รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 467 ปีติยินดี ท่านบรรพชนมาทันเวลา!

บทที่ 467 ปีติยินดี ท่านบรรพชนมาทันเวลา!

บทที่ 467 ปีติยินดี ท่านบรรพชนมาทันเวลา!

ยืมของวิเศษรึ?

ไปยืมย่าแกเถอะ!

เมื่อจ้าวสมุทรได้ยินคำว่ายืมของวิเศษก็ต้องพิโรธ อย่าให้พูดเลยว่าหงุดหงิดใจเพียงใด

บัด…ซบ!

คราวก่อนหลิงอินมายืมของวิเศษ ดูสิว่าเขาต้องตกอยู่ในสภาพอเนจอนาถปานใด ยังจะมากันอีกหรือ?

“ยืมของวิเศษรึ? ได้ ไม่มีปัญหา”

เขาคลี่ยิ้ม พอดีเลย เขาอั้นความโมโหอยู่เต็มอก ไม่มีที่ให้ระบาย ในเมื่อเจ้าพวกตรงหน้านี้มีตาหามีแววไม่ บังอาจกำเริบสืบสานในทะเลต้องห้ามของเขา เช่นนั้นเขาขอระบายความโมโหในใจใส่เจ้าพวกนี้หน่อยแล้วกัน!

ราบรื่นเพียงนี้เชียว?

คำตอบของจ้าวสมุทรเหนือความคาดหมายของไป๋มู่ เมิ่งจี และคนอื่น ๆ อย่างสิ้นเชิง

“เพียงแต่ พวกเจ้าต้องเอาชีวิตมาให้ข้ายืมก่อน ให้ข้าได้ระบายความโกรธเกรี้ยวในใจ!”

สายตาจ้าวสมุทรเปล่งประกายดุดัน ต่อว่าเสียงดัง “ไอ้พวก…เวร ไม่สำเหนียกตนหน่อยหรือว่าอยู่ในระดับใด บังอาจมาขอยืมของวิเศษที่ทะเลต้องห้ามของข้า วันนี้พวกเจ้าต้องตายอยู่ที่นี่ให้หมด!”

หลิงอินมายืมของวิเศษไม่เท่าไร นางมีความสามารถมากพอ!

แต่เจ้าพวกตรงหน้านี้อย่างเก่งสุดก็แค่ตี้จวิน ยังหาญกล้าย่างกรายเข้ามาในทะเลต้องห้ามของเขาอีกหรือ

บ้าเอ๊ย!

ถึงแม้ทะเลต้องห้ามจะเหลือเขาอยู่เพียงคนเดียว แต่ยังไม่ถึงขั้นที่ผู้ใดก็เข้ามารังแกได้!

เมิ่งจีสบตาไป๋มู่ พวกเขาก็ว่าอยู่ เป็นไปได้อย่างไรที่ทะเลต้องห้ามจะว่าง่ายปานนี้

“ของวิเศษที่ยืมไปพวกเราต้องเอามาคืนให้! ขืนรอจนสิ่งมีชีวิตจากอาณาจักรเทียนหยวนบุกเข้ามา ทุกอย่างคงสายเกินแก้แล้ว!”

ไป๋มู่กล่าวต่อ

“น่าขัน ทะเลต้องห้ามของข้าต้องกลัวอาณาจักรเทียนหยวนด้วยหรือ”

จ้าวสมุทรขำพรืด “อย่าได้เหมารวมทะเลต้องห้ามของข้ากับพวกเจ้า!”

อาณาจักรเทียนหยวนเล็ก ๆ แค่นั้น เป็นเพียงอาณาจักรระดับกลาง เมื่ออยู่ต่อหน้าอาณาจักรต้องห้ามอย่างพวกเขา อาณาจักรเทียนหยวนก็เป็นเหมือนแมลงตัวน้อยเท่านั้น

“ท่านเคยได้ยินแดนมรณาหรือไม่ เบื้องหลังของอาณาจักรเทียนหยวนคือแดนมรณา…”

เวลานั้น เมิ่งจีซึ่งเงียบมาตลอดเอ่ยขึ้น

“แดนมรณา!”

นัยน์ตาจ้าวสมุทรไหวระริก สีหน้าเปลี่ยนแปลงไป

เขาเคยได้ยินชื่อแดนมรณา

นี่เป็นกองกำลังลึกลับสุดขีด ไม่มีผู้ใดรู้ว่าพวกมันอยู่ที่ใด และไม่มีผู้ใดรู้ประวัติความเป็นมาของพวกมัน แม้กระทั่งทะเลต้องห้ามอย่างพวกเขายังรู้เพียงน้อยนิด

พวกเขารู้แค่ว่ามีกองกำลังอย่างแดนมรณาดำรงอยู่ ซ้ำยังน่าประหวั่นพรั่นพรึงมากอีกด้วย ต่อให้เป็นทะเลต้องห้ามอย่างพวกเขายังมิกล้ายุ่งด้วย

แดนมรณาเคยปรากฏตัวครั้งหนึ่ง เพื่อแย่งชิงสมบัติวิเศษยอดศาสตราชิ้นหนึ่ง

ว่ากันว่า ยอดศาสตรานั้นเหมือนจะเป็นอาวุธเซียน มันร่วงหล่นลงมาในจักรวาลผืนนี้ ก่อนจะกลายเป็นที่แย่งชิงของสิ่งมีชีวิตจากอาณาจักรนับพันนับหมื่น

ตัวตนโบราณทรงพลังมากมายปรากฏกาย เข้าต่อสู้ห้ำหั่นเพื่อยอดศาสตราชิ้นนั้น กำลังรบชั้นยอดของพวกเขาทะเลต้องห้ามก็ร่วมวงด้วย

การแย่งชิงครานั้น สู้กันจนจักรวาลแทบถล่ม อนิจจา มิมีผู้ใดได้ยอดศาสตราชิ้นนั้นไป

ก่อนหน้านี้ พวกเขาทั้งหมดล้วนมิเคยรับรู้ถึงการมีอยู่ของแดนมรณา

เบื้องหลังของอาณาจักรเทียนหยวนคือแดนมรณาหรือ!

คิดแล้วคงใช่ หากอาณาจักรเทียนหยวนไม่มีกองกำลังใดอยู่เบื้องหลัง ไฉนเลยจะกล้าหมายตาอาณาจักรแห่งนี้

เบื้องลึกเบื้องหลังของอาณาจักรแห่งนี้มิใช่อะไรที่อาณาจักรระดับกลางเล็ก ๆ เช่นนั้นจะหมายหัวได้!

ทว่า เขาไม่มีทางให้ยืมของวิเศษเพียงเพราะเบื้องหลังของอาณาจักรเทียนหยวนคือแดนมรณา

น่าขัน หากเป็นกองกำลังจากแดนมรณาจริง ซ่อมรอยร้าวได้แล้วอย่างไร

อาณาจักรแห่งนี้มิสู้ในอดีต ต่อให้สมานรอยร้าวได้ จนพลังคุ้มกันสมบูรณ์ไร้รอยขีดข่วน ก็ไม่มีทางต้านทานแดนมรณาไหว!

“มัวพูดมากอยู่ได้! พวกเจ้าให้ข้ายืมชีวิตมาเล่นด้วยสักหน่อยเถิด!”

จ้าวสมุทรหัวเราะเสียงเย็น จิตสังหารพลุ่งพล่าน เปิดผนึกบนเกาะ!

ครืนคราน!

ผนึกบนเกาะเปิดออก เสียงระเบิดกึกก้องดังมาจากนภาไม่หยุดหย่อน พลังสยดสยองมากมายซัดสาด เสาแสงเชื่อมฟ้าส่องสว่างออกจากผนึก กลายเป็นค่ายกลมโหฬาร

“ที่นี่คือทะเลต้องห้าม เป็นสถานที่หวงห้ามสำหรับสิ่งมีชีวิตทั้งปวง!”

จ้าวสมุทรดีดตัวขึ้นมาอยู่บนผืนฟ้า สายตาจับจ้องไป๋มู่และมองลงไปอย่างผู้เหนือกว่า

ส่วนพวกเมิ่งจีนั้นถูกเขามองข้ามไปโดยปริยาย

ไป๋มู่คือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด ขอเพียงจัดการไป๋มู่ได้ พวกเมิ่งจีก็เหมือนลูกไก่ในกำมือเขา มิใช่คู่ต่อสู้ของเขาสักนิด

“เฮ้อ สุดท้ายก็ต้องสู้กันหรือ”

เมิ่งจีถอนหายใจ ก่อนจะหันมองพวกอ้ายฉาน “พวกเจ้าใครอยากสู้”

“ข้า ๆๆๆ!”

“ข้าเอง!”

พวกอ้ายฉานแย่งกันอยากสู้ ต่างพากันแสดงตนว่าอยากออกโรง

จ้าวสมุทรบนท้องฟ้าผงะ หมายความว่าอย่างไรกัน?

หรือว่าผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดมิใช่ไป๋มู่ หากแต่เป็นเด็กเหล่านี้?

จะเป็นไปได้อย่างไร!

“ข้าเอง!”

อ้ายฉานเป็นพี่ใหญ่ มีบารมีพอสมควรในหมู่เด็ก ๆ นางเอ่ยว่า “หลังจากนี้เรายังต้องไปแดนต้องห้ามแห่งอื่น พวกเจ้ามีโอกาสออกโรงแน่นอน หนนี้ให้ข้าลงมือเถิด”

“ได้”

“เราเชื่อที่พี่อ้ายฉานบอก!”

พวกจู้จื่อพากันถอยหลัง

ตุ๊กตาฉีเทียนต้าเซิ่งที่ท่านเซียนให้นางมาทรงพลังเพียงใด?

อ้ายฉานตั้งตารอมาก นี่ก็เป็นเหตุผลที่พวกเขาแย่งกันลงมือ พวกเขาต่างอยากรู้ว่าของเล่นที่ท่านเซียนมอบให้พวกเขาจะแกร่งกล้าปานใด

จากนั้น อ้ายฉานเรียกตุ๊กตาฉีเทียนต้าเซิ่งที่ท่านเซียนมอบให้ออกมา

ตุ๊กตาดินปั้นงั้นหรือ!?

ล้อกันเล่นหรือไร!?

มุมปากจ้าวสมุทรกระตุก คิดไม่ถึงเลยว่าอ้ายฉานจะเรียกตุ๊กตาดินปั้นออกมาต่อสู้ เป็นแค่เด็กจริง ๆ นั่นแหละ!

ทว่าไม่นาน สีหน้าเขาก็เปลี่ยนไป

บนตุ๊กตาดินปั้นที่เขาไม่เห็นในสายตา มีจังหวะแห่งเต๋าสูงส่งไหลเวียนอยู่ทั่ว ซ้ำยังมีพลังสยดสยองเกินจินตนาการซัดสาด นี่มัน…นี่มันใช่ตุ๊กตาของเล่นที่ไหน เป็นอาวุธทำลายล้างชิ้นหนึ่งชัด ๆ!

บัด…ซบ!

คนกลุ่มนี้คงมิใช่ว่าเป็นพรรคพวกของหลิงอินกระมัง!

ฉินและคันศรของหลิงอินมีจังหวะแห่งเต๋าสูงส่งเช่นเดียวกันนี้ไหลเวียนอยู่!

แม่เจ้า เหตุใดข้าถึงอาภัพเยี่ยงนี้!

จ้าวสมุทรร่ำไห้ กระนั้นก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะพลังของตุ๊กตาปะทุออกมาเต็มรูปแบบ!

ตุ๊กตาดินปั้นตัวนั้นราวกับมีชีวิต ส่องแสงเจิดจ้าออกมามากมาย ตุ๊กตาดินปั้นที่เคยมีขนาดเท่าฝ่ามือ ขยายใหญ่ในพริบตา วานรในชุดเกราะสีทอง ประดับรัดเกล้าสีทองบนหัว มือถือกระบองยาวเล่มหนึ่งปรากฏออกมา!

“ต้าเซิ่ง!”

อ้ายฉานร้องเรียกเสียงตื้นตัน ต้าเซิ่งคือตัวละครไซอิ๋วที่นางเลื่อมใสที่สุด!

ตู้ม!

ต้าเซิ่งคล้ายว่าถูกชุบชีวิต ดวงตาสองข้างเปล่งประกายจรัส ลำแสงชวนผวาพวยพุ่งออกมาสองลำ นี่คือเนตรอัคคี!

ต้าเซิ่งหวดกระบองทองสารพัดนึก เหวี่ยงไปที่จ้าวสมุทร อย่าให้พูดเลยว่าดุดันขนาดไหน ราวกับกระบองนั้นพร้อมทำลายราบคาบทั้งสวรรค์!

“แม่เจ้า!”

จ้าวสมุทรตกใจจนลนลานไปหมด รีบปล่อยพลังผนึกปะทุ

ทว่า เมื่ออยู่ต่อหน้ากระบองทองสารพัดนึก พลังผนึกนั้นกลับสู้ไม่ได้เลย!

กระบองทองสารพัดนึกฟาดลงมา พลังผนึกถูกบดขยี้ในพริบตา บังเกิดเสียงระเบิดดังก้องไปทั่วเกาะ แล้วพื้นที่เกาะก็แตกออกเป็นเสี่ยง ๆ

พรวด พรวด พรวด!

จ้าวสมุทรกระอักเลือดไม่หยุด ร่างล้มกระแทกลงพื้นอย่างแรง แทบสิ้นลมหายใจตรงนั้น

ทว่า เทียบกับความเจ็บปวดที่ตัว เขาเจ็บปวดที่ใจมากกว่า!

ครั้งนี้ถูกทำลายหนักกว่าครั้งก่อนเสียอีก!

ทว่าตอนนั้นเอง จู่ ๆ เขาก็หัวเราะร่วน

“พวกเจ้าโอหังนักหรือ! ไอ้…บ้า ก่อนนี้มีหลิงอันเข้ามารังแกทะเลต้องห้ามของข้า ต่อมายังมีคนอย่างพวกเจ้าเข้ามาข่มเหงทะเลต้องห้ามของข้า! เวรเอ๊ย คิดจริงหรือว่าทะเลต้องห้ามของเราปวกเปียกจนพวกเจ้าบดขยี้ได้ตามใจชอบ?”

จ้าวสมุทรหัวเราะเสียงเหี้ยม “ท่านบรรพชนในอาณาจักรของข้ามาแล้ว หนนี้พวกเจ้าได้เห็นดีแน่! พวกเจ้าต้องตาย หลิงอินก็ต้องตาย!”

เขาปีติยินดีเป็นอย่างยิ่ง ในที่สุดด้านทางเชื่อมก็มีวี่แววขึ้นมา ท่านบรรพชนมาแล้ว!

ก่อนหน้านี้คราวหลิงอินมาเยือน ท่านบรรพชนจากอาณาจักรของเขามาไม่ทัน หนนี้ท่านบรรพชนจากอาณาจักรของเขามาทันเวลาแล้ว!

ฮ่า ๆ!

ทะเลต้องห้ามดวงซวยมานานขนาดนี้ ในที่สุดก็ถึงตาทะเลต้องห้ามของเขาได้ลืมตาอ้าปากแล้ว!

เจ้าพวกนี้ รวมถึงหลิงอิน ล้วนต้องชดใช้!

ฮึ่ม จ้าวสมุทรอย่างเขาสิถึงจะเป็นผู้กำหนด!

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน