป็นประโยชน์…นับว่าเจ้าได้ตอบแทนบุญคุณแล้ว” เนิ่นนาน เสียงภายในขวดปรารถนาก็ดังออกมาอย่างแผ่วเบาแล้วค่อยๆ สลายหายไป
สีหน้าของหวังเป่าเล่อเคร่งขรึม เขากอบหมัดคำนับอีกครั้ง
จากนั้นก็เก็บขวดปรารถนาขึ้นมาแล้วมองไปยังน้ำตากลางฝ่ามือของเขาอีกครั้ง ประกายแปลกประหลาดในแววตาของเขาเข้มข้นยิ่งขึ้น แม้จะไม่รู้ที่มาของของสิ่งนี้ แต่เขาก็เข้าใจแล้วว่า น้ำตาหยดนี้…ไม่ธรรมดา
“ยังมีหุ่นศพนั่น…” ดวงตาของหวังเป่าเล่อฉายแววครุ่นคิด หุ่นศพตนนั้นเคยปรากฏขึ้นบนสนามรบที่เต๋าเก้ารัฐ ไม่มีจุดไหนน่าสงสัย ดังนั้นความน่าจะเป็นน้อยสุดคือตัวของมันมีความแปลกประหลาด ความน่าจะเป็นมากสุดคือตอนที่อีกฝ่ายมีชีวิตอยู่ก็ได้รับน้ำตาหยดนี้มาแล้วผสานเข้าไปในตัว เพื่อพยายามดูดซับพลังชีวิตให้ตนฟื้นคืนชีพขึ้นมา
แต่ท้ายที่สุดแล้ว…ภายใต้เหตุผลมากมาย เขาก็ยังล้มเหลว
ส่วนที่ว่ารายละเอียดเป็นอย่างไรนั้นหวังเป่าเล่อไม่รู้ และมันไม่ใช่จุดสำคัญที่เขาต้องให้ความสนใจในตอนนี้ด้วย ดังนั้นไม่นานเขาก็ถอนความคิดกลับมาแล้วผนึกมุทรา ตราประทับกึ่งสำเร็จรูปที่นักหลอมอาวุธเวทจากสำนักตระกูลในจักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แห่งเต๋าฝั่งซ้ายหลอมขึ้นก็ถูกเขานำออกมา จากนั้นจึงเริ่มการหลอมกลั่นธาตุน้ำ!
การหลอมกลั่นครั้งนี้ยากลำบากมาก ดังนั้นตราประทับจึงต้องมีจึงมีจำนวนมากจนน่าตกใจ แต่ทุกครั้งที่ล้มเหลวก็จะสร้างความเสียหายบางอย่างให้กับหยดน้ำตา ถึงแม้ของสิ่งนี้จะไม่ธรรมดา แต่ถึงอย่างไร…มันก็ยังไม่ดีเท่าร่างจริงของเขา
และหลังจากล้มเหลวไปสามครั้ง หวังเป่าเล่อก็หยิบขวดปรารถนาออกมาแล้ววางไว้ข้างๆ จากนั้นจึงอธิษฐานมันตรงๆ เสียเลย
“ข้าขออธิษฐาน แม้ว่าการหลอมกลั่นของสิ่งนี้จะล้มเหลวก็จะไม่ทำให้ของสิ่งนี้เสียหาย!”
เขาไม่ได้อธิษฐานให้ทำสำเร็จตรงๆ เพราะความเป็นไปได้ของเรื่องนี้มีไม่มาก อีกทั้งยังมีทัศนคติไม่มั่นใจอยู่สักหน่อย ดังนั้นเขาจึงไม่อยากลอง และเนื่องจากเขารู้ว่าการอธิษฐานไม่ให้ของสิ่งนี้เสียหายจะต้องสำเร็จอย่างแน่นอน และนั่นคือทัศนคติของเขาเช่นกัน
ความจริงปรากฏเป็นเช่นนี้จริงๆ หลังจากหวังเป่าเล่ออธิษฐานแล้ว ขวดปรารถนาก็เงียบลงครู่หนึ่งแล้วแผ่ไอร้อนออกมา มันแพร่กระจายไปรอบตัวหยดน้ำตา เมื่อเห็นเช่นนี้ หวังเป่าเล่อก็กระแอมไอหนึ่งที รู้ว่านี่นับว่าเป็นกลอุบายอย่างหนึ่ง ดังนั้นจึงลุกขึ้นคำนับแล้วหลอมต่อ
ก็เป็นเช่นนี้ เมื่อเวลาผันผ่านไป ภายใต้ความช่วยเหลือของผู้ฝึกตนนับไม่ถ้วนทั่วทั้งจักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แห่งเต๋าฝั่งซ้ายและท่ามกลางตราประทับจำนวนมหาศาลที่ถูกส่งมาให้ไม่หยุดนี้ หวังเป่าเล่อล้มเหลวไปหลายสิบครั้ง ในที่สุดหลังผ่านมาสามเดือน…เขาก็ทำให้ตราประทับนับพันนับหมื่นหลอมเข้าไปในหยดน้ำตาได้ ทำให้หยดน้ำตานี้มีประกายแสงสว่างไสวในพริบตา แล้วกลายเป็น…เมล็ดที่บรรจุเต๋าธาตุน้ำเอาไว้!
ทันใดนั้น ทั่วทั้งจักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แห่งเต๋าฝั่งซ้ายก็ส่งเสียงสะเทือนเลื่อนลั่น ขอเพียงเป็นเต๋าที่เกี่ยวข้องกับน้ำล้วนแต่สั่นสะเทือนทั้งหมด เต๋าสวรรค์ไม่รู้สิ้นก็ยิ่งร้องคร่ำครวญออกมาอย่างชัดเจน อำนาจของน้ำในร่างมันถูกชิงไป…โดยภายในจักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แห่งเต๋าฝั่งซ้าย!
……………………………
หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting

Status: Ongoing

เรื่อง : หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา (三寸人间)ผู้เขียน : เอ่อร์เกิน (耳根) ผู้แปล : Thunderbird Translators ค.ศ. 3029 วิทยาการบนโลกมนุษย์พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว จนแต่ละประเทศไม่มีเขตพรมแดนกั้นอีกต่อไป โลกได้ผสานรวมกลายเป็นหนึ่งเดียว เริ่มต้นยุคสมัยแห่งสหพันธรัฐ ตอนนั้นเอง กระบี่ยักษ์เล่มหนึ่งตกลงมาจากห้วงอวกาศ ปักเข้าใจกลาง ดวงอาทิตย์ ฝักกระบี่แตกออกเป็นเศษชิ้นส่วนจำนวนมาก กระจัดกระจายไปทั่ว ทั้งจักรวาลรวมถึงบนโลก และก่อให้เกิดแหล่งพลังงานรูปแบบใหม่อันไร้ขีดจำกัด พลังงานนี้มีชื่อเรียกกันว่า ปราณวิญญาณ ‘หวังเป่าเล่อ’ หนุ่มร่างท้วมผู้ทะเยอทะยาน ใฝ่ฝันจะได้เป็นผู้นำสหพันธรัฐ ด้วยหวังว่าจะไม่มีใครมารังแกเขาได้อีกต่อไป และเมื่อเดินทางเข้ามาศึกษาใน สำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ใช้ความรู้เหล่านั้นบวกกับความหน้าหนาหน้าทน ของตัวเอง วางกลยุทธ์อันฉลาดล้ำกำราบศัตรูคนแล้วคนเล่า ใครหน้าไหนก็ไม่อาจมาขัดขวางเส้นทางสู่การเป็นหนึ่งในใต้หล้าของชายอ้วนผู้นี้ได้ เว้นเสียแต่คำสาปประจำตระกูล ที่บอกไว้ว่าหวังเป่าเล่อจะต้องตาย หากเขาไม่ผอมลงก่อนอายุสามสิบปี ในเมื่อบรรพบุรุษร่างจ้ำม่ำมายืนรอให้เขาไปอยู่ด้วยขนาดนี้ ชายหนุ่มจึงต้องทั้งฝึกตนและลดน้ำหนักไปพร้อมๆ กัน!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท